ก่อนอื่นขอขอบคุณทุกท่านที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่านกระทู้นี้นะค่ะ
ไม่รู้ว่ามีใครประสบปัญหาแบบเราไหม
คือ เรา ออกจากงานมาได้ 2 เดือนกว่าจะ 3 เดือนแล้วค่ะ ต้องขอบอกว่าเรียนจบ เมื่อ ปีที่แล้ว เรียนจบปุ๊บประมาณกลางปี
ได้งานทำปั๊บ ตอนนั้นที่สมัครงานไปมีความรู้สึกคือ ไม่ได้อยากทำงานค่ะ คือใจจริงอยากพัก แล้วอยากไปเรียนภาษาอังกฤษหรือภาษาจีน
ที่สมัครงานไปเพราะที่คณะเค้าจัด Job Fair ให้เลยสมัครไปเป็นพิธี พอทีนี้เค้าเรียกสัมภาษณ์
ก็เลยลองไปดู ว่า เอ๊ะ สัมภาษณ์งานเค้าเป็นยังไง ตำแหน่งที่สมัคร คือ เจ้าหน้าที่การตลาดค่ะ
ตำแหน่งนี้ เค้ารับคนที่มีทักษะ โปรแกรม Ai และ Ps ส่วนตัวเราเรียนมาด้านการพิมพ์
และชอบออกแบบกราฟฟิก แต่เป็นคนที่วาดรูปไม่เก่งเลยย จะออกแบบอะไรแต่ละที ก็
ไอเดียจะมาผุด ตอนใกล้ๆเส้นตาย หรือบางทีแล้วแต่อารมณ์ค่ะ เลยคิดว่า เราเป็น Ai/Ps/Id
เลยสมัครตำแหน่งนี้ค่ะ แล้วเค้าก็ดันรับ
ตอนนั้นก็ดีใจนะค่ะ ที่ได้งาน แต่อีกใจก็ ยังไม่อยากทำงาน ก็เลยปรึกษาแม่ แม่ก็ดีใจเพราะ แม่เราเค้าอยากให้เราไปหาประสบการณ์ข้างนอกดูก่อน
ถ้าทำงานข้างนอกได้สัก 3-5ปี ค่อยกลับมาช่วยบริหารงานที่บ้าน ก็ไม่สาย แล้วก็ เพราะเราชีวิตสบายมาทั้งชีวิต
มีแม่บ้านสถานะคล้ายแม่นมที่เลี้ยงมาแต่เด็กคอยโอ๋คอยเป็นห่วง อยากให้ไปลองลำบากดู
เงินเดือนที่ได้ ทดลองงาน 15k ผ่านโปร 16k เรื่องเงินไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่
เพราะค่าโทรศัพท์พ่อเราเป็นคนจ่าย ข้าวก็เอาไปกินเองส่วนใหญ่ที่บ้านก็เป็นคนออกค่าใช้จ่ายตรงนี้
แล้วแต่บางทีจะให้เงินคุณแม่บ้านทำกับข้าวที่เราอยากกิน ตอนนั้นที่เอาข้าวไปกินเองเพราะพี่ๆกลุ่มที่ทานข้าวเค้า
ชอบกินข้าวในออฟฟิต ทีนี้ เข้าไปทำงานที่บริษัทนี้ จุดเริ่มต้นแรกของการทำงาน ผจก.แผนก กับพี่ร่วมแผนก เค้าคอยสอนงาน
สอนงานได้ประมาน 1 เดือน ก็มารู้ว่า พี่ผจก.แผนกกับพี่ที่สอนงานเรา เค้าต้องย้ายไอยู่ฝ่ายขาย แล้วก็มีผจก.คนใหม่จากฝ่ายขาย
มาดำรงตำแหน่งแทนค่ะซึ่งพี่คนนี้ เค้าจะอายุมากกว่าพี่ๆทีมเก่า ตอนนั้นแผนกการตลาดที่สังกัดอยู่มีห้องส่วนตัวของแผนก
ภายในห้อง จะ เพื่อนร่วมงาน คือ พี่ทีมเก่า 2 คน(ผจก.เคนเก่าอายุ 34 พี่ร่วมแผนกอายุ 26) พี่2 คนเค้าเฮฮาชวนคุย
