เรื่องย่อ
โอ้ยตายแล้วว! หลับอยู่ดีๆตื่นขึ้นมาอีกทีก็จำอะไรไม่ได้เลย ที่แย่ไปกว่านั้น ฉันต้องไปอาศัยอยู่บ้านของคุณน้าที่ทำฉันเป็นแบบนี้ เพื่อรอความทรงจำของฉันกลับมา ที่แย่สุดๆของสุดๆเลยก็คือคุณน้าใจดีคนนั้นดันไปต่างประเทศทิ้งฉันเอาไว้เป็นภาระของลูกชายตัวแสบขี้โมโหของเขา แย่ล่ะสิ้ ชีวิตของฉันต่อจากนี้จะมีความสงบสุขมั้ย ฮืออออ
"อืมม ..”
“ตื่นแล้วเหรอจ้ะ" มีผู้หญิงวัยกลางคนน่าตาท่าทางใจดี เดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“ค่ะ" สิ่งแรกที่ฉันรู้สึกได้ถึงการตื่นขึ้นมาคือ กลิ่นอ่อนๆของยาคละคลุ้งไปทั่ว .. ที่นี่คงจะเป็นโรงพยาบาลสินะ
“หนูเป็นยังไงบ้างลูก "
“ก็ไม่เป้นไรนะคะ”
“จ่ะ ดีแล้ว ว่าแต่หนูชื่ออะไรจ้ะ"
“..... ชื่อเหรอคะ" แล้วฉันชื่ออะไรล้ะเนี่ย "ก็ไม่รู้สิค้ะ นั่นน่ะสิหนูชื่ออะไรนะ?”
“..!!” พอฉันพูดจบ คุณน้าเค้าก้ทำท่าตกใจ "หมอ! หมออ!!”
เอ้ะๆ แต่เดี๋ยวก่อนนะ ฉันขอประเมินสถานการณ์เบื้องต้นก่อน .. คือ ฉันน.. ห้ะ ฉัน? เอ้ะ ฉันเป็นใครเนี่ย แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หืออ ทำไมสมองมันตื้ออะไรขนาดนี้ล่ะเนี่ย คิดไม่ออกน่าา

( คิดสิคิด คิดไม่ออกกกกกกก
“อ่าาา .. สมองของคนไข้ก็ปกติดีนะครับ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย"
“ถ้าปกติ แล้วทำไมยัยหนูคนนั้นจำชื่อตัวเองไม่ได้ล่ะค้ะคุณหมอ" คุณน้า พูดด้วยท่าทีร้อนใจ
“อันนี้ หมอก็ยังไม่ทราบสาเหตุนะครับ" คุณหมอหันมาทางฉัน "หนูรู้มั้ยว่า 6+6 ได้เท่ากับเท่าไร" หืออ ? ให้ตายเถอะ คิดว่าฉันเป็นเด็กอนุบาลหรือไง
“ก็ต้อง12สิคะ" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ คุณหมอหันไปคุยกับคุณน้าต่อ
“หมอว่าอาการนี้ ไม่น่าจะเกี่ยวกับสมองนะครับ เพราะอาการของสมองเสื่อมเนี่ย คงจะลืมทุกๆอย่างเกี่ยวกับวิชาการ เอาง่ายๆคือ การรับรู้และสติสัมปชัญญะจะเท่าๆกับเด็กอนุบาล แต่ในกรณีที่คนไข้สามารถตอบคำถามของหมอได้ แต่ไม่สามารถจำข้อมูลของตนเองได้ มีอยู่สองข้อ อย่างแรกคือ จิตใจของคนไข้ได้ รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง จนสมองอาจจะสั่งให้ลืมสิ่งที่ทำร้ายจิตใจพวกนั้น" พูดจบคุณหมอหันหน้ามาทางฉัน แล้วพูดยิ้มๆว่า "ส่วนอย่างที่สองก็คือ แกล้งความจำเสื่อม"
นั่นแหละ ปัญหาใหญ่โตมโหฬารเลยจ่ะ คือ ถ้าคุณน้า คิดว่าฉันแกล้งความจำเสื่อมล่ะก็นะ ฉันว่าฉันคงต้องไปนั่งขอทานตามสะพานลอยแน่ๆเลย ตอนนี้อยู่ในระหว่างทาง ซึ่งฉันก้ไม่รู้ว่าคุณน้าจะพาฉันไปปล่อยที่ไหน ฮือออ

(
“คะ..คือ คุณน้าจะพาหนูไปไหนเหรอคะ"
“ก็พากลับบ้านน่ะสิจ้ะหนู บ้านหนูอยู่ไหน บอกน้ามาเถอะนะ อย่าพยายามทำให้โลกตัวเองแคบลงโดยการแกล้งลืมเลย"
“หนูป่าวนะคะ หนูพยายามนึกแล้ว แต่หนูก้นึกไม่ออก หนูนึกไม่ออกจริงๆนะคะคุณน้า" ฉันพูดความจริง ฉันจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง น้ำตาฉันเริ่มจะปริ่มๆแล้วเพราะกลัวคุณน้าไม่เชื่อ ..คุณน้า นั่งจ้องหน้า ฉันอยู่นาน แล้วก็ถอนหายใจออกมาในที่สุด
“งั้นระหว่างที่หนูยังจำอะไรไม่ได้ น้าก็คงจะต้องรับผิดชอบโดยการให้หนูอยู่ที่บ้านกับน้าไปก่อน แต่ในระหว่างนั้น หนูก็ต้องพยายามนึกให้ออกนะลูก ป่านนี้พอแม่คงเป็นห่วงแย่" พอฉันได้ยินคำว่าพ่อแม่ ใจฉันก็กระตุกวูบ โดยไม่มีสาเหตุใดๆทั้งสิ้น
“หืม? ตกลงไหมจ้ะ" คุณน้าเห็นฉันเงียบไป จึงเร่งรัดที่จะเอาคำตอบ
“ค่ะ" ฉันตอบแบบสั้นๆง่ายๆ และ เหม่อมองออกไปที่หน้าต่างรถ "เอ่ออ คุณน้าคะ ทำไมหนูถึงมาอยู่กับคุณน้าได้ละคะ"
“คนขับรถของน้า ขับรถชนหนูน่ะจ้ะ หนูวิ่งสะเปะสะปะร้องไห้ออกมาจากไหนไม่รู้ ในตัวก็ไม่มีบัตรอะไรติดตัวมาสักอย่าง"
“ร้องไห้เหรอคะ?”
