คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
Windows , โปรแกรมต่างๆ , เกม ให้ติดตั้งลง ใน SSD ครับ
เพราะฉนั้น เวลาเลือกซื้อ SSD ความจุต่ำสุด ที่ควรเลือกใช้ ไม่น้อยกว่า 120-128 GB ครับ
ส่วนข้อมูลนี้ ผม copy มาอีกทีลองอ่านเพิ่มเติมครับ
การใช้ Solid-State จนใกล้เต็ม หรือเกิน 80% ของความจุ ไม่เป็นผลดีเท่าไหร่ เนื่องจาก Solid-State จะทำงานได้ช้าลงแบบเห็นได้ชัดเลย เพราะการสุ่มหาพื้นที่ว่างเขียนข้อมูลได้ยากขึ้น
- สอบถามเรื่องความเร็ว ssd ครับทำไมถึงลดลง
http://freemac.net/home/topic/17260-%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%A7-ssd-%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%84/
เพราะเซลล์ความจำใน SSD ไม่ค่อยว่างครับ ถึงคุณจะสั่งลบ Windows 7 ไปแล้ว
แต่ข้อมูลตรงนั้นยังไม่ถูกลบ
ต้นตอของปัญหานี้มาจากลักษณะพื้นฐานของ SSD ที่ไม่สามารถเขียนทับข้อมูลเดิม
ได้ทันที โดยต้องลบข้อมูลเก่าให้เซลล์ความจำนั้นๆ อยู่ในสถานะ ‘ว่าง’ ก่อน
จึงจะเขียนข้อมูลใหม่ลงไปได้ ซึ่งไม่เหมือนกับ HDD ที่สามารถเขียนทับได้เลย
OS ต่างๆ ในปัจจุบันนี้ยังมีลักษณะการทำงานที่เข้ากับ HDD มากกว่า คือ เวลาเรา
สั่งลบข้อมูล สิ่งที่ OS ทำก็จะมีแค่แก้ไขข้อมูลส่วนที่เป็นเหมือนสารบัญว่า ตำแหน่ง
LBA (Logical Block Addressing) บน HDD ตั้งแต่นี้ถึงตรงนี้ ไม่ใช้แล้ว
สามารถเขียนทับได้ โดยไม่มีการสั่งให้ขยับหัวอ่านไปลบข้อมูลนั้นจริงๆ แต่อย่างใด
เพราะเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับ HDD เนื่องจากถ้าต้องการเขียนข้อมูลใหม่ตรงไปที่
LBA นั้น ก็เขียนทับไปได้เลยโดยไม่ต้องลบก่อน
การทำงานแบบนี้เป็นปัญหามากกับ SSD เพราะตัวคอนโทรลเลอร์ใน SSD
จะไม่รู้ว่าข้อมูลตรงไหนลบได้ ตรงไหนลบไม่ได้ จนกว่า OS จะสั่งให้มีการ
เขียนข้อมูลใหม่ที่มีตำแหน่ง LBA ซ้ำกับข้อมูลที่มีอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเมื่อนั้นแหละ
คอนโทรลเลอร์ถึงจะมีโอกาสรู้ว่าข้อมูลนั้นๆ สามารถลบได้
แต่การลบข้อมูลเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลา และนอกจากนี้ SSD ก็ยังมี
ระบบเฉลี่ยการสึกหรอของเซลล์ความจำต่างๆ ด้วย ดังนั้น มันจึงมักจะไม่เขียน
ข้อมูลเข้าไปในเซลล์นั้นซ้ำอีก แต่จะมาร์คข้อมูลนั้นๆ ว่าเป็นข้อมูลที่ไม่ใช้แล้ว
