ถ้าไม่ได้ตอบในแนวทาง "ใช่" ทั้ง 4 ข้อ ควรใช้บริการกองทุนรวมครับ
1. เรามีเงินลงทุนมากพอที่จะเสียเวลาเรื่องอื่น ๆ ไปกับเรื่องการลงทุนด้วยตัวเอง แล้วหรือยัง ?
2. เรามีเวลาติดตามข่าวสารข้อมูล เพียงพอหรือไม่ ?
3. เรามีความรู้ความเข้าใจเรื่องการลงทุนเรื่องธุรกิจ ลึกซึ้งแค่ไหน ?
4. ในบรรดาการงานต่าง ๆ เราถนัดเรื่องลงทุนที่สุดแล้ว ใช่ไหม ?
ข้อ 1. จะช่วยเช็คว่า มันคุ้มมั๊ย ที่เราจะเอาเวลาซึ่งใช้ทำอย่างอื่นได้ มาใช้กับเรื่องลงทุน โดยใช้ขนาดของเงินที่เรามี เป็นตัววัด คือถ้าเงินน้อย แต่ต้องใช้เวลามาก แบบนี้ชีวิตจะเสียโอกาสในการทำงานทำการอย่างอื่น ถ้าข้อนี้ตอบ "ยังมีเงินไม่พอ" ก็คือ ยังไม่คุ้มที่จะทุ่มเทเวลากับการลงทุนที่ต้องดูแลเองทั้งหมด
ต่อให้ข้อ 1 . เราตอบว่ามีเงินมากพอ (เช่น 10 เท่าของเงินเดือนทั้งปี ซึ่งถ้าเราเก่งมาก หาผลตอบแทนได้ 10% ก็จะชดเชยรายได้จากเงินเดือนได้ทันที) แต่พอมาเจอ ข้อ 2. แล้วเราไม่มีเวลาดู แบบนี้เสี่ยงจะตกข่าว ปรับตัวไม่ทัน สูงมาก ข้อนี้ถ้าตอบ "ไม่มีเวลา" ก็ไม่น่าลงทุนแบบที่ต้องดูแลเองทั้งหมด
ต่อให้เรามีเงินมากพอ มีเวลาดู แต่พอมาเจอข้อ 3. แล้วเราไม่มีความรู้ความเข้าใจดีพอ แบบนี้ก็เสี่ยงจะโดนหลอก จะไม่เข้าใจว่าเขากำลังทำอะไรกันในตลาดหุ้น ก็ไม่น่าลงทุนแบบที่ต้องดูแลเองทั้งหมดเช่นกัน
และต่อให้เรามีเงินมากพอ มีเวลาดู และมีความรู้ดีพอ แต่ถ้าเจอข้อ 4. แล้วเรารู้ตัวว่า เรามีความสามารถในการทำการงานด้านอื่น ๆ ได้ดีมาก ๆ ดีกว่าเรื่องลงทุน เราก็ไม่ควรใช้ชีวิตแบบที่ไม่ได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งก็คือ ไม่ควรลงทุนแบบที่ต้องดูแลเองทั้งหมดเช่นกัน เอาเวลาไปทำมาหากินด้านอื่น ๆ จะดีกว่า ส่วนเงินที่มีก็ให้คนที่เขาถนัดด้านนี้สุด และมีหน้าที่เฉพาะอยู่แล้ว ช่วยดูแลแทน
สรุปว่า ถ้าเรารู้ตัวเอง และยอมรับความจริงตามที่เราเป็น เราก็จะสามารถทำประโยชน์สูงสุดในภาพรวม ให้ตัวเองได้
Thailand Investment Forum
http://www.facebook.com/ThInvestForum
4 ข้อที่ควรถามตัวเอง ในการเลือกวิธีลงทุน
1. เรามีเงินลงทุนมากพอที่จะเสียเวลาเรื่องอื่น ๆ ไปกับเรื่องการลงทุนด้วยตัวเอง แล้วหรือยัง ?
2. เรามีเวลาติดตามข่าวสารข้อมูล เพียงพอหรือไม่ ?
3. เรามีความรู้ความเข้าใจเรื่องการลงทุนเรื่องธุรกิจ ลึกซึ้งแค่ไหน ?
4. ในบรรดาการงานต่าง ๆ เราถนัดเรื่องลงทุนที่สุดแล้ว ใช่ไหม ?
ข้อ 1. จะช่วยเช็คว่า มันคุ้มมั๊ย ที่เราจะเอาเวลาซึ่งใช้ทำอย่างอื่นได้ มาใช้กับเรื่องลงทุน โดยใช้ขนาดของเงินที่เรามี เป็นตัววัด คือถ้าเงินน้อย แต่ต้องใช้เวลามาก แบบนี้ชีวิตจะเสียโอกาสในการทำงานทำการอย่างอื่น ถ้าข้อนี้ตอบ "ยังมีเงินไม่พอ" ก็คือ ยังไม่คุ้มที่จะทุ่มเทเวลากับการลงทุนที่ต้องดูแลเองทั้งหมด
ต่อให้ข้อ 1 . เราตอบว่ามีเงินมากพอ (เช่น 10 เท่าของเงินเดือนทั้งปี ซึ่งถ้าเราเก่งมาก หาผลตอบแทนได้ 10% ก็จะชดเชยรายได้จากเงินเดือนได้ทันที) แต่พอมาเจอ ข้อ 2. แล้วเราไม่มีเวลาดู แบบนี้เสี่ยงจะตกข่าว ปรับตัวไม่ทัน สูงมาก ข้อนี้ถ้าตอบ "ไม่มีเวลา" ก็ไม่น่าลงทุนแบบที่ต้องดูแลเองทั้งหมด
ต่อให้เรามีเงินมากพอ มีเวลาดู แต่พอมาเจอข้อ 3. แล้วเราไม่มีความรู้ความเข้าใจดีพอ แบบนี้ก็เสี่ยงจะโดนหลอก จะไม่เข้าใจว่าเขากำลังทำอะไรกันในตลาดหุ้น ก็ไม่น่าลงทุนแบบที่ต้องดูแลเองทั้งหมดเช่นกัน
และต่อให้เรามีเงินมากพอ มีเวลาดู และมีความรู้ดีพอ แต่ถ้าเจอข้อ 4. แล้วเรารู้ตัวว่า เรามีความสามารถในการทำการงานด้านอื่น ๆ ได้ดีมาก ๆ ดีกว่าเรื่องลงทุน เราก็ไม่ควรใช้ชีวิตแบบที่ไม่ได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งก็คือ ไม่ควรลงทุนแบบที่ต้องดูแลเองทั้งหมดเช่นกัน เอาเวลาไปทำมาหากินด้านอื่น ๆ จะดีกว่า ส่วนเงินที่มีก็ให้คนที่เขาถนัดด้านนี้สุด และมีหน้าที่เฉพาะอยู่แล้ว ช่วยดูแลแทน
สรุปว่า ถ้าเรารู้ตัวเอง และยอมรับความจริงตามที่เราเป็น เราก็จะสามารถทำประโยชน์สูงสุดในภาพรวม ให้ตัวเองได้
Thailand Investment Forum
http://www.facebook.com/ThInvestForum