สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
ไม่เสมอไปนะครับขึ้นอยู่กับงานของบริษัทด้วยกระมั้งครับ จขกท
อย่างน้อยๆ บริษัทผมก็ไม่เป็นเช่นนั้น
บริษัทที่ผมทำงานอยู่ ทำจันทร์-เสาร์ครับ ออฟฟิตเดียวกันมี2บริษัท และก็นายญี่ปุ่น
ไม่มีเช็คชื่อ ตอกบัตร สแกนนิ้ว เริ่มงาน8.00 (ไม่ตายตัว อาจจะกินข้าวโน้นนี้นั้น ปาไป 8.30 บางคนนะ)
มาสายได้แต่ไม่บ่อยจนผิดปกติ แค่ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จก็พอ
ใบลงเวลาอยู่กับตัวเราส่ง25 เงินออกสิ้นเดือน
-สวัสดิการไม่ทราบว่าดีกว่าไหม มีค่าเบี้ยเลี้ยง ประกันสังคม ค่าโทรศัพท์มีให้ 900.-กว่า/เดือน
แต่เนื่องจากผมเรียนยังไม่จบจึง ต้องทำงาน จันทร์-อาทิตย์ วันอังคารไปเรียน
แง่มุมการใช้ชีวิตรู้สึกว่าวันเวลาผ่านไปไว แต่ผมก็บริหารเวลาตัวเองได้ดีไม่เหลวไหลไปกับเวลาที่เสียเปล่ามากนัก
-แง่มุมเรื่องประสบการณ์ ผมว่าผมได้อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับงานในเชิงวิศวะ ภาษาเขมร ภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ
ผมรู้สึกว่าตัวผมไม่ใช่คนเดิม จากแต่เดิมเป็นคนขี้เกียจ ติดเล่น อยู่กับเพื่อนฝูง สนุกเฮฮา
ผมมีความรู้มากขึ้น นับวันก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ความรับผิดชอบ การแยกแยะมากขึ้น
โดยภาพรวม ผมมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเมื่อเทียบกับวัยรุ่นอายุ18ทั่วไปนะ
-อิสระในการใช้ชีวิตผมคิดว่าน้อย แต่ก็มีอิสระในการทำงานเยอะมากๆ ไม่ฟิค ไม่เครียด ชิวๆสบายๆ เว้นแต่มีเรื่องของการคำนวนค่าต่างๆ
-ในแง่บริษัท(เจ้าของ) ผมคิดว่าตัวผมนะ เจ้าของบริษัทฝากผมเข้ามา (เขาเป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยครับแก่กว่าผม30-40ปี)ผมก็ต้องตอบแทนเขาด้วยการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในเมื่อพี่ไว้ใจน้อง น้องก็ต้องทำหน้าที่ให้ดี
เขาจะคิดยังไงไม่รู้ครับ แต่ผมคิดว่าผมเต็มที่กับมัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นผมอาจจะมีความสุขแค่คนเดียวก็ได้ เพราะอายุงานของผมยังไม่เยอะ ความเบื่อหน่ายยังไม่มียังสนุกกับงานที่ได้ทำ
เพราะมันเหมือนค้นหาสิ่งที่อยากค้นหาไปเรื่อยๆ เรื่องเงินก็ไม่มีปัญหาเยอะมากกว่าผู้ที่จบ ป.ตรี ใหม่ๆ เสียอีก
การได้มาทำงานจริงๆก่อนที่เรียนจบ เหมือนกับว่า เรารู้แล้วว่าเราตายแล้วจะเป็นยังไง เราก็โกงความตายตอนที่เรียนอยู่ได้ พอเรียนจบ
ไอ้สิ่งที่เราเห็นตอนตาย มันจะไม่เหมือนตอนที่เราตาย งงไหม ผมเองก็งง ฮ่ะๆ
โดยรวมๆแล้วผมมีความสุขมากมายนักครับ ความทุกข์มีอย่างเดียวคุยกับนายญี่ปุ่นไม่รู้เรื่องเท่าไร แต่ตอนนี้เขามีล่ามแล้วสบายหน่อย
สุดท้าย ท้ายสุด งานแต่ละบริษัทไม่เหมือนกัน ความยืดหยุ่นต่างกัน ปัจจัยต่างกัน โอกาสเหมือนกันเป็นไปได้ยาก
อย่างน้อยๆ บริษัทผมก็ไม่เป็นเช่นนั้น
บริษัทที่ผมทำงานอยู่ ทำจันทร์-เสาร์ครับ ออฟฟิตเดียวกันมี2บริษัท และก็นายญี่ปุ่น
ไม่มีเช็คชื่อ ตอกบัตร สแกนนิ้ว เริ่มงาน8.00 (ไม่ตายตัว อาจจะกินข้าวโน้นนี้นั้น ปาไป 8.30 บางคนนะ)
มาสายได้แต่ไม่บ่อยจนผิดปกติ แค่ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จก็พอ
ใบลงเวลาอยู่กับตัวเราส่ง25 เงินออกสิ้นเดือน