“จ่ะ"
ในที่สุดก็ถึง แต่ไม่ใช่บ้านหรอก ฉันว่านะ ยังไงมันก็ไม่ใช่ มันคือคฤหาสน์ชัดๆเลยให้ตายเถอะ มันกว้างมากๆเลย ทางเข้าห่างจากตัวบ้านประมาณกิโลฯนึงได้ สวนก็ตกแต่งเป็นไตล์ยุโรปนี้มันคุ้นตาจังเลยให้ตายเถอะ ...
“เป็นไงจ้ะบ้านฉัน สวยใช่ไหมล่ะ^^” คุณน้า พูดด้วยท่าทีที่ภูมิใจเอามากๆเลย 5555 ทำให้ฉันอดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้
“ใช่ค่ะ สวยมากๆเลย หนูชอบมากๆเลยค่ะ"
“เอ .. หนูนี่เวลายิ้มแล้วน่ารักน่าหยิกดีจังเลย เดี๋ยวก็เงียบขรึมเดี๋ยวก็ร่าเริงสรุปหนูอารมณ์ไหนกันแน่ล่ะหืม?” คำพูดของคุณน้าทำให้ฉันหุบยิ้มลงทันที พอคุณน้าเห็นฉันเงียบ ก็เดินเข้ามาแตะไหล่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า "หนูจ้ะ ลองทบทวนตัวเองดูดีๆนะ ว่าหนูต้องการแบบนี้จริงๆหรือป่าว.. สร้างผนึกขึ้นมาขวางกั้นโลกแห่งความจริง สร้างความเย็นชาไว้กันคนรอบข้างเข้าหา จริงๆแล้วหนูต้องเป็นคนที่เฟรนลี่มากแน่ๆ น้าสัมผัสได้ หนูก็แค่หนีความเจ็บปวดหรือปัญหาอะไรบางอย่างโดยการลากคำว่าลืมให้หมดเข้ามาในสมองก้เท่านั้นเอง เก็บไปคิดนะหนู" ฮึกก ทำไมคำพูดของคุณน้า ถึงทำให้ฉันจุกได้ขนาดนี้ อยู่ดีๆน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไร้ซึ่งการควบคุม แต่ถึงยังไง ฉันก็จำอะไรไม่ได้อยู่ดี
“ขอบคุณนะคะคุณน้า หนูจะพยายามนึกทุกสิ่งทุกอย่างให้ออก แล้วไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงนะคะ ฮึกก"
“หนูอย่าร้องไห้เลยนะ เข้าบ้านไปอาบน้ำอาบท่าล้างหน้าล้างตาก่อนไป บ้านนี้มีหลายห้องนะจ้ะ เลือกเอาเลยตามสบาย เดี๋ยวน้าจะให้แม่บ้านนำทางไป
“เห้อออออออออออออ!!!”ฉันทิ้งตัวลงบนเตียง รูสึกเหนื่อยเพลียอ่อนล้า ทุกๆอย่างรวมกัน
ก๊อกๆ คุณหนูคะ คุณผู้หญิงให้เอายามาให้ทานค่ะ
“ค่าาาาาา" ฉันเปิดประตูพร้อมกระดกยาและน้ำเข้าปาก กำลังจะดันประตูปิดแต่..
“เดี๋ยวจ่ะหนู น้ามีเรื่องจะคุยด้วย" คุณน้าเดินขึ้นบันไดมาหาฉัน แล้วไล่แม่บ้านลงไปข้างล่าง
“ค่ะ"
“มีสองเรื่องนะ เรื่องแรก เราต้องมีชื่อนะยัยหนู หนูอยากได้ชื่อไหนบอกน้ามาเลยจ้ะ"
“หนูแล้วแต่คุณน้าเถอะค่ะ"
“เอ่ออ ...” คุณน้าทำท่าทางครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ "ชื่อวันเพ็ญดีไหมจ้ะ^^”
“-__- เอ่ออ ก็เพราะดีค่ะ หนูชอบ แห่ๆ”
“แหมม ยัยหนูล่ะก็ ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ เอาเป็นว่าชื่อ .. ตัวเล็กละกันนะ หนูตัวเล็กดี ตัวเตี้ยๆ เหมาะจังเลยชื่อนี้^0^ โฮะๆ" ฮืออ โดนจี้ปม เหมือนโดนหลอกด่ายังไงก็ไม่รู้
“ค่ะ ยังไงก็ได้ค่ะคุณน้า" ฉันฉีกยิ้มเหมือนกับพอ อก พอใจกับชื่อนี้แบบสุดๆ "แล้วเรื่องที่สองล่ะค้ะ"
“คืออย่างนี้นะ พรุ่งนี้น่ะ น้ามะ" ติ๊งติ่งติ๊ง เสียงโทรศัพท์ของคุณน้าดังขึ้น คุณน้ากดรับพร้อมกับเดินออกจากห้องไปโดยปริยาย อ้าวว แล้วเรื่องที่สองล่ะ? ช่างเถอะๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณน้าก็คงจะเข้ามาคุยอีกนั่นแหละ นอนเอาแรงดีกว่า
ฮือออออออออ นอนยังไงก็ไม่หลับ เพราะตอนนี้สมองฉันมันไม่ว่างเลย ฉันคิดมากจนแทบจะคลั่ง ฉันเป็นใครนะ คิดยังไงก็คิดไม่ออก นอนยังไงก็ไม่หลับ นับแกะก็แล้ว นับเลขก็แล้ว เฮ้ออ
ตึง!ตึง!ตึง!
“เฮ้ ตื่นสิ้ ! ฉันยืนเคาะมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนะ"
“งืมๆ~” ฉันลืมตาปรือๆขึ้นมา ให้ตายเถอะ ง่วงชะมัดเลย กี่โมงแล้วเนี่ย ฉันเหลือบไปมองนาฬิกา บ้าจริง 11:57 โอ้มายก็อดด อะไรที่ทำให้ฉันตื่นสายได้ถึงขนาดนี้ ฉันรึบวิ่งไปเปิดประตู ให้ใครก็ไม่รู้ ฮืออ ฉันจะโดนฆ่ามั้ย เห็นเค้าบอกว่ามายืนเคาะเกือบครึ่งชั่วโมงแล่ววว
ปั้ก! ปั้ก! ปั้ก!
“โอ้ยย

อะไรเนี่ย" ฉันเปิดประตูรับ แต่เค้าไม่ลืมหูลืมตา เคาะเข้ามาได้ไงย้ะ กลางหน้าผากฉันเนี่ย ฉันเหลือบตาขึ้นไปมองเค้าด้วยตาที่มีน้ำตาคลอ
“...” แต่เค้าก็ยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น ไม่มีแม้แต่คำว่าขอโทษออกมา จากปากเค้า ก็คงจะหล่อกว่านี้นะ ถ้าหัดมีจิตใต้สำนึกน่ะ
“นี่! จ้องหน้าคนอื่นเค้าแล้วไม่พูดมันเสียมารยาทไม่รู้หรอ" ฉันพูดไปพร้อมลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ พอฉันพูดจบ หมอนี่ก็ทำหน้าเหมือนกับเหม็นอึ้ อย่างนั้นแหละ
“เธอแน่ใจใช่ไหมว่านั้นปาก ไม่ใช่โถส้วมน่ะ" ฮือออ แรงงง แล้วนายแน่ใจใช่ไหมว่านั่นปากไม่ใช่ฟามเลี้ยงหมาน่ะ และแน่นอนว่าฉันก็คงจะเถียงได้แค่ในใจ พอฉันกำลังจะอ้าปากเถียงเค้าก็รีบพูดขัดเข้ามาทันที
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น" เค้าพูดพร้อมเอานิ้วอุดจมูกไปด้วย "นู้นน ไปอาบน้ำ แปรงฟัน!ซะ แล้วลงมาหาฉันข้างล่าง ฉันให้เวลา20นาที ไม่สิ้ 15 ก็พอแล้ว ถ้าเลทล่ะก็ เธอจะได้รับบทเรียนที่ลืมไม่ลงเลย" บทเรียนที่ลืมไม่ลงงั้นเหรอ สยองดีแท้ "จริงสิ" เค้าโยนถุงอะไรมาให้ฉันก็ไม่รู้ดีนะที่รับทัน "นั่นเสื้อผ้านะ ใส่ๆไปก่อน เดี๋ยวว่างๆค่อยไปหาซื้อใหม่ โอเคนะ ไปล่ะบาย"
“ดะเดี๋ยว" แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว เดินเร็วชะมัดเลยย
“มาแล้วหรอ"
“อ่าหะ"
“ว่าแต่ว่าชื่ออะไร" หืมม ไม่ถามฉันชาติหน้าเลยล่ะย้ะ
“ฉันชื่อ ตัวเล็ก นายล่ะ"
“ฉันชื่อ ตัวโต ^0^”
“ไม่จริงหน่า"
“ใช่มันไม่จริง แต่ฉันจะให้เธอเรียกแบบนี้"
“นายไม่มีชื่อจริงๆหรือไงห้ะ"
“มี! เธอก็มีหนิใช่มั้ยล่ะ รอเธอจำชื่อตัวเองได้เมื่อไรฉันถึงจะบอกชื่อฉัน"
“แต่ว่า"
“ไม่ต้องพูดมาก ตามที่ฉันบอกนั่นแหละ" ฉันยังไม่ทันจะได้คัดค้านเลยTT เอาแต่ใจตัวเองอะไรขนาดนี้พ่อคู้นน " ไปขึ้นรถ" พูดจบเค้าก็ไม่รีรอที่จะฉุดแขนฉันให้เดินตามเค้าไปขึ้นรถ
นั่งเงียบอยู่นานสองนาน .. แต่แล้วฉันก็พึ่งจะนึกได้ในสิ่งที่ฉันควรจะถามเค้าตั้งแต่แรกเจอแล้ว
“เอ่อ คือ นายน่ะ เป็นใครหรอ"
“ถามช้าไปหรือเปล่าห้ะ" ฉันได้แต่ทำหน้าเหวอๆ จนเค้าอธิบายให้ฟัง "ฉันเป็นลูกชายคนเดียวของคุณ อนิลธิดา ศิมันต์ตรา เอาง่ายๆก็คือ ฉันเป็นทายาทผู้สืบทอดอย่างถูกต้อง "
“เอ๋? ใครเหรอ"
“นี่เธอยังไม่เก็ทอีกเหรอ ก็แม่ฉันไปต่างประเทศสามสัปดาห์ แม่ฝากฉันให้ดูแลเธอระหว่างที่ท่านไม่อยู่ แม่ยังไม่ได้บอกเธอหรือไงกัน"
