สวัสดีค่ะ เพื่อนร่วมทริปเป็นตากล้อง ส่วนเราเป็นคนเขียนกระทู้นี้
เรา 2 คน แบคแพคไปลาวใต้กันมาเมื่อ 23-25/07/14 โดยไม่ได้วางแผนอะไรมาก กับงบ 2500 บาท/คน
ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง ‘สบายดีปากเซ’ คงพอคุ้นๆกับสถานที่ ไปดูกันค่ะว่า 3 วัน 2 คืน ในลาวใต้ เราไปเที่ยวไหนกันมาบ้าง
วันแรกของการเดินทาง
ออกเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชธานี ด้วยหางแดงในราคาโปรโมชั่น (ค่าเครื่อง ไป-กลับ ถูกมาก ถ้าจองโปร 0 บาท ได้ยิ่งถูก ไม่ได้ช่วยขายของนะแต่มันคุ้มค่ากับ Backpacker อย่างเราๆ 555)
ลงเครื่องมาพร้อมกับฝน ไปขึ้นรถตู้ที่ บขส. อุบลฯ-ช่องเม็ก
มาถึงด่านช่องเม็ก ถ้ามี Passport ก็ผ่าน ตม. ไปได้เลย ส่วนคนที่ไม่มี Passport ต้องไปทำใบผ่านแดน 30 บาท สามารถพำนักอยู่ในประเทศลาวได้ 3 วัน จากนั้นก็ลอดอุโมงค์มาโผล่ที่ลาว ทำเรื่องเข้าประเทศ เสียค่าธรรมเนียมอีก 100 บาท (เจ้าหน้าที่ชาวลาวชมเราว่า ‘เขียนงาม’ ด้วยแหละ 555) เสร็จแล้วก็หารถไปปากเซ
เรานั่งรถตู้ที่ขับเลนซ้าย แต่พวงมาลัยอยู่ขวา จากวังเต่าไปตลาดใหม่ปากเซ ไม่กี่อึดใจก็มาถึง ‘สบายดีปากเซ’ ด้วยความที่ไม่มีแผนที่ มือถือก็ใช้ 3G ไม่ได้ มีแค่ข้อมูลที่ปริ้นซ์มาจากการรีวิวในพันทิป ก็เลยต้องเหมารถตุ๊กๆจากตลาดใหม่ไปโรงแรมที่ใกล้ที่สุด Walk-in ไปถามราคาและเข้าพักที่ ‘โรงแรมลานคำ’
เก็บของเรียบร้อย ก็นั่งรถเครื่องสามล้อไปเที่ยว ‘ตลาดดาวเรือง’ (ถ้าไม่คิดจะซื้อหมูเห็ดเป็ดไก่ไม่แนะนำให้ไปค่ะ เพราะมันคือตลาดสดดีๆนี่เอง 555) จากนั้นก็ไปหาอะไรกินกัน มื้อแรกในต่างแดน มาลาวใต้ทั้งทีก็ต้องกินของขึ้นชื่อ ‘เฝ๋อลานคำ’
อยากไปท่องราตรี นั่งจิบเบียร์ลาวริมโขง แต่สังขารไม่ให้ กลับมานอนตายอยู่โรงแรม หมดไปอีกวันกับการเดินทาง
วันที่สองของการเดินทาง
ตื่นเช้ามา Check-out ออกจากโรงแรม ไปแลกเงินที่ Western Union ฝั่งตรงข้าม ตอนนั้น 1 บาทไทย = 247.48 กีบลาว จากนั้นเช่ารถจักร 2 วัน น้ำมันเต็มถังพร้อมหมวกกันน็อค Motorcycle For Rent จะยึด Passport เราไว้ เอารถมาคืนเมื่อไหร่ค่อยจ่ายเงิน ทริปนี้เราจะใช้เจ้านี่เป็นยานพาหนะ พร้อมแล้วไปแว๊นกัน
ฝนตกก็ไม่หวั่นแม้การขับรถเที่ยว จุดหมายแรกของเราคือ ‘อุทยานบาเจียง’ ต้องเสียค่าเข้าชมและค่ายานพาหนะด้วย
