เหตุการนี้เป็นเหตุการที่พึ่งเกิดขึ้นกับตัวผมและพึ่งจบลงไปเมื่อสักครู่ใหญ่ๆนี้ ผมจึงรีบมาพิมพ์เพื่อแบ่งปันเรื่องราวดีๆให้ได้ฟัง
อาจจะยาวซักหน่อยแต่ก็อยากให้ทุกคนได้อ่าน
ตอนนี้ผมเรียนปี1อยู่ที่มหาลัยชื่อดังติดทะเลแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก ก็ได้มาใช้ชีวิตอยู่ในหอแห่งนี้ได้ซักพักใหญ่แล้ว
เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าผมก็คิดว่าจะเดินลงไปหยอดตู้น้ำและสำรวจดูรถที่จอดไว้หน้าหอซักหน่อยก่อนจะมานอน แต่สิ่งที่ผมคิดว่าไม่น่าจะเกิดกับคนที่ค่อนข้างรอบคอบอย่างผมก็เกิดขึ้น
ผมดันหยิบแต่กุญแจรถออกมาไม่ได้หยิบกุญแจห้องติดมาด้วย ปกติเวลาผมปิดประตูห้องผมก็มักจะกดล็อคประตูเสมอรวมทั้งครั้งนี้ก็ไม่ลืมเช่นเคย
ทันทีที่ปิดประตู ผมรู้เลยว่าตอนนั้นสิ่งเลวร้ายที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนได้เกิดขึ้น "ผมลืมกุญแจห้องไว้ในห้อง" ตัวผมในตอนนั้นมีแค่ขวดน้ำและกุญแจรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจ ของสำคัญทุกอย่างกระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ลืมอยู่ในห้องทั้งหมด แล้วผมเป็นคนที่ไม่เคยจำเบอร์ใครได้พูดง่ายๆคือถ้าไม่มีโทรศัพท์นี่อย่าคิดที่จะโทรหาใครเลยครับ
สือเนื่องจากกระทู้นี้
http://pantip.com/topic/32736837 ซึ่งรถผมซึ่งจอดไว้ที่หอโดนโขมยดูดน้ำมัน แล้วผมก็ต้องมาเจอเหตุการนี้อีกในเวลาห่างกันไม่กี่วัน ผมคิดในใจนี่ตูจะซวยไปถึงไหน พระเจ้า!
ตอนนั้นมันสุดแสนจะบัดซบมาก ผมพยายามคิดหาวิธีว่าจะทำยังไงถึงจะเข้าห้องไปได้ ลองเอากุญแจรถไขเผื่อว่าจะฟลุ๊คไขได้ ไขอยู่นานสองนานก็ไม่เป็นผล ตอนนั้นเริ่มคิดแล้วว่าจะนอนที่ไหนยังไงเพราะโทรศัพท์อยู่ในห้องจะโทรหาเพื่อนคนไหนก็ไม่สามารถทำได้ พรุ่งนี้มีเรียนเช้าขาดครบโควต้าไปแล้วถ้าขาดอีกก็ติดFตามระเบียบ ทุกอย่างมันวิกฤติสุดๆในเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ
แต่เหมือนโชคชะตายังเข้าข้างเราที่ให้เราหยิบกุญแจรถติดออกมาด้วย ผมตัดสินใจขี่รถไล่วนหาร้านทำกุญแจในเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ(ร้านไหนมันจะเปิดฟะ)แต่คิดในใจนี่มันเมืองท่องเที่ยวร้านที่เปิดดึกมันต้องมีซักร้านสิน่า ด้วยความเป็นคนต่างถิ่นพึ่งมาอยู่ได้ไม่กี่เดือน ยังไม่รู้อะไรอยู่ตรงไหนยังไงมากมายนัก วนไปวนมาเดี๋ยวจะน้ำมันหมดซะเปล่าๆมันจะซวยคูณสอง ผมตัดสินใจจอดรถถามลุงสองคนที่นั่งจิบเบียร์กันอยู่ "ร้านมันปิดหมดแล้วล่ะหนุ่มเอ้ย" คำตอบของลุงคนหนึ่งทำให้ความหวังผมแทบดับสิ้น
ผมขอบคุณลุงทั้งสองและขี่รถจากมาอย่างเคว้งคว้างผมเข้าใจคำว่าเคว้งคว้างจริงๆก็วันนี้แหละ
