จากคำร่ำลือและคำบอกกล่าวว่าจากคนรอบข้างว่ามือถือของ Apple เป็นระบบที่เสถียรที่สุดเราจึงตัดสินใจโบยมือลาจากค่าย SONY เข้าสู่สาวก iPhone อย่างเต็มตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2556 โดยการถอย iPhone 5 สีดำ 16GB ราคา 25,500 บาท เป็นมือถือเครื่องแรกที่แพงที่สุดในชีวิต .... เอาล่ะเริ่มเลย
ระยะเวลา 1 ปี 8 เดือน Ip5 ของเราใช้งานดีไม่มีปัญหาเลย จนเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2557 ที่ผ่านมาอาการเริ่มออกคือ แบตหมดเร็ว เครื่องร้อนจนแทบถือไม่ได้แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรจนเมื่อถอดเคสออกมาเช็คเครื่องแล้วสังเกตเห็นว่าหน้าจอนูนขึ้นมาถ้าใช้งานตอนกลางคืนนี่เห็นชัดเจนเลย มีแสงไฟรำไรๆ ออกมาจากตัวเครื่องจากส่วนหน้าจอที่นูนขึ้นมาอีกทั้งหน้าจอยังมีเส้นสีน้ำเงินขึ้น ด้วยประสบการณ์ที่ไม่เคยใช้ไอโฟนและไม่รู้ปัญหาเลย search หาศูนย์ Apple ที่รับซ่อมทันที
วันที่ 4 ตุลาคม 2557 นำเครื่องไปให้ศูนย์ imedic สาขาเดอะมอลงามวงศ์วาน เช็คดูอาการโดยพนักงานแจ้งว่าต้องทิ้งเครื่องให้เช็คเป็นเวลา 3 เดือนและบอกว่าศูนย์เค้าไม่รับเครมหากเครื่องหมดประกัน ถ้าเครื่องมีปัญหาแล้วซ่อมก็ไม่รู้ต้องเสียค่าซ่อมเท่าไหร่ ถ้าจะเปลี่ยนเครื่องใหม่มีค่าใช้จ่ายประมาณ 11,000 บาท .... โอ้วววววว แม่เจ้า ลำพังแค่ทิ้งเครื่องไว้รอเช็ค 3 เดือน ก็เสียความรู้สึกละ นี่ถ้าเครื่องมีปัญหาจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ต้องเสียตังค์อีกก็ไม่ไหวอย่างแรง เราเลยไม่ทิ้งเครื่องไว้และเดินออกไปถามร้านตู้มือถือที่รับซ่อมเค้าบอกว่าหน้าจอเสียถ้าจะเปลี่ยนก็ได้เลยราคา 2,500 บาท (อืม .... นะ เอาเข้าไป) แฟนบอกว่าให้เปลี่ยนไปเลย(เราทำงานที่นครสวรรค์ เดือนนึ่งเข้า กทม 2-3 ครั้ง) แต่เราไม่เปลี่ยนเพราะคิดว่าเครื่องเรายังไม่เคยโดนแกะน่าจะไปให้ศูนย์ที่อื่นดูก่อน และก็ทนใช้มันต่อไปเพราะคิดว่า เอาน่า ... นิดหน่อย ทนใช้ไปอีกนิดเดียวเดี๋ยวไอโฟน 6 ก็มาละจะได้ส่งซ่อมและซื้อเครื่องใหม่ทีเดียวเลยถ้าซ่อมเสร็จก็ให้แฟนใช้ .... อิอิ
วันที่ 20 ตุลาคม 2557 หลังจากทนใช้จนเริ่มไม่ไหวละเพราะเครื่องมันร้อนจนถือแทบไม่ได้ถ้าไม่ซ่อมหรือเปลี่ยนเครื่องใหม่คงต้องได้ทำหน้าใหม่ก่อนแน่ๆเพราะไม่รู้ว่ามันจะระเบิดใส่หน้าเมื่อไหร่ เลย search อ่านปัญหาต่างๆของไอโฟนก็รู้ว่าเครื่องเราต้องแบตบวมแบตเสื่อมแน่ๆ และก็พบว่าทาง Apple มีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้ฟรี ลองตรวจสอบดูว่าเครื่องเราเข้าข่ายพอเปลี่ยนได้ไหมปรากฎว่า No No No
