เพื่อน ๆ มีอะไรเสริม เขียนมาได้เลยนะครับ เกี่ยวกับ ดิจิตอล ซูม vs ออฟติคอล ซูม
ถ้าเราแบ่งกล้องออกอย่างไม่เป็นทางการจะแบ่งกล้องจะถ่ายภาพออกเป็น สองส่วนหลัก ๆ คือ
ภาพที่เราถ่าย ๆ กันเรียกกันคุ้นปากว่าถ่ายกว้าง ๆ ถ่ายซูม ๆ เข้าไป มันเรียกว่า “ระยะเลนส์” เช่น ระยะซูมที่ 14mm 16mm 24mm 200mm 400mm
ถ้าระยะเลนส์ที่กล่าวมานั้น เกิดจากความสามารถของตัวเลนส์ เราจะเรียกว่า Optical zoom
ระยะเลนส์ที่ 24 มิล (*ภาพตัวอย่าง A) จะได้ภาพกว้างกว่า 70 มิล (*ภาพตัวอย่าง B) ดังภาพนี้เรียกกว่า “Optical Zoom คือเกิดจากความสามารถเลนส์จริง ๆ”
ในกล้องคอมแพคทั้งหลาย การที่จะทำให้เลนส์ซูมได้มาก ๆ มีปัญหาคือ ตัวเลนส์จะใหญ่ขึ้น ทำให้กล้องหนัก และราคาสูงขึ้น
ทีนี้จะทำยังไงให้เลนส์ที่ 24 มิล สามารถซูมได้ที่ 70 มิล เพื่อที่จะลดต้นทุน ลดขนาดกล้อง เพิ่มโอกาสในการขาย
เลยเกิด “Digital Zoom” ขึ้นมา เอ๊ะ. . . แล้วมันทำงานยังไงละ
ชื่อเรียกนั้นเรียกสวยหรูมาก ดิจิตอล แหมดูทันสมัย แต่หลักการทำงานมันก็เข้าทำนองเอาแต่บางส่วนของภาพมาขยาย (*ดังกรอปสีส้ม ใน ภาพตัวอย่าง A )
ในขั้นตอนนี้ถ้าเรา ก็สามารถมาทำในคอมหลังถ่ายเสร็จแล้วได้เช่นกัน
******************************
ถ้าจะให้เปรียบเทียบคือ
Optical Zoom เหมือนก่อนเอากล้องส่องทางไกลมาดูโดยมันจะทำหน้าที่ดึงภาพเข้ามาใกล้
Digital Zoom เหมือนการมองภาพด้วยตาเปล่า แล้วเอามาขยายให้เท่ากับกล้องส่องทางไกล
******************************
ภาพตัวอย่าง B

ภาพตัวอย่าง C
** อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงคิดว่า ก็ดีนี่ ไม่ต้องมาแต่งภาพต่อในคอม ** ช้าก่อนอย่าเพิ่งคิดแบบนั้น
ภาพที่ได้มานั้น ยิ่งใช้ digital zoom เยอะ ทำให้ความละเอียดภาพลดลงมากไปด้วย
ถ้าเทียบภาพตัวอย่าง B vs C (ภาพ C มาจากภาพ A ขยายบางส่วน) เราจะเห็นว่าคุณภาพของ C แย่กว่า B มากเลยทีเดียว
แน่นอนว่าเราไม่สามารถย้อนกลับไปถ่ายมุมกว้างให้ภาพคม ๆ ได้
แต่ถ้าเราถ่ายกว้าง ๆ มาแล้วมาขยายในคอม เท่ากับว่าเราได้ภาพที่คม คุณภาพสูง 100% ไว้ในมือ จะขยายแค่ไหนก็ได้ตามใจเรา หรือ !!
