ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
ผมขอแนะนำ ดินแดนลังกาสุกะ หรือเรียกได้ว่า ดินแดนอารยธรรม โบราณมากหลายร้อยปี บางท่านอาจจะเคยแวะมาเที่ยวแล้วก็ได้ครับ ที่เรียกว่า โบราณหมายถึง มีวัตถุโบราณ สถาปัตยกรรมโบราณ ดินแดนลังกาสุกะ ที่เรียกนั้น หมายถึง จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ปัจจุบันเกิดเหตุความไม่สงบ คงจะไม่มีท่าทียุติลงแล้วครับ เชื่อว่ามาจากหลายสาเหตุ เพียงไม่ใช่สาเหตุของการแบ่งแยกดินแดนเพียงอย่างเดียวหรอกครับ สำหรับ จังหวัดปัตตานี ผมขอแนะนำ แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ผมจะพาไปที่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว ซึ่ง ตั้งอยู่ อ.โคกโพธฺิ์ การเดินทางคงไม่ยากหรอกครับ หากท่านมาจากตัวเมืองปัตตานีแล้ว ท่านต้องมุงหน้าที่ อ.หนองจิก ห่างประมาณ 12 กิโลเมตร ผ่าน สี่แยกดอนยาง ต.บ่อทอง ผ่านค่ายทหารอิงคยุทธบริหาร ตรงๆไปเลย เมื่อถึงสามแยกตำบลนาประดู่ จากนั้นใช้เส้นทางนาประดู่-ทรายขาว ประมาณ 7 กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำตกทรายขาว บริเวณน้ำตกมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวรวมทั้งมีบริการบ้านพัก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช โทร. 0 2579 5734, 0 2579 7223 , 0 2561 2919, 0 2561 2921, 0 2561 4292-3 ต่อ 724, 725 หรือดูได้ที่ www.dnp.go.th หรือคิดว่า ฉันจะหลงหรือป่าวนั้น ถามชาวบ้านบริเวณนั้นได้เลย แถวๆนั้นชาวบ้านดีใจ มีน้ำใจ
ต่อไปแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อ เสียงติดอันดับก็ว่าได้ นั้นคือ วัดช้างไห้ ส่วนประวัติความเป็นมา ให้ท่านศึกษาเองนะครับ วัดช้างไห้ตั้งอยู่ที่บ้านป่าไร่ ตำบลทุ่งพลา ริมทางรถไฟสายหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก ระหว่างสถานีนาประดู่กับสถานีป่าไร่ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 31 กิโลเมตร การเดินทางใช้เส้นทางหลวงสาย 42 (ปัตตานี-โคกโพธิ์) ผ่านสามแยกนาเกตุ ตรงไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 409 (ปัตตานี-ยะลา) ผ่านชุมชนเทศบาลนาประดู่และศูนย์ฝึกอาชีพ (วัดช้างให้) ไปจนถึงทางแยกเพื่อเข้าสู่วัดช้างให้อีกประมาณ 700 เมตร วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมากว่า 300 ปีมาแล้ว แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง ภายในวิหารมีรูปปั้นหลวงปู่ทวดเท่าองค์จริงประดิษฐานอยู่ นอกจากนี้ยังมีสถาปัตยกรรมของสถูป เจดีย์ มณฑป อุโบสถ และหอระฆัง ที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง หลวงปู่ทวดวัดช้างให้ เป็นผู้มีความสามารถในการศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมและด้านเวทมนตร์คาถาต่างๆ เล่ากันว่าท่านได้แสดงอิทธิปาฏิหารย์เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาผู้คน เช่นครั้งที่ท่านเดินทางไปกรุงศรีอยุธยาด้วยเรือสำเภา ระหว่างทางเกิดพายุ จนกระทั่งข้าวปลาและอาหารตลอดจนน้ำดื่มตกลงทะเลไป ลูกเรือรู้สึกกระหายน้ำมาก หลวงปู่ทวดจึงได้แสดงอภินิหารหย่อนเท้าลงไปในทะเล ปรากฏว่าน้ำในบริเวณนั้นได้กลายเป็นน้ำจืด และดื่มกินได้ ตั้งแต่นั้นมาชื่อเสียงของท่านก็ขจรขจายไปทั่ว และต่อมาหลวงปู่ทวดได้มรณภาพที่ประเทศมาเลเซีย แล้วได้นำพระศพกลับมาที่วัดช้างให้ งานประจำปีในการสรงน้ำอัฐิหลวงปู่ทวดวัดช้างให้คือ แรม 1 ค่ำ เดือน 5 วัดช้างให้เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 - 17.00 น.