และทีมใหม่ 2 คน ซึ่งพี่ทีมใหม่ทั้ง 2 คนอายุ 40+ ซึ่งเป็นคนเงียบทั้งคู่ แล้วแต่อารมณ์ของพี่อยากจะคุยตอนไหนก็คุย
ทีนี้ พอทำงานเลยปีใหม่มา พี่ๆทีมเก่าเค้าก็ย้ายไปอยู่ฝ่ายขายถาวร ย้ายออกจากห้อง พี่ทีมใหม่ พี่ผจก. เป็นคนที่มี 2 บุกคลิก พูดจา
แบบตรงๆไม่รักษาน้ำใจคนฟัง เพราะประชดแบบเจ็บๆ เหวี่ยงง กับ แผนกอื่นๆ เราเป็นคนประสานงาน ก็ลำบาก เพราะตำแหน่งที่ที่งาน
จับฉ่ายมากๆ ทำทั้งเอกสาร งานออกแบบทั้ง Poster / ถุง / กล่องตัวอย่างสินค้าใหม่ / logo สินค้าใหม่ ถามว่าตอนนั้นชอบงานไหม
เราชอบนะค่ะ สนุกดี ได้ทำอะไรหลายๆอย่าง แต่ มาท้อ เพราะ
1. พี่ผจกคนใหม่เค้าอารมณ์ขึ้นลง เหวี่ยงคนอื่นแล้วเราประสานงานกับแผนกอื่นลำบาก ซึ่งเพื่อนร่วมงาน พนักงานส่วนใหญ่
ก็ รุ่นเก๋าๆ อายุเยอะระดับ 30-40กว่า
2. เจ้านายเยอะ บริษัทที่ทำงาน เป็นบริษัทครอบครัวที่ตระกูลใหญ่ เจ้านายเรื่องมากๆๆ เจ้านายหลายคน รุ่นลูกรุ่นหลาน
คำสั่งไม่แน่นอนเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แบบประมาณว่า พรุ่งนี้จะเริ่มงานอีเว้นเช้า วันนี้ตอน6โมงเย็นยังเปลี่ยนแปลงได้อีก
3. พี่อีกคนที่ร่วมแผนก ก็ได้งานที่แบบไม่ได้ยากทำงานมานาน พี่ผจก. ก็เหวี่ยงใส่เค้าบ่อย เพราะ เค้าไม่ยอมพัฒนาตัวเอง ไม่กล้าตัดสินใจเองในบางเรื่อง
4. แต่เดิมเรื่องคนที่รับผิดชอบเรื่องงานออกแบบมี เรา กับ พี่ทีมเก่าที่ย้ายแผนกไป พอตำแหน่งนี้ว่าง มีคนมาสมัครก็มา 1 วัน แล้วไม่มาเลย มาทำได้ 1 เดือน ก็ออกเพราะได้ที่ดีกว่า แล้วพี่ผจก.คนใหม่เค้าก็ เรื่องมาก ตั้งspecคนตำแหน่งนี้สูง ต้องการแต่คนมีประสบการณ์ ไม่ชอบพวกเพศที่3
แล้วก็มีเหตุการ์ณนึงที่แผนกเราต้องออกแบบบูธจัดนิทรรศการเอง เจ้านายก็ไม่ยอมจ้างออร์กาไนซ์ ต้องการจัดงานใหญ่ๆ แต่ไม่อยากจ่ายเงินเยอะ
ตอนนั้น เราเครียดเลย ออกแบบบูธประ 8-10 บูธได้ เราแก้ปัญหาโดยเสนอพี่ผจก. ว่าเราจัดงานนี้ โดยใช้ พวกบูธ pop-up ที่มีbackdrop เคาท์เตอร์ที่ปริ้น ink jet ก่อนหน้าจะจ้างเจ้าทำบูธออกแบบ แต่เค้าไม่เข้าใจสินค้าบริษัทเรา เราเลยรับหน้าที่ออกแบบเอง ยังดีที่มี2บูธที่พี่ทีมเก่าช่วยออกแบบ