‘น้ำตกผาส้วม’ สวยแต่น่ากลัว มาเที่ยวหน้าฝนน้ำก็เลยเป็นสีอย่างที่เห็น 555
ฝนตกหนักมาก อดเดินเที่ยวโดยรอบ เราก็เลยขับรถไปกันต่อ (ตากแดดตัวดำ ปวดตูดมาก ครั้งแรกในชีวิตที่ขับมอเตอร์ไซด์ไกลขนาดนี้)
ในที่สุดก็มาถึง ‘ท่าเรือนากะสัง’ จะมีร้านรับฝากรถจักร จากนั้นก็นั่งเรือข้ามฟากไปดอนเดด (ตอนนั้นจำได้เลยฝนตกหนักมาก นั่งเรือทวนแม่น้ำโขง ในใจก็ท่องนะโมสังโฆไปตลอดทาง 555)
มาถึงดอนเดด เดินหาที่พักราคาถูกกันก่อนเลย แล้วก็ไปได้ที่นี่
โยนกระเป๋าเรียบร้อย ได้เวลาไปหาอะไรกิน ที่นี่คล้ายๆกับ Homestay ฝรั่งเยอะมาก อาหารมีให้เลือกหลากหลาย คนไทยกินได้สบายมาก หลังจากนั้นเราก็เช่าจักรยานปั่นไปเที่ยว ‘ดอนคอน’
หลังจากที่จ่ายค่าธรรมเนียมเข้าชมเรียบร้อยแล้ว เราก็ปั่นจักรยานผ่านพิพิธภัณธ์หัวรถจักร สมัยฝรั่งเศสเข้ามาตั้งกองทัพในลาว
มาถึง Highlight ของที่นี่ ‘น้ำตกหลี่ผี’ หลี่ ในภาษาลาว หมายถึงที่จับปลา ส่วน ผี ก็หมายถึงศพคนตาย มีศพทหารมาติดเลยเป็นที่มาของชื่อน้ำตกหลี่ผี ช่วงนี้น้ำจะเยอะมากเพราะเป็นช่วงหน้าฝน
น้ำตกปิด 5 โมงเย็น เราเลยต้องรีบปั่นจักรยานกลับที่พัก มาถึงก็หาอะไรทานตามร้านอาหารริมโขง กว่าจะได้อาบน้ำนอนก็ 4 ทุ่มแล้ว สำหรับวันนี้ ราตรีสวัสดิ์
วันที่สามของการเดินทาง
ตื่นเช้าก็รีบเก็บข้าวของ Check-out ออกจากที่พัก เพื่อมารอขึ้นเรือข้ามฟาก ขากลับเรามีเพื่อนร่วมทริป ฝรั่งเต็มลำเลยจ้า แต่ได้แค่เก็บบรรยากาศรอบๆมาฝาก
มาถึงท่าเรือนากะสัง เดินตลาดหาอะไรกิน ได้นี่มาเป็นมื้อเช้า ‘ปาเต’ เนื้อบดใส่ผักยัดในขนมปังฝรั่งเศส อร่อยและถูกมาก
ด้วยความที่ขี้เกียจขับรถจักรกลับเลยขนขึ้นรถโดยสาร นากะสัง-เมืองปากเซ ทั้งคนทั้งรถคิดเป็นเงินไทย 600 บาท อารมณ์เหมือนนั่งรถเมล์บ้านเรา กินลมชมวิวไปจนถึงเมืองปากเซ จากนั้นก็ขับรถไปหาอะไรกินกันแถวริมโขง ระหว่างที่นั่งกินส้มตำเมี่ยงปลาน้ำโขงก็เก็บภาพความสวยงามของลาวใต้ไปด้วย
อิ่มแล้วก็ถึงเวลาต้องเอารถไปคืน ค่าเช่ารถจักร 400 บาท เช่า 2 วัน แต่ใช้จริงๆไม่คุ้ม 555 ออกมาจากร้านเช่ารถก็เดินหา บขส. ถามคนแถวนั้นไปตลอดทาง จนเดินมาถึงสถานที่ราชการแห่งหนึ่ง
เรา: ขอโทษนะคะ ที่นี่ใช่ บขส. หรือเปล่าคะ?