“หาาาา!!” อะไรก๊านนนนน
ปังๆ ฟิ้วๆ บรื้นนนนนน !!! ฮือออ ฉันคิดว่าจะพาไปไหน ที่แท้ก็พามานั่งดูเค้าเล่นเกมส์ที่บ้านของเพื่อนเค้า ฉันจะไม่ลำบากใจอะไรใดๆทั้งสิ้น ถ้าหากว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงเพียงคนเดียวในห้องนี้ ฮือออ ฟังไม่ผิดหรอก ฉันเป็นผู้หญิงคนเดียว ถ้ารวมตัวโตด้วย ก็จะกลายเป็นผู้ชายสี่คน แล้วมีผู้หญิงอยู่เพียงหนึ่งเดียว ใครสั่งใครสอนให้พาผู้หญิงมาในที่แบบนี้กันเนี่ยย TT
“กิ้ววๆ นี่หน่ะหรอว่ะ ผู้หญิงที่แกเล่าให้ฉันฟัง สวยไม่หยอกเลยนี่หว่า ว่าแต่ว่าชื่ออะไรวะไอทะ" ใครก็ไม่รู้หัวสีแดงพูดขึ้นแซวฉัน หน้าตาจัดว่าเด็ดเลยแหละ เอาง่ายๆกลุ่มนี้หน้าตาดีระดับเทพกันทุกคนเลย
“อย่าเรียก ชื่อฉันออกมาเชียวนะ พวกแกทุกคนต้องเรียกฉันว่าตัวโต เข้าใจมั้ย เพราะฉันมีข้อตกลงบางอย่างกับยัยนี่เอาไว้ โอเคนะ"
“ข้อตกลงอะไรของแกวะ"
“แกไม่จำเป็นจะต้องรู้"
“เออๆ ว่าแต่ว่ายัยนี่ชื่ออะไร สวยวะ ชอบ" นายหัวแดงคนเดิมพูดขึ้นพร้อมสายตาหวานเยิ้ม
“ธิวามันถามก็ตอบมันไปสิ" ตัวโตพูดขึ้น ให้ฉันตอบคำถามของคนที่ชื่อธิวา
“ฉันชื่อ ตะตัวเล็ก" ฉันพูดออกไปแบบกล้าๆกลัวๆ
“ไหนนน" มีผู้ชายอีกคนวิ่งเข้ามาแหวกกึ่งกลางระหว่างตัวโตกับธิวา "โห่ นึกว่าจะสวยย ไม่เห็นสวยเลย สวยตรงไหนของแกวะไอ้วา" ผู้ชายคนนี้ตาสีเฮเซล ผมสีดำสนิท
“ก็ฉันว่าสวยนี่หว่า เนาะไอ้ตัวโต*0*”
“ไม่อ่ะ ฉันว่าไม่สวย ฉันเห็นด้วยกับช่ามัน" เพล้งงง พูดอะไรไม่เกรงใจฉันที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้เลยหรือไงย้ะ
“ฉันว่าดูยังไงก็ไม่สวย ออกแนวน่ารักมากกว่า น่ารักสุดๆไปเลยด้วย" หูยย เล่นพูดตรงๆแบบนี้เลยหรอ ฉันก็เขินเป็นนะ>//< “สวัสดีนะตัวเล็ก ฉันชื่อซาร์ช่า เรียกช่าก็ได้"
“สวัสดีค่ะ" ฉันยิ้มใหเค้าแบบเป็นมิตรสุดๆ
“สวัสดีฉันเอเดน" ผู้ชายอีกคนพูดขึ้น ขณะที่มือก็เล่นเกมส์ไปด้วย
“จ้ะ"
“ต้องให้ฉันแนะนำตัวด้วยมั้ยยัยตัวเล็ก" ตัวโตพูดขึ้น
“จะขอบคุณมากเลยถ้านายบอกชื่อจริงๆของนายมา"
“เธอก็บอกชื่อจริงๆของเธอมาก่อนสิ

” เราสองคนต่างจ้องตากันแบบไม่มีใครยอมแพ้ใครเลยทีเดียว
ฮือออ จะตีหนึ่งแล้วพึ่งจะได้กลับบ้าน หมอนี่ติดเกมส์ขนาดหนักเลยนะเนี่ย ฮืออ ถ้าคุณน้ากลับมาฉันฟ้องให้แหลกเลยคอยดูนะไอ้หัวน้ำตาล โอ้ย คิดคำด่าอื่นไม่ออกเลยยยยยยยยยย ฉันนั่งจ้องหน้าด้านข้างของเค้าที่กำลังขับรถ จมูกโด่งชะมัด จะว่าไปฉันพึ่งได้มองหน้าเค้าชัดๆก็ตอนนี้แหละ
“งืมๆ~” ปวดฉี่ค่ะปวดฉี่ มาปวดอะไรตอนนี้คนกำลังหลับสบายแท้ๆ ฉันเปิดผ้าห่มออกและลุกจากเตียง เดินจะไปเข้าห้องน้ำ
พึ่บ ! มือฉันฟาดเข้าไปบนท้องของใครสักคน อะเด้ะๆ ฉันเอามือคลำๆดู เอ้ะ มีหน้าด้วย จมูกปากครบ ฮือออ หรือว่าา ฉันรีบวิ่งลงจากเตียง และโวยวายทันที
“นี่นายยยย !!”
