###เขาค้อ แชร์ประสบการณ์เช็คอินที่ห้องสกายวิวคืนละสี่พัน แต่สุดท้ายไปเช็คเอาท์ที่โฮมสเตย์แห่งหนึ่ง###

กระทู้นี้อยากแชร์ประสบการณ์การไปเที่ยวเขาค้อครั้งแรกในรอบหลายปีมานี้ค่ะ
ชื่อกระทู้อาจจะฟังดูงงๆนิดหน่อยนะคะ แต่ทริปนี้ได้เจออะไรไม่คาดคิดค่ะ มีรสชาติ เราถือว่าสนุกดีค่ะ

กรุ๊ปเรามีกัน 2 คู่ /4คนค่ะ พอดีไปธุระที่บ้านพี่คนนึงในกรุ๊ปที่เพชรบูรณ์ ก็เลยถือโอกาสขึ้นไปนอนเขาค้อกันคืนนึง
เราตัดสินใจติดต่อจองห้องพักที่ฟ้าใสหมอกสวยรีสอร์ต ห้องสกายวิว โซน c
ซึ่งเค้าบอกว่าเป็นห้องที่วิวดีที่สุด ซึ่งพวกเราไม่ได้มาเที่ยวเขาค้อกันหลายปีแล้ว
ก็ตกลงจองไปสองห้อง ห้องละ 4000 บาทค่ะ ก็รวมเป็น 8000 บาท ซึ่งเราว่าก็ราคาสูงนะคะ แต่อยากถือโอกาสพักผ่อน ไปสวีทกันด้วยค่ะ ก็เลยตกลงจองที่นี่ไป ^^

กว่าจะทำธุระเสร็จเราก็ไปถึงรีสอร์ตกันประมาณห้าโมงเย็น หลงด้วยเพราะไม่มีป้ายบอกทางเข้า โทรถามก็บอกว่าเราขับเลยไปประมาณ 800 เมตร เราก็ย้อนมาพอไปถึงฟร้อนท์ ไม่เจอคน (ทั้งที่เพิ่งโทรหาเมื่อกี้ว่าจะมา) โทรไปก็ไม่มีคนรับสาย จนสุดท้ายขับวนไปวนมาในรีสอร์ต ซึ่งมีหลายโซน ก็เจอน้องพนักงานมานำทางไปที่หมาย คือเริ่มต้นก็กังวลแระว่าทริปนี้จะเจอแจ๊คพอตมั้ย 555

พอไปถึงห้องพัก อยู่ชั้นบนสุด ขึ้นบันไดไป กรุ๊ปเรากลับได้ห้องไม่ติดกัน ห้องสกายวิวโซนซีจะมีทั้งหมด 5 ห้อง เราได้ห้อง 1 กับ 5 คือ คนละฝั่งระเบียง ซึ่งห้องสกายวิว1 นี่ใหญ่ทึ่สุด ระเบียงกว้างสุด เพราะเป็นห้องริม มีระเบียงสองด้าน พอเข้าไปห้องก็ประทับใจกับวิวทิวทัศน์ค่ะ เตียงน่านอน วิวเริดจริงค่ะ  (แต่ห้องน้ำไม่ได้ทำความสะอาดค่ะ โถปัสสาวะมีคราบอยู่เลย สามีเราต้องทำความสะอาดเอง)
วิวจากระเบียงห้อง

ภายในห้องสกายวิว 1 เราถ่ายรูปมาไม่เยอะค่ะ เพราะไปถึงเย็นแระ

พอเดินออกไปที่ระเบียง ก็เจอกรุ๊ปห้องข้างๆ ประมาณ 4 คน ยืนถ่ายรูปกันตามประสาเด็กๆค่ะ เราก็ยิ้มทักทายกันไปตามมารยาทค่ะ คือห้องโถงก่อนที่จะออกไปที่ระเบียง มันแค่ตีผนังกั้น ผนังไม้ธรรมดาไม่ได้ปิดถึงเพดาน พูดคุยกันได้ยินหมดค่ะ พื้นระเบียงก็คือพื้นไม้เหมือนกันหมดค่ะ เดินดัง มีรั้วเหล็กกั้นธรรมดา
โถงนั่งเล่น แบบในภาพค่ะ