ย้อนกลับเข้าสู่เมืองปัตตานีนะครับ มาถึงที่ มัสยิดกรือเซะ ตั้งอยู่ริมถนนสายปัตตานี-นราธิวาสหรือทางหลวงแผ่นดินสาย 42 บริเวณบ้านกรือเซะ ห่างจากตัวเมืองปัตตานีประมาณ 7 กิโลเมตร ลักษณะการก่อสร้างมัสยิดแห่งนี้เป็นแบบเสากลมก่ออิฐปูนแบบศิลปะทางตะวันออกกลาง ส่วนที่สำคัญที่สุดคือหลังคาโดมซึ่งยังสร้างไม่แล้วเสร็จมัสยิดเก่าแห่งนี้มีตำนานเล่าว่าเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวสาปแช่งไว้ไม่ให้สร้างเสร็จ บริเวณใกล้เคียงนั้นมีฮวงซุ้ยหรือที่ฝังศพเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวมัสยิดแห่งนี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พ.ศ.2121–2136) ต่อจากนั้นมาที่ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว มาดูรายละเอียด ตั้งอยู่เลขที่ 63 ถนนอาเนาะรู ตำบลอาเนาะรู เป็นศาลที่ประดิษฐานรูปแกะสลักของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว พระหมอ เจ้าแม่ทับทิม ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปีจะมีงานประเพณีแห่เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวไปตามถนนสายต่าง ๆ ภายในตัวเมืองปัตตานีทำพิธีลุยไฟบริเวณหน้าศาลเจ้าเล่งจูเกียง ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำตานีบริเวณสะพานเดชานุชิต ในงานนี้มีผู้ที่เคารพศรัทธามาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
วันนี้ขอแค่นี้ก่อนะครับ ท่านที่สนใจสอบถามข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวปัตตานี ยะลา นราธิวาส สอบถามเข้ามาได้ครับ ยินดีบริการสมาชิกทุกท่านนะครับ
เชิญแวะมาเที่ยวดินแดนลังกะสุกะกันนะครับ
ผมขอแนะนำ ดินแดนลังกาสุกะ หรือเรียกได้ว่า ดินแดนอารยธรรม โบราณมากหลายร้อยปี บางท่านอาจจะเคยแวะมาเที่ยวแล้วก็ได้ครับ ที่เรียกว่า โบราณหมายถึง มีวัตถุโบราณ สถาปัตยกรรมโบราณ ดินแดนลังกาสุกะ ที่เรียกนั้น หมายถึง จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ปัจจุบันเกิดเหตุความไม่สงบ คงจะไม่มีท่าทียุติลงแล้วครับ เชื่อว่ามาจากหลายสาเหตุ เพียงไม่ใช่สาเหตุของการแบ่งแยกดินแดนเพียงอย่างเดียวหรอกครับ สำหรับ จังหวัดปัตตานี ผมขอแนะนำ แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ผมจะพาไปที่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว ซึ่ง ตั้งอยู่ อ.โคกโพธฺิ์ การเดินทางคงไม่ยากหรอกครับ หากท่านมาจากตัวเมืองปัตตานีแล้ว ท่านต้องมุงหน้าที่ อ.หนองจิก ห่างประมาณ 12 กิโลเมตร ผ่าน สี่แยกดอนยาง ต.บ่อทอง ผ่านค่ายทหารอิงคยุทธบริหาร ตรงๆไปเลย เมื่อถึงสามแยกตำบลนาประดู่ จากนั้นใช้เส้นทางนาประดู่-ทรายขาว ประมาณ 7 กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำตกทรายขาว บริเวณน้ำตกมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวรวมทั้งมีบริการบ้านพัก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช โทร. 0 2579 5734, 0 2579 7223 , 0 2561 2919, 0 2561 2921, 0 2561 4292-3 ต่อ 724, 725 หรือดูได้ที่ www.dnp.go.th หรือคิดว่า ฉันจะหลงหรือป่าวนั้น ถามชาวบ้านบริเวณนั้นได้เลย แถวๆนั้นชาวบ้านดีใจ มีน้ำใจ