(ค่อยกลับมาลบเวลามีเวลาว่าง) และหันไปเขียนข้อมูลลงในเซลล์อื่นที่ยังไม่เคย
ถูกใช้มาก่อนหรือถูกใช้เป็นจำนวนครั้งที่น้อยกว่าเซลล์นั้น และเป็นเซลล์ที่ว่าง
จะได้ไม่ต้องเสียเวลาลบก่อนเขียน
จากการที่ข้อมูลเก่าจะยังไม่ถูกลบ จนกว่า OS จะสั่งให้เขียนข้อมูลทับลงไปใน
ตำแหน่ง LBA เดียวกัน ทำให้เซลข้อมูลที่ยังว่างมีเหลือน้อยลงเรื่อยๆ และเมื่อจำนวน
เซลล์ว่างๆ มีไม่เพียงพอที่จะเขียน ก็จะถึงจุดที่คอนโทรลเลอร์ต้องหันไปลบข้อมูล
เก่าออกก่อนเขียน
ซึ่งการลบข้อมูลนี้ มันก็มีเงือนไขอีกอย่างที่ทำให้สถานการณ์ซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
คือ การเขียนข้อมูลสำหรับ SSD มันจะสามารถเขียนได้ครั้งละ 4K (1 Page)
แต่เวลาลบ จะต้องลบทั้งบล็อก (1 Block = 512K)
ดังนั้น บล็อกข้อมูลไหนที่มีข้อมูลเก่าปะปนอยู่แม้เพียง 4K (เพจเดียว) ก็จะต้อง
ทำการลบทั้งบล็อกนั้น วิธีการก็คือ คอนโทรลเลอร์จะก็อปปี้ข้อมูลในบล็อก
แล้วจัดการลบข้อมูลทั้งบล็อก แล้วเขียนข้อมูลกลับเข้าไป การลบจึงเป็นขั้นตอน
ที่ใช้เวลามากพอสมควร
ดังนั้นคุณจึงมักรู้สึกว่า SSD ช้าลงหลังจากใช้งานไปได้สักพัก โดยเฉพาะเวลา
ที่มีพื้นที่ว่างเหลือน้อย
แน่นอนว่าผู้ผลิตก็รู้ถึงปัญหานี้ จึงคิดวิธีการต่างๆ มารับมือ อย่างเช่น
Garbage Collection ซึ่งก็คือ เวลาที่คุณไม่ได้ใช้งาน SSD มากนัก
คอนโทรลเลอร์จะคอยตามลบข้อมูลเก่าที่มาร์คเอาไว้ให้ว่างเพื่อรอรับการเขียน
วิธีรับมืออีกอย่างก็คือ Trim โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาก่อนหน้าที่จะมี Trim นั้น
ตัว OS ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการ ‘ให้ความร่วมมือ’ กับคอนโทรลเลอร์ใน SSD เลย
Trim คือฟีเจอร์หนึ่งของ OS ที่เวลาคุณสั่งลบข้อมูลไหน OS จะทำการแจ้ง
ให้คอนโทรลเลอร์ของ SSD รับรู้ด้วย เพื่อคอนโทรลเลอร์จะได้มาร์คข้อมูลนั้นและ
จัดการลบเมื่อมีโอกาสทันทีโดยไม่ต้องรอจังหวะให้มี LBA ตรงกันเหมือนเมื่อก่อน
ช่วยให้จำนวนเซลล์ความจำที่ว่างๆ มีมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ Trim ใน OS X ถูกแอปเปิ้ล ‘กั๊ก’ ให้ทำงานเฉพาะกับ
SSD ที่ติดตั้งมากับแมคจากโรงงานเท่านั้น มันจะไม่ทำงานกับ SSD ที่คุณซื้อ
มาใส่เอง ถึงแม้ตอนนี้จะมีดีเวลลอปเปอร์คนหนึ่งเขียน Trim Enabler
ออกมาเพื่อให้ผู้ใช้แมคได้ใช้ฟีเจอร์ Trim กับ SSD ที่ซื้อมาใส่เอง