-สวัสดิการไม่ทราบว่าดีกว่าไหม มีค่าเบี้ยเลี้ยง ประกันสังคม ค่าโทรศัพท์มีให้ 900.-กว่า/เดือน
แต่เนื่องจากผมเรียนยังไม่จบจึง ต้องทำงาน จันทร์-อาทิตย์ วันอังคารไปเรียน
แง่มุมการใช้ชีวิตรู้สึกว่าวันเวลาผ่านไปไว แต่ผมก็บริหารเวลาตัวเองได้ดีไม่เหลวไหลไปกับเวลาที่เสียเปล่ามากนัก
-แง่มุมเรื่องประสบการณ์ ผมว่าผมได้อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับงานในเชิงวิศวะ ภาษาเขมร ภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ
ผมรู้สึกว่าตัวผมไม่ใช่คนเดิม จากแต่เดิมเป็นคนขี้เกียจ ติดเล่น อยู่กับเพื่อนฝูง สนุกเฮฮา
ผมมีความรู้มากขึ้น นับวันก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ความรับผิดชอบ การแยกแยะมากขึ้น
โดยภาพรวม ผมมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเมื่อเทียบกับวัยรุ่นอายุ18ทั่วไปนะ
-อิสระในการใช้ชีวิตผมคิดว่าน้อย แต่ก็มีอิสระในการทำงานเยอะมากๆ ไม่ฟิค ไม่เครียด ชิวๆสบายๆ เว้นแต่มีเรื่องของการคำนวนค่าต่างๆ
-ในแง่บริษัท(เจ้าของ) ผมคิดว่าตัวผมนะ เจ้าของบริษัทฝากผมเข้ามา (เขาเป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยครับแก่กว่าผม30-40ปี)ผมก็ต้องตอบแทนเขาด้วยการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในเมื่อพี่ไว้ใจน้อง น้องก็ต้องทำหน้าที่ให้ดี
เขาจะคิดยังไงไม่รู้ครับ แต่ผมคิดว่าผมเต็มที่กับมัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นผมอาจจะมีความสุขแค่คนเดียวก็ได้ เพราะอายุงานของผมยังไม่เยอะ ความเบื่อหน่ายยังไม่มียังสนุกกับงานที่ได้ทำ
เพราะมันเหมือนค้นหาสิ่งที่อยากค้นหาไปเรื่อยๆ เรื่องเงินก็ไม่มีปัญหาเยอะมากกว่าผู้ที่จบ ป.ตรี ใหม่ๆ เสียอีก
การได้มาทำงานจริงๆก่อนที่เรียนจบ เหมือนกับว่า เรารู้แล้วว่าเราตายแล้วจะเป็นยังไง เราก็โกงความตายตอนที่เรียนอยู่ได้ พอเรียนจบ
ไอ้สิ่งที่เราเห็นตอนตาย มันจะไม่เหมือนตอนที่เราตาย งงไหม ผมเองก็งง ฮ่ะๆ
โดยรวมๆแล้วผมมีความสุขมากมายนักครับ ความทุกข์มีอย่างเดียวคุยกับนายญี่ปุ่นไม่รู้เรื่องเท่าไร แต่ตอนนี้เขามีล่ามแล้วสบายหน่อย
สุดท้าย ท้ายสุด งานแต่ละบริษัทไม่เหมือนกัน ความยืดหยุ่นต่างกัน ปัจจัยต่างกัน โอกาสเหมือนกันเป็นไปได้ยาก
ความคิดเห็นที่ 20
ขอโทษเพื่อนๆที่ทำให้ไม่สบายใจครับ 
กระทู้นี้ ผมพิมพ์ตามความคิดตัวเองล้วนๆ บางคนที่ทำงานแบบผมหลายคนไม่คิดแบบผมด้วยซ้ำ
..
.
แต่กว่าจะคิดได้ ก็หมดเวลา เวลาหมดแล้ว ชีวิตไม่มีทางไป ต้องทนทำไปตลอดชีวิต(ที่ไร้ชีวิต)
ก็แค่อยากจะบอก หลายๆคนที่ยังไม่ทันสังเกตุ หลงนึกว่าได้เงินเยอะ สิ้นเดือน สิ้นปีโบนัสเท่าโน้นเท่านี้ ....แต่ไม่ได้คิดถึงเวลาที่เป็นตัวเองเลย ว่าหมดไปเท่าไหร่ หลายคนทำยังกะจะอยู่ทำงานไปได้ตลอด ลืมคิดไปว่าสักวันเค้าก็จะให้เราออก พรุ่งนี้เราอาจทำงานไม่ได้
.... แต่เท่าที่อ่าน อิจฉาเพื่อนๆหลายคนจริงๆ ดูมีความสุขมากเลย

กระทู้นี้ ผมพิมพ์ตามความคิดตัวเองล้วนๆ บางคนที่ทำงานแบบผมหลายคนไม่คิดแบบผมด้วยซ้ำ

..
.
แต่กว่าจะคิดได้ ก็หมดเวลา เวลาหมดแล้ว ชีวิตไม่มีทางไป ต้องทนทำไปตลอดชีวิต(ที่ไร้ชีวิต)
ก็แค่อยากจะบอก หลายๆคนที่ยังไม่ทันสังเกตุ หลงนึกว่าได้เงินเยอะ สิ้นเดือน สิ้นปีโบนัสเท่าโน้นเท่านี้ ....แต่ไม่ได้คิดถึงเวลาที่เป็นตัวเองเลย ว่าหมดไปเท่าไหร่ หