บวชเรียนมานาน 5 ปี สำหรับสามเณรปริญญา กิจใบ (เปรียญ) หรือ เณรฟลุ๊ค ที่ขณะนี้กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และเปรียญธรรม 4 ประโยค โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (สาธิต มมร.) อ.ด่านซ้าย จ.เลย ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสพิเศษที่สัปดาห์นี้ "สวัสดี...แคมปัส" ขอแหวกแนวนำเรื่องราวของเณรฟลุ๊ค ประธานนักเรียนของสาธิต มมร. มาเล่าสู่กันฟัง...
"สวัสดี...แคมปัส" พบเณรฟลุ๊ค ขณะร่วมกิจกรรมอาสาใน "ค่ายอิคคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญา" ค่ายกระตุ้นการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของชมรมฝึกพูดภาษาอังกฤษในที่สาธารณะ Thai Airways International Toastmasters Club ซึ่งเมื่อพบกับเณรฟลุ๊ค จึงไม่พลาดที่จะสอบถามถึงการบวชเรียน และการใช้ชีวิตในสาธิต มมร.
เด็กขอนแก่น "ชอบเข้าวัด" สู่การบวชเรียน
เณรฟลุ๊คที่มักจะเดินทางไปทำบุญกับคุณยายเป็นประจำทุกเช้าเมื่อยังเป็นเด็กน้อย ทำให้ซึมซับการเข้าวัดแต่เล็ก จนวันหนึ่ง พระอาจารย์ที่ไปเยี่ยมเยียนที่วัดบ่อยๆ แนะนำการเรียนต่อที่ สาธิต มมร. ซึ่งขณะนั้นเณรฟลุ๊คสอบเข้าโรงเรียนมัธยมทางโลกได้แล้ว แต่ก็ตัดสินใจมาเรียนต่อที่สาธิต มมร.
"มีพระอาจารย์รู้จักผม และที่นี่ (สาธิต มมร.) ท่านแนะนำให้ผมมา ซึ่งผมเองก็ชอบทางนี้ด้วย ตอนที่ไปวัดกับยาย พระอาจารย์ก็มักจะสอนเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา ตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจ แต่สนใจ ก็เลยเริ่มมาศึกษาที่นี่ คิดว่าการมาเรียนที่นี่น่าจะมีภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง"
เณรฟลุ๊คเล่าให้ฟังว่า ข้อดีของการเรียนที่นี่ สำหรับตนเอง การบวชเรียนนั้นมีประโยชน์ และไม่ต้องคอยกังวลเรื่องอาหาร ที่อยู่อาศัย หรือสภาพความเป็นอยู่ ขณะเดียวกัน ก็ได้ฝึกฝนตัวเองด้วย เพราะเป็นการแบบโรงเรียนประจำ
ชีวิตบวชเรียนที่ สาธิต มมร.
เณรฟลุ๊คเล่าให้ฟังต่อถึงการเรียนที่ สาธิต มมร.ว่า ที่นี่จะเรียนทั้งภาษาบาลี และเรียนวิชาสามัญเหมือนโรงเรียนทั่วไป โดยตอนเช้าจะเรียนภาษาลีก่อนเป็นเวลา 2 ชม. จากนั้นพักฉันเพล กลับมาตอนบ่าย ก็จะเรียนวิชาสามัญ เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ พูดง่ายๆ คือ ทางโลกเรียนลักษณะไหน ที่นี่ก็เรียนด้วย จากนั้น ตอนเย็น หากอยู่ในช่วงสอบนักธรรม ก็จะต้องมาเรียนเพิ่ม ติวกันเพิ่ม
"ส่วนกิจวัตรประวำจัน ก็ตื่นเช้ามาทำวัตร และอบรมเล็กน้อย แล้วก็ฉันพระตาหารเช้า รวมถึงท่องไวยากรณ์บาลีทุกเช้า ก่อนฉัน 10-15 นาที แล้วตอนฉันจะมีคุณยาย (สุกัญญา ตรีสวัสดดิ์) อ่านหนังสือธรรมะ หรือข่าวในหนังสือพิมพ์ให้ฟัง แล้วก็จะไปเข้าแถว แต่ไม่ได้เคารพธงชาติ จะเป็นสวดมนต์แทน กล่าวปณิธาน และมงคลชีวิต จากนั้นเรียนภาคเช้าแล้ว ก็ท่องไวยากรณ์บาลีอีก แล้วก็ฉันท์เพล นอกจากนี้ เวลาถึงฤดูทำนา พวกเราก็จะไปช่วยกันดำนา เพื่อนำข้าวมาฉันกันเอง แม้ไม่เพียงพอ แต่ก็ได้ทำ"
ทั้งนี้ เณรฟลุ๊ค ยังได้รับทุนการศึกษาจากโครงการสนับสนุนกิจกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ภายใต้กองทุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ในปีการศึกษานี้ โดยเณรฟลุ๊คเปิดเผยความรู้สึกว่า รู้สึกภูมิใจ และจะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด ให้ถึงประโยค 9
พลิกวิกฤตเป็นโอกาส
นอกจากนี้ กิจวัตรประวำจันที่เณรฟลุ๊คต้องทำแล้ว ในฐานะที่เป็นประธานนักเรียน ก็จะต้องมีหน้าที่ดูแลน้องเณรที่เข้ามาใหม่ เพื่อให้ใช้ชีวิตอยู่ได้ เพราะน้องเณรบางรูปที่เพิ่งเข้าใหม่ อยากกลับบ้าน ไม่อยากอยู่ที่แล้ว ซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่งที่พระอาจารย์ของ สาธิต มมร.ออกไป ทำให้ถือว่า ตอนนั้นเป็นวิกฤตของโรงเรียนก็ว่าได้
"ตอนผมอยู่ ม.4 พระอาจารย์ออกไป เป็นวิกฤตมาก ซึ่งมีพระอาจารย์รัตนารูปเดียว ที่ยังไปมาโรงเรียนอยู่ ซึ่งผมก็ช่วยพระอาจารย์ สอนนักธรรมตรี และก็อบรมเองด้วย จากนั้นก็วางแผนติว 7 วัน เพื่อพาน้องเณรไปสอบ ปรากฎว่า น้องเณรสอบได้ยกชั้นเลย ผ่านหมด 100% แล้วปีนี้ก็จะสอนอีก ลองอีกปี และตอนนี้ก็สอนนักธรรมโทด้วย"
สามเณรปริญญา กิจใบ
"เวลาน้องเณรท้อ ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ และประธานนักเรียน จะแนะนำน้องๆ เสมอ เกี่ยวกับธรรมะ ความเป็นอยู่ บางรูปจะรู้เยอะมาก ที่สอนบ่อยที่สุดจะเป็น ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เรียนได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ขอให้พยายามเรียน พยายามให้ถึงที่สุดก่อน ผลจะออกมายังไง ก็แล้วแต่เหตุ และผล มีน้องเณรบางรูปอยากออก อยู่ไม่ได้ ทนไม่ได้ ก็พยามปลุกเร้า ปลูกฝัง และให้กำลังใจน้องเสมอ"
อ่านหนังสือ-นั่งสมาธิ กิจกรรมยามว่างเณรฟลุ๊ค
สำหรับกิจกรรมยามว่างของสามเณรที่นี่ เณรฟลุ๊คบอกว่า ก็จะอ่านหนังสือ ท่องบาลี ส่วนตนเอง ก็ชอบอ่านหนังสือเช่นกัน ทั้งหนังสือธรรมะ หรือที่เกี่ยวกับทางสงบ พวกกรรมฐาน รวมถึงความรู้ทั่วไปด้วย นอกจากนี้ ยังชอบนั่งสมาธิด้วย นั่งมาตั้งแต่เด็กๆ โดยจะพยายามนั่งให้ได้ 5-30 นาที ก่อนนอน เพราะเชื่อว่าจะสามารถทำให้มีสมาธิในการเรียน
"ถ้านั่งตั้งแต่เด็กจะดี และถ้าเป็นเด็กมีพื้นฐานการเรียนไม่ดี เรียนไม่เก่ง แล้วมาทำสมาธิ ก็จะทำให้เรียนได้ดีขึ้น มุ่งมั่นมากขึ้น เพราะเวลาเรียนจะจดจ่อกับสิ่งที่ครูสอน จะชอบสังเกตสิ่งรอบตัวมากขึ้น คิดและจำได้ง่ายมาก รวมถึงจะพัฒนาตัวเอง และจะรู้ว่าชีวิตนี้จะต้องทำให้ดีที่สุด ก่อนหน้านี้เคยสอบวิชาพวกฟิสิกส์ไม่ดี แล้วไปดูคลิปของ ดร.วรภัทร ภู่เจริญ ที่บอกว่าให้ฝึกทำเยอะๆ เราก็ฝึก สุดท้ายเราก็ได้ มันทำให้รู้ว่า ทำตั้งใจก็ทำได้นี่"
อาคารเรียนของสาธิต มมร.ที่กำลังจะสร้างเสร็จ
ตั้งใจเรียนต่อบาลีโดยเฉพาะ
เณรฟลุ๊ควางอนาคตไว้ว่า จะเรียนต่อด้านภาษาบาลี เพราะรู้สึกชอบ ซึ่งยังจะบวชต่อไปด้วย โดยตั้งใจจะเรียนให้สูงที่สุด และกลับมาเป็นพระอาจารย์ต่อไป ขณะที่ตอนนี้ก็ต้องเตรียมสอบ การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านพระพุทธศาสนา (B-Net) ด้วย ซึ่งหากอยากไปเรียนต่อในสายสามัญก็ต้องสอบเพิ่มทั้งโอเน็ต เอเน็ต แกทแพท ตามระเบียบ
คติธรรมประจำใจของเณรฟลุ๊ค
ก่อนจากกันเณรฟลุ๊คฝากคติธรรมที่ชอบไว้ว่า อัชเชวะ กิจจะมาตัปปัง โกชัญญา มรณัง สุเว แปลว่า ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ใครเล่าจะรู้วันตายในวันพรุ่ง
"ทำวันนี้ให้ดีที่สุด" คือสิ่งที่เณรฟลุ๊คพูดย้ำตลอดการให้สัมภาษณ์ว่า "ชีวิตนั้นมีค่า" ซึ่งการบวชเรียนในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และวัยรุ่นเช่นนี้ จะต้องใช้ความอดทน และการรู้จักยับยั้งชั่งใจตัวเองในอยู่ระเบียบ และข้อบังคับข้อหลักศาสนาเสมอ ขณะเดียวกันก็ต้องคอยเป็นเสมือนพี่ใหญ่ดูแลน้องเณร ทำให้วันนี้เณรฟลุ๊คได้เรียนรู้ข้อดี และประโยชน์ของการบวชเรียน ที่จะนำไปสู่หนทางสงบของชีวิต.
http://www.thairath.co.th/content/458751
http://bit.ly/เพจข่าวดี
"เณรฟลุ๊ค" เปิดชีวิตบวชเรียนใน "สาธิต มมร."
บวชเรียนมานาน 5 ปี สำหรับสามเณรปริญญา กิจใบ (เปรียญ) หรือ เณรฟลุ๊ค ที่ขณะนี้กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และเปรียญธรรม 4 ประโยค โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (สาธิต มมร.) อ.ด่านซ้าย จ.เลย ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสพิเศษที่สัปดาห์นี้ "สวัสดี...แคมปัส" ขอแหวกแนวนำเรื่องราวของเณรฟลุ๊ค ประธานนักเรียนของสาธิต มมร. มาเล่าสู่กันฟัง...
"สวัสดี...แคมปัส" พบเณรฟลุ๊ค ขณะร่วมกิจกรรมอาสาใน "ค่ายอิคคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญา" ค่ายกระตุ้นการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของชมรมฝึกพูดภาษาอังกฤษในที่สาธารณะ Thai Airways International Toastmasters Club ซึ่งเมื่อพบกับเณรฟลุ๊ค จึงไม่พลาดที่จะสอบถามถึงการบวชเรียน และการใช้ชีวิตในสาธิต มมร.
เด็กขอนแก่น "ชอบเข้าวัด" สู่การบวชเรียน
เณรฟลุ๊คที่มักจะเดินทางไปทำบุญกับคุณยายเป็นประจำทุกเช้าเมื่อยังเป็นเด็กน้อย ทำให้ซึมซับการเข้าวัดแต่เล็ก จนวันหนึ่ง พระอาจารย์ที่ไปเยี่ยมเยียนที่วัดบ่อยๆ แนะนำการเรียนต่อที่ สาธิต มมร. ซึ่งขณะนั้นเณรฟลุ๊คสอบเข้าโรงเรียนมัธยมทางโลกได้แล้ว แต่ก็ตัดสินใจมาเรียนต่อที่สาธิต มมร.
"มีพระอาจารย์รู้จักผม และที่นี่ (สาธิต มมร.) ท่านแนะนำให้ผมมา ซึ่งผมเองก็ชอบทางนี้ด้วย ตอนที่ไปวัดกับยาย พระอาจารย์ก็มักจะสอนเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา ตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจ แต่สนใจ ก็เลยเริ่มมาศึกษาที่นี่ คิดว่าการมาเรียนที่นี่น่าจะมีภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง"
เณรฟลุ๊คเล่าให้ฟังว่า ข้อดีของการเรียนที่นี่ สำหรับตนเอง การบวชเรียนนั้นมีประโยชน์ และไม่ต้องคอยกังวลเรื่องอาหาร ที่อยู่อาศัย หรือสภาพความเป็นอยู่ ขณะเดียวกัน ก็ได้ฝึกฝนตัวเองด้วย เพราะเป็นการแบบโรงเรียนประจำ
ชีวิตบวชเรียนที่ สาธิต มมร.
เณรฟลุ๊คเล่าให้ฟังต่อถึงการเรียนที่ สาธิต มมร.ว่า ที่นี่จะเรียนทั้งภาษาบาลี และเรียนวิชาสามัญเหมือนโรงเรียนทั่วไป โดยตอนเช้าจะเรียนภาษาลีก่อนเป็นเวลา 2 ชม. จากนั้นพักฉันเพล กลับมาตอนบ่าย ก็จะเรียนวิชาสามัญ เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ พูดง่ายๆ คือ ทางโลกเรียนลักษณะไหน ที่นี่ก็เรียนด้วย จากนั้น ตอนเย็น หากอยู่ในช่วงสอบนักธรรม ก็จะต้องมาเรียนเพิ่ม ติวกันเพิ่ม
"ส่วนกิจวัตรประวำจัน ก็ตื่นเช้ามาทำวัตร และอบรมเล็กน้อย แล้วก็ฉันพระตาหารเช้า รวมถึงท่องไวยากรณ์บาลีทุกเช้า ก่อนฉัน 10-15 นาที แล้วตอนฉันจะมีคุณยาย (สุกัญญา ตรีสวัสดดิ์) อ่านหนังสือธรรมะ หรือข่าวในหนังสือพิมพ์ให้ฟัง แล้วก็จะไปเข้าแถว แต่ไม่ได้เคารพธงชาติ จะเป็นสวดมนต์แทน กล่าวปณิธาน และมงคลชีวิต จากนั้นเรียนภาคเช้าแล้ว ก็ท่องไวยากรณ์บาลีอีก แล้วก็ฉันท์เพล นอกจากนี้ เวลาถึงฤดูทำนา พวกเราก็จะไปช่วยกันดำนา เพื่อนำข้าวมาฉันกันเอง แม้ไม่เพียงพอ แต่ก็ได้ทำ"
ทั้งนี้ เณรฟลุ๊ค ยังได้รับทุนการศึกษาจากโครงการสนับสนุนกิจกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ภายใต้กองทุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ในปีการศึกษานี้ โดยเณรฟลุ๊คเปิดเผยความรู้สึกว่า รู้สึกภูมิใจ และจะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด ให้ถึงประโยค 9
พลิกวิกฤตเป็นโอกาส
นอกจากนี้ กิจวัตรประวำจันที่เณรฟลุ๊คต้องทำแล้ว ในฐานะที่เป็นประธานนักเรียน ก็จะต้องมีหน้าที่ดูแลน้องเณรที่เข้ามาใหม่ เพื่อให้ใช้ชีวิตอยู่ได้ เพราะน้องเณรบางรูปที่เพิ่งเข้าใหม่ อยากกลับบ้าน ไม่อยากอยู่ที่แล้ว ซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่งที่พระอาจารย์ของ สาธิต มมร.ออกไป ทำให้ถือว่า ตอนนั้นเป็นวิกฤตของโรงเรียนก็ว่าได้
"ตอนผมอยู่ ม.4 พระอาจารย์ออกไป เป็นวิกฤตมาก ซึ่งมีพระอาจารย์รัตนารูปเดียว ที่ยังไปมาโรงเรียนอยู่ ซึ่งผมก็ช่วยพระอาจารย์ สอนนักธรรมตรี และก็อบรมเองด้วย จากนั้นก็วางแผนติว 7 วัน เพื่อพาน้องเณรไปสอบ ปรากฎว่า น้องเณรสอบได้ยกชั้นเลย ผ่านหมด 100% แล้วปีนี้ก็จะสอนอีก ลองอีกปี และตอนนี้ก็สอนนักธรรมโทด้วย"
สามเณรปริญญา กิจใบ
"เวลาน้องเณรท้อ ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ และประธานนักเรียน จะแนะนำน้องๆ เสมอ เกี่ยวกับธรรมะ ความเป็นอยู่ บางรูปจะรู้เยอะมาก ที่สอนบ่อยที่สุดจะเป็น ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เรียนได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ขอให้พยายามเรียน พยายามให้ถึงที่สุดก่อน ผลจะออกมายังไง ก็แล้วแต่เหตุ และผล มีน้องเณรบางรูปอยากออก อยู่ไม่ได้ ทนไม่ได้ ก็พยามปลุกเร้า ปลูกฝัง และให้กำลังใจน้องเสมอ"
อ่านหนังสือ-นั่งสมาธิ กิจกรรมยามว่างเณรฟลุ๊ค
สำหรับกิจกรรมยามว่างของสามเณรที่นี่ เณรฟลุ๊คบอกว่า ก็จะอ่านหนังสือ ท่องบาลี ส่วนตนเอง ก็ชอบอ่านหนังสือเช่นกัน ทั้งหนังสือธรรมะ หรือที่เกี่ยวกับทางสงบ พวกกรรมฐาน รวมถึงความรู้ทั่วไปด้วย นอกจากนี้ ยังชอบนั่งสมาธิด้วย นั่งมาตั้งแต่เด็กๆ โดยจะพยายามนั่งให้ได้ 5-30 นาที ก่อนนอน เพราะเชื่อว่าจะสามารถทำให้มีสมาธิในการเรียน
"ถ้านั่งตั้งแต่เด็กจะดี และถ้าเป็นเด็กมีพื้นฐานการเรียนไม่ดี เรียนไม่เก่ง แล้วมาทำสมาธิ ก็จะทำให้เรียนได้ดีขึ้น มุ่งมั่นมากขึ้น เพราะเวลาเรียนจะจดจ่อกับสิ่งที่ครูสอน จะชอบสังเกตสิ่งรอบตัวมากขึ้น คิดและจำได้ง่ายมาก รวมถึงจะพัฒนาตัวเอง และจะรู้ว่าชีวิตนี้จะต้องทำให้ดีที่สุด ก่อนหน้านี้เคยสอบวิชาพวกฟิสิกส์ไม่ดี แล้วไปดูคลิปของ ดร.วรภัทร ภู่เจริญ ที่บอกว่าให้ฝึกทำเยอะๆ เราก็ฝึก สุดท้ายเราก็ได้ มันทำให้รู้ว่า ทำตั้งใจก็ทำได้นี่"
อาคารเรียนของสาธิต มมร.ที่กำลังจะสร้างเสร็จ
ตั้งใจเรียนต่อบาลีโดยเฉพาะ
เณรฟลุ๊ควางอนาคตไว้ว่า จะเรียนต่อด้านภาษาบาลี เพราะรู้สึกชอบ ซึ่งยังจะบวชต่อไปด้วย โดยตั้งใจจะเรียนให้สูงที่สุด และกลับมาเป็นพระอาจารย์ต่อไป ขณะที่ตอนนี้ก็ต้องเตรียมสอบ การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านพระพุทธศาสนา (B-Net) ด้วย ซึ่งหากอยากไปเรียนต่อในสายสามัญก็ต้องสอบเพิ่มทั้งโอเน็ต เอเน็ต แกทแพท ตามระเบียบ
คติธรรมประจำใจของเณรฟลุ๊ค
ก่อนจากกันเณรฟลุ๊คฝากคติธรรมที่ชอบไว้ว่า อัชเชวะ กิจจะมาตัปปัง โกชัญญา มรณัง สุเว แปลว่า ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ใครเล่าจะรู้วันตายในวันพรุ่ง
"ทำวันนี้ให้ดีที่สุด" คือสิ่งที่เณรฟลุ๊คพูดย้ำตลอดการให้สัมภาษณ์ว่า "ชีวิตนั้นมีค่า" ซึ่งการบวชเรียนในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และวัยรุ่นเช่นนี้ จะต้องใช้ความอดทน และการรู้จักยับยั้งชั่งใจตัวเองในอยู่ระเบียบ และข้อบังคับข้อหลักศาสนาเสมอ ขณะเดียวกันก็ต้องคอยเป็นเสมือนพี่ใหญ่ดูแลน้องเณร ทำให้วันนี้เณรฟลุ๊คได้เรียนรู้ข้อดี และประโยชน์ของการบวชเรียน ที่จะนำไปสู่หนทางสงบของชีวิต.
http://www.thairath.co.th/content/458751
http://bit.ly/เพจข่าวดี