เราดันไปใช้ digital zoom ทั้งที่สามารถเดินเข้าไปถ่ายระยะใกล้ ๆ ได้ คิดดูว่าน่าเสียดายขนาดไหน
เรื่องวุ่น ๆ ระหว่าง Digital zoom vs Optical Zoom ( ดิจิตอลซูม กับ ออฟติคอลซูม ) by teeShutterB
วันนี้เราจะมาพูดคุยถึงเรื่อง ซูม ซูม กัน
เพื่อน ๆ มีอะไรเสริม เขียนมาได้เลยนะครับ เกี่ยวกับ ดิจิตอล ซูม vs ออฟติคอล ซูม
ถ้าเราแบ่งกล้องออกอย่างไม่เป็นทางการจะแบ่งกล้องจะถ่ายภาพออกเป็น สองส่วนหลัก ๆ คือ ตัวกล้อง และ เลนส์ วันนี้เราจะมากล่าวถึงเลนส์อย่างเดียว
ภาพที่เราถ่าย ๆ กันเรียกกันคุ้นปากว่าถ่ายกว้าง ๆ ถ่ายซูม ๆ เข้าไป มันเรียกว่า “ระยะเลนส์” เช่น ระยะซูมที่ 14mm 16mm 24mm 200mm 400mm
ถ้าระยะเลนส์ที่กล่าวมานั้น เกิดจากความสามารถของตัวเลนส์ เราจะเรียกว่า Optical zoom
ระยะเลนส์ที่ 24 มิล (*ภาพตัวอย่าง A) จะได้ภาพกว้างกว่า 70 มิล (*ภาพตัวอย่าง B) ดังภาพนี้เรียกกว่า “Optical Zoom คือเกิดจากความสามารถเลนส์จริง ๆ”
ภาพตัวอย่าง A
ในกล้องคอมแพคทั้งหลาย การที่จะทำให้เลนส์ซูมได้มาก ๆ มีปัญหาคือ ตัวเลนส์จะใหญ่ขึ้น ทำให้กล้องหนัก และราคาสูงขึ้น
ทีนี้จะทำยังไงให้เลนส์ที่ 24 มิล สามารถซูมได้ที่ 70 มิล เพื่อที่จะลดต้นทุน ลดขนาดกล้อง เพิ่มโอกาสในการขาย
เลยเกิด “Digital Zoom” ขึ้นมา เอ๊ะ. . . แล้วมันทำงานยังไงละ
ชื่อเรียกนั้นเรียกสวยหรูมาก ดิจิตอล แหมดูทันสมัย แต่หลักการทำงานมันก็เข้าทำนองเอาแต่บางส่วนของภาพมาขยาย (*ดังกรอปสีส้ม ใน ภาพตัวอย่าง A )
ในขั้นตอนนี้ถ้าเรา ก็สามารถมาทำในคอมหลังถ่ายเสร็จแล้วได้เช่นกัน
******************************
ถ้าจะให้เปรียบเทียบคือ
Optical Zoom เหมือนก่อนเอากล้องส่องทางไกลมาดูโดยมันจะทำหน้าที่ดึงภาพเข้ามาใกล้
Digital Zoom เหมือนการมองภาพด้วยตาเปล่า แล้วเอามาขยายให้เท่ากับกล้องส่องทางไกล
******************************
ภาพตัวอย่าง B
ภาพตัวอย่าง C
** อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงคิดว่า ก็ดีนี่ ไม่ต้องมาแต่งภาพต่อในคอม ** ช้าก่อนอย่าเพิ่งคิดแบบนั้น
ภาพที่ได้มานั้น ยิ่งใช้ digital zoom เยอะ ทำให้ความละเอียดภาพลดลงมากไปด้วย
ถ้าเทียบภาพตัวอย่าง B vs C (ภาพ C มาจากภาพ A ขยายบางส่วน) เราจะเห็นว่าคุณภาพของ C แย่กว่า B มากเลยทีเดียว
แน่นอนว่าเราไม่สามารถย้อนกลับไปถ่ายมุมกว้างให้ภาพคม ๆ ได้
แต่ถ้าเราถ่ายกว้าง ๆ มาแล้วมาขยายในคอม เท่ากับว่าเราได้ภาพที่คม คุณภาพสูง 100% ไว้ในมือ จะขยายแค่ไหนก็ได้ตามใจเรา หรือ !!
เราดันไปใช้ digital zoom ทั้งที่สามารถเดินเข้าไปถ่ายระยะใกล้ ๆ ได้ คิดดูว่าน่าเสียดายขนาดไหน