[Liverpool] เจอ Real Madrid กดไป 3 เม็ด ผมนี้ยิ้มเลย!!!!!

โดน 3 เม็ด ผมนี้ยิ้มเลย
คิดว่าจะโดนเป็นโหล!!!!!!!!!

เม่าแพนด้า

เห็นฟอร์มทีมอื่น
วันแรก ก็โหดสัสรัฐชัคตาร์ลอนดอนมิวนิค แล้วเสียวแปล๊บ นี่กุจะโดนเท่าไหร่น้ออออออ
คริสใจร่มๆนะ นี่เราเอง แฟนเธอไง



เม่าโศก


แต่เอาจริงๆก่อนเกมมองในแง่ดีสุดๆคิดว่าจะจบสกอร์เสมอนะ เพราะคิดว่า บอลถ้วยมันมักจะมีเกจวัดพิเศษแยกจากบอลลีกอยู่แล้ว คือ มันมีพลิกล็อค ผิดฟอร์ม ท็อปฟอร์มกันได้ตลอด
บอกเลยเจอมาดริดไม่คิดไรมาก เสมอถือว่าเก่ง แพ้เสมอตัว ชนะนี่โคตรพลังมาเต็ม เพราะงั้นนี่คือเกมที่ลิ้มรสบอลระดับเวิร์ลคลาสจริงๆสำหรับลิเวอร์พูล

เปิดดูด้วยใจเต้นตุ่มต๊อม ...
ผ่านไป 5-6 นาที
เขร้...



พอได้เว้ย เปิดหมัดแลกกับมาดริดได้พอไหวอยู่ แบบโอ้โห อีนี่วิ่งเพรสกันหนักแน่น ผิดฟอร์มจากในลีกมาก

ผ่านไป 10 นาที
เชร้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด



เหมือนจะได้ขึงมาดริดนิดๆนะเนี่ย ดูดีเว้ย ใช้ได้ๆๆ
เห็นมั้ย กุบอกแล้ววววว บอลถ้วยยยยย มันเอาฟอร์มบอลลีกมานับไม่ได้เฟร้ย!!
ดู.. นี่.. เป็นงะ ...ฟอร์มทีมพี่
เพรสหนึบ หนุบหนับ เกมรับดูดี น้องลิ่ง เฮนโด้ น้องโจ้ อัลเลน วิ่งกันเป็นม้า จี๊ดจ๊าดฝุดๆ อิซโก ก็อิซโกเถ้อะ มีหมองอ่ะงานนี้!!!

ขนาดโทนี่ ยังเกือบดับ!!!



ใกล้ถึง ครึ่งชม. รูปเกมยังถือว่าสูสี ได้บุกหนัก ออกหมัดแย่บถี่ ฟุตเวิร์คดีทั้งคู่ แต่กองหลังยังไม่ทำงามหน้าทั้ง 2 ฝ่าย บอลมีทรงแบบนี้ ..ว่าแล้ว เดี๋ยวโม้สักหน่อยดีกว่าเรา...

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ผ่านไปไม่ถึงนาที

0-1 จ้า



อีคริส ... อีคนดับฝันโคชิเอ็ง ...




คือก่อนหน้านี้ มาดริดก็ทำเกมบุกขึ้นมาเรื่อยๆอยู่แล้ว แต่หลังลิเวอร์พูลยังไม่พลาดในจังหวะอันตรายเลย แต่พอพลาดปุ๊ป คริสมันไม่ยอมปล่อยให้โอกาสหลุดลอย ยิงแบบสุดปลายมือน้องมินจริงๆ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ลูกแรกนี่สำคัญมาก จากทรงบอลที่พอสู้ได้ พอเจอนำในบ้าน โมเมนตัมพลิกทันที หลังจากโดนลูกแรก เห็นได้ชัดว่า ลิเวอร์พูลจะฟอร์มล่กทันที แล้วในฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูลจะเป็นแบบนี้เกือบทุกเกม คือ เกมรับไม่มีวินัย เกมรุกก็ไม่มีประสิทธิภาพ

แล้วมันจะยังไงล่ะครับเพ่ ทีนี้ ...

