ชีวิตมันจะง่ายกว่าไหม? ถ้า...
.
.
1.เมื่อคุณมีแบงก์ 100 ขึ้นไปแล้วจะขึ้นรถเมล์ คุณเข้า 7/11 ไปหาไรกินสัก 5 บาท 10 บาท ( กินน้ำเปล่าขวดเล็กๆ ก็ได้ ดื่มน้ำเยอะๆ ดีแล้ว ) ไม่ก็หาแลกตามร้านค้า อย่างน้อยคุณก็มีแบงก์ย่อยหรือเหรียญไว้จ่าย แล้วได้เงินทอนพอดี ไม่ต้องหงุดหงิดเวลากระเป๋าบอกไม่มีเงินทอน , ไม่ต้องกระวนกระวายเมื่อกระเป๋าขอรับแบงก์นั้นไปก่อนแล้วบอกจะทอนทีหลัง และไม่ต้องเสี่ยงทะเลาะกับกระเป๋า ( เพราะที่ผ่านมากระเป๋าเคยเจอพวกใช้มุขหยิบแบงก์ใหญ่มาจ่าย เพื่อให้กระเป๋ารำคาญแล้วไม่เก็บเงิน จะได้ขึ้นฟรีมาแล้ว )
.
2.เมื่อคุณมีแบงก์ 500 ขึ้นไป แล้วจะขึ้นรถตู้ ทำแบบข้อ 1 คุณก็จะมีเงินพอจ่ายค่ารถ ที่ส่วนใหญ่ไม่เกิน 100 บาทได้แบบคนขับหรือคนขายตั๋วที่เก็บเงินไม่ต้องเซ็งที่ต้องไปหาเงินทอน และไม่ทำให้คนอื่นๆ ที่ขึ้นรถคันเดียวกันรอนาน ( เพราะคนขับต้องเสียเวลาไปหาแลกแบงก์ย่อย ) อีกด้วย
.
3.เวลาคุณขึ้นแท็กซี่ หาแลกแบงก์ร้อยหรือแบงก์ 20,50 ไว้ก่อนดีกว่า เพราะมันกะระยะทางยาก การที่เตรียมเงินไว้แบบที่เขาทอนได้ง่ายๆ จะได้ไม่ต้องมาหงุดหงิดเรื่องแท็กซี่ไม่มีเงินทอนแล้วจำใจจ่ายเกินไป
.
4.ร้าน 7/11 มีเงินเหรียญและแบงก์ทุกชนิด เพราะเขามีระะบบ Logistic ที่ดี ไม่ใช่แค่สินค้า แต่รวมถึงการเตรียมเงินไว้ทอนลูกค้าด้วย แต่นั่นเพราะเขาเป็นบริษัทใหญ่ระดับเอเชีย โชห่-ยก็ดี SME ก็ดี ทำให้ตายก็ไม่มีวันสู้เขาได้ ดังนั้นอย่าเอามาตรฐาน 7/11 ( และมินิมาร์ทของทุนใหญ่อื่นๆ เช่น Family Mart , Tesco , Big-C ) มาใช้กับทุนเล็ก มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
.
5.ก่อนเดินทาง ตรวจสอบสักนิดว่ายานพาหนะแต่ละประเภทราคาค่าโดยสารเท่าไร..อย่าอ้างไม่มีเวลา ถ้าคุณบอกว่าเคยขึ้นครั้งแรก หรือยังไม่เคยไปทางนั้น ก็ควรไปถึงก่อนเดินทางอย่างน้อยสัก 1 ชั่วโมง เพื่อสอบถามเส้นทาง ป้ายที่จะลง จุดต่อยานพาหนะสายอื่นๆ และราคาค่าโดยสาร เพื่อจะได้เตรียมตัวให้เรียบร้อย ไม่ฉุกละหุกจนหงุดหงิด วีนเหวี่ยงให้คนอื่นเซ็งไปด้วย
.
6.พึงเข้าใจด้วยว่า แม้เรายังมีเหรียญ 25,50 สตางค์ใช้ แต่ราคาสินค้าส่วนใหญ่เป็นบาทเต็ม ดังนั้นที่ไหนที่เขาไม่ได้ใช้เหรียญพวกนี้ ก็อย่าไปโวยวายเขาเลย เตรียมตัวตามข้อบนๆ สบายใจกว่า คุณได้ไม่ต้องหงุดหงิดที่เขาไม่รับ ส่วนเขาก็จะได้มีเงินแบบที่ใช้ได้ง่ายๆ ไม่ต้องไปหาแลกให้ยุ่งยาก
.
