......คุณอาจเคยได้ยินว่าเด็กทารกแรกเกิดวัน ๆ ไม่ทำอะไร
นอกจากกิน ขับถ่าย ร้องไห้ และนอน 
ฟังดูเป็นเรื่องง่าย ๆ สินะ? 
ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องง่ายได้ 
แต่ในตอนแรกอะไร ๆ ก็ดูไม่ง่ายเลย 
การได้รู้ว่าทารกเกิดใหม่เป็นอย่างไร
และคุณต้องทำอะไรบ้าง
จะช่วยให้วันแรกที่บ้านกับทารกแรกเกิดตัวน้อย
เป็นเรื่องยุ่งยากน้อยลงได้
...เนื่องจากทารกแรกเกิดมีกระเพาะอาหารที่เล็กมาก 
ลูกจึงดื่มนมได้เพียงปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น 
คือ ประมาณ 30-90 มิลลิลิตร แต่ต้องดื่มบ่อย ๆ 
เด็กบางคนอาจต้องดูดนมจากแม่หรือจากขวดทุก ๆ สองหรือสามชั่วโมง 
เด็กคนอื่น ๆ อาจหิวบ่อยกว่านั้น
....เด็กบางคนป่าวประกาศความหิวของตัวเองโดยการร้องไห้จ้า 
บางคนให้คำใบ้อย่างเงียบ ๆ เช่น การดูดมือ การตีริมฝีปาก 
การไซ้หาซึ่งก็คือการอ้าปากพร้อมทำริมฝีปากเป็นวงกลมแล้วหันหัวไปหาเต้านมหรือขวดนม
....ในช่วงวันแรก ๆ ทารกแรกเกิดโดยทั่วไป
จะสูญเสียน้ำหนักราวร้อยละ 7 ของน้ำหนักตัวทั้งหมด 
สิ่งนี้เป็นเรื่องปกติ 
คุณควรให้นมลูกทุก ๆ สองชั่วโมงโดยประมาณ
จนกว่าลูกจะมีน้ำหนักกลับมาเป็นปกติเหมือนตอนแรกคลอด
....ทารกแรกเกิดขี้เซา คุณอาจต้องปลุกลูกขึ้นมาเพื่อดูดนม

และคอยกระตุ้นอย่างอ่อนโยนให้ลูกตื่นระหว่างดูดนม 
ลองถอดเสื้อผ้าลูกออกจนเหลือแต่ผ้าอ้อม 
ลูบไล้ที่หัวหรือหลัง หรือพูดคุยกับลูก 
เป้าหมายคือให้ลูกกลับมามีน้ำหนักเท่ากับตอนแรกคลอดให้ได้เมื่อลูกเข้ารับการตรวจสุขภาพเมื่ออายุได้สองสัปดาห์
...
การเรอ การสะอึก และการแหวะนมของทารกแรกเกิด
ทารกแรกเกิดบางคนต้องทำให้เรอบ่อย ๆ 
แต่ทารกบางคนก็เรอได้เองและต้องการความช่วยเหลือจากพ่อแม่น้อยมาก 
หากลูกของคุณมีท่าทางไม่สบายตัวระหว่างหรือหลังการดูดนม 
นั่นเป็นสัญญาณบอกว่าคุณต้องทำให้ลูกเรอแล้วล่ะ
 ..ลองให้ลูกเรอระหว่างที่คุณเปลี่ยนเต้านมให้ลูกดูด
หลังจากที่ลูกดูดนมไปแล้วราว 60-90 มิลลิลิตร 
ทุก ๆ 10-15 นาทีของการดูดนม หรือเมื่อลูกดูดนมเสร็จแล้ว 
หลังจากที่ให้ลูกดูดนมไปแล้วหนึ่งหรือสองวัน 
คุณจะพบวิธีทำให้ลูกเรอที่เหมาะกับเจ้าตัวน้อยของคุณ
 ..คุณไม่จำเป็นต้องตบหลังลูกเหมือนตีกลอง 
การตบเบา ๆ อย่างอ่อนโยนวนเป็นวงกลมก็ช่วยทำให้ลูกเรอได้ 
มีท่าช่วยให้ลูกเรอท่าอื่น ๆ ให้ลองอีก 
รวมถึงการอุ้มลูกโดยให้ส่วนหัวพักอยู่บนไหล่ของคุณ 
ให้ลูกนั่งตัวตรงกับตักของคุณโดยใช้นิ้วของมือข้างหนึ่งรองรับอกและคางของลูกไว้ 
หรือการให้ลูกนอนคว่ำบนตักของคุณ
..อย่าตกใจเมื่อลูกสะอึกหรือแหวะนม 
การสะอึกเป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับทารกเกิดใหม่และไม่ได้ทำให้ลูกรู้สึกไม่สบายตัว 
การแหวะนมระหว่างและหลังจากการดูดนมในปริมาณเล็กน้อยหรือมีปริมาณเท่ากับนมที่ดูดเข้าไป
ก็ยังนับเป็นเรื่องค่อนข้างปกติเช่นเดียวกัน 
อย่าลืมผ้าไว้เช็ดปากลูกเสมอ
....
การปัสสาวะและอุจจาระ
ทารกแรกเกิดที่ดื่มนมแม่จะปัสสาวะรดผ้าอ้อมอย่างน้อยห้าครั้งต่อวัน 
ส่วนเด็กที่ดื่มนมผงอาจปัสสาวะบ่อยกว่านั้น อาจจะถึงสิบครั้งต่อวันก็ได้
 จำนวนครั้งที่ปกติสำหรับการขับถ่ายสำหรับเด็กแต่ละคนแตกต่างกันอยู่พอควร 
ทารกที่ดื่มนมแม่มักจะขับถ่ายมากกว่าเด็กที่ดื่มนมผงเนื่องจากนมผงต้องใช้เวลาย่อยนานกว่า 
แต่จำนวนครั้งของการขับถ่ายในหมู่เด็กที่ดื่มนมแม่เองก็แตกต่างกันอยู่มาก 
ตั้งแต่หนึ่งครั้งทุก ๆ สี่วันหรือมากกว่า ไปจนถึงทุกครั้งหลังดื่มนมแม่เลยก็มี
 เด็กที่ดื่มนมผงโดยทั่วไปแล้วขับถ่ายวันละสองหรือสามครั้ง 
แต่บางคนก็ขับถ่ายวันเว้นวัน บางคนก็ขับถ่ายวันละหลาย ๆ ครั้งก็มี
 คุณควรบันทึกจำนวนครั้งและเวลาที่ลูกปัสสาวะและอุจจาระ 
เนื่องจากคุณหมออาจสอบถามถึงลักษณะการขับถ่ายเมื่อคุณพาลูกไปตรวจสุขภาพครั้งแรก
..การขับถ่ายครั้งแรกมักเกิดขึ้นในช่วงวันแรกหรือวันที่สอง 
ซึ่งมักจะเป็นเวลาที่คุณยังอยู่ที่โรงพยาบาล 
อุจจาระที่ขับถ่ายออกมาครั้งแรกนี้เรียกว่า ขี้เทา 
ซึ่งมีสีดำและมีความข้นเหมือนน้ำมันดิน 
การขับถ่ายครั้งถัด ๆ มายังมีลักษณะห่างไกลจากอุจจาระของผู้ใหญ่อยู่มาก 
เตรียมใจรับอุจจาระสีออกเขียว ๆ น้ำตาลอ่อน 
หรือมีลักษณะเป็นเม็ด ๆ สีเหลืองเหมือนมัสตาร์ดไว้ได้เลยสำหรับเด็กทารกที่ดื่มนมแม่
..ส่วนอุจจาระของทารกที่ดื่มนมผงจะมีลักษณะซีดกว่าและมีหลากสี 
พาลูกไปพบคุณหมอหากในอุจจาระของลูกมีเมือกสีขาว มีแถบหรือจุดสีแดงปะปน 
เพราะสีแดงเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีเลือดปนในอุจจาระซึ่งอาจบ่งชี้ปัญหาได้
....
สีของอุจจาระบอกโรค
 ลักษณะความข้นของอุจจาระปกติก็แตกต่างกันตั้งแต่นุ่มมากไปจนถึงเป็นน้ำ 
ทารกที่ดื่มน้ำนมแม่จะมีลักษณะอุจจาระข้นน้อยกว่าซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจสับสนกับอาการท้องร่วงได้ 
คุณควรสังเกตว่าลักษณะ รูปแบบ หรือความข้นของอุจจาระลูกเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ 
แต่ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากเมื่อลูกกำลังเริ่มสร้างรูปแบบการขับถ่ายของตัวเอง 
หากคุณสงสัย คุณควรปรึกษาคุณหมอ
....ลูกของคุณจะร้องไห้ คุณไม่มีทางออกอะไรเลยสำหรับเรื่องนี้ 
เด็กร้องไห้บ่อย หนัก หรือนานแค่ไหนก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงและจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ
 ..สำหรับช่วงวันแรก ๆ ทารกแรกเกิดจะเงียบและนอนหลับเสียเป็นส่วนมาก 
แต่เมื่อทารกอายุได้สองสัปดาห์ ลูกจะร้องไห้ราวสองชั่วโมงต่อวัน 
(ลูกจะร้องไห้มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่จะค่อย ๆ ลดลงเมื่อมีอายุได้หกถึงแปดสัปดาห์)
 ..เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะเริ่มเข้าใจง่ายขึ้นเรื่อย ๆ ว่าทำไมลูกจึงร้องไห้ 
สาเหตุหลัก ๆ ก็มีผ้าอ้อมเลอะ หิว เหนื่อย รู้สึกไม่สบายตัว 
และคุณก็จะหาต้นตอของปัญหาเจอเอง 
ถ้ามิเช่นนั้นอาจมาจากการกระตุ้นเร้ามากเกินไป 
เด็กบางคนจะอารมณ์ไม่ดีเมื่ออยู่ท่ามกลางความเคลื่อนไหวพลุ่กพล่านหรือมากเกินไป
 แต่อย่างไรก็ตาม บางครั้งลูกก็ร้องไห้ขึ้นมาโดยไม่ได้มีสาเหตุชัดเจน 
คุณต้องค้นหาสิ่งที่จะช่วยบรรเทาให้ลูกรู้สึกดีขึ้นได้ 
จำไว้ว่า ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “การตามใจทารกแรกเกิด” 
ดังนั้นคุณควรตอบสนองต่อเสียงร้องไห้ด้วยความใส่ใจและความรัก
...หากคุณรู้สึกหงุดหงิดหรือคิดว่าตัวเองไร้ความสามารถ
เพราะไม่สามารถค้นพบอย่างรวดเร็วหรือแม่นยำได้ว่าทำไมลูกถึงร้องไห้ล่ะก็ 
อย่าได้คิดมากไปเลย คุณแม่คนใหม่ทุกคนต่างผ่านจุดนี้กันมาก่อน 
แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญ บางครั้งความต้องการของเด็กก็ชัดเจน 
แต่ก็มีบางครั้งที่คุณไม่แน่ใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
...
การนอน
ท้องเล็ก ๆ ของลูกจะช่วยให้ลูกนอนหลับได้ครั้งละสองสามชั่วโมง
ก่อนที่จะตื่นขึ้นมาดูดนมอีก 
เมื่อรวมการนอนพักสั้น ๆ เหล่านี้เข้าด้วยกัน 
ทารกเกิดใหม่จะนอนหลับประมาณวันละ 16 ถึง 18 ชั่วโมงต่อวัน 
คุณอาจอยากบันทึกว่าลูกนอนหลับเมื่อไรและที่ไหนบ้าง
เพื่อหารูปแบบการนอนและตอบคำถามของคุณหมอประจำตัวลูก
 โชคดีที่ว่าทารกเกิดใหม่มีความสามารถอันน่าทึ่งที่จะนอนได้แทบทุกที่ 
ที่นั่งเด็กบนรถ ในรถเข็นเด็ก เปลนอน หรือในอ้อมแขนของคุณ 
ทารกแรกเกิดหลายคนชอบที่นั่งเด็กบนรถหรือเป้อุ้มเด็กมากกว่าการนอนในเปลหรือเตียงเด็ก
เพราะการอิงแอบแนบชิดกับอะไรสักอย่างช่วยให้นึกถึงช่วงเวลาในท้องแม่
 ด้วยเหตุนี้ทารกเกิดใหม่หลาย ๆ คนชอบให้ตัวเองได้รับการห่อหุ้มด้วยผ้า 
เพราะเป็นการเลียนแบบสิ่งแวดล้อมที่ทารกเคยอยู่ 
อีกทั้งเนื่องจากทารกยังควบคุมความเคลื่อนไหวร่างกายตัวเองได้ไม่ดี 
การห่อผ้ายังช่วยป้องกันไม่ให้ลูกเตะหรือตีถูกตัวเองแล้วปลุกตัวเองขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจอีกด้วย
 ไม่ว่าลูกจะนอนเมื่อไหร่หรือที่ไหน คุณควรให้ลูกนอนหงายและเอาผ้าห่ม หมอน และของเล่นออกห่างจากลูก
เพื่อป้องกันความเสี่ยงทารกเสียชีวิตฉับพลัน 
อย่าปล่อยให้ทารกนอนหลับบนโซฟาหรือเตียงโดยไม่มีผู้ดูแล
เพราะลูกอาจกลิ้งตกโซฟาหรือเตียงได้ แม้ว่าลูกอาจยังหมุนตัวเองไม่เป็นก็ตาม
 เมื่อลูกนอนหลับแล้ว อย่าได้ประหลาดใจหากคุณได้ยินลูกทำเสียงประหลาด 
หากฟังแล้วเสียงเหมือนลูกเป็นหวัด เสียงนั้นบ่งบอกว่าลูกเป็นพวกหายใจทางจมูก 
เนื่องจากลูกยังไม่อาจสั่งน้ำมูกหรือทำให้จมูกโล่งได้ด้วยตัวเองเหมือนผู้ใหญ่ 
คุณใช้ลูกสูบยางช่วยทำให้จมูกลูกโล่งขึ้นได้ซึ่งจะช่วยให้ลูกหายใจ นอนหลับ และดูดนมได้ง่ายยิ่งขึ้น
 ...ทารกแรกเกิดมีนิสัยอีกอย่างคือการหายใจเป็นช่วง ๆ 
ลูกอาจหายใจเร็วแล้วหยุดหายใจไปสองสามวินาทีแล้วหายใจใหม่อีกครั้ง 
แม้ว่าการหายใจแบบนี้เป็นเรื่องปกติ แต่ก็ชวนให้คุณพ่อคุณแม่กังวลอยู่ไม่น้อย
 แต่อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณการหายใจบางอย่างที่บ่งบอกว่าเป็นเรื่องไม่ปกติและคุณต้องติดต่อคุณหมอทันที เช่น
 – เสียงฮึดฮัดจากจมูก
 – รูจมูกบานออก
 – มีปฏิกิริยาที่หน้าอก (ยุบตัวเหนือกระดูกไหปลาร้า ระหว่างกระดูกซี่โครง หรือใต้กระดูกซี่โครง)
 – การหายใจเร็วอย่างต่อเนื่อง
 – หายใจอย่างลำบากจากหน้าอก (แทนที่จะเป็นที่จมูกหรือคอ ซึ่งเป็นสัญญาณบอกเหตุถึงการหายใจติดขัดหรืออึดอัด
 – การหายใจทางจมูกอย่างหนักหน่วงเสียงดัง (มีเสียงฟืดฟาดหรือมีเสียงติดขัดระหว่างการหายใจเข้าและหายใจออก)
 – การหยุดหายใจนานกว่า 10 ถึง 15 วินาทีระหว่างหายใจ
 
......24 ชั่วโมงแรกที่บ้านกับทารกแรกเกิดตัวน้อย
นอกจากกิน ขับถ่าย ร้องไห้ และนอน
ฟังดูเป็นเรื่องง่าย ๆ สินะ?
ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องง่ายได้
แต่ในตอนแรกอะไร ๆ ก็ดูไม่ง่ายเลย
การได้รู้ว่าทารกเกิดใหม่เป็นอย่างไร
และคุณต้องทำอะไรบ้าง
จะช่วยให้วันแรกที่บ้านกับทารกแรกเกิดตัวน้อย
เป็นเรื่องยุ่งยากน้อยลงได้
...เนื่องจากทารกแรกเกิดมีกระเพาะอาหารที่เล็กมาก
ลูกจึงดื่มนมได้เพียงปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น
คือ ประมาณ 30-90 มิลลิลิตร แต่ต้องดื่มบ่อย ๆ
เด็กบางคนอาจต้องดูดนมจากแม่หรือจากขวดทุก ๆ สองหรือสามชั่วโมง
เด็กคนอื่น ๆ อาจหิวบ่อยกว่านั้น
....เด็กบางคนป่าวประกาศความหิวของตัวเองโดยการร้องไห้จ้า
บางคนให้คำใบ้อย่างเงียบ ๆ เช่น การดูดมือ การตีริมฝีปาก
การไซ้หาซึ่งก็คือการอ้าปากพร้อมทำริมฝีปากเป็นวงกลมแล้วหันหัวไปหาเต้านมหรือขวดนม
....ในช่วงวันแรก ๆ ทารกแรกเกิดโดยทั่วไป
จะสูญเสียน้ำหนักราวร้อยละ 7 ของน้ำหนักตัวทั้งหมด
สิ่งนี้เป็นเรื่องปกติ
คุณควรให้นมลูกทุก ๆ สองชั่วโมงโดยประมาณ
จนกว่าลูกจะมีน้ำหนักกลับมาเป็นปกติเหมือนตอนแรกคลอด
....ทารกแรกเกิดขี้เซา คุณอาจต้องปลุกลูกขึ้นมาเพื่อดูดนม
และคอยกระตุ้นอย่างอ่อนโยนให้ลูกตื่นระหว่างดูดนม
ลองถอดเสื้อผ้าลูกออกจนเหลือแต่ผ้าอ้อม
ลูบไล้ที่หัวหรือหลัง หรือพูดคุยกับลูก
เป้าหมายคือให้ลูกกลับมามีน้ำหนักเท่ากับตอนแรกคลอดให้ได้เมื่อลูกเข้ารับการตรวจสุขภาพเมื่ออายุได้สองสัปดาห์
...การเรอ การสะอึก และการแหวะนมของทารกแรกเกิด
ทารกแรกเกิดบางคนต้องทำให้เรอบ่อย ๆ
แต่ทารกบางคนก็เรอได้เองและต้องการความช่วยเหลือจากพ่อแม่น้อยมาก
หากลูกของคุณมีท่าทางไม่สบายตัวระหว่างหรือหลังการดูดนม
นั่นเป็นสัญญาณบอกว่าคุณต้องทำให้ลูกเรอแล้วล่ะ
..ลองให้ลูกเรอระหว่างที่คุณเปลี่ยนเต้านมให้ลูกดูด
หลังจากที่ลูกดูดนมไปแล้วราว 60-90 มิลลิลิตร
ทุก ๆ 10-15 นาทีของการดูดนม หรือเมื่อลูกดูดนมเสร็จแล้ว
หลังจากที่ให้ลูกดูดนมไปแล้วหนึ่งหรือสองวัน
คุณจะพบวิธีทำให้ลูกเรอที่เหมาะกับเจ้าตัวน้อยของคุณ
..คุณไม่จำเป็นต้องตบหลังลูกเหมือนตีกลอง
การตบเบา ๆ อย่างอ่อนโยนวนเป็นวงกลมก็ช่วยทำให้ลูกเรอได้
มีท่าช่วยให้ลูกเรอท่าอื่น ๆ ให้ลองอีก
รวมถึงการอุ้มลูกโดยให้ส่วนหัวพักอยู่บนไหล่ของคุณ
ให้ลูกนั่งตัวตรงกับตักของคุณโดยใช้นิ้วของมือข้างหนึ่งรองรับอกและคางของลูกไว้
หรือการให้ลูกนอนคว่ำบนตักของคุณ
..อย่าตกใจเมื่อลูกสะอึกหรือแหวะนม
การสะอึกเป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับทารกเกิดใหม่และไม่ได้ทำให้ลูกรู้สึกไม่สบายตัว
การแหวะนมระหว่างและหลังจากการดูดนมในปริมาณเล็กน้อยหรือมีปริมาณเท่ากับนมที่ดูดเข้าไป
ก็ยังนับเป็นเรื่องค่อนข้างปกติเช่นเดียวกัน
อย่าลืมผ้าไว้เช็ดปากลูกเสมอ
....การปัสสาวะและอุจจาระ
ทารกแรกเกิดที่ดื่มนมแม่จะปัสสาวะรดผ้าอ้อมอย่างน้อยห้าครั้งต่อวัน
ส่วนเด็กที่ดื่มนมผงอาจปัสสาวะบ่อยกว่านั้น อาจจะถึงสิบครั้งต่อวันก็ได้
จำนวนครั้งที่ปกติสำหรับการขับถ่ายสำหรับเด็กแต่ละคนแตกต่างกันอยู่พอควร
ทารกที่ดื่มนมแม่มักจะขับถ่ายมากกว่าเด็กที่ดื่มนมผงเนื่องจากนมผงต้องใช้เวลาย่อยนานกว่า
แต่จำนวนครั้งของการขับถ่ายในหมู่เด็กที่ดื่มนมแม่เองก็แตกต่างกันอยู่มาก
ตั้งแต่หนึ่งครั้งทุก ๆ สี่วันหรือมากกว่า ไปจนถึงทุกครั้งหลังดื่มนมแม่เลยก็มี
เด็กที่ดื่มนมผงโดยทั่วไปแล้วขับถ่ายวันละสองหรือสามครั้ง
แต่บางคนก็ขับถ่ายวันเว้นวัน บางคนก็ขับถ่ายวันละหลาย ๆ ครั้งก็มี
คุณควรบันทึกจำนวนครั้งและเวลาที่ลูกปัสสาวะและอุจจาระ
เนื่องจากคุณหมออาจสอบถามถึงลักษณะการขับถ่ายเมื่อคุณพาลูกไปตรวจสุขภาพครั้งแรก
..การขับถ่ายครั้งแรกมักเกิดขึ้นในช่วงวันแรกหรือวันที่สอง
ซึ่งมักจะเป็นเวลาที่คุณยังอยู่ที่โรงพยาบาล
อุจจาระที่ขับถ่ายออกมาครั้งแรกนี้เรียกว่า ขี้เทา
ซึ่งมีสีดำและมีความข้นเหมือนน้ำมันดิน
การขับถ่ายครั้งถัด ๆ มายังมีลักษณะห่างไกลจากอุจจาระของผู้ใหญ่อยู่มาก
เตรียมใจรับอุจจาระสีออกเขียว ๆ น้ำตาลอ่อน
หรือมีลักษณะเป็นเม็ด ๆ สีเหลืองเหมือนมัสตาร์ดไว้ได้เลยสำหรับเด็กทารกที่ดื่มนมแม่
..ส่วนอุจจาระของทารกที่ดื่มนมผงจะมีลักษณะซีดกว่าและมีหลากสี
พาลูกไปพบคุณหมอหากในอุจจาระของลูกมีเมือกสีขาว มีแถบหรือจุดสีแดงปะปน
เพราะสีแดงเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีเลือดปนในอุจจาระซึ่งอาจบ่งชี้ปัญหาได้
....สีของอุจจาระบอกโรค
ลักษณะความข้นของอุจจาระปกติก็แตกต่างกันตั้งแต่นุ่มมากไปจนถึงเป็นน้ำ
ทารกที่ดื่มน้ำนมแม่จะมีลักษณะอุจจาระข้นน้อยกว่าซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจสับสนกับอาการท้องร่วงได้
คุณควรสังเกตว่าลักษณะ รูปแบบ หรือความข้นของอุจจาระลูกเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
แต่ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากเมื่อลูกกำลังเริ่มสร้างรูปแบบการขับถ่ายของตัวเอง
หากคุณสงสัย คุณควรปรึกษาคุณหมอ
....ลูกของคุณจะร้องไห้ คุณไม่มีทางออกอะไรเลยสำหรับเรื่องนี้
เด็กร้องไห้บ่อย หนัก หรือนานแค่ไหนก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงและจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ
..สำหรับช่วงวันแรก ๆ ทารกแรกเกิดจะเงียบและนอนหลับเสียเป็นส่วนมาก
แต่เมื่อทารกอายุได้สองสัปดาห์ ลูกจะร้องไห้ราวสองชั่วโมงต่อวัน
(ลูกจะร้องไห้มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่จะค่อย ๆ ลดลงเมื่อมีอายุได้หกถึงแปดสัปดาห์)
..เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะเริ่มเข้าใจง่ายขึ้นเรื่อย ๆ ว่าทำไมลูกจึงร้องไห้
สาเหตุหลัก ๆ ก็มีผ้าอ้อมเลอะ หิว เหนื่อย รู้สึกไม่สบายตัว
และคุณก็จะหาต้นตอของปัญหาเจอเอง
ถ้ามิเช่นนั้นอาจมาจากการกระตุ้นเร้ามากเกินไป
เด็กบางคนจะอารมณ์ไม่ดีเมื่ออยู่ท่ามกลางความเคลื่อนไหวพลุ่กพล่านหรือมากเกินไป
แต่อย่างไรก็ตาม บางครั้งลูกก็ร้องไห้ขึ้นมาโดยไม่ได้มีสาเหตุชัดเจน
คุณต้องค้นหาสิ่งที่จะช่วยบรรเทาให้ลูกรู้สึกดีขึ้นได้
จำไว้ว่า ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “การตามใจทารกแรกเกิด”
ดังนั้นคุณควรตอบสนองต่อเสียงร้องไห้ด้วยความใส่ใจและความรัก
...หากคุณรู้สึกหงุดหงิดหรือคิดว่าตัวเองไร้ความสามารถ
เพราะไม่สามารถค้นพบอย่างรวดเร็วหรือแม่นยำได้ว่าทำไมลูกถึงร้องไห้ล่ะก็
อย่าได้คิดมากไปเลย คุณแม่คนใหม่ทุกคนต่างผ่านจุดนี้กันมาก่อน
แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญ บางครั้งความต้องการของเด็กก็ชัดเจน
แต่ก็มีบางครั้งที่คุณไม่แน่ใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
...การนอน
ท้องเล็ก ๆ ของลูกจะช่วยให้ลูกนอนหลับได้ครั้งละสองสามชั่วโมง
ก่อนที่จะตื่นขึ้นมาดูดนมอีก
เมื่อรวมการนอนพักสั้น ๆ เหล่านี้เข้าด้วยกัน
ทารกเกิดใหม่จะนอนหลับประมาณวันละ 16 ถึง 18 ชั่วโมงต่อวัน
คุณอาจอยากบันทึกว่าลูกนอนหลับเมื่อไรและที่ไหนบ้าง
เพื่อหารูปแบบการนอนและตอบคำถามของคุณหมอประจำตัวลูก