แต่อย่างที่บอกค่ะหลักๆคือเรื่องประสานงานลำบาก เราเลยตัดสินใจลาออก ขอคำปรึกษาพ่อแม่ ตอนแรกให้เหตุผลพ่อแม่ว่าอยากต่อโท พ่อแม่เลยสนับสนุน พอยื่นใบลาออกเท่านั้นแหละ เจ้านายคนนึง เป็น MD มารั้งไม่อยากให้ออก ถ้าอยากเรียนก็เรียนเสาร์-อาทิตย์สิ ซึ่งที่ทำงานเรา ทำงาน หยุดเสาร์เว้นเสาร์ ไอเราตอนนั้นก็คิดว่า ทำงานมา1ปีไม่กล้าขอขึ้นเงินเดือนเพราะรู้สึกน่าเกลียด ส่วนเจ้านายอีกคนระดับรองลงมาเป็นผู่ช่วยMD เค้าก็ให้เงื่อนไขว่าอยากหยุดเสาร์เลยต้องทำงานชดเชยเวลาในวันธรรมดา ซึ่งเรา ไม่โอเคเพราะ การเดินทางไป-กลับรถติด จะหักเงิน เราก็รู้สึกไม่โอเค เพราะทำงานล่วงเวลาไม่ได้ค่า OT ด้วยซ้ำ ถึงที่นี้จะสอนประสบการ์ณให้เราเยอะก็ตาม ทีนี้เจ้านายคนนี้ก็บอกว่า ไม่ทำงานชดเชยเวลา ไม่หักตังค์ ก็คงต้องเซ็นสัญญาว่า เรียนจบต้องทำงานกับเข้าต่อไปอีก ซึ่งเงินเรียนโท ที่บ้านเป็นคนออก ไม่ใช่ทุนบริษัท เราเลยตัดสินใจออกเลยย
พอออกจากงานมา มหาลัยที่ๆอยากเรียนโท จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เปิดรับสมัคร เวลานี้ งานที่บ้าน ก็ ไม่ได้ช่วย ช่วยแค่เรื่องออกแบบงานให้ลูกค้าค่ะ ก่อนหน้า มีรับออกแบบนามบัตรให้เพื่อนลุง ทำงานที่บ้านพ่อแม่เลี้ยงแต่ก็ไม่ได้ตังค์ เงินเก็บที่เหลือจากการออกจากงานไม่ได้เยอะ แต่มีอีกส่วนที่ แม่ออมเงินไว้ให้ตั้งแต่เด็กซึ่ง ยุ่งกับงินส่วนนี้ไม่ได้แน่ๆ มาคิดๆดู ก็ ยังไม่พร้อมจะกลับไปเป็น มนุษย์เงินเดือน ใจจริง อยากขอพ่อแม่ ไปเรียนภาษาที่เมืองนอก คือเรารู้สึกเป็นปมด้อยที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษเหมือนพี่ๆ เพราะพี่สาวเป็นหมอ เคยไปเรียนแลกเปลี่ยนที่usa พี่ชายแยกไปทำธุรกิจที่พ่อแม่ยยังต้องช่วยลงทุนเรื่องเงิน ก่อนทำธุรกิจก็ได้ไปเรียนภาษาที่ออส 2 ปีได้ ส่วนเราเป็นลูกคนสุดท้อง ที่พ่อแม่ไม่ยอมปล่อยไปไหน รู้สึกอิจฉาพี่ๆ ไม่ค่อยมีเพื่อนด้วยค่ะ บางครั้งรู้สึกตัวเองกลายเป็นคนที่โลกส่วนตัวสูง ชอบอยู่คนเดียว ดูหนังในโรงหนังบางทียังไปดูคนเดียวเลย พอมานั่งคิดทบทวนตัวเองเราเลย มาคิดว่า จะเรียน โท ที่ตั้งใจจะเรียน คือ MBA แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกเริ่มไม่อยากเรียน อยากไปเรียนภาษามากกว่า เคยคุยกับแม่เรื่องนี้เมื่อก่อนออกจากงาน แต่แม่ก็ไม่ยอม ถ้าเรียนภาษาก็เรียนในไทย ไม่อยากให้เรียนเมืองนอก เพราะเค้าไม่ไว้ใจเรา พอตอนนี้จะขอเค้าไปก็ไม่กล้า เพราะคิดว่าเค้ายังต้องช่วยพี่ชายอยู่ เลยอดคิดน้อยใจไม่ได้
ทั้งๆที่ตัวเรา ก็ไม่ได้ลำบากกว่าคนอื่น เพื่อนเราบางคนยังมีภาระมากกว่าเราด้วยซ้ำไป เราควรทำไงดีค่ะ