“อะไรเล่าา นอนได้แล้วมาโวยวายอะไรเนี่ยฉันง่วงนะยัยตัวเล็ก"
“นี่นายจะบ้าไปแล้วหรอ นายมานอนกับฉันได้ยังไง ฉันเป็นผู้หญิงนะ"
**** เป็นอะไรยังไงก้คอมเม้นด้วยเนอะ จะได้ปรับปรุง เดี๋ยวมาต่อค้า****
ความทรงจำที่หายไป
โอ้ยตายแล้วว! หลับอยู่ดีๆตื่นขึ้นมาอีกทีก็จำอะไรไม่ได้เลย ที่แย่ไปกว่านั้น ฉันต้องไปอาศัยอยู่บ้านของคุณน้าที่ทำฉันเป็นแบบนี้ เพื่อรอความทรงจำของฉันกลับมา ที่แย่สุดๆของสุดๆเลยก็คือคุณน้าใจดีคนนั้นดันไปต่างประเทศทิ้งฉันเอาไว้เป็นภาระของลูกชายตัวแสบขี้โมโหของเขา แย่ล่ะสิ้ ชีวิตของฉันต่อจากนี้จะมีความสงบสุขมั้ย ฮืออออ
"อืมม ..”
“ตื่นแล้วเหรอจ้ะ" มีผู้หญิงวัยกลางคนน่าตาท่าทางใจดี เดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“ค่ะ" สิ่งแรกที่ฉันรู้สึกได้ถึงการตื่นขึ้นมาคือ กลิ่นอ่อนๆของยาคละคลุ้งไปทั่ว .. ที่นี่คงจะเป็นโรงพยาบาลสินะ
“หนูเป็นยังไงบ้างลูก "
“ก็ไม่เป้นไรนะคะ”
“จ่ะ ดีแล้ว ว่าแต่หนูชื่ออะไรจ้ะ"
“..... ชื่อเหรอคะ" แล้วฉันชื่ออะไรล้ะเนี่ย "ก็ไม่รู้สิค้ะ นั่นน่ะสิหนูชื่ออะไรนะ?”
“..!!” พอฉันพูดจบ คุณน้าเค้าก้ทำท่าตกใจ "หมอ! หมออ!!”
เอ้ะๆ แต่เดี๋ยวก่อนนะ ฉันขอประเมินสถานการณ์เบื้องต้นก่อน .. คือ ฉันน.. ห้ะ ฉัน? เอ้ะ ฉันเป็นใครเนี่ย แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หืออ ทำไมสมองมันตื้ออะไรขนาดนี้ล่ะเนี่ย คิดไม่ออกน่าา
“อ่าาา .. สมองของคนไข้ก็ปกติดีนะครับ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย"
“ถ้าปกติ แล้วทำไมยัยหนูคนนั้นจำชื่อตัวเองไม่ได้ล่ะค้ะคุณหมอ" คุณน้า พูดด้วยท่าทีร้อนใจ
“อันนี้ หมอก็ยังไม่ทราบสาเหตุนะครับ" คุณหมอหันมาทางฉัน "หนูรู้มั้ยว่า 6+6 ได้เท่ากับเท่าไร" หืออ ? ให้ตายเถอะ คิดว่าฉันเป็นเด็กอนุบาลหรือไง
“ก็ต้อง12สิคะ" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ คุณหมอหันไปคุยกับคุณน้าต่อ
“หมอว่าอาการนี้ ไม่น่าจะเกี่ยวกับสมองนะครับ เพราะอาการของสมองเสื่อมเนี่ย คงจะลืมทุกๆอย่างเกี่ยวกับวิชาการ เอาง่ายๆคือ การรับรู้และสติสัมปชัญญะจะเท่าๆกับเด็กอนุบาล แต่ในกรณีที่คนไข้สามารถตอบคำถามของหมอได้ แต่ไม่สามารถจำข้อมูลของตนเองได้ มีอยู่สองข้อ อย่างแรกคือ จิตใจของคนไข้ได้ รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง จนสมองอาจจะสั่งให้ลืมสิ่งที่ทำร้ายจิตใจพวกนั้น" พูดจบคุณหมอหันหน้ามาทางฉัน แล้วพูดยิ้มๆว่า "ส่วนอย่างที่สองก็คือ แกล้งความจำเสื่อม"
นั่นแหละ ปัญหาใหญ่โตมโหฬารเลยจ่ะ คือ ถ้าคุณน้า คิดว่าฉันแกล้งความจำเสื่อมล่ะก็นะ ฉันว่าฉันคงต้องไปนั่งขอทานตามสะพานลอยแน่ๆเลย ตอนนี้อยู่ในระหว่างทาง ซึ่งฉันก้ไม่รู้ว่าคุณน้าจะพาฉันไปปล่อยที่ไหน ฮือออ
“คะ..คือ คุณน้าจะพาหนูไปไหนเหรอคะ"
“ก็พากลับบ้านน่ะสิจ้ะหนู บ้านหนูอยู่ไหน บอกน้ามาเถอะนะ อย่าพยายามทำให้โลกตัวเองแคบลงโดยการแกล้งลืมเลย"
“หนูป่าวนะคะ หนูพยายามนึกแล้ว แต่หนูก้นึกไม่ออก หนูนึกไม่ออกจริงๆนะคะคุณน้า" ฉันพูดความจริง ฉันจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง น้ำตาฉันเริ่มจะปริ่มๆแล้วเพราะกลัวคุณน้าไม่เชื่อ ..คุณน้า นั่งจ้องหน้า ฉันอยู่นาน แล้วก็ถอนหายใจออกมาในที่สุด
“งั้นระหว่างที่หนูยังจำอะไรไม่ได้ น้าก็คงจะต้องรับผิดชอบโดยการให้หนูอยู่ที่บ้านกับน้าไปก่อน แต่ในระหว่างนั้น หนูก็ต้องพยายามนึกให้ออกนะลูก ป่านนี้พอแม่คงเป็นห่วงแย่" พอฉันได้ยินคำว่าพ่อแม่ ใจฉันก็กระตุกวูบ โดยไม่มีสาเหตุใดๆทั้งสิ้น
“หืม? ตกลงไหมจ้ะ" คุณน้าเห็นฉันเงียบไป จึงเร่งรัดที่จะเอาคำตอบ
“ค่ะ" ฉันตอบแบบสั้นๆง่ายๆ และ เหม่อมองออกไปที่หน้าต่างรถ "เอ่ออ คุณน้าคะ ทำไมหนูถึงมาอยู่กับคุณน้าได้ละคะ"
“คนขับรถของน้า ขับรถชนหนูน่ะจ้ะ หนูวิ่งสะเปะสะปะร้องไห้ออกมาจากไหนไม่รู้ ในตัวก็ไม่มีบัตรอะไรติดตัวมาสักอย่าง"
“ร้องไห้เหรอคะ?”