จากนั้นก็เลยโทรหาศูนย์บริการซ่อมในไทยเพื่อขอคำแนะนำปรึกษาแต่ก็ไม่มีผู้ใดรับสายและโทรไปศูนย์ที่สิงคโปร (เบอร์ 001 800 4412904 และ 001 800 656957) แต่ก็เหมือนเดิมแถมต้องถือสายรอนานเกือบครึ่งชั่วโมง ณ.ตอนนั้นความชื่นชอบใน Apple iPhone เริ่มไม่มีละซื้อมาก็ไม่ใช่ราคาถูกๆแถมยังต้องมาเสียค่าซ่อมที่แพงมากอีก ... เริ่มเซ็งไม่เอาแล้วไอโฟนเนี่ยไอโฟน 6 ก็ไม่เอาแล้ว(ทั้งที่ลงทะเบียนแสดงความสนใจไอโฟน6 สีดำแล้วก็ตาม)
และต่อจากนั้นก็ถ่ายรูปเครื่องและส่งเมลหาคุณ Tim cook CEOของAppleด้วยภาษาอังกฤษแบบงูๆปลาๆที่ติดตัวมาและความช่วยเหลือจากอากู๋ โดยบอกลักษณะอาการของเครื่องพร้อมตัดพ้อเล็กน้อยเพื่อให้เค้าได้รับทราบปัญหาของเราบ้าง
วันที่ 21 ตุลาคม 2557 ก็ยังใช้ไอโฟน 5 ต่อไป เพื่อรอวันหยุดเข้า กทม. ส่งศูนย์ซ่อมจะกี่เดือนก็ช่างมันเหอะเพราะไม่ไหวละและตัดสินใจเลือก Samsung GALAXY ALPHA แทน iPhone 6 หลังจากส่งไอโฟน 5 เข้าศูนย์ซ่อมด้วยสเปกและคุณสมบัติที่เหนือกว่า(บางอย่าง)และถูกกว่าถึงจะไม่เทียบเท่าไอโฟนก็เหอะ
วันที่ 22 ตุลาคม 2557 Forward เมลหาคุณ Philip W. Schiller และคุณ Eddy Cue Senior ด้านการตลาดและบริการของApple เพื่อให้รับทราบปัญหาของผู้ใช้คนเล็กๆอย่างเราบ้าง แต่หลังจากนั้นประมาณ 3 ชั่วโมงคุณ James Chang ผู้บริหารด้านความสัมพันธ์ของลูกค้าโทรมาหาเราแต่เราก็บอกว่าเราพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยถึงแม้จะท็อปภาษาอังกฤษตอน ม.1 ก็เหอะ เค้าเลยจะหาล่ามมาแปลให้เราและวางสายไป 10 นาทีต่อมาก็โทรเข้ามาพร้อมล่ามที่พูดภาษาไทยได้พูดจาดีมากๆเลย ก็พูดคุยและบอกเล่าถึงปัญหาของเครื่องและแนวทางการทางซ่อม เค้าถามเราว่าเราจะเครมเครื่องฟรีใช่ไหม เราบอกว่าไม่ต้องการเครมเครื่องฟรีหรอกแค่อยากรู้ว่าทำไมการซ่อมมันถึงแพงจังถ้าซื้อมือถือยี่ห้ออื่นมือหนึ่งได้สบายๆเลย เราบอกว่าเสียความรู้สึกที่ศูนย์ให้บริการไม่ครอบคลุมเหมือนเอาเปรียบลูกค้าและจะซ่อมเครื่องให้เราได้ไหมเค้าบอกเราว่าจะโทรมาหาเราอีกทีวันพรุ่งนี้ (23 ต.ค.2557) เพื่อแจ้งแนวทางการซ่อมและเค้าก็บอกว่าถ้ามีปัญหาให้ส่งเมลหาเค้าได้เลย ก็ขอบคุณและวางสายไป ซักพักคุณ James Chang ก็เมลมาหาเราและแจ้ง Apple Case Number ก็ไม่รู้หรอกว่าทาง Apple จะแก้ไขปัญหาให้เรายังไงเพราะมันเสียความรู้สึกกับเครื่องไปละ แต่ความรู้สึกในแง่การให้บริการเรารู้สึกดีนะที่เค้าใส่ใจลูกค้าดีจัง .....

