รักแรกพบของฟาร์มและโอม ถูกตีความหมายในรูปแบบที่ต่างกัน เรารู้สึกว่าการตีความของโอม รักแรบพบของโอมคือรักแรกพบเดียวกับต้นฉบับ แต่ของฟาร์มไม่ใช่ เราไม่ใช่คนคร่ำหวอดในวงการเพลง มีหูฟังในระดับชาวบ้านเช่นกัน
เมื่อฟังโอมแล้ว รู้สึกเพราะนะ แต่ก็เหมือนเปิดเพลงรักแรกพบธรรมดาฟัง ฟังไปเรื่อยๆ ไม่รู้สึกมีจุดว้าวอะไร รู้สึกเทคนิคเยอะไปจนรู้สึกอึดอัดนิดๆ แต่พอเจอท่อนนึงของฟาร์มเข้า
"จนวันนึง ฉันผ่านมาพบเธอคนนั้น ดวงใจเป็นเดือดเป็นร้อนช่างทรมาน"
มันเหมือนมีภาพในหัวฉายเข้ามาตามเนื้อร้อง มันสร้างความรู้สึกที่เรียกว่า "เข้าใจ" ในความหมายเพลงตรงนั้นขึ้นมาทันที รู้สึกทรมาน หัวใจบีบๆ ตามด้วยเลย
ถ้าจะเทียบความเพราะแล้ว จริงๆ เราว่าคนที่ผ่านออดิชั่นมา Blind ได้ ก็ถือว่าเพราะแล้วนะ ซึ่งคนที่ผ่าน Blind เข้ามาได้อีก ยิ่งคอนเฟิร์มว่าเขาก็ต้องมีความเพราะมีความดีงามที่แตกต่างกัน ซึ่งกับโอม เรารู้สึกว่าเขาเป็นแค่คนที่ร้องเพลงเพราะมากๆ คนหนึ่ง แต่กับฟาร์ม รู้สึกว่าเพราะและลึกจนขนาดที่ถึงทำงานไปด้วยก็ยังโดนดึงสมาธิมาฟังเพลงที่เขาร้องต่อด้วยความรู้สึกว่า แล้วยังไงต่อนะ...หลังจากพบเจอแล้วมันเป็นยังไง มันตื่นเต้น เหมือนได้ฟังนิทานหรือเรืองเล่าจากใครซักคน
และที่เราอยากจะบอกมากกว่าแชร์ความรู้สึกด้านบนคือ...
เราคิดว่าคนแต่ละคน แปลความหมาย The Voice ในแบบที่ต่างกัน บางคนอาจเน้นที่เสียงไปเลยนะ ต้องเสียงเท่านั้น หรือบางคนอาจจะชอบเสียงที่ไม่ได้ฟู่ฟ่าเทคนิคไม่ต้องเยอะ แต่อารมณ์เพลงเน้นๆ แบบเรา โค้ชแสมป์เอง ก็มี Voice ในแบบของเขา และจากที่ติดตามดู The Voice จนกระทั่ง Season 3 แล้ว ทำให้เรารู้สึกสนใจในตัวแสตมป์และนับถือความสามารถด้านการฟังของเขาที่เรารู้สึกว่าเพอร์เฟค จึงค่อนข้างเชื่อมือโค้ชแสตมป์พอสมควร
และกรณีตัวอย่างที่ดีที่เราอยากพูดถึงซักนิดก่อนคือตอนรอบ Blind ที่มีเจ้าของเพลงคนนึงค่ะ ที่เขานำเพลงของตัวเองมาร้อง ซึ่งมันก็เพราะมาก แต่ทุกคนไม่กดให้เนื่องจากความเหมือนที่มากเกินไป ดูเหมือนจะขาดสไตล์ในการร้องไปโดยสิ้นเชิง บ่งบอกให้เห็นเลยว่า ทั้งโค้ชและธีมของรายการเองเขาไม่ได้เน้นแค่เสียงที่เพราะเท่านั้น
ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นต์ที่ทั้งเห็นด้วยและเห็นต่าง ขอบคุณค่ะ ^^
เป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้โค้ชแสตมป์ และเป็นเราก็เลือกฟาร์มในมุมมองของเรา
เมื่อฟังโอมแล้ว รู้สึกเพราะนะ แต่ก็เหมือนเปิดเพลงรักแรกพบธรรมดาฟัง ฟังไปเรื่อยๆ ไม่รู้สึกมีจุดว้าวอะไร รู้สึกเทคนิคเยอะไปจนรู้สึกอึดอัดนิดๆ แต่พอเจอท่อนนึงของฟาร์มเข้า
"จนวันนึง ฉันผ่านมาพบเธอคนนั้น ดวงใจเป็นเดือดเป็นร้อนช่างทรมาน"
มันเหมือนมีภาพในหัวฉายเข้ามาตามเนื้อร้อง มันสร้างความรู้สึกที่เรียกว่า "เข้าใจ" ในความหมายเพลงตรงนั้นขึ้นมาทันที รู้สึกทรมาน หัวใจบีบๆ ตามด้วยเลย
ถ้าจะเทียบความเพราะแล้ว จริงๆ เราว่าคนที่ผ่านออดิชั่นมา Blind ได้ ก็ถือว่าเพราะแล้วนะ ซึ่งคนที่ผ่าน Blind เข้ามาได้อีก ยิ่งคอนเฟิร์มว่าเขาก็ต้องมีความเพราะมีความดีงามที่แตกต่างกัน ซึ่งกับโอม เรารู้สึกว่าเขาเป็นแค่คนที่ร้องเพลงเพราะมากๆ คนหนึ่ง แต่กับฟาร์ม รู้สึกว่าเพราะและลึกจนขนาดที่ถึงทำงานไปด้วยก็ยังโดนดึงสมาธิมาฟังเพลงที่เขาร้องต่อด้วยความรู้สึกว่า แล้วยังไงต่อนะ...หลังจากพบเจอแล้วมันเป็นยังไง มันตื่นเต้น เหมือนได้ฟังนิทานหรือเรืองเล่าจากใครซักคน
และที่เราอยากจะบอกมากกว่าแชร์ความรู้สึกด้านบนคือ...
เราคิดว่าคนแต่ละคน แปลความหมาย The Voice ในแบบที่ต่างกัน บางคนอาจเน้นที่เสียงไปเลยนะ ต้องเสียงเท่านั้น หรือบางคนอาจจะชอบเสียงที่ไม่ได้ฟู่ฟ่าเทคนิคไม่ต้องเยอะ แต่อารมณ์เพลงเน้นๆ แบบเรา โค้ชแสมป์เอง ก็มี Voice ในแบบของเขา และจากที่ติดตามดู The Voice จนกระทั่ง Season 3 แล้ว ทำให้เรารู้สึกสนใจในตัวแสตมป์และนับถือความสามารถด้านการฟังของเขาที่เรารู้สึกว่าเพอร์เฟค จึงค่อนข้างเชื่อมือโค้ชแสตมป์พอสมควร
และกรณีตัวอย่างที่ดีที่เราอยากพูดถึงซักนิดก่อนคือตอนรอบ Blind ที่มีเจ้าของเพลงคนนึงค่ะ ที่เขานำเพลงของตัวเองมาร้อง ซึ่งมันก็เพราะมาก แต่ทุกคนไม่กดให้เนื่องจากความเหมือนที่มากเกินไป ดูเหมือนจะขาดสไตล์ในการร้องไปโดยสิ้นเชิง บ่งบอกให้เห็นเลยว่า ทั้งโค้ชและธีมของรายการเองเขาไม่ได้เน้นแค่เสียงที่เพราะเท่านั้น
ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นต์ที่ทั้งเห็นด้วยและเห็นต่าง ขอบคุณค่ะ ^^