ไม่มีวินัยคือ จากเกมที่ทำได้ดี พอพลาดและเสียประตูแล้ว สติจะหลุดแบบกู่ไม่กลับทันที และดึงกลับมาได้ยากมาก ปัญหานี้ ต้องโยนกลับไปที่การวางแผนการเล่นของโค้ช คือ การจัดการให้นักเตะกลับมาเล่นในพื้นที่ตัวเองให้เร็วที่สุด

อันที่จริง แนวรับที่สติหลุดนี่ รีล มาดริด คือ ทีมนึงที่มีแนวรับแบบนั้น จากการที่ทำเกมมาดีๆ พอเสียประตู แนวรับจะวิ่งมั่วและลนลานมาก ในกรณีที่เจอทีมที่มีเกมบุกเร็วๆ หรือทีมที่จับทางมาดริดได้ (อย่างบาซ่าหรือแอธฯมาด) อาจจะเจอส่องซ้ำซากทันที ในกรณีนี้ ที่เห็นบ่อยในการคุมของอันเชล็อตติ คือ เมื่อแนวรับเริ่มประสาทกิน อันเช่จะปล่อยเซอร์ไปก่อนแล้วอาจจะให้กองกลางถอยต่ำตัวนึง ดันสูงตัวนึง คอยมาประคองบอลในแดนหลังด้วย (โมดริชมักได้รับหน้าที่นี้ เพราะมีพื้นที่เล่นหลากหลายที่สุดในทีม ต้องลงไปอุ้มกองหลังประจำ) และเมื่อคิดว่ากู่ไม่กลับจริงๆ จะเปลี่ยนกองหลังที่ฟอร์มสดๆกว่า หรือถอดกลางเพิ่มหน้าทันที

แต่แม้กองหลังจะมีปัญหามาก แต่เพราะมาดริดมีกองหน้าที่โหดสัส พวกเขาจึงมักแก้ปัญหาด้วยการรีบยิงประตูให้ได้มากที่สุด เป็นสไตล์ "ยิงกันเสีย" ซึ่งในระยะหลังก็ทำได้ดีมีประสิทธิภาพสุดๆด้วย

ซึ่งอันที่จริงแล้วปัญหาของรีล มาดริดก็จะคล้ายกับลิเวอร์พูลในฤดูกาลที่แล้ว ที่มี กองหน้าช่างกล กองหลังช่างมัน เพราะการมีกองหน้าช่วยชีวิต ทำให้ทีมเลยพอจะมองข้ามปัญหาการเสียประตูเยอะไปได้ และยังพอเก็บแต้มได้จากการโกงความตายด้วยกองหน้าตัวพลิกเกม และการปลดปล่อยสวัสดิกะท้ายเกม

ซึ่งรีล มาดริดก็ยังคงใช้แท็คติคนั้นอยู่ กองหน้าช่างกล กองหลังช่างมัน
ขณะที่ลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ เราปล่อยเด็กช่างกลไปแล้ว แต่ได้กองหน้าช่างกลึงมาแทน
และกองหลังยังเป็นคงช่างมันแบบนี้ ปัญหาเลย คาราคาซังอย่างที่เห็น

รีล มาดริดในฤดูกาลนี้ จากตำแหน่งที่ทับซ้อนในทีม ทำให้อันเช่ ต้องปรับแผนการเล่นในหลายๆนัด เช่น ปกติโรนัลโด้จะมีการเข้าทำจากปีกก็จริง แต่ในฤดูกาลนี้ เขามีพื้นที่เข้าทำหลากหลายมากกว่านั้น คือเรามักจะเห็นเขาไปยืนเล่นตรงกลาง (เพื่อหลีกทางให้ฆาเมสมาเล่นปีกบ้าง) คอยเสิร์ฟเบนเซม่า หรือไขว้ซ้ายขวา สลับกับเบลและฆาเมส ครอบคลุมพื้นทีเกือบทั้งสนาม จากปกติเคยยืนรอเล่นบอลแค่แดนหน้า ทำให้ในฤดูกาลนี้ โรนัลโด้ ได้สกิลเล่นซัพพอร์ตทีมเพิ่มมาด้วยการที่ชงเอง กินเองอย่างเดียวมาตลอด

นี่คือประโยชน์ของการมีกองหน้าอเนกประสงค์ในทีม พวกเขาพลิกแพลงแผนการเล่นได้เสมอ
และทุกทีมต้องการนักเตะแบบนี้

นัดนี้โรนัลโด้ถูกวางให้เล่นหน้าคู่กับเบนเซม่า ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ใช่ตำแหน่งตายตัวนักสำหรับโรนัลโด้
เพราะ เกมนี้ตำแหน่งที่คริสยืนจริงๆคือ กลับไปยืนตามแนวที่เขาถนัดคือ ไปประจำการอยู่แค่ช่วงปีกซ้าย แล้วไขว้เข้ากลางในเขตโทษเลย ไม่ได้เล่นกลางไขว้ออกซ้ายขวาแบบที่เคยเล่นประจำตามแท็คติคในช่วงหลัง ซึ่งเขาจะได้ปะทะกับ พี่เกล็น จอห์นสันโดยตรง แต่เรากลับเห็นพี่เกล็นไปยืนอยู่แถวๆเซนเตอร์และดันเกมรุกสูงแทน พอมาดริดสวนกลับมาทีนึง ก็วิ่งป่าราบ กวดกันแทบไม่ทัน (พี่เจอมาดริด พี่ยังดันกันสูงปริ๊ด ผมล่ะเชื่อเลย)