ต่อไปแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อ เสียงติดอันดับก็ว่าได้ นั้นคือ วัดช้างไห้ ส่วนประวัติความเป็นมา ให้ท่านศึกษาเองนะครับ วัดช้างไห้ตั้งอยู่ที่บ้านป่าไร่ ตำบลทุ่งพลา ริมทางรถไฟสายหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก ระหว่างสถานีนาประดู่กับสถานีป่าไร่ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 31 กิโลเมตร การเดินทางใช้เส้นทางหลวงสาย 42 (ปัตตานี-โคกโพธิ์) ผ่านสามแยกนาเกตุ ตรงไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 409 (ปัตตานี-ยะลา) ผ่านชุมชนเทศบาลนาประดู่และศูนย์ฝึกอาชีพ (วัดช้างให้) ไปจนถึงทางแยกเพื่อเข้าสู่วัดช้างให้อีกประมาณ 700 เมตร วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมากว่า 300 ปีมาแล้ว แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง ภายในวิหารมีรูปปั้นหลวงปู่ทวดเท่าองค์จริงประดิษฐานอยู่ นอกจากนี้ยังมีสถาปัตยกรรมของสถูป เจดีย์ มณฑป อุโบสถ และหอระฆัง ที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง หลวงปู่ทวดวัดช้างให้ เป็นผู้มีความสามารถในการศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมและด้านเวทมนตร์คาถาต่างๆ เล่ากันว่าท่านได้แสดงอิทธิปาฏิหารย์เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาผู้คน เช่นครั้งที่ท่านเดินทางไปกรุงศรีอยุธยาด้วยเรือสำเภา ระหว่างทางเกิดพายุ จนกระทั่งข้าวปลาและอาหารตลอดจนน้ำดื่มตกลงทะเลไป ลูกเรือรู้สึกกระหายน้ำมาก หลวงปู่ทวดจึงได้แสดงอภินิหารหย่อนเท้าลงไปในทะเล ปรากฏว่าน้ำในบริเวณนั้นได้กลายเป็นน้ำจืด และดื่มกินได้ ตั้งแต่นั้นมาชื่อเสียงของท่านก็ขจรขจายไปทั่ว และต่อมาหลวงปู่ทวดได้มรณภาพที่ประเทศมาเลเซีย แล้วได้นำพระศพกลับมาที่วัดช้างให้ งานประจำปีในการสรงน้ำอัฐิหลวงปู่ทวดวัดช้างให้คือ แรม 1 ค่ำ เดือน 5 วัดช้างให้เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 - 17.00 น.
ย้อนกลับเข้าสู่เมืองปัตตานีนะครับ มาถึงที่ มัสยิดกรือเซะ ตั้งอยู่ริมถนนสายปัตตานี-นราธิวาสหรือทางหลวงแผ่นดินสาย 42 บริเวณบ้านกรือเซะ ห่างจากตัวเมืองปัตตานีประมาณ 7 กิโลเมตร ลักษณะการก่อสร้างมัสยิดแห่งนี้เป็นแบบเสากลมก่ออิฐปูนแบบศิลปะทางตะวันออกกลาง ส่วนที่สำคัญที่สุดคือหลังคาโดมซึ่งยังสร้างไม่แล้วเสร็จมัสยิดเก่าแห่งนี้มีตำนานเล่าว่าเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวสาปแช่งไว้ไม่ให้สร้างเสร็จ บริเวณใกล้เคียงนั้นมีฮวงซุ้ยหรือที่ฝังศพเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวมัสยิดแห่งนี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พ.ศ.2121–2136) ต่อจากนั้นมาที่ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว มาดูรายละเอียด ตั้งอยู่เลขที่ 63 ถนนอาเนาะรู ตำบลอาเนาะรู เป็นศาลที่ประดิษฐานรูปแกะสลักของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว พระหมอ เจ้าแม่ทับทิม ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปีจะมีงานประเพณีแห่เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวไปตามถนนสายต่าง ๆ ภายในตัวเมืองปัตตานีทำพิธีลุยไฟบริเวณหน้าศาลเจ้าเล่งจูเกียง ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำตานีบริเวณสะพานเดชานุชิต ในงานนี้มีผู้ที่เคารพศรัทธามาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
วันนี้ขอแค่นี้ก่อนะครับ ท่านที่สนใจสอบถามข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวปัตตานี ยะลา นราธิวาส สอบถามเข้ามาได้ครับ ยินดีบริการสมาชิกทุกท่านนะครับ