ผมไม่รู้ว่าผมจะทำยังไงต่อไปจะนอนไหน พรุ่งนี้ก็คงไม่ได้ไปเรียนคงติดFไปแล้วหนึ่งวิชาตอนนั้นผมเลยขี่รถกลับไปตั้งหลักที่หอก่อน
แต่เหมือนพระเจ้ายังคงยิ้มให้ผม ตอนขี่รถกลับมาที่หอผมสังเกตเห็นห้องข้างล้างซึ่งเป็นห้องบล็อคเดียวกันกับห้องผม(ห้องผมชั้นสอง) เปิดไฟอยู่และมีคนอยู่! ประจวบเหมาะกับผมนึกขึ้นได้บรรไดหนีไฟมันเชื่อมกันกับห้องผมนี่หว่า
เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน ผมตัดสินใจเคาะประตูห้องนั้นเพื่อขอความช่วยเหลือมีผู้ชายคนนึงเดินมาเปิดประตูด้วยสายตางุนงง(ดึกๆดื่นจะมาเคาะหาพี่มุงหรอ)ดูจากหน้าแล้วคงจะแก่กว่าผม ผมเลยเรียกเขาว่าพี่แล้วก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง ซึ่งห้องของพี่เขาจะมีบรรไดหนีไฟซึ่งมันเชื่อมกันอยู่กับห้องของผม ผมเลยขอพี่เขาปีนบรรไดหนีไฟขึ้นไปห้องของผมเพื่อเข้าทางประตูหลังห้อง พี่เค้าทำหน้างงๆแต่ก็ให้ผมปีน ผมก็ขอบคุณพี่เค้าแล้วก็จัดการถอดรองเท้าปาขึ้นไปบนระเบียงห้องผมและปีนบรรไดขึ้นไปสำเร็จ(เหมือนโจรไงไม่รู้)
แต่แม่เจ้า! ปกติผมจะไม่ค่อยล็อคประตูหลังผมเลยปีนบรรไดขึ้นมาเพราะคิดว่าวันนี้คงไม่ได้ล็อคแต่มันไม่เป็นเช่นนั้น ผมดันเจือกล็อคครับ ไม่เป็นไรยังมีหน้าต่าง แต่หน้าต่างก็ล็อคอีก โอ้ววววว ตอนนั้นผมยืนคิดอยู่ที่ระเบียงอยู่นานจะทำยังไง จะนอนบนนี้มั้ย เพราะพึ่งไปรบกวนพี่เค้ามาจะปีนลงไปรบกวนอีกก็ยังไงอยู่ แต่เอาวะวันนี้ขอหน้าด้านซักวัน ผมปีนลงไปขอความช่วยเหลือรอบที่สอง พี่เค้าก็คิดอยู่ซักพักพร้อมกับบอกว่าลองโทรหาเจ้าของหอแล้วก็จัดการโทรหาเจ้าของหอให้ผม ในเวลาเกือบตีหนึ่ง ผมคิดในใจเจ้าของหอคงนอนแล้วล่ะ คงหมดหวังแล้ว
โทรไปสองรอบครับไม่รับ มันเหมือนความหวังผมจะหมดสิ้นจริงๆแล้ว แต่เสียงสวรรค์ก็มา พี่เจ้าของหอผู้น่ารักของผมก็รับสายพร้อมน้ำเสียงสะลึมสะลือ
ผมก็เล่าเหตุการให้พี่เจ้าของหอฟัง พี่เจ้าของหอก็บอกว่ามันดึกมากแล้วกุญแจพี่มีอยู่เดี๋ยวพี่จะหาให้แต่น้องมาเอาที่หอพี่ได้มั้ย(เอากุญแจ) ตอนนั้นผมไม่คิดอะไรทั้งนั้นผมตอบตกลงทันที
แต่ผมจำได้ว่าผมเคยไปเอากุญแจห้องกับพี่เจ้าของหอแค่ตอนก่อนเข้ามาอยู่ใหม่ๆ ตอนนี้ผมลืมไปหมดแล้วว่าหอพี่เจ้อของหอเค้าอยู่ไหน พี่เจ้าของหอก็บอกซอยบอกถนนมาผมก็จำแล้วก็ครับๆไว้ก่อน แต่ในใจไม่รู้เนื่องจากเป็นเด็กพึ่งมาอยู่แถวนี้
แล้วเอาไงล่ะ จะให้พี่ที่ผมรบกวนเค้าถึงสองครั้งนำทางไปก็จะรบกวนเค้าเกินไป ผมจึงตัดสินใจขอยืมโทรศัพท์พี่เค้าเพื่อโทรถามทางกับพี่เจ้าของหอติดไประหว่างทางด้วย แต่ผมคิดในใจโทรศัพท์นะเว่ย ใครมันจะให้คนแปลกหน้ายืม แค่เข้ามารบกวนเค้าในห้องรอบสองรอบนี่ก็เกินไปแล้วนะ
แต่พี่เค้าให้ยืมซะงั้นครับ นี่ถือเป็นการรบกวนพี่เค้าครั้งที่สาม ผมเลยจัดการขี่รถไปโทรถามทางพี่เจ้าของหอไปในที่สุดก็ได้กุญแจสำรองมาไขห้องตัวเองได้ ในเวลาประมาณตี1กว่าๆตี1ครึ่งประมาณนี้ถ้าผมจำไม่ผิด
ทุกอย่างลงเอยด้วยดีครับผมนำโทรศัพท์ไปคืนพี่ผู้ชายที่ผมรบกวนเค้าพร้อมกับกล่าวขอบคุณเป็นยกใหญ่ และหลังจากที่เข้าห้องได้ผมก็รีบหยิบเป๋าตังค์ไปซื้อขนมน้ำอัดลมของกินขนมกินเล่นกลับมาให้พี่เค้าเพื่อเป็นการขอบคุณเลยครับ
ยาวไปหน่อยแต่อยากแชร์เรื่องราวดีๆให้ครบทุกช่วงทุกตอนครับนี้เป็นกระทู้แรกที่ผมเขียนยาวขนาดนี้เพราะเหตุการแบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ หลายๆคนอาจจะคิดมันเป็นแค่เหตุการณ์เล็กน้อยๆใครจะว่ายังไงไม่รู้แต่ผมว่าความมีน้ำใจช่วยเหลือกันนี่แหละครับที่ยังเป็นเสน่ห์ของคนไทย เดี๋ยวนี้หายากนะครับคนแบบพี่ห้องข้างล่างที่ผมไปรบกวนเค้าเนี่ยแล้วก็แบบพี่เจ้าของหอด้วย
ขอบคุณพี่ห้องข้างล่างผม ห้อง102ครับ ที่อุตส่ามีน้ำใจช่วยเหลือผมทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันถ้าผมไม่ได้พี่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วครับ ทานขนมให้อร่อยนะครับ
ขอบคุณพี่เจ้าของหอสุดน่ารักนะครับ ที่แก้ใขปัญหาดูแลความเดือดร้อนของลูกหอในเวลาดึกๆดื่นๆแบบนี้
ถ้าพี่ทั้งสองคนเล่นพันทิพแล้วเห็นกระทู้นี้ผมก็ขอขอบคุณในนี้อีกครั้งเลยนะครับ ขอบคุณจริงๆครับ
นี่สิคนไทย :)
อาจจะยาวซักหน่อยแต่ก็อยากให้ทุกคนได้อ่าน
ตอนนี้ผมเรียนปี1อยู่ที่มหาลัยชื่อดังติดทะเลแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก ก็ได้มาใช้ชีวิตอยู่ในหอแห่งนี้ได้ซักพักใหญ่แล้ว
เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าผมก็คิดว่าจะเดินลงไปหยอดตู้น้ำและสำรวจดูรถที่จอดไว้หน้าหอซักหน่อยก่อนจะมานอน แต่สิ่งที่ผมคิดว่าไม่น่าจะเกิดกับคนที่ค่อนข้างรอบคอบอย่างผมก็เกิดขึ้น
ผมดันหยิบแต่กุญแจรถออกมาไม่ได้หยิบกุญแจห้องติดมาด้วย ปกติเวลาผมปิดประตูห้องผมก็มักจะกดล็อคประตูเสมอรวมทั้งครั้งนี้ก็ไม่ลืมเช่นเคย
ทันทีที่ปิดประตู ผมรู้เลยว่าตอนนั้นสิ่งเลวร้ายที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนได้เกิดขึ้น "ผมลืมกุญแจห้องไว้ในห้อง" ตัวผมในตอนนั้นมีแค่ขวดน้ำและกุญแจรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจ ของสำคัญทุกอย่างกระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ลืมอยู่ในห้องทั้งหมด แล้วผมเป็นคนที่ไม่เคยจำเบอร์ใครได้พูดง่ายๆคือถ้าไม่มีโทรศัพท์นี่อย่าคิดที่จะโทรหาใครเลยครับ
สือเนื่องจากกระทู้นี้ http://pantip.com/topic/32736837 ซึ่งรถผมซึ่งจอดไว้ที่หอโดนโขมยดูดน้ำมัน แล้วผมก็ต้องมาเจอเหตุการนี้อีกในเวลาห่างกันไม่กี่วัน ผมคิดในใจนี่ตูจะซวยไปถึงไหน พระเจ้า!