โชคดีที่ว่าทารกเกิดใหม่มีความสามารถอันน่าทึ่งที่จะนอนได้แทบทุกที่
ที่นั่งเด็กบนรถ ในรถเข็นเด็ก เปลนอน หรือในอ้อมแขนของคุณ
ทารกแรกเกิดหลายคนชอบที่นั่งเด็กบนรถหรือเป้อุ้มเด็กมากกว่าการนอนในเปลหรือเตียงเด็ก
เพราะการอิงแอบแนบชิดกับอะไรสักอย่างช่วยให้นึกถึงช่วงเวลาในท้องแม่
ด้วยเหตุนี้ทารกเกิดใหม่หลาย ๆ คนชอบให้ตัวเองได้รับการห่อหุ้มด้วยผ้า
เพราะเป็นการเลียนแบบสิ่งแวดล้อมที่ทารกเคยอยู่
อีกทั้งเนื่องจากทารกยังควบคุมความเคลื่อนไหวร่างกายตัวเองได้ไม่ดี
การห่อผ้ายังช่วยป้องกันไม่ให้ลูกเตะหรือตีถูกตัวเองแล้วปลุกตัวเองขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจอีกด้วย
ไม่ว่าลูกจะนอนเมื่อไหร่หรือที่ไหน คุณควรให้ลูกนอนหงายและเอาผ้าห่ม หมอน และของเล่นออกห่างจากลูก
เพื่อป้องกันความเสี่ยงทารกเสียชีวิตฉับพลัน
อย่าปล่อยให้ทารกนอนหลับบนโซฟาหรือเตียงโดยไม่มีผู้ดูแล
เพราะลูกอาจกลิ้งตกโซฟาหรือเตียงได้ แม้ว่าลูกอาจยังหมุนตัวเองไม่เป็นก็ตาม
เมื่อลูกนอนหลับแล้ว อย่าได้ประหลาดใจหากคุณได้ยินลูกทำเสียงประหลาด
หากฟังแล้วเสียงเหมือนลูกเป็นหวัด เสียงนั้นบ่งบอกว่าลูกเป็นพวกหายใจทางจมูก
เนื่องจากลูกยังไม่อาจสั่งน้ำมูกหรือทำให้จมูกโล่งได้ด้วยตัวเองเหมือนผู้ใหญ่
คุณใช้ลูกสูบยางช่วยทำให้จมูกลูกโล่งขึ้นได้ซึ่งจะช่วยให้ลูกหายใจ นอนหลับ และดูดนมได้ง่ายยิ่งขึ้น
...ทารกแรกเกิดมีนิสัยอีกอย่างคือการหายใจเป็นช่วง ๆ
ลูกอาจหายใจเร็วแล้วหยุดหายใจไปสองสามวินาทีแล้วหายใจใหม่อีกครั้ง
แม้ว่าการหายใจแบบนี้เป็นเรื่องปกติ แต่ก็ชวนให้คุณพ่อคุณแม่กังวลอยู่ไม่น้อย
แต่อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณการหายใจบางอย่างที่บ่งบอกว่าเป็นเรื่องไม่ปกติและคุณต้องติดต่อคุณหมอทันที เช่น
– เสียงฮึดฮัดจากจมูก
– รูจมูกบานออก
– มีปฏิกิริยาที่หน้าอก (ยุบตัวเหนือกระดูกไหปลาร้า ระหว่างกระดูกซี่โครง หรือใต้กระดูกซี่โครง)
– การหายใจเร็วอย่างต่อเนื่อง
– หายใจอย่างลำบากจากหน้าอก (แทนที่จะเป็นที่จมูกหรือคอ ซึ่งเป็นสัญญาณบอกเหตุถึงการหายใจติดขัดหรืออึดอัด
– การหายใจทางจมูกอย่างหนักหน่วงเสียงดัง (มีเสียงฟืดฟาดหรือมีเสียงติดขัดระหว่างการหายใจเข้าและหายใจออก)
– การหยุดหายใจนานกว่า 10 ถึง 15 วินาทีระหว่างหายใจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้