อย่าเลือกบริษัทที่ " ทำงานวันเสาร์ " เด็ดขาด!!

ถ้าเลือกได้ เป็นข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ จะดีมาก ดีกว่าเป็นพนักงานบริษัทมากมาย

ถ้าคุณทำงาน จ - ส. ทั้งชีวิตคุณจะจมอยู่กับการทำงาน เกิดมาทำงาน ไม่มีชีวิตที่เป็นชีวิต(คน)จริงๆ เกิดมาทำงานแล้วก็ " ตายไปฟรีๆ "

สำหรับๆคนที่หยุดวันเสาร์-อาทิตย์อยู่แล้ว อาจไม่ทราบว่าการทำงานเพิ่มอีกแค่ 1 วัน (หยุดวันอาทิตย์วันเดียว) มันจะอะไรหนักหนา คงบอกอะไรไม่ได้มาก เปรียบเหมือนคนไม่ได้ปวดฟัน จะรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดได้อย่างไร

ในแง่จำนวนวันทำงาน
... บริษัทที่ทำงานวันเสาร์รับประกันได้ว่า จะมีวันหยุดนักขัตฤกษ์ให้คุณแค่ 13 วันต่อปี ในขณะที่ราชการหยุดแน่ๆ 17 วัน + รัฐบาลประกาศหยุดเพิ่มอีก 3 วัน (สำหรับปีนี้) เป็น 20 วัน นับรวมวันเสาร์อาทิตย์หยุดปีละ  116 วัน ในขณะที่คุณหยุดแค่ 61 วัน
คุณทำงานมากกว่าปีละ 1.8 เดือน หรือถ้าคิดตลอดชีวิตการทำงาน 30 ปี เท่ากับ เค้าจะหยุดมากกว่าคุณ 4 ปี 6 เดือน ครับ 4 ปี 6 เดือน

ในแง่เงินเดือน

... อย่าหวังว่าบริษัทเค้าจะให้เงินคุณเยอะ หลายๆบริษัท ป.ตรียังเริ่มแค่ 12,000 บาท โบนัสที่พูดๆกันหลายที่ได้แค่ 1 เดือน และยังมีอีกเยอะที่ไม่จ่าย
บริษัทที่ไม่หยุดวันเสาร์ อย่าคิดว่าเค้าจะให้เงินคุณเยอะ  ข้าราชการแซงหน้าไป(เยอะ)แล้ว ขนาดยังไม่ต้องเทียบชั่วโมงการทำงาน
สรุปว่าคุณจะได้แค่เงินกินไปเดือนชนเดือน อย่าหวังว่าจะมีเงินเก็บ

ในแง่สวัสดิการ
... ไม่ต้องพูดถึง แค่ประกันสังคมห่วยๆ (แย่กว่าบัตรทอง) ทำงานจนเกษียณเงินเก็บก็ไม่มี เงินบำนาญอะไรนั่นเดือนละ 4 พันกว่าบาท พอแค่จ่ายค่าน้ำค่าไฟ  ลูกเต้า พ่อแม่เบิกไม่ได้ ลองคิดดูถ้าโชคไม่ดีเป็นโรคร้าย พวกคุณจะมีเงินรักษาพวกเค้าหรือครับ ?

ในแง่อิสรการใช้ชีวิต
... คุณจะไม่มีชีวิต  ( ยกเว้นว่าคุณจะเรียก การตืนเช้า-รูดบัตรทำงาน-กลับบ้านกินข้าว-นอน-ตื้นเช้ารูดบัตร.... " ว่าชีวิต " ผมก็ยินดีด้วย )
... วันอาทิตย์ ที่คุณได้หยุด คุณจะทำอะไรได้???  แค่ทำงานบ้าน เวลาก็หมดแล้ว 1 วัน อย่าหวังว่าจะได้ไปเที่ยวไกลๆ ยาวๆ