ยาม: แม่นแล้ว มาเฮ็ดหยัง
เรา: มาหารถตู้ไปวังเต่าค่ะ (มองเข้าไปข้างใน เริ่มเอะใจไม่ใช่ละ)
ยาม: ทำหน้างง แล้วบอกทางไปคิวรถตู้
เรา: หัวเราะพุ่ง อ๋อเข้าใจแล้ว คนลาวเรียกสถานีตำรวจว่า บขส. 555 (ปล่อยไก่ในต่างแดน)
แดดร้อนมากเดินไปอีกคงไม่ไหวเลยโบกรถเครื่องสามล้อให้ไปส่งที่คิวรถตู้ ตลาดใหม่ปากเซ-วังเต่า
ถึงด่านวังเต่า แวะช็อปปิ้ง Duty Free และจิบกาแฟแบรนด์ดังของลาวก่อนกลับ
เดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ ทริปแรกของเราอาจจะทุกลักทุเลและยังไปเที่ยวไม่ครบทุกที่ ถ้ามีโอกาสต้องกลับไปเที่ยวลาวใต้อีกแน่นอน ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ แล้วพบกันใหม่กับ 2 สาวแบกเป้ในทริปหน้าค่ะ
"...คนเราไปเที่ยวไกลๆได้ ถ้าใจพร้อม บางทีมันไม่จำเป็นต้องไปในที่ๆคนไปเยอะๆ พักโรงแรมหรูๆ กินอาหารแพงๆ เราแค่ไปเก็บเกี่ยวเอาประสบการณ์และความทรงจำกลับมาก็พอ ลองได้ไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านสักครั้งจะรู้ว่าที่นั่นมีอะไรมากกว่าที่คิด..."
[CR] แบกเป้เที่ยวลาวใต้กับเงิน 2500 บาท
เรา 2 คน แบคแพคไปลาวใต้กันมาเมื่อ 23-25/07/14 โดยไม่ได้วางแผนอะไรมาก กับงบ 2500 บาท/คน
ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง ‘สบายดีปากเซ’ คงพอคุ้นๆกับสถานที่ ไปดูกันค่ะว่า 3 วัน 2 คืน ในลาวใต้ เราไปเที่ยวไหนกันมาบ้าง
วันแรกของการเดินทาง
ออกเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชธานี ด้วยหางแดงในราคาโปรโมชั่น (ค่าเครื่อง ไป-กลับ ถูกมาก ถ้าจองโปร 0 บาท ได้ยิ่งถูก ไม่ได้ช่วยขายของนะแต่มันคุ้มค่ากับ Backpacker อย่างเราๆ 555)
ลงเครื่องมาพร้อมกับฝน ไปขึ้นรถตู้ที่ บขส. อุบลฯ-ช่องเม็ก
มาถึงด่านช่องเม็ก ถ้ามี Passport ก็ผ่าน ตม. ไปได้เลย ส่วนคนที่ไม่มี Passport ต้องไปทำใบผ่านแดน 30 บาท สามารถพำนักอยู่ในประเทศลาวได้ 3 วัน จากนั้นก็ลอดอุโมงค์มาโผล่ที่ลาว ทำเรื่องเข้าประเทศ เสียค่าธรรมเนียมอีก 100 บาท (เจ้าหน้าที่ชาวลาวชมเราว่า ‘เขียนงาม’ ด้วยแหละ 555) เสร็จแล้วก็หารถไปปากเซ