“จ่ะ"
ในที่สุดก็ถึง แต่ไม่ใช่บ้านหรอก ฉันว่านะ ยังไงมันก็ไม่ใช่ มันคือคฤหาสน์ชัดๆเลยให้ตายเถอะ มันกว้างมากๆเลย ทางเข้าห่างจากตัวบ้านประมาณกิโลฯนึงได้ สวนก็ตกแต่งเป็นไตล์ยุโรปนี้มันคุ้นตาจังเลยให้ตายเถอะ ...
“เป็นไงจ้ะบ้านฉัน สวยใช่ไหมล่ะ^^” คุณน้า พูดด้วยท่าทีที่ภูมิใจเอามากๆเลย 5555 ทำให้ฉันอดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้
“ใช่ค่ะ สวยมากๆเลย หนูชอบมากๆเลยค่ะ"
“เอ .. หนูนี่เวลายิ้มแล้วน่ารักน่าหยิกดีจังเลย เดี๋ยวก็เงียบขรึมเดี๋ยวก็ร่าเริงสรุปหนูอารมณ์ไหนกันแน่ล่ะหืม?” คำพูดของคุณน้าทำให้ฉันหุบยิ้มลงทันที พอคุณน้าเห็นฉันเงียบ ก็เดินเข้ามาแตะไหล่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า "หนูจ้ะ ลองทบทวนตัวเองดูดีๆนะ ว่าหนูต้องการแบบนี้จริงๆหรือป่าว.. สร้างผนึกขึ้นมาขวางกั้นโลกแห่งความจริง สร้างความเย็นชาไว้กันคนรอบข้างเข้าหา จริงๆแล้วหนูต้องเป็นคนที่เฟรนลี่มากแน่ๆ น้าสัมผัสได้ หนูก็แค่หนีความเจ็บปวดหรือปัญหาอะไรบางอย่างโดยการลากคำว่าลืมให้หมดเข้ามาในสมองก้เท่านั้นเอง เก็บไปคิดนะหนู" ฮึกก ทำไมคำพูดของคุณน้า ถึงทำให้ฉันจุกได้ขนาดนี้ อยู่ดีๆน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไร้ซึ่งการควบคุม แต่ถึงยังไง ฉันก็จำอะไรไม่ได้อยู่ดี
“ขอบคุณนะคะคุณน้า หนูจะพยายามนึกทุกสิ่งทุกอย่างให้ออก แล้วไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงนะคะ ฮึกก"
“หนูอย่าร้องไห้เลยนะ เข้าบ้านไปอาบน้ำอาบท่าล้างหน้าล้างตาก่อนไป บ้านนี้มีหลายห้องนะจ้ะ เลือกเอาเลยตามสบาย เดี๋ยวน้าจะให้แม่บ้านนำทางไป
“เห้อออออออออออออ!!!”ฉันทิ้งตัวลงบนเตียง รูสึกเหนื่อยเพลียอ่อนล้า ทุกๆอย่างรวมกัน
ก๊อกๆ คุณหนูคะ คุณผู้หญิงให้เอายามาให้ทานค่ะ
“ค่าาาาาา" ฉันเปิดประตูพร้อมกระดกยาและน้ำเข้าปาก กำลังจะดันประตูปิดแต่..
“เดี๋ยวจ่ะหนู น้ามีเรื่องจะคุยด้วย" คุณน้าเดินขึ้นบันไดมาหาฉัน แล้วไล่แม่บ้านลงไปข้างล่าง
“ค่ะ"
“มีสองเรื่องนะ เรื่องแรก เราต้องมีชื่อนะยัยหนู หนูอยากได้ชื่อไหนบอกน้ามาเลยจ้ะ"
“หนูแล้วแต่คุณน้าเถอะค่ะ"
“เอ่ออ ...” คุณน้าทำท่าทางครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ "ชื่อวันเพ็ญดีไหมจ้ะ^^”
“-__- เอ่ออ ก็เพราะดีค่ะ หนูชอบ แห่ๆ”
“แหมม ยัยหนูล่ะก็ ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ เอาเป็นว่าชื่อ .. ตัวเล็กละกันนะ หนูตัวเล็กดี ตัวเตี้ยๆ เหมาะจังเลยชื่อนี้^0^ โฮะๆ" ฮืออ โดนจี้ปม เหมือนโดนหลอกด่ายังไงก็ไม่รู้
“ค่ะ ยังไงก็ได้ค่ะคุณน้า" ฉันฉีกยิ้มเหมือนกับพอ อก พอใจกับชื่อนี้แบบสุดๆ "แล้วเรื่องที่สองล่ะค้ะ"
“คืออย่างนี้นะ พรุ่งนี้น่ะ น้ามะ" ติ๊งติ่งติ๊ง เสียงโทรศัพท์ของคุณน้าดังขึ้น คุณน้ากดรับพร้อมกับเดินออกจากห้องไปโดยปริยาย อ้าวว แล้วเรื่องที่สองล่ะ? ช่างเถอะๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณน้าก็คงจะเข้ามาคุยอีกนั่นแหละ นอนเอาแรงดีกว่า
ฮือออออออออ นอนยังไงก็ไม่หลับ เพราะตอนนี้สมองฉันมันไม่ว่างเลย ฉันคิดมากจนแทบจะคลั่ง ฉันเป็นใครนะ คิดยังไงก็คิดไม่ออก นอนยังไงก็ไม่หลับ นับแกะก็แล้ว นับเลขก็แล้ว เฮ้ออ
ตึง!ตึง!ตึง!