7.เวลาสั่งข้าวปลาอาหาร ถ้าสักพักเขายังไม่เอามาเสิร์ฟ อย่าเพิ่งรีบเหวี่ยงหรือบ่นบนโลกออนไลน์ ไปทวงพนักงานด้วยความสุภาพก่อน เชื่อเถอะส่วนมากเขาจะขอโทษคุณ และเดี๋ยวก็นำมาเสิร์ฟในเวลาไม่นาน
.
.
.
จะหาว่าผมใช้ชีวิตแบบไม่รักษาสิทธิ์ก็ได้นะครับ
.
แต่ผมเองไม่เคยเห็นด้วยกับคำว่า
"ลูกค้าคือพระเจ้า" เท่าไร
.
ผมมองว่าพนักงานคือ
"คนเหมือนกัน" เสมอเท่ากันครับ ดังนั้นการเหวี่ยงก็ดี รายงานผู้บังคับบัญชาก็ดี ประจานบนโลกออนไลน์ก็ดี เป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำ
.
( และยังไม่เคยทำ ส่วนมากคุยกันดีๆ เตือนกันดีๆ เขาก็ขอโทษ ยิ่งเป็นพนักงานใหม่ยิ่งไม่ถือสา )
.
อะไรทำเองได้ เตรียมตัวก่อนได้ ก็เตรียมเถอะครับ ลองสมมติว่าคุณทำงานบริการ คุณเจอลูกค้ามากมาย ร้อยพ่อพันแม่ ถ้าทุกคนเอาแต่เรียกร้อง ร้องขอ โดยที่ไม่มีลูกค้าคนไหนเตรียมพร้อมมาเลย คุณจะรู้สึกยังไง
.
.
คุณก็คน..เขาก็คน , คุณรู้สึกยังไง..เขาก็รู้สึกแบบเดียวกัน
.
.
ฝากไว้เท่านี้แหละครับ
.
ปล.กัดฟันจิ้มบน Galaxy S4 Zoom ( จนปวดมือ ) เพราะเบื่อกระทู้วีนเหวี่ยงทั้งหลายครับ
ถึงพวกชอบวีนเหวี่ยงและโวยวายกับพนักงานภาคบริการ : ชีวิตคุณจะง่ายกว่าไหม? ถ้า...
.
.
1.เมื่อคุณมีแบงก์ 100 ขึ้นไปแล้วจะขึ้นรถเมล์ คุณเข้า 7/11 ไปหาไรกินสัก 5 บาท 10 บาท ( กินน้ำเปล่าขวดเล็กๆ ก็ได้ ดื่มน้ำเยอะๆ ดีแล้ว ) ไม่ก็หาแลกตามร้านค้า อย่างน้อยคุณก็มีแบงก์ย่อยหรือเหรียญไว้จ่าย แล้วได้เงินทอนพอดี ไม่ต้องหงุดหงิดเวลากระเป๋าบอกไม่มีเงินทอน , ไม่ต้องกระวนกระวายเมื่อกระเป๋าขอรับแบงก์นั้นไปก่อนแล้วบอกจะทอนทีหลัง และไม่ต้องเสี่ยงทะเลาะกับกระเป๋า ( เพราะที่ผ่านมากระเป๋าเคยเจอพวกใช้มุขหยิบแบงก์ใหญ่มาจ่าย เพื่อให้กระเป๋ารำคาญแล้วไม่เก็บเงิน จะได้ขึ้นฟรีมาแล้ว )
.
2.เมื่อคุณมีแบงก์ 500 ขึ้นไป แล้วจะขึ้นรถตู้ ทำแบบข้อ 1 คุณก็จะมีเงินพอจ่ายค่ารถ ที่ส่วนใหญ่ไม่เกิน 100 บาทได้แบบคนขับหรือคนขายตั๋วที่เก็บเงินไม่ต้องเซ็งที่ต้องไปหาเงินทอน และไม่ทำให้คนอื่นๆ ที่ขึ้นรถคันเดียวกันรอนาน ( เพราะคนขับต้องเสียเวลาไปหาแลกแบงก์ย่อย ) อีกด้วย
.
3.เวลาคุณขึ้นแท็กซี่ หาแลกแบงก์ร้อยหรือแบงก์ 20,50 ไว้ก่อนดีกว่า เพราะมันกะระยะทางยาก การที่เตรียมเงินไว้แบบที่เขาทอนได้ง่ายๆ จะได้ไม่ต้องมาหงุดหงิดเรื่องแท็กซี่ไม่มีเงินทอนแล้วจำใจจ่ายเกินไป
.