เรานั่งรถตู้ที่ขับเลนซ้าย แต่พวงมาลัยอยู่ขวา จากวังเต่าไปตลาดใหม่ปากเซ ไม่กี่อึดใจก็มาถึง ‘สบายดีปากเซ’ ด้วยความที่ไม่มีแผนที่ มือถือก็ใช้ 3G ไม่ได้ มีแค่ข้อมูลที่ปริ้นซ์มาจากการรีวิวในพันทิป ก็เลยต้องเหมารถตุ๊กๆจากตลาดใหม่ไปโรงแรมที่ใกล้ที่สุด Walk-in ไปถามราคาและเข้าพักที่ ‘โรงแรมลานคำ’
เก็บของเรียบร้อย ก็นั่งรถเครื่องสามล้อไปเที่ยว ‘ตลาดดาวเรือง’ (ถ้าไม่คิดจะซื้อหมูเห็ดเป็ดไก่ไม่แนะนำให้ไปค่ะ เพราะมันคือตลาดสดดีๆนี่เอง 555) จากนั้นก็ไปหาอะไรกินกัน มื้อแรกในต่างแดน มาลาวใต้ทั้งทีก็ต้องกินของขึ้นชื่อ ‘เฝ๋อลานคำ’
อยากไปท่องราตรี นั่งจิบเบียร์ลาวริมโขง แต่สังขารไม่ให้ กลับมานอนตายอยู่โรงแรม หมดไปอีกวันกับการเดินทาง
วันที่สองของการเดินทาง
ตื่นเช้ามา Check-out ออกจากโรงแรม ไปแลกเงินที่ Western Union ฝั่งตรงข้าม ตอนนั้น 1 บาทไทย = 247.48 กีบลาว จากนั้นเช่ารถจักร 2 วัน น้ำมันเต็มถังพร้อมหมวกกันน็อค Motorcycle For Rent จะยึด Passport เราไว้ เอารถมาคืนเมื่อไหร่ค่อยจ่ายเงิน ทริปนี้เราจะใช้เจ้านี่เป็นยานพาหนะ พร้อมแล้วไปแว๊นกัน
ฝนตกก็ไม่หวั่นแม้การขับรถเที่ยว จุดหมายแรกของเราคือ ‘อุทยานบาเจียง’ ต้องเสียค่าเข้าชมและค่ายานพาหนะด้วย
‘น้ำตกผาส้วม’ สวยแต่น่ากลัว มาเที่ยวหน้าฝนน้ำก็เลยเป็นสีอย่างที่เห็น 555
ฝนตกหนักมาก อดเดินเที่ยวโดยรอบ เราก็เลยขับรถไปกันต่อ (ตากแดดตัวดำ ปวดตูดมาก ครั้งแรกในชีวิตที่ขับมอเตอร์ไซด์ไกลขนาดนี้)
ในที่สุดก็มาถึง ‘ท่าเรือนากะสัง’ จะมีร้านรับฝากรถจักร จากนั้นก็นั่งเรือข้ามฟากไปดอนเดด (ตอนนั้นจำได้เลยฝนตกหนักมาก นั่งเรือทวนแม่น้ำโขง ในใจก็ท่องนะโมสังโฆไปตลอดทาง 555)
มาถึงดอนเดด เดินหาที่พักราคาถูกกันก่อนเลย แล้วก็ไปได้ที่นี่
โยนกระเป๋าเรียบร้อย ได้เวลาไปหาอะไรกิน ที่นี่คล้ายๆกับ Homestay ฝรั่งเยอะมาก อาหารมีให้เลือกหลากหลาย คนไทยกินได้สบายมาก หลังจากนั้นเราก็เช่าจักรยานปั่นไปเที่ยว ‘ดอนคอน’
หลังจากที่จ่ายค่าธรรมเนียมเข้าชมเรียบร้อยแล้ว เราก็ปั่นจักรยานผ่านพิพิธภัณธ์หัวรถจักร สมัยฝรั่งเศสเข้ามาตั้งกองทัพในลาว
มาถึง Highlight ของที่นี่ ‘น้ำตกหลี่ผี’ หลี่ ในภาษาลาว หมายถึงที่จับปลา ส่วน ผี ก็หมายถึงศพคนตาย มีศพทหารมาติดเลยเป็นที่มาของชื่อน้ำตกหลี่ผี ช่วงนี้น้ำจะเยอะมากเพราะเป็นช่วงหน้าฝน