ในแง่บริษัท(เจ้าของ)
... คนที่ทำงานอาทิตย์ละ 6 วัน คุณหวังว่าจะได้งานดีๆจากพวกเค้าจริงๆหรือครับ?  ถึงเค้าจะอยากทำงานดีๆให้คุณ แต่พวกเค้าล้า เหนื่อย ไม่พลังที่จะสร้างงานดีๆให้คุณได้หรอกครับ อย่าได้เอาชั่วโมงการมาเป็นตัววัดเลย


อยากแบ่งปัน สำหรับคนที่ยังมีทางเลือกครับ

บางที่ท่านที่ทำงานบริษัทและทำ จ-ส อาจมีมุมดีๆ หรือชอบชีวิตแบบนั้น ผมก็ยินดีด้วยจริงๆครับ

ดอกไม้ ขออวยพรให้มีความสุขกับชีวิตครับ ดอกไม้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
สักพักก็มีกระทู้ตั้ง ผมตกงาน บ้านก็ต้องเช่า รถต้องผ่อน ค่าเทอมลูก ค่าจ่ายตลาดเมีย

และจะมีคนคอมเมนต์ว่า อย่าเลือกงาน

พอคนนั้นกัดฟันสู้ เอาวะ งานอะไรตอนนี้ก็เอาหมด สู้ยิบตาจนสภาพคล่องการเงินดีขึ้นสักระดับ

ก็เริ่มมีความรู้สึก พักผ่อนน้อยจัง บริษัทใช้ซะคุ้มเลย
ความคิดเห็นที่ 5
มันเป็นลักษณะของเด็ก Gen Y

ไม่ต้องรวยมาก ไม่ต้องเป็นเจ้าคนนายคน ขอมีความสุขตรงนี้ ตามอัตภาพ จะว่าพอเพียงก็ใช่ จะว่าไม่อดทนก็ใช่อีกนั่นแหละ

แต่มันเป็นโปรโตไทป์ของเจนวาย
ความคิดเห็นที่ 16
ไม่เสมอไปนะครับขึ้นอยู่กับงานของบริษัทด้วยกระมั้งครับ จขกท

อย่างน้อยๆ บริษัทผมก็ไม่เป็นเช่นนั้น
บริษัทที่ผมทำงานอยู่ ทำจันทร์-เสาร์ครับ ออฟฟิตเดียวกันมี2บริษัท และก็นายญี่ปุ่น
ไม่มีเช็คชื่อ ตอกบัตร สแกนนิ้ว เริ่มงาน8.00 (ไม่ตายตัว อาจจะกินข้าวโน้นนี้นั้น ปาไป 8.30 บางคนนะ)
มาสายได้แต่ไม่บ่อยจนผิดปกติ แค่ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จก็พอ
ใบลงเวลาอยู่กับตัวเราส่ง25 เงินออกสิ้นเดือน

-สวัสดิการไม่ทราบว่าดีกว่าไหม มีค่าเบี้ยเลี้ยง ประกันสังคม ค่าโทรศัพท์มีให้ 900.-กว่า/เดือน
แต่เนื่องจากผมเรียนยังไม่จบจึง ต้องทำงาน จันทร์-อาทิตย์ วันอังคารไปเรียน
แง่มุมการใช้ชีวิตรู้สึกว่าวันเวลาผ่านไปไว แต่ผมก็บริหารเวลาตัวเองได้ดีไม่เหลวไหลไปกับเวลาที่เสียเปล่ามากนัก

-แง่มุมเรื่องประสบการณ์ ผมว่าผมได้อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับงานในเชิงวิศวะ ภาษาเขมร ภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ
ผมรู้สึกว่าตัวผมไม่ใช่คนเดิม จากแต่เดิมเป็นคนขี้เกียจ ติดเล่น อยู่กับเพื่อนฝูง สนุกเฮฮา
ผมมีความรู้มากขึ้น นับวันก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ความรับผิดชอบ การแยกแยะมากขึ้น
โดยภาพรวม ผมมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเมื่อเทียบกับวัยรุ่นอายุ18ทั่วไปนะ

-อิสระในการใช้ชีวิตผมคิดว่าน้อย แต่ก็มีอิสระในการทำงานเยอะมากๆ ไม่ฟิค ไม่เครียด ชิวๆสบายๆ เว้นแต่มีเรื่องของการคำนวนค่าต่างๆ