ออกจากงาน ไม่มีงานทำ ไม่พร้อมจะหางานใหม่
ไม่รู้ว่ามีใครประสบปัญหาแบบเราไหม
คือ เรา ออกจากงานมาได้ 2 เดือนกว่าจะ 3 เดือนแล้วค่ะ ต้องขอบอกว่าเรียนจบ เมื่อ ปีที่แล้ว เรียนจบปุ๊บประมาณกลางปี
ได้งานทำปั๊บ ตอนนั้นที่สมัครงานไปมีความรู้สึกคือ ไม่ได้อยากทำงานค่ะ คือใจจริงอยากพัก แล้วอยากไปเรียนภาษาอังกฤษหรือภาษาจีน
ที่สมัครงานไปเพราะที่คณะเค้าจัด Job Fair ให้เลยสมัครไปเป็นพิธี พอทีนี้เค้าเรียกสัมภาษณ์
ก็เลยลองไปดู ว่า เอ๊ะ สัมภาษณ์งานเค้าเป็นยังไง ตำแหน่งที่สมัคร คือ เจ้าหน้าที่การตลาดค่ะ
ตำแหน่งนี้ เค้ารับคนที่มีทักษะ โปรแกรม Ai และ Ps ส่วนตัวเราเรียนมาด้านการพิมพ์
และชอบออกแบบกราฟฟิก แต่เป็นคนที่วาดรูปไม่เก่งเลยย จะออกแบบอะไรแต่ละที ก็
ไอเดียจะมาผุด ตอนใกล้ๆเส้นตาย หรือบางทีแล้วแต่อารมณ์ค่ะ เลยคิดว่า เราเป็น Ai/Ps/Id
เลยสมัครตำแหน่งนี้ค่ะ แล้วเค้าก็ดันรับ
ตอนนั้นก็ดีใจนะค่ะ ที่ได้งาน แต่อีกใจก็ ยังไม่อยากทำงาน ก็เลยปรึกษาแม่ แม่ก็ดีใจเพราะ แม่เราเค้าอยากให้เราไปหาประสบการณ์ข้างนอกดูก่อน
ถ้าทำงานข้างนอกได้สัก 3-5ปี ค่อยกลับมาช่วยบริหารงานที่บ้าน ก็ไม่สาย แล้วก็ เพราะเราชีวิตสบายมาทั้งชีวิต
มีแม่บ้านสถานะคล้ายแม่นมที่เลี้ยงมาแต่เด็กคอยโอ๋คอยเป็นห่วง อยากให้ไปลองลำบากดู
เงินเดือนที่ได้ ทดลองงาน 15k ผ่านโปร 16k เรื่องเงินไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่
เพราะค่าโทรศัพท์พ่อเราเป็นคนจ่าย ข้าวก็เอาไปกินเองส่วนใหญ่ที่บ้านก็เป็นคนออกค่าใช้จ่ายตรงนี้
แล้วแต่บางทีจะให้เงินคุณแม่บ้านทำกับข้าวที่เราอยากกิน ตอนนั้นที่เอาข้าวไปกินเองเพราะพี่ๆกลุ่มที่ทานข้าวเค้า
ชอบกินข้าวในออฟฟิต ทีนี้ เข้าไปทำงานที่บริษัทนี้ จุดเริ่มต้นแรกของการทำงาน ผจก.แผนก กับพี่ร่วมแผนก เค้าคอยสอนงาน
สอนงานได้ประมาน 1 เดือน ก็มารู้ว่า พี่ผจก.แผนกกับพี่ที่สอนงานเรา เค้าต้องย้ายไอยู่ฝ่ายขาย แล้วก็มีผจก.คนใหม่จากฝ่ายขาย
มาดำรงตำแหน่งแทนค่ะซึ่งพี่คนนี้ เค้าจะอายุมากกว่าพี่ๆทีมเก่า ตอนนั้นแผนกการตลาดที่สังกัดอยู่มีห้องส่วนตัวของแผนก
ภายในห้อง จะ เพื่อนร่วมงาน คือ พี่ทีมเก่า 2 คน(ผจก.เคนเก่าอายุ 34 พี่ร่วมแผนกอายุ 26) พี่2 คนเค้าเฮฮาชวนคุย
และทีมใหม่ 2 คน ซึ่งพี่ทีมใหม่ทั้ง 2 คนอายุ 40+ ซึ่งเป็นคนเงียบทั้งคู่ แล้วแต่อารมณ์ของพี่อยากจะคุยตอนไหนก็คุย
ทีนี้ พอทำงานเลยปีใหม่มา พี่ๆทีมเก่าเค้าก็ย้ายไปอยู่ฝ่ายขายถาวร ย้ายออกจากห้อง พี่ทีมใหม่ พี่ผจก. เป็นคนที่มี 2 บุกคลิก พูดจา
แบบตรงๆไม่รักษาน้ำใจคนฟัง เพราะประชดแบบเจ็บๆ เหวี่ยงง กับ แผนกอื่นๆ เราเป็นคนประสานงาน ก็ลำบาก เพราะตำแหน่งที่ที่งาน
จับฉ่ายมากๆ ทำทั้งเอกสาร งานออกแบบทั้ง Poster / ถุง / กล่องตัวอย่างสินค้าใหม่ / logo สินค้าใหม่ ถามว่าตอนนั้นชอบงานไหม
เราชอบนะค่ะ สนุกดี ได้ทำอะไรหลายๆอย่าง แต่ มาท้อ เพราะ
1. พี่ผจกคนใหม่เค้าอารมณ์ขึ้นลง เหวี่ยงคนอื่นแล้วเราประสานงานกับแผนกอื่นลำบาก ซึ่งเพื่อนร่วมงาน พนักงานส่วนใหญ่
ก็ รุ่นเก๋าๆ อายุเยอะระดับ 30-40กว่า
2. เจ้านายเยอะ บริษัทที่ทำงาน เป็นบริษัทครอบครัวที่ตระกูลใหญ่ เจ้านายเรื่องมากๆๆ เจ้านายหลายคน รุ่นลูกรุ่นหลาน
คำสั่งไม่แน่นอนเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แบบประมาณว่า พรุ่งนี้จะเริ่มงานอีเว้นเช้า วันนี้ตอน6โมงเย็นยังเปลี่ยนแปลงได้อีก
3. พี่อีกคนที่ร่วมแผนก ก็ได้งานที่แบบไม่ได้ยากทำงานมานาน พี่ผจก. ก็เหวี่ยงใส่เค้าบ่อย เพราะ เค้าไม่ยอมพัฒนาตัวเอง ไม่กล้าตัดสินใจเองในบางเรื่อง
4. แต่เดิมเรื่องคนที่รับผิดชอบเรื่องงานออกแบบมี เรา กับ พี่ทีมเก่าที่ย้ายแผนกไป พอตำแหน่งนี้ว่าง มีคนมาสมัครก็มา 1 วัน แล้วไม่มาเลย มาทำได้ 1 เดือน ก็ออกเพราะได้ที่ดีกว่า แล้วพี่ผจก.คนใหม่เค้าก็ เรื่องมาก ตั้งspecคนตำแหน่งนี้สูง ต้องการแต่คนมีประสบการณ์ ไม่ชอบพวกเพศที่3
แล้วก็มีเหตุการ์ณนึงที่แผนกเราต้องออกแบบบูธจัดนิทรรศการเอง เจ้านายก็ไม่ยอมจ้างออร์กาไนซ์ ต้องการจัดงานใหญ่ๆ แต่ไม่อยากจ่ายเงินเยอะ
ตอนนั้น เราเครียดเลย ออกแบบบูธประ 8-10 บูธได้ เราแก้ปัญหาโดยเสนอพี่ผจก. ว่าเราจัดงานนี้ โดยใช้ พวกบูธ pop-up ที่มีbackdrop เคาท์เตอร์ที่ปริ้น ink jet ก่อนหน้าจะจ้างเจ้าทำบูธออกแบบ แต่เค้าไม่เข้าใจสินค้าบริษัทเรา เราเลยรับหน้าที่ออกแบบเอง ยังดีที่มี2บูธที่พี่ทีมเก่าช่วยออกแบบ
แต่อย่างที่บอกค่ะหลักๆคือเรื่องประสานงานลำบาก เราเลยตัดสินใจลาออก ขอคำปรึกษาพ่อแม่ ตอนแรกให้เหตุผลพ่อแม่ว่าอยากต่อโท พ่อแม่เลยสนับสนุน พอยื่นใบลาออกเท่านั้นแหละ เจ้านายคนนึง เป็น MD มารั้งไม่อยากให้ออก ถ้าอยากเรียนก็เรียนเสาร์-อาทิตย์สิ ซึ่งที่ทำงานเรา ทำงาน หยุดเสาร์เว้นเสาร์ ไอเราตอนนั้นก็คิดว่า ทำงานมา1ปีไม่กล้าขอขึ้นเงินเดือนเพราะรู้สึกน่าเกลียด ส่วนเจ้านายอีกคนระดับรองลงมาเป็นผู่ช่วยMD เค้าก็ให้เงื่อนไขว่าอยากหยุดเสาร์เลยต้องทำงานชดเชยเวลาในวันธรรมดา ซึ่งเรา ไม่โอเคเพราะ การเดินทางไป-กลับรถติด จะหักเงิน เราก็รู้สึกไม่โอเค เพราะทำงานล่วงเวลาไม่ได้ค่า OT ด้วยซ้ำ ถึงที่นี้จะสอนประสบการ์ณให้เราเยอะก็ตาม ทีนี้เจ้านายคนนี้ก็บอกว่า ไม่ทำงานชดเชยเวลา ไม่หักตังค์ ก็คงต้องเซ็นสัญญาว่า เรียนจบต้องทำงานกับเข้าต่อไปอีก ซึ่งเงินเรียนโท ที่บ้านเป็นคนออก ไม่ใช่ทุนบริษัท เราเลยตัดสินใจออกเลยย
พอออกจากงานมา มหาลัยที่ๆอยากเรียนโท จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เปิดรับสมัคร เวลานี้ งานที่บ้าน ก็ ไม่ได้ช่วย ช่วยแค่เรื่องออกแบบงานให้ลูกค้าค่ะ ก่อนหน้า มีรับออกแบบนามบัตรให้เพื่อนลุง ทำงานที่บ้านพ่อแม่เลี้ยงแต่ก็ไม่ได้ตังค์ เงินเก็บที่เหลือจากการออกจากงานไม่ได้เยอะ แต่มีอีกส่วนที่ แม่ออมเงินไว้ให้ตั้งแต่เด็กซึ่ง ยุ่งกับงินส่วนนี้ไม่ได้แน่ๆ มาคิดๆดู ก็ ยังไม่พร้อมจะกลับไปเป็น มนุษย์เงินเดือน ใจจริง อยากขอพ่อแม่ ไปเรียนภาษาที่เมืองนอก คือเรารู้สึกเป็นปมด้อยที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษเหมือนพี่ๆ เพราะพี่สาวเป็นหมอ เคยไปเรียนแลกเปลี่ยนที่usa พี่ชายแยกไปทำธุรกิจที่พ่อแม่ยยังต้องช่วยลงทุนเรื่องเงิน ก่อนทำธุรกิจก็ได้ไปเรียนภาษาที่ออส 2 ปีได้ ส่วนเราเป็นลูกคนสุดท้อง ที่พ่อแม่ไม่ยอมปล่อยไปไหน รู้สึกอิจฉาพี่ๆ ไม่ค่อยมีเพื่อนด้วยค่ะ บางครั้งรู้สึกตัวเองกลายเป็นคนที่โลกส่วนตัวสูง ชอบอยู่คนเดียว ดูหนังในโรงหนังบางทียังไปดูคนเดียวเลย พอมานั่งคิดทบทวนตัวเองเราเลย มาคิดว่า จะเรียน โท ที่ตั้งใจจะเรียน คือ MBA แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกเริ่มไม่อยากเรียน อยากไปเรียนภาษามากกว่า เคยคุยกับแม่เรื่องนี้เมื่อก่อนออกจากงาน แต่แม่ก็ไม่ยอม ถ้าเรียนภาษาก็เรียนในไทย ไม่อยากให้เรียนเมืองนอก เพราะเค้าไม่ไว้ใจเรา พอตอนนี้จะขอเค้าไปก็ไม่กล้า เพราะคิดว่าเค้ายังต้องช่วยพี่ชายอยู่ เลยอดคิดน้อยใจไม่ได้
ทั้งๆที่ตัวเรา ก็ไม่ได้ลำบากกว่าคนอื่น เพื่อนเราบางคนยังมีภาระมากกว่าเราด้วยซ้ำไป เราควรทำไงดีค่ะ