4.ร้าน 7/11 มีเงินเหรียญและแบงก์ทุกชนิด เพราะเขามีระะบบ Logistic ที่ดี ไม่ใช่แค่สินค้า แต่รวมถึงการเตรียมเงินไว้ทอนลูกค้าด้วย แต่นั่นเพราะเขาเป็นบริษัทใหญ่ระดับเอเชีย โชห่-ยก็ดี SME ก็ดี ทำให้ตายก็ไม่มีวันสู้เขาได้ ดังนั้นอย่าเอามาตรฐาน 7/11 ( และมินิมาร์ทของทุนใหญ่อื่นๆ เช่น Family Mart , Tesco , Big-C ) มาใช้กับทุนเล็ก มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
.
5.ก่อนเดินทาง ตรวจสอบสักนิดว่ายานพาหนะแต่ละประเภทราคาค่าโดยสารเท่าไร..อย่าอ้างไม่มีเวลา ถ้าคุณบอกว่าเคยขึ้นครั้งแรก หรือยังไม่เคยไปทางนั้น ก็ควรไปถึงก่อนเดินทางอย่างน้อยสัก 1 ชั่วโมง เพื่อสอบถามเส้นทาง ป้ายที่จะลง จุดต่อยานพาหนะสายอื่นๆ และราคาค่าโดยสาร เพื่อจะได้เตรียมตัวให้เรียบร้อย ไม่ฉุกละหุกจนหงุดหงิด วีนเหวี่ยงให้คนอื่นเซ็งไปด้วย
.
6.พึงเข้าใจด้วยว่า แม้เรายังมีเหรียญ 25,50 สตางค์ใช้ แต่ราคาสินค้าส่วนใหญ่เป็นบาทเต็ม ดังนั้นที่ไหนที่เขาไม่ได้ใช้เหรียญพวกนี้ ก็อย่าไปโวยวายเขาเลย เตรียมตัวตามข้อบนๆ สบายใจกว่า คุณได้ไม่ต้องหงุดหงิดที่เขาไม่รับ ส่วนเขาก็จะได้มีเงินแบบที่ใช้ได้ง่ายๆ ไม่ต้องไปหาแลกให้ยุ่งยาก
.
7.เวลาสั่งข้าวปลาอาหาร ถ้าสักพักเขายังไม่เอามาเสิร์ฟ อย่าเพิ่งรีบเหวี่ยงหรือบ่นบนโลกออนไลน์ ไปทวงพนักงานด้วยความสุภาพก่อน เชื่อเถอะส่วนมากเขาจะขอโทษคุณ และเดี๋ยวก็นำมาเสิร์ฟในเวลาไม่นาน
.
.
.
จะหาว่าผมใช้ชีวิตแบบไม่รักษาสิทธิ์ก็ได้นะครับ
.
แต่ผมเองไม่เคยเห็นด้วยกับคำว่า "ลูกค้าคือพระเจ้า" เท่าไร
.
ผมมองว่าพนักงานคือ "คนเหมือนกัน" เสมอเท่ากันครับ ดังนั้นการเหวี่ยงก็ดี รายงานผู้บังคับบัญชาก็ดี ประจานบนโลกออนไลน์ก็ดี เป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำ
.
( และยังไม่เคยทำ ส่วนมากคุยกันดีๆ เตือนกันดีๆ เขาก็ขอโทษ ยิ่งเป็นพนักงานใหม่ยิ่งไม่ถือสา )
.
อะไรทำเองได้ เตรียมตัวก่อนได้ ก็เตรียมเถอะครับ ลองสมมติว่าคุณทำงานบริการ คุณเจอลูกค้ามากมาย ร้อยพ่อพันแม่ ถ้าทุกคนเอาแต่เรียกร้อง ร้องขอ โดยที่ไม่มีลูกค้าคนไหนเตรียมพร้อมมาเลย คุณจะรู้สึกยังไง
.
.
คุณก็คน..เขาก็คน , คุณรู้สึกยังไง..เขาก็รู้สึกแบบเดียวกัน
.
.
ฝากไว้เท่านี้แหละครับ
.
ปล.กัดฟันจิ้มบน Galaxy S4 Zoom ( จนปวดมือ ) เพราะเบื่อกระทู้วีนเหวี่ยงทั้งหลายครับ