-ในแง่บริษัท(เจ้าของ) ผมคิดว่าตัวผมนะ เจ้าของบริษัทฝากผมเข้ามา (เขาเป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยครับแก่กว่าผม30-40ปี)ผมก็ต้องตอบแทนเขาด้วยการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในเมื่อพี่ไว้ใจน้อง น้องก็ต้องทำหน้าที่ให้ดี
เขาจะคิดยังไงไม่รู้ครับ แต่ผมคิดว่าผมเต็มที่กับมัน



ทั้งนี้ทั้งนั้นผมอาจจะมีความสุขแค่คนเดียวก็ได้ เพราะอายุงานของผมยังไม่เยอะ ความเบื่อหน่ายยังไม่มียังสนุกกับงานที่ได้ทำ
เพราะมันเหมือนค้นหาสิ่งที่อยากค้นหาไปเรื่อยๆ เรื่องเงินก็ไม่มีปัญหาเยอะมากกว่าผู้ที่จบ ป.ตรี ใหม่ๆ เสียอีก
การได้มาทำงานจริงๆก่อนที่เรียนจบ เหมือนกับว่า เรารู้แล้วว่าเราตายแล้วจะเป็นยังไง เราก็โกงความตายตอนที่เรียนอยู่ได้ พอเรียนจบ
ไอ้สิ่งที่เราเห็นตอนตาย มันจะไม่เหมือนตอนที่เราตาย งงไหม ผมเองก็งง ฮ่ะๆ

โดยรวมๆแล้วผมมีความสุขมากมายนักครับ ความทุกข์มีอย่างเดียวคุยกับนายญี่ปุ่นไม่รู้เรื่องเท่าไร แต่ตอนนี้เขามีล่ามแล้วสบายหน่อย

สุดท้าย ท้ายสุด งานแต่ละบริษัทไม่เหมือนกัน ความยืดหยุ่นต่างกัน ปัจจัยต่างกัน โอกาสเหมือนกันเป็นไปได้ยาก
ความคิดเห็นที่ 20
ขอโทษเพื่อนๆที่ทำให้ไม่สบายใจครับ ดอกไม้

กระทู้นี้ ผมพิมพ์ตามความคิดตัวเองล้วนๆ บางคนที่ทำงานแบบผมหลายคนไม่คิดแบบผมด้วยซ้ำ อมยิ้ม20
..
.
แต่กว่าจะคิดได้ ก็หมดเวลา เวลาหมดแล้ว ชีวิตไม่มีทางไป ต้องทนทำไปตลอดชีวิต(ที่ไร้ชีวิต)

ก็แค่อยากจะบอก หลายๆคนที่ยังไม่ทันสังเกตุ หลงนึกว่าได้เงินเยอะ สิ้นเดือน สิ้นปีโบนัสเท่าโน้นเท่านี้ ....แต่ไม่ได้คิดถึงเวลาที่เป็นตัวเองเลย ว่าหมดไปเท่าไหร่ หลายคนทำยังกะจะอยู่ทำงานไปได้ตลอด ลืมคิดไปว่าสักวันเค้าก็จะให้เราออก พรุ่งนี้เราอาจทำงานไม่ได้

.... แต่เท่าที่อ่าน อิจฉาเพื่อนๆหลายคนจริงๆ ดูมีความสุขมากเลย อมยิ้ม02
ความคิดเห็นที่ 18
อ่านจากสำนวนการเขียน เอาความคิดตัวเองยัดเยียดให้คนอื่นน่ะล่ะ

ไอ้ประโยคที่ว่า บางท่านทำเพราะต้องจ่ายค่าโน้น นี้ นั่น  ทำมาทำไหร่?? จ่ายเค้าหมด??

คนที่ทำงานวันเสาร์แต่ไม่ต้องจ่ายค่านู่นนี่นั่นมีเยอะแยะไป

คุณคิดว่าคุณเลือกบริษัท แล้วเคยคิดมั้ยคะว่าบริษัทก็เลือกคุณเหมือนกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่