บอกเล่าปัญหา iPhone5 ใช้ไปใช้มามีแสงออร่าด้วย
ระยะเวลา 1 ปี 8 เดือน Ip5 ของเราใช้งานดีไม่มีปัญหาเลย จนเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2557 ที่ผ่านมาอาการเริ่มออกคือ แบตหมดเร็ว เครื่องร้อนจนแทบถือไม่ได้แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรจนเมื่อถอดเคสออกมาเช็คเครื่องแล้วสังเกตเห็นว่าหน้าจอนูนขึ้นมาถ้าใช้งานตอนกลางคืนนี่เห็นชัดเจนเลย มีแสงไฟรำไรๆ ออกมาจากตัวเครื่องจากส่วนหน้าจอที่นูนขึ้นมาอีกทั้งหน้าจอยังมีเส้นสีน้ำเงินขึ้น ด้วยประสบการณ์ที่ไม่เคยใช้ไอโฟนและไม่รู้ปัญหาเลย search หาศูนย์ Apple ที่รับซ่อมทันที
วันที่ 4 ตุลาคม 2557 นำเครื่องไปให้ศูนย์ imedic สาขาเดอะมอลงามวงศ์วาน เช็คดูอาการโดยพนักงานแจ้งว่าต้องทิ้งเครื่องให้เช็คเป็นเวลา 3 เดือนและบอกว่าศูนย์เค้าไม่รับเครมหากเครื่องหมดประกัน ถ้าเครื่องมีปัญหาแล้วซ่อมก็ไม่รู้ต้องเสียค่าซ่อมเท่าไหร่ ถ้าจะเปลี่ยนเครื่องใหม่มีค่าใช้จ่ายประมาณ 11,000 บาท .... โอ้วววววว แม่เจ้า ลำพังแค่ทิ้งเครื่องไว้รอเช็ค 3 เดือน ก็เสียความรู้สึกละ นี่ถ้าเครื่องมีปัญหาจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ต้องเสียตังค์อีกก็ไม่ไหวอย่างแรง เราเลยไม่ทิ้งเครื่องไว้และเดินออกไปถามร้านตู้มือถือที่รับซ่อมเค้าบอกว่าหน้าจอเสียถ้าจะเปลี่ยนก็ได้เลยราคา 2,500 บาท (อืม .... นะ เอาเข้าไป) แฟนบอกว่าให้เปลี่ยนไปเลย(เราทำงานที่นครสวรรค์ เดือนนึ่งเข้า กทม 2-3 ครั้ง) แต่เราไม่เปลี่ยนเพราะคิดว่าเครื่องเรายังไม่เคยโดนแกะน่าจะไปให้ศูนย์ที่อื่นดูก่อน และก็ทนใช้มันต่อไปเพราะคิดว่า เอาน่า ... นิดหน่อย ทนใช้ไปอีกนิดเดียวเดี๋ยวไอโฟน 6 ก็มาละจะได้ส่งซ่อมและซื้อเครื่องใหม่ทีเดียวเลยถ้าซ่อมเสร็จก็ให้แฟนใช้ .... อิอิ
วันที่ 20 ตุลาคม 2557 หลังจากทนใช้จนเริ่มไม่ไหวละเพราะเครื่องมันร้อนจนถือแทบไม่ได้ถ้าไม่ซ่อมหรือเปลี่ยนเครื่องใหม่คงต้องได้ทำหน้าใหม่ก่อนแน่ๆเพราะไม่รู้ว่ามันจะระเบิดใส่หน้าเมื่อไหร่ เลย search อ่านปัญหาต่างๆของไอโฟนก็รู้ว่าเครื่องเราต้องแบตบวมแบตเสื่อมแน่ๆ และก็พบว่าทาง Apple มีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้ฟรี ลองตรวจสอบดูว่าเครื่องเราเข้าข่ายพอเปลี่ยนได้ไหมปรากฎว่า No No No