ตอนที่เราเดินออกไปที่ระเบียงตอนแรกก็ตกใจนิดหน่อยค่ะ คือมันรู้สึกว่ามันใกล้ชิดเกินไป อาจจะเพราะมันกันเสียงไม่ได้ เดินออกมาชมวิวที่ระเบียง หันไปทางขวาก็เจอใครก็ไม่รู้ มันก็เลยรู้สึกไม่เป็นส่วนตัวค่ะ แต่ถ้าเราได้หัองติดกันกะเพื่อน เราอาจจะรู้สึกดีกว่านี้ค่ะ
ซักพักนึง ระหว่างที่เรากำลังพักเก็บของ ชมวิวไปพลางๆ ก๊วนน้องเด็กข้างห้องก็เข้าไปห้องโถงที่ติดกับระเบียงของพวกเค้า เราได้ยินเสียงฉู่ฉ่า พอหันไปมองนี่คือเงิบค่ะ จัดแจงปิ้งหมูกะทะกันค่าา คือเราตกใจเอาอาหารมาทำทานกันที่นี่ได้ด้วยเหรอ มองไปที่ห้องสกายวิว 3 ดูเหมือนว่าจะพาคุณแม่มาพักผ่อน เค้าก็มองมาที่ห้องน้องเด็ก 4 คนนี่เหมือนกันที่กำลังกินหมูกะทะ+สุกี้กันหนุกหนาน  เราว่าเค้าคงจะเงิบเหมือนเรานะคะ

เก็บของเสร็จเราลงไปทานข้าว ที่ร้านอาหารของรีสอร์ต ก็ตามสเต็ปค่ะ ดวงไม่ดีตั้งแต่เริ่มก็ต้องเอาให้สุด รับออเดอร์ช้าไม่มีเด็กมาเก็บโต๊ะ สั่งอาหารไปแล้วไม่ได้ หาบิลไม่เจอ จนโต๊ะเราเป็นโต๊ะสุดท้าย ณ จุดนี้กรุ๊ปเราปลงแล้วค่ะ คิดว่าทริปนี้คงโชคไม่ดีเท่าไหร่ (สงสารน้องๆทางรีสอร์ตมากกว่าค่ะ ทำงานด้วยใจ แต่ดูคนงานน้อยเกินไปค่ะ เข้าช่วงไฮแล้วอ่ะ รับออเดอร์ เขียนบิล เสิร์ฟ ทั้งที่ร้านค่อนข้างใหญ่ ร้านบนเขาทำเลมันเล่นระดับ เดินเหนื่อยแน่ๆถ้ามีคนแค่นี้ คงโดนกดดันจนน้องเค้าร้องไห้เลยค่ะจากที่เรากะว่าจะคอมเพลน ก็เลยพูดไม่ออกกัน)
พอสองทุ่ม ครัวปิด ขอเช็คบิล เราเลยถามว่า ห้องสกายวิวโซน c นี่สามารถนำอาหารมาทำได้ด้วยเหรอ ก็ได้คำตอบว่าทำไม่ได้ แล้วทาง จนท เค้าจะให้เด็กไปเช็คให้)

พอเสร็จจากร้านอาหาร ก็เดินขึ้นห้องกัน พอมาถึงก็เซ็งต่อ เพราะข้างห้องเปิดเพลง เล่นไพ่ตามสเต็ปวัยรุ่น  คือเราสี่คนก็นั่งกินสปายคุยกันไป ปลงๆ ฟังเค้าจั่วไพ่ ตามด้วยเพลงแน่นอก หญิงลี มาเป็นชุด ไม่อยากฟังก็ต้องฟังเพราะกำแพงมันแค่เป็นฉากกันธรรมดา คือมันไม่ใช่ที่เราคิดไว้เลย กับห้องราคา 4000 บาท
ทีนี้ปัญหามันเกิดตอนที่ก๊วนน้องเด็กพูดเสียงดังขึ้นมา เรื่องมีคนไปฟ้องรีสอร์ตว่าทำอาหาร ก็พูดจาแขวะๆคะนองปากนั่นแหล่ะ จุดนี้ทำให้ก๊วนเราทนไม่ได้ ก็เดินไปถามที่ระเบียงเลย ก็มีปากเสียงกัน