ตอนนั้นมันสุดแสนจะบัดซบมาก ผมพยายามคิดหาวิธีว่าจะทำยังไงถึงจะเข้าห้องไปได้ ลองเอากุญแจรถไขเผื่อว่าจะฟลุ๊คไขได้ ไขอยู่นานสองนานก็ไม่เป็นผล ตอนนั้นเริ่มคิดแล้วว่าจะนอนที่ไหนยังไงเพราะโทรศัพท์อยู่ในห้องจะโทรหาเพื่อนคนไหนก็ไม่สามารถทำได้ พรุ่งนี้มีเรียนเช้าขาดครบโควต้าไปแล้วถ้าขาดอีกก็ติดFตามระเบียบ ทุกอย่างมันวิกฤติสุดๆในเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ
แต่เหมือนโชคชะตายังเข้าข้างเราที่ให้เราหยิบกุญแจรถติดออกมาด้วย ผมตัดสินใจขี่รถไล่วนหาร้านทำกุญแจในเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ(ร้านไหนมันจะเปิดฟะ)แต่คิดในใจนี่มันเมืองท่องเที่ยวร้านที่เปิดดึกมันต้องมีซักร้านสิน่า ด้วยความเป็นคนต่างถิ่นพึ่งมาอยู่ได้ไม่กี่เดือน ยังไม่รู้อะไรอยู่ตรงไหนยังไงมากมายนัก วนไปวนมาเดี๋ยวจะน้ำมันหมดซะเปล่าๆมันจะซวยคูณสอง ผมตัดสินใจจอดรถถามลุงสองคนที่นั่งจิบเบียร์กันอยู่ "ร้านมันปิดหมดแล้วล่ะหนุ่มเอ้ย" คำตอบของลุงคนหนึ่งทำให้ความหวังผมแทบดับสิ้น
ผมขอบคุณลุงทั้งสองและขี่รถจากมาอย่างเคว้งคว้างผมเข้าใจคำว่าเคว้งคว้างจริงๆก็วันนี้แหละ
ผมไม่รู้ว่าผมจะทำยังไงต่อไปจะนอนไหน พรุ่งนี้ก็คงไม่ได้ไปเรียนคงติดFไปแล้วหนึ่งวิชาตอนนั้นผมเลยขี่รถกลับไปตั้งหลักที่หอก่อน
แต่เหมือนพระเจ้ายังคงยิ้มให้ผม ตอนขี่รถกลับมาที่หอผมสังเกตเห็นห้องข้างล้างซึ่งเป็นห้องบล็อคเดียวกันกับห้องผม(ห้องผมชั้นสอง) เปิดไฟอยู่และมีคนอยู่! ประจวบเหมาะกับผมนึกขึ้นได้บรรไดหนีไฟมันเชื่อมกันกับห้องผมนี่หว่า
เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน ผมตัดสินใจเคาะประตูห้องนั้นเพื่อขอความช่วยเหลือมีผู้ชายคนนึงเดินมาเปิดประตูด้วยสายตางุนงง(ดึกๆดื่นจะมาเคาะหาพี่มุงหรอ)ดูจากหน้าแล้วคงจะแก่กว่าผม ผมเลยเรียกเขาว่าพี่แล้วก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง ซึ่งห้องของพี่เขาจะมีบรรไดหนีไฟซึ่งมันเชื่อมกันอยู่กับห้องของผม ผมเลยขอพี่เขาปีนบรรไดหนีไฟขึ้นไปห้องของผมเพื่อเข้าทางประตูหลังห้อง พี่เค้าทำหน้างงๆแต่ก็ให้ผมปีน ผมก็ขอบคุณพี่เค้าแล้วก็จัดการถอดรองเท้าปาขึ้นไปบนระเบียงห้องผมและปีนบรรไดขึ้นไปสำเร็จ(เหมือนโจรไงไม่รู้)
แต่แม่เจ้า! ปกติผมจะไม่ค่อยล็อคประตูหลังผมเลยปีนบรรไดขึ้นมาเพราะคิดว่าวันนี้คงไม่ได้ล็อคแต่มันไม่เป็นเช่นนั้น ผมดันเจือกล็อคครับ ไม่เป็นไรยังมีหน้าต่าง แต่หน้าต่างก็ล็อคอีก โอ้ววววว ตอนนั้นผมยืนคิดอยู่ที่ระเบียงอยู่นานจะทำยังไง จะนอนบนนี้มั้ย เพราะพึ่งไปรบกวนพี่เค้ามาจะปีนลงไปรบกวนอีกก็ยังไงอยู่ แต่เอาวะวันนี้ขอหน้าด้านซักวัน ผมปีนลงไปขอความช่วยเหลือรอบที่สอง พี่เค้าก็คิดอยู่ซักพักพร้อมกับบอกว่าลองโทรหาเจ้าของหอแล้วก็จัดการโทรหาเจ้าของหอให้ผม ในเวลาเกือบตีหนึ่ง ผมคิดในใจเจ้าของหอคงนอนแล้วล่ะ คงหมดหวังแล้ว