“เฮ้ ตื่นสิ้ ! ฉันยืนเคาะมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนะ"
“งืมๆ~” ฉันลืมตาปรือๆขึ้นมา ให้ตายเถอะ ง่วงชะมัดเลย กี่โมงแล้วเนี่ย ฉันเหลือบไปมองนาฬิกา บ้าจริง 11:57 โอ้มายก็อดด อะไรที่ทำให้ฉันตื่นสายได้ถึงขนาดนี้ ฉันรึบวิ่งไปเปิดประตู ให้ใครก็ไม่รู้ ฮืออ ฉันจะโดนฆ่ามั้ย เห็นเค้าบอกว่ามายืนเคาะเกือบครึ่งชั่วโมงแล่ววว
ปั้ก! ปั้ก! ปั้ก!
“โอ้ยย
“...” แต่เค้าก็ยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น ไม่มีแม้แต่คำว่าขอโทษออกมา จากปากเค้า ก็คงจะหล่อกว่านี้นะ ถ้าหัดมีจิตใต้สำนึกน่ะ
“นี่! จ้องหน้าคนอื่นเค้าแล้วไม่พูดมันเสียมารยาทไม่รู้หรอ" ฉันพูดไปพร้อมลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ พอฉันพูดจบ หมอนี่ก็ทำหน้าเหมือนกับเหม็นอึ้ อย่างนั้นแหละ
“เธอแน่ใจใช่ไหมว่านั้นปาก ไม่ใช่โถส้วมน่ะ" ฮือออ แรงงง แล้วนายแน่ใจใช่ไหมว่านั่นปากไม่ใช่ฟามเลี้ยงหมาน่ะ และแน่นอนว่าฉันก็คงจะเถียงได้แค่ในใจ พอฉันกำลังจะอ้าปากเถียงเค้าก็รีบพูดขัดเข้ามาทันที
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น" เค้าพูดพร้อมเอานิ้วอุดจมูกไปด้วย "นู้นน ไปอาบน้ำ แปรงฟัน!ซะ แล้วลงมาหาฉันข้างล่าง ฉันให้เวลา20นาที ไม่สิ้ 15 ก็พอแล้ว ถ้าเลทล่ะก็ เธอจะได้รับบทเรียนที่ลืมไม่ลงเลย" บทเรียนที่ลืมไม่ลงงั้นเหรอ สยองดีแท้ "จริงสิ" เค้าโยนถุงอะไรมาให้ฉันก็ไม่รู้ดีนะที่รับทัน "นั่นเสื้อผ้านะ ใส่ๆไปก่อน เดี๋ยวว่างๆค่อยไปหาซื้อใหม่ โอเคนะ ไปล่ะบาย"
“ดะเดี๋ยว" แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว เดินเร็วชะมัดเลยย
“มาแล้วหรอ"
“อ่าหะ"
“ว่าแต่ว่าชื่ออะไร" หืมม ไม่ถามฉันชาติหน้าเลยล่ะย้ะ
“ฉันชื่อ ตัวเล็ก นายล่ะ"
“ฉันชื่อ ตัวโต ^0^”
“ไม่จริงหน่า"
“ใช่มันไม่จริง แต่ฉันจะให้เธอเรียกแบบนี้"
“นายไม่มีชื่อจริงๆหรือไงห้ะ"
“มี! เธอก็มีหนิใช่มั้ยล่ะ รอเธอจำชื่อตัวเองได้เมื่อไรฉันถึงจะบอกชื่อฉัน"
“แต่ว่า"
“ไม่ต้องพูดมาก ตามที่ฉันบอกนั่นแหละ" ฉันยังไม่ทันจะได้คัดค้านเลยTT เอาแต่ใจตัวเองอะไรขนาดนี้พ่อคู้นน " ไปขึ้นรถ" พูดจบเค้าก็ไม่รีรอที่จะฉุดแขนฉันให้เดินตามเค้าไปขึ้นรถ
นั่งเงียบอยู่นานสองนาน .. แต่แล้วฉันก็พึ่งจะนึกได้ในสิ่งที่ฉันควรจะถามเค้าตั้งแต่แรกเจอแล้ว
“เอ่อ คือ นายน่ะ เป็นใครหรอ"
“ถามช้าไปหรือเปล่าห้ะ" ฉันได้แต่ทำหน้าเหวอๆ จนเค้าอธิบายให้ฟัง "ฉันเป็นลูกชายคนเดียวของคุณ อนิลธิดา ศิมันต์ตรา เอาง่ายๆก็คือ ฉันเป็นทายาทผู้สืบทอดอย่างถูกต้อง "
“เอ๋? ใครเหรอ"
“นี่เธอยังไม่เก็ทอีกเหรอ ก็แม่ฉันไปต่างประเทศสามสัปดาห์ แม่ฝากฉันให้ดูแลเธอระหว่างที่ท่านไม่อยู่ แม่ยังไม่ได้บอกเธอหรือไงกัน"
“หาาาา!!” อะไรก๊านนนนน