สุดท้ายทางรีสอร์ตก็มาขอโทษเรา และเสนอเปลี่ยนห้องให้เรา เป็นห้องนอนรวมกัน 4 คน เพื่อ!?!? (เราคิดว่าเค้าคงลืม ว่าเรา 4 คนไม่ได้นอนห้องเดียว คงเห็นว่าเรานั่งกันอยุ่ในห้องสี่คน แต่เราจองแยกห้องกัน เพราะว่ายอมจ่ายเพื่อความสะดวกสบาย ก็คาดหวังอะไรดีๆ ) เราคิดว่าคนที่ไปควรจะเป็นพวกนั้นมากกว่าถ้าอยากจะเสียงดัง ก็น่าจะไปพักโซนที่มันไม่ใช่ห้องติดกันแบบนี้  เราก็เลยไม่ยอมจะขอเงินคืน เพราะคิดว่าในเมื่อเราไม่ชอบใจก็ไม่อยากเสียตังค์ใหัแม้แต่บาทเดียว อีกอย่างมีปากเสียงกันกับข้างห้องแบบนี้แล้ว ทางเราไม่อยากเห็นหน้าหรือฟังเสียงพวกนั้นอีก ถ้าต้องตื่นมาตอนเช้าดูวิว หันไปทางขวาก็ต้องเจอกัน ทานอาหารเช้าเจอกัน เราไม่ไว้ใจตัวเองค่ะ 555 ซึ่งทางรีสอร์ตก็คืนเงินเราให้เต็มจำนวนค่ะ สองห้อง 8000 บาท  มียึกยักนิดหน่อย แต่เสียลูกค้าไปสองห้องก็คงไม่สะเทือน รีสอร์ตใหญ่โตขนาดนี้

สรุป ถ้าจะไปพักห้องสกายวิวโซนซี ของฟ้าใสหมอกสวยรีสอร์ต ข้อดีคือวิวสวยจริงค่ะ สภาพห้องภายในสวยอยุ่ แต่ก็เหมือนห้องแถวติดกัน ถ้าเหมาเลยพวกเดียวกันทั้งแถบห้าห้อง ก็คงไม่มีปัญหา
ถ้าคาดหวังความสงบเป็นส่วนตัว ก็อาจจะยากหน่อย แต่ถ้าไปแล้วทำใจได้ถ้าเจอข้างห้องเสียงดัง ที่จริงแค่พูดธรรมดาก็ได้ยินเสียงกันหมด เดินพื้นไม้สะเทือนถึงกัน แบบนี้ก็ลองตัดสินใจดูค่ะ
สำหรับความเห็นส่วนตัวเรา ที่นี่น้องพนักงานทำงานด้วยใจค่ะ แต่แก้ปัญหากันไม่เก่ง รีสอร์ตนอกจากวิวสวย ทำเลดี อย่างอื่นเราไม่มีอะไรประทับใจค่ะ เมื่อเทียบกับราคาที่ต้องจ่าย

นี่เป็นสาเหตุที่เราได้ย้ายออกมาตอนสี่ทุ่ม มืดๆหนาวๆ  ในใจคิดว่าจะลงเขากลับไปนอนบ้านที่เพชรบูรณ์ก็ได้ฟระ
แต่โชคร้ายก็ยังมีโชคดี ที่ทำให้เราได้มาพบกับโฮมสเตย์ที่น่ารักๆเป็นส่วนตัวบนเขาค้อค่ะ ไว้จะมารีวิวต่อกับโฮมสเตย์ของลุงหมู เป็นฟาร์มดอกไม้ค่ะ แต่วันนี้ง่วงแล้ว
ทิ้งภาพไว้ก่อนนะ


ฟาร์มดอกไฮเดรนเยียร์ ^^
รีสอร์ตที่เห็นในภาพนั่นคือภูอ้อมกอดพี่ค่ะ ต้องขอบคุณที่ช่วยติดต่อหาที่พักให้ เราลองวนเข้าไปที่นี่เพราะเห็นว่าดูสงบดี แต่มันเต็มแล้ว พี่ที่นี่ก็ช่วยประสาน + ขับรถนำทางเรามาที่พักใหม่ค่ะ ต้องขอขอบคุณจริงๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่