โทรไปสองรอบครับไม่รับ มันเหมือนความหวังผมจะหมดสิ้นจริงๆแล้ว แต่เสียงสวรรค์ก็มา พี่เจ้าของหอผู้น่ารักของผมก็รับสายพร้อมน้ำเสียงสะลึมสะลือ
ผมก็เล่าเหตุการให้พี่เจ้าของหอฟัง พี่เจ้าของหอก็บอกว่ามันดึกมากแล้วกุญแจพี่มีอยู่เดี๋ยวพี่จะหาให้แต่น้องมาเอาที่หอพี่ได้มั้ย(เอากุญแจ) ตอนนั้นผมไม่คิดอะไรทั้งนั้นผมตอบตกลงทันที
แต่ผมจำได้ว่าผมเคยไปเอากุญแจห้องกับพี่เจ้าของหอแค่ตอนก่อนเข้ามาอยู่ใหม่ๆ ตอนนี้ผมลืมไปหมดแล้วว่าหอพี่เจ้อของหอเค้าอยู่ไหน พี่เจ้าของหอก็บอกซอยบอกถนนมาผมก็จำแล้วก็ครับๆไว้ก่อน แต่ในใจไม่รู้เนื่องจากเป็นเด็กพึ่งมาอยู่แถวนี้
แล้วเอาไงล่ะ จะให้พี่ที่ผมรบกวนเค้าถึงสองครั้งนำทางไปก็จะรบกวนเค้าเกินไป ผมจึงตัดสินใจขอยืมโทรศัพท์พี่เค้าเพื่อโทรถามทางกับพี่เจ้าของหอติดไประหว่างทางด้วย แต่ผมคิดในใจโทรศัพท์นะเว่ย ใครมันจะให้คนแปลกหน้ายืม แค่เข้ามารบกวนเค้าในห้องรอบสองรอบนี่ก็เกินไปแล้วนะ
แต่พี่เค้าให้ยืมซะงั้นครับ นี่ถือเป็นการรบกวนพี่เค้าครั้งที่สาม ผมเลยจัดการขี่รถไปโทรถามทางพี่เจ้าของหอไปในที่สุดก็ได้กุญแจสำรองมาไขห้องตัวเองได้ ในเวลาประมาณตี1กว่าๆตี1ครึ่งประมาณนี้ถ้าผมจำไม่ผิด
ทุกอย่างลงเอยด้วยดีครับผมนำโทรศัพท์ไปคืนพี่ผู้ชายที่ผมรบกวนเค้าพร้อมกับกล่าวขอบคุณเป็นยกใหญ่ และหลังจากที่เข้าห้องได้ผมก็รีบหยิบเป๋าตังค์ไปซื้อขนมน้ำอัดลมของกินขนมกินเล่นกลับมาให้พี่เค้าเพื่อเป็นการขอบคุณเลยครับ
ยาวไปหน่อยแต่อยากแชร์เรื่องราวดีๆให้ครบทุกช่วงทุกตอนครับนี้เป็นกระทู้แรกที่ผมเขียนยาวขนาดนี้เพราะเหตุการแบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ หลายๆคนอาจจะคิดมันเป็นแค่เหตุการณ์เล็กน้อยๆใครจะว่ายังไงไม่รู้แต่ผมว่าความมีน้ำใจช่วยเหลือกันนี่แหละครับที่ยังเป็นเสน่ห์ของคนไทย เดี๋ยวนี้หายากนะครับคนแบบพี่ห้องข้างล่างที่ผมไปรบกวนเค้าเนี่ยแล้วก็แบบพี่เจ้าของหอด้วย
ขอบคุณพี่ห้องข้างล่างผม ห้อง102ครับ ที่อุตส่ามีน้ำใจช่วยเหลือผมทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันถ้าผมไม่ได้พี่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วครับ ทานขนมให้อร่อยนะครับ
ขอบคุณพี่เจ้าของหอสุดน่ารักนะครับ ที่แก้ใขปัญหาดูแลความเดือดร้อนของลูกหอในเวลาดึกๆดื่นๆแบบนี้
ถ้าพี่ทั้งสองคนเล่นพันทิพแล้วเห็นกระทู้นี้ผมก็ขอขอบคุณในนี้อีกครั้งเลยนะครับ ขอบคุณจริงๆครับ