แต่จากฟิดแบคที่ได้ ดูเหมือนมันจะยังทำงานได้ไม่แน่นอนเท่าไหร่
เพราะฉนั้น เวลาเลือกซื้อ SSD ความจุต่ำสุด ที่ควรเลือกใช้ ไม่น้อยกว่า 120-128 GB ครับ
ส่วนข้อมูลนี้ ผม copy มาอีกทีลองอ่านเพิ่มเติมครับ
การใช้ Solid-State จนใกล้เต็ม หรือเกิน 80% ของความจุ ไม่เป็นผลดีเท่าไหร่ เนื่องจาก Solid-State จะทำงานได้ช้าลงแบบเห็นได้ชัดเลย เพราะการสุ่มหาพื้นที่ว่างเขียนข้อมูลได้ยากขึ้น
- สอบถามเรื่องความเร็ว ssd ครับทำไมถึงลดลง
http://freemac.net/home/topic/17260-%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%A7-ssd-%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%84/
เพราะเซลล์ความจำใน SSD ไม่ค่อยว่างครับ ถึงคุณจะสั่งลบ Windows 7 ไปแล้ว
แต่ข้อมูลตรงนั้นยังไม่ถูกลบ
ต้นตอของปัญหานี้มาจากลักษณะพื้นฐานของ SSD ที่ไม่สามารถเขียนทับข้อมูลเดิม
ได้ทันที โดยต้องลบข้อมูลเก่าให้เซลล์ความจำนั้นๆ อยู่ในสถานะ ‘ว่าง’ ก่อน
จึงจะเขียนข้อมูลใหม่ลงไปได้ ซึ่งไม่เหมือนกับ HDD ที่สามารถเขียนทับได้เลย
OS ต่างๆ ในปัจจุบันนี้ยังมีลักษณะการทำงานที่เข้ากับ HDD มากกว่า คือ เวลาเรา
สั่งลบข้อมูล สิ่งที่ OS ทำก็จะมีแค่แก้ไขข้อมูลส่วนที่เป็นเหมือนสารบัญว่า ตำแหน่ง
LBA (Logical Block Addressing) บน HDD ตั้งแต่นี้ถึงตรงนี้ ไม่ใช้แล้ว
สามารถเขียนทับได้ โดยไม่มีการสั่งให้ขยับหัวอ่านไปลบข้อมูลนั้นจริงๆ แต่อย่างใด
เพราะเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับ HDD เนื่องจากถ้าต้องการเขียนข้อมูลใหม่ตรงไปที่
LBA นั้น ก็เขียนทับไปได้เลยโดยไม่ต้องลบก่อน
การทำงานแบบนี้เป็นปัญหามากกับ SSD เพราะตัวคอนโทรลเลอร์ใน SSD
จะไม่รู้ว่าข้อมูลตรงไหนลบได้ ตรงไหนลบไม่ได้ จนกว่า OS จะสั่งให้มีการ
เขียนข้อมูลใหม่ที่มีตำแหน่ง LBA ซ้ำกับข้อมูลที่มีอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเมื่อนั้นแหละ
คอนโทรลเลอร์ถึงจะมีโอกาสรู้ว่าข้อมูลนั้นๆ สามารถลบได้
แต่การลบข้อมูลเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลา และนอกจากนี้ SSD ก็ยังมี
ระบบเฉลี่ยการสึกหรอของเซลล์ความจำต่างๆ ด้วย ดังนั้น มันจึงมักจะไม่เขียน
ข้อมูลเข้าไปในเซลล์นั้นซ้ำอีก แต่จะมาร์คข้อมูลนั้นๆ ว่าเป็นข้อมูลที่ไม่ใช้แล้ว
(ค่อยกลับมาลบเวลามีเวลาว่าง) และหันไปเขียนข้อมูลลงในเซลล์อื่นที่ยังไม่เคย