น้ำตกปิด 5 โมงเย็น เราเลยต้องรีบปั่นจักรยานกลับที่พัก มาถึงก็หาอะไรทานตามร้านอาหารริมโขง กว่าจะได้อาบน้ำนอนก็ 4 ทุ่มแล้ว สำหรับวันนี้ ราตรีสวัสดิ์
วันที่สามของการเดินทาง
ตื่นเช้าก็รีบเก็บข้าวของ Check-out ออกจากที่พัก เพื่อมารอขึ้นเรือข้ามฟาก ขากลับเรามีเพื่อนร่วมทริป ฝรั่งเต็มลำเลยจ้า แต่ได้แค่เก็บบรรยากาศรอบๆมาฝาก
มาถึงท่าเรือนากะสัง เดินตลาดหาอะไรกิน ได้นี่มาเป็นมื้อเช้า ‘ปาเต’ เนื้อบดใส่ผักยัดในขนมปังฝรั่งเศส อร่อยและถูกมาก
ด้วยความที่ขี้เกียจขับรถจักรกลับเลยขนขึ้นรถโดยสาร นากะสัง-เมืองปากเซ ทั้งคนทั้งรถคิดเป็นเงินไทย 600 บาท อารมณ์เหมือนนั่งรถเมล์บ้านเรา กินลมชมวิวไปจนถึงเมืองปากเซ จากนั้นก็ขับรถไปหาอะไรกินกันแถวริมโขง ระหว่างที่นั่งกินส้มตำเมี่ยงปลาน้ำโขงก็เก็บภาพความสวยงามของลาวใต้ไปด้วย
อิ่มแล้วก็ถึงเวลาต้องเอารถไปคืน ค่าเช่ารถจักร 400 บาท เช่า 2 วัน แต่ใช้จริงๆไม่คุ้ม 555 ออกมาจากร้านเช่ารถก็เดินหา บขส. ถามคนแถวนั้นไปตลอดทาง จนเดินมาถึงสถานที่ราชการแห่งหนึ่ง
เรา: ขอโทษนะคะ ที่นี่ใช่ บขส. หรือเปล่าคะ?
ยาม: แม่นแล้ว มาเฮ็ดหยัง
เรา: มาหารถตู้ไปวังเต่าค่ะ (มองเข้าไปข้างใน เริ่มเอะใจไม่ใช่ละ)
ยาม: ทำหน้างง แล้วบอกทางไปคิวรถตู้
เรา: หัวเราะพุ่ง อ๋อเข้าใจแล้ว คนลาวเรียกสถานีตำรวจว่า บขส. 555 (ปล่อยไก่ในต่างแดน)
แดดร้อนมากเดินไปอีกคงไม่ไหวเลยโบกรถเครื่องสามล้อให้ไปส่งที่คิวรถตู้ ตลาดใหม่ปากเซ-วังเต่า
ถึงด่านวังเต่า แวะช็อปปิ้ง Duty Free และจิบกาแฟแบรนด์ดังของลาวก่อนกลับ
เดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ ทริปแรกของเราอาจจะทุกลักทุเลและยังไปเที่ยวไม่ครบทุกที่ ถ้ามีโอกาสต้องกลับไปเที่ยวลาวใต้อีกแน่นอน ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ แล้วพบกันใหม่กับ 2 สาวแบกเป้ในทริปหน้าค่ะ
"...คนเราไปเที่ยวไกลๆได้ ถ้าใจพร้อม บางทีมันไม่จำเป็นต้องไปในที่ๆคนไปเยอะๆ พักโรงแรมหรูๆ กินอาหารแพงๆ เราแค่ไปเก็บเกี่ยวเอาประสบการณ์และความทรงจำกลับมาก็พอ ลองได้ไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านสักครั้งจะรู้ว่าที่นั่นมีอะไรมากกว่าที่คิด..."
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น