ปังๆ ฟิ้วๆ บรื้นนนนนน !!! ฮือออ ฉันคิดว่าจะพาไปไหน ที่แท้ก็พามานั่งดูเค้าเล่นเกมส์ที่บ้านของเพื่อนเค้า ฉันจะไม่ลำบากใจอะไรใดๆทั้งสิ้น ถ้าหากว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงเพียงคนเดียวในห้องนี้ ฮือออ ฟังไม่ผิดหรอก ฉันเป็นผู้หญิงคนเดียว ถ้ารวมตัวโตด้วย ก็จะกลายเป็นผู้ชายสี่คน แล้วมีผู้หญิงอยู่เพียงหนึ่งเดียว ใครสั่งใครสอนให้พาผู้หญิงมาในที่แบบนี้กันเนี่ยย TT
“กิ้ววๆ นี่หน่ะหรอว่ะ ผู้หญิงที่แกเล่าให้ฉันฟัง สวยไม่หยอกเลยนี่หว่า ว่าแต่ว่าชื่ออะไรวะไอทะ" ใครก็ไม่รู้หัวสีแดงพูดขึ้นแซวฉัน หน้าตาจัดว่าเด็ดเลยแหละ เอาง่ายๆกลุ่มนี้หน้าตาดีระดับเทพกันทุกคนเลย
“อย่าเรียก ชื่อฉันออกมาเชียวนะ พวกแกทุกคนต้องเรียกฉันว่าตัวโต เข้าใจมั้ย เพราะฉันมีข้อตกลงบางอย่างกับยัยนี่เอาไว้ โอเคนะ"
“ข้อตกลงอะไรของแกวะ"
“แกไม่จำเป็นจะต้องรู้"
“เออๆ ว่าแต่ว่ายัยนี่ชื่ออะไร สวยวะ ชอบ" นายหัวแดงคนเดิมพูดขึ้นพร้อมสายตาหวานเยิ้ม
“ธิวามันถามก็ตอบมันไปสิ" ตัวโตพูดขึ้น ให้ฉันตอบคำถามของคนที่ชื่อธิวา
“ฉันชื่อ ตะตัวเล็ก" ฉันพูดออกไปแบบกล้าๆกลัวๆ
“ไหนนน" มีผู้ชายอีกคนวิ่งเข้ามาแหวกกึ่งกลางระหว่างตัวโตกับธิวา "โห่ นึกว่าจะสวยย ไม่เห็นสวยเลย สวยตรงไหนของแกวะไอ้วา" ผู้ชายคนนี้ตาสีเฮเซล ผมสีดำสนิท
“ก็ฉันว่าสวยนี่หว่า เนาะไอ้ตัวโต*0*”
“ไม่อ่ะ ฉันว่าไม่สวย ฉันเห็นด้วยกับช่ามัน" เพล้งงง พูดอะไรไม่เกรงใจฉันที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้เลยหรือไงย้ะ
“ฉันว่าดูยังไงก็ไม่สวย ออกแนวน่ารักมากกว่า น่ารักสุดๆไปเลยด้วย" หูยย เล่นพูดตรงๆแบบนี้เลยหรอ ฉันก็เขินเป็นนะ>//< “สวัสดีนะตัวเล็ก ฉันชื่อซาร์ช่า เรียกช่าก็ได้"
“สวัสดีค่ะ" ฉันยิ้มใหเค้าแบบเป็นมิตรสุดๆ
“สวัสดีฉันเอเดน" ผู้ชายอีกคนพูดขึ้น ขณะที่มือก็เล่นเกมส์ไปด้วย
“จ้ะ"
“ต้องให้ฉันแนะนำตัวด้วยมั้ยยัยตัวเล็ก" ตัวโตพูดขึ้น
“จะขอบคุณมากเลยถ้านายบอกชื่อจริงๆของนายมา"
“เธอก็บอกชื่อจริงๆของเธอมาก่อนสิ
ฮือออ จะตีหนึ่งแล้วพึ่งจะได้กลับบ้าน หมอนี่ติดเกมส์ขนาดหนักเลยนะเนี่ย ฮืออ ถ้าคุณน้ากลับมาฉันฟ้องให้แหลกเลยคอยดูนะไอ้หัวน้ำตาล โอ้ย คิดคำด่าอื่นไม่ออกเลยยยยยยยยยย ฉันนั่งจ้องหน้าด้านข้างของเค้าที่กำลังขับรถ จมูกโด่งชะมัด จะว่าไปฉันพึ่งได้มองหน้าเค้าชัดๆก็ตอนนี้แหละ
“งืมๆ~” ปวดฉี่ค่ะปวดฉี่ มาปวดอะไรตอนนี้คนกำลังหลับสบายแท้ๆ ฉันเปิดผ้าห่มออกและลุกจากเตียง เดินจะไปเข้าห้องน้ำ
พึ่บ ! มือฉันฟาดเข้าไปบนท้องของใครสักคน อะเด้ะๆ ฉันเอามือคลำๆดู เอ้ะ มีหน้าด้วย จมูกปากครบ ฮือออ หรือว่าา ฉันรีบวิ่งลงจากเตียง และโวยวายทันที
“นี่นายยยย !!”
“อะไรเล่าา นอนได้แล้วมาโวยวายอะไรเนี่ยฉันง่วงนะยัยตัวเล็ก"
“นี่นายจะบ้าไปแล้วหรอ นายมานอนกับฉันได้ยังไง ฉันเป็นผู้หญิงนะ"
**** เป็นอะไรยังไงก้คอมเม้นด้วยเนอะ จะได้ปรับปรุง เดี๋ยวมาต่อค้า****