จากนั้นก็เลยโทรหาศูนย์บริการซ่อมในไทยเพื่อขอคำแนะนำปรึกษาแต่ก็ไม่มีผู้ใดรับสายและโทรไปศูนย์ที่สิงคโปร (เบอร์ 001 800 4412904 และ 001 800 656957) แต่ก็เหมือนเดิมแถมต้องถือสายรอนานเกือบครึ่งชั่วโมง ณ.ตอนนั้นความชื่นชอบใน Apple iPhone เริ่มไม่มีละซื้อมาก็ไม่ใช่ราคาถูกๆแถมยังต้องมาเสียค่าซ่อมที่แพงมากอีก ... เริ่มเซ็งไม่เอาแล้วไอโฟนเนี่ยไอโฟน 6 ก็ไม่เอาแล้ว(ทั้งที่ลงทะเบียนแสดงความสนใจไอโฟน6 สีดำแล้วก็ตาม)
และต่อจากนั้นก็ถ่ายรูปเครื่องและส่งเมลหาคุณ Tim cook CEOของAppleด้วยภาษาอังกฤษแบบงูๆปลาๆที่ติดตัวมาและความช่วยเหลือจากอากู๋ โดยบอกลักษณะอาการของเครื่องพร้อมตัดพ้อเล็กน้อยเพื่อให้เค้าได้รับทราบปัญหาของเราบ้าง
วันที่ 21 ตุลาคม 2557 ก็ยังใช้ไอโฟน 5 ต่อไป เพื่อรอวันหยุดเข้า กทม. ส่งศูนย์ซ่อมจะกี่เดือนก็ช่างมันเหอะเพราะไม่ไหวละและตัดสินใจเลือก Samsung GALAXY ALPHA แทน iPhone 6 หลังจากส่งไอโฟน 5 เข้าศูนย์ซ่อมด้วยสเปกและคุณสมบัติที่เหนือกว่า(บางอย่าง)และถูกกว่าถึงจะไม่เทียบเท่าไอโฟนก็เหอะ
วันที่ 22 ตุลาคม 2557 Forward เมลหาคุณ Philip W. Schiller และคุณ Eddy Cue Senior ด้านการตลาดและบริการของApple เพื่อให้รับทราบปัญหาของผู้ใช้คนเล็กๆอย่างเราบ้าง แต่หลังจากนั้นประมาณ 3 ชั่วโมงคุณ James Chang ผู้บริหารด้านความสัมพันธ์ของลูกค้าโทรมาหาเราแต่เราก็บอกว่าเราพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยถึงแม้จะท็อปภาษาอังกฤษตอน ม.1 ก็เหอะ เค้าเลยจะหาล่ามมาแปลให้เราและวางสายไป 10 นาทีต่อมาก็โทรเข้ามาพร้อมล่ามที่พูดภาษาไทยได้พูดจาดีมากๆเลย ก็พูดคุยและบอกเล่าถึงปัญหาของเครื่องและแนวทางการทางซ่อม เค้าถามเราว่าเราจะเครมเครื่องฟรีใช่ไหม เราบอกว่าไม่ต้องการเครมเครื่องฟรีหรอกแค่อยากรู้ว่าทำไมการซ่อมมันถึงแพงจังถ้าซื้อมือถือยี่ห้ออื่นมือหนึ่งได้สบายๆเลย เราบอกว่าเสียความรู้สึกที่ศูนย์ให้บริการไม่ครอบคลุมเหมือนเอาเปรียบลูกค้าและจะซ่อมเครื่องให้เราได้ไหมเค้าบอกเราว่าจะโทรมาหาเราอีกทีวันพรุ่งนี้ (23 ต.ค.2557) เพื่อแจ้งแนวทางการซ่อมและเค้าก็บอกว่าถ้ามีปัญหาให้ส่งเมลหาเค้าได้เลย ก็ขอบคุณและวางสายไป ซักพักคุณ James Chang ก็เมลมาหาเราและแจ้ง Apple Case Number ก็ไม่รู้หรอกว่าทาง Apple จะแก้ไขปัญหาให้เรายังไงเพราะมันเสียความรู้สึกกับเครื่องไปละ แต่ความรู้สึกในแง่การให้บริการเรารู้สึกดีนะที่เค้าใส่ใจลูกค้าดีจัง .....