กลับมาพูดที่เกมกับรีล มาดริด

หลังลิเวอร์พูลเสียประตูแรก พอเกมรับของลิเวอร์พูลสติหลุด.. รีล มาดริดไม่เคยปล่อยให้โอกาสแบบนี้หลุดลอย (นอกจากกองหน้าจะสาก) พวกเขาจะรีบเดินเกมบุกทันที ส่องได้ส่องเลย ไม่แปะคืนหลัง หรือป้อไปมา และจะมีคนคอยวิ่งมาเติมเกมบุกตลอด

เกมนี้สเคอร์เทลจะเจอ โรนัลโด้บ่อยมาก เกมนี้เราถือว่า สเคอร์เทล และสเตอร์ลิ่งคือนักเตะที่รักษามาตรฐานได้ดี แน่นอนว่า 3 ประตูที่เสีย กองหลังต้องรับผิดชอบ และ 1 ในนั้นคือสเกอร์เทล แต่เรากลับคิดว่า สเกอร์เทลเป็น 1 ในนักเตะไม่กี่คนที่ตั้งสติกลับเข้ามาในเกมได้เร็วจากการเสียประตู อีกคนที่เล่นในพื้นที่ตัวเองได้ดีคือ โมเรโน่ เขามีลูกขยันและเติมเกมรุกได้ดี

สเตอร์ลิ่ง เป็นนักเตะที่มีระยะเวลา Cool Down ต่ำ คือหลังจากวิ่งหมดแม็ก หรือแม้จะใช้สกิลอันติฯไปแล้ว เขาก็จะกลับมารีดฟอร์มและความเร็วแบบเดิมได้อีกในระยะเวลาอันรวดเร็ว เกมนี้เขาจึงเป็นนักเตะที่ทำให้รีล มาดริดวุ่นวายได้พอสมควร จะเห็นว่ามีช็อตนึงที่ อาเบลัววิ่งประกบน้องลิ่งไม่ทัน จนโครสต้องสปีดขึ้นมาบั๊มสเตอร์ลิงให้ล้ม ก่อนลิ่งจะพาบอลไปถึงโซนอันตราย

จากลูกยิงเบิกฟ้า ดับฝันโคชิเอ็งของโรนัลโด้ลูกแรก โมเมนตัมเทกลับมาที่ รีล มาดริด เบนเซม่า ก็จัดลูก 2 ต่อหลังจากนั้นไม่นาน นี่คือ เกมที่แฟนลิเวอร์พูลกลัวที่สุด คือ หลุดแล้วหลุดเลย ไหลแล้วไหลยาว

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

พวกเขาเจอนำ 3 ประตู แบบติดๆกันคือ
โรนัลโด้ นาทีที่ 23
เบนเซม่า นาทีที่ 30 และ 41

1 ลูกแรกจากโรนัลโด้คือ ความเหนือชั้นของนักเตะ แต่ 2 ลูกต่อมาคือสติกองหลังที่หลุดลอย ยังติดสตั๊นท์จากลูกแรกแบบที่กล่าวไปข้างต้น

สิ่งที่ช่วยลิเวอร์พูลไว้ในเกมนี้ คือ การเล่นในบ้าน บรรยากาศ ความคุ้นเคย ทำให้นักเตะไม่ถอดใจ หลังจบครึ่งแรก

เกมของลิเวอร์พูลดูเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด และครึ่งหลัง อันเชล็อตติถอดตัวหลักทั้ง โรนัลโด้/โครส/มาเชโล่ และส่งตัวคลึง ตัวนวดเกมอย่าง อิยาร่า/เคห์ดิร่า/นาโช ลงมาแทน นั่นคือดูจากรูปเกมโดยรวมแล้ว มาดริดขึงเกมรุกและอ่านทางเกมบุกของลิเวอร์พูลได้หมดแล้ว และถึงแม้จะถอดโรนัลโด้ออกไปแล้ว รีลมาดริด ยังเหลือทั้ง เบนเซม่า/ฆาเมส/อิสโก ที่กำลังท็อปฟอร์มในเกมบุกทั้ง 3 คนอยู่ดี