ถูกใช้มาก่อนหรือถูกใช้เป็นจำนวนครั้งที่น้อยกว่าเซลล์นั้น และเป็นเซลล์ที่ว่าง
จะได้ไม่ต้องเสียเวลาลบก่อนเขียน
จากการที่ข้อมูลเก่าจะยังไม่ถูกลบ จนกว่า OS จะสั่งให้เขียนข้อมูลทับลงไปใน
ตำแหน่ง LBA เดียวกัน ทำให้เซลข้อมูลที่ยังว่างมีเหลือน้อยลงเรื่อยๆ และเมื่อจำนวน
เซลล์ว่างๆ มีไม่เพียงพอที่จะเขียน ก็จะถึงจุดที่คอนโทรลเลอร์ต้องหันไปลบข้อมูล
เก่าออกก่อนเขียน
ซึ่งการลบข้อมูลนี้ มันก็มีเงือนไขอีกอย่างที่ทำให้สถานการณ์ซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
คือ การเขียนข้อมูลสำหรับ SSD มันจะสามารถเขียนได้ครั้งละ 4K (1 Page)
แต่เวลาลบ จะต้องลบทั้งบล็อก (1 Block = 512K)
ดังนั้น บล็อกข้อมูลไหนที่มีข้อมูลเก่าปะปนอยู่แม้เพียง 4K (เพจเดียว) ก็จะต้อง
ทำการลบทั้งบล็อกนั้น วิธีการก็คือ คอนโทรลเลอร์จะก็อปปี้ข้อมูลในบล็อก
แล้วจัดการลบข้อมูลทั้งบล็อก แล้วเขียนข้อมูลกลับเข้าไป การลบจึงเป็นขั้นตอน
ที่ใช้เวลามากพอสมควร
ดังนั้นคุณจึงมักรู้สึกว่า SSD ช้าลงหลังจากใช้งานไปได้สักพัก โดยเฉพาะเวลา
ที่มีพื้นที่ว่างเหลือน้อย
แน่นอนว่าผู้ผลิตก็รู้ถึงปัญหานี้ จึงคิดวิธีการต่างๆ มารับมือ อย่างเช่น
Garbage Collection ซึ่งก็คือ เวลาที่คุณไม่ได้ใช้งาน SSD มากนัก
คอนโทรลเลอร์จะคอยตามลบข้อมูลเก่าที่มาร์คเอาไว้ให้ว่างเพื่อรอรับการเขียน
วิธีรับมืออีกอย่างก็คือ Trim โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาก่อนหน้าที่จะมี Trim นั้น
ตัว OS ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการ ‘ให้ความร่วมมือ’ กับคอนโทรลเลอร์ใน SSD เลย
Trim คือฟีเจอร์หนึ่งของ OS ที่เวลาคุณสั่งลบข้อมูลไหน OS จะทำการแจ้ง
ให้คอนโทรลเลอร์ของ SSD รับรู้ด้วย เพื่อคอนโทรลเลอร์จะได้มาร์คข้อมูลนั้นและ
จัดการลบเมื่อมีโอกาสทันทีโดยไม่ต้องรอจังหวะให้มี LBA ตรงกันเหมือนเมื่อก่อน
ช่วยให้จำนวนเซลล์ความจำที่ว่างๆ มีมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ Trim ใน OS X ถูกแอปเปิ้ล ‘กั๊ก’ ให้ทำงานเฉพาะกับ
SSD ที่ติดตั้งมากับแมคจากโรงงานเท่านั้น มันจะไม่ทำงานกับ SSD ที่คุณซื้อ
มาใส่เอง ถึงแม้ตอนนี้จะมีดีเวลลอปเปอร์คนหนึ่งเขียน Trim Enabler
ออกมาเพื่อให้ผู้ใช้แมคได้ใช้ฟีเจอร์ Trim กับ SSD ที่ซื้อมาใส่เอง
แต่จากฟิดแบคที่ได้ ดูเหมือนมันจะยังทำงานได้ไม่แน่นอนเท่าไหร่
แสดงความคิดเห็น
สอบถามเรื่องการใช้ SSD