นี่คือความแตกต่างเรื่องระดับทีม และ ระดับนักเตะที่เราต้องยอมรับ

การแก้เกมของร็อดเจอร์ในเกมนี้คือ ครึ่งหลังเขาส่ง อดัม ลัลลานาลงมาแทนที่ บาโลเตลี่ ตามแทคติคถือว่าโอเค เพราะบาโลเตลลี่แทบไม่ได้สร้างความน่ากลัวในเกมรุกในเกมนี้เลย

บาโลเตลี่ เป็นกองหน้าที่มักดึงเกมช้า และมีมิติการจบสกอร์ไม่หลากหลายเท่าไรนัก คือ เป็นนักเตะที่ต้องรอจังหวะเข้าฮอสและรอเพื่อนปั้นจบ ซึ่งไม่ตอบโจทย์กับเกมรุกของลิเวอร์พูลในเวลานี้เลย หลายๆเกมเราจะเห็นได้ชัดว่า ไม่ใช่ลิเวอร์พูลไม่มีตัวเปิดบอลดีๆให้ แต่เป็นโอ้ที่ได้บอลในแดนหน้าหลายๆจังหวะ แต่ไม่เคยแต่งบอล กลับเลือกซัดโต้งๆไปเลย ซึ่งหลายครั้งเป็นการทำให้ทีมเสียโอกาสในเกมรุกมาก และเป็นนักเตะที่มักรอให้บอลมาหา ไม่ใช่วิ่งเข้าหาบอล

แม้แต่นักเตะแบบ โรนัลโด้เอง ในระยะหลัง เขาก็ไม่ได้ยืนแกร่วรอบอลอยู่ในแดนหน้าเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่ลงมาล้วงบอลไปเล่นเองด้วย บางคนอาจกล่าวว่า เพราะรีลมาดริด มีตัวจ่ายระดับเทพอยู่หลายตัว ต่อให้ใครไปเล่นก็คงทำประตูได้ง่าย แต่นั่นไม่ใช่เลย เพราะ คาริม เบนเซม่า เองก็ได้รับโอกาสในการป้อนบอลดีๆมากมาย แต่เขาก็ทำฟอร์มสากกะเบืออยู่หลายรอบ ต้องให้ทีมช่วยกันปั้นแล้วปั้นอีก (ก่อนหน้านี้เบนซ์เองพอยิงเองไม่ได้เลยหันไปซัพพอร์ตเพื่อนแทนด้วย)


แม้ลิเวอร์พูลจะไม่มีตัวป้อนหรือตัวทำเกมที่ดีเท่าที่รีล มาดริด กองหน้าที่ผ่านมาของลิเวอร์พูลจึงมักมีพวกสกิลเลี้ยงโดดเด่น สกิลจบเป็นของแถม ซัวเรซ หรือแม้แต่ตอร์เรส คือ 1 ในตองอูที่บ่มทุกสกิลมาจนเกือบหมดแล้ว เพราะงั้นไม่ว่าส่งบอลแบบไหน เขาถึงไปแต่งเล่นเองได้เกือบหมดทุกลูก

ปัญหาที่ทุกคนต่างรู้ดี แต่จนปัญญาในการแก้ปัญหาคือ
การเสียซัวเรซไปถาวร การเสียสเตอร์ริดจ์ไปในเกมสำคัญหลายสัปดาห์ ทำให้เกมรุกกับกองหน้าหน้าใหม่อย่าง บาโลฯ,แลมเบิร์ต เลยดูยักแย่ยักยันอย่างที่เห็น

อันที่จริง ลิเวอร์พูลเอง ต้านรีล มาดริดได้ดีกว่าที่คิดไว้เยอะมาก หากเทียบจากทรงบอลที่ งุนงงสงกา ในเกมลีก นัดนี้ถือว่า เวลอัพ อย่างที่บอกไปข้างต้น อาจเพราะนี่เป็นเกมในบ้าน เลยมีใจสู้มากกว่าปกติ

แม้ทีมตรงข้ามจะมีเกมรุกที่น่ากลัวมาก
กลับกันหากนี่เป็นเกมที่ต้องเยือนเบอร์นาเบว และทีมเจอนำแล้วสติหลุดแบบนี้ สกอร์ไหลไม่ต่ำกว่า 5 แน่นอน
ครึ่งหลังเราได้เห็นแล้วว่า รีล มาดริดผ่อนเกมอย่างเห็นได้ชัก แต่ ลิเวอร์พูลกลับไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้เลย

เกมนี้คือเกมที่เราได้ลิ้มรสของฟุตบอละดับโลกอย่างแท้จริงค่ะ
โดนแค่ 3 ผมนี้ยิ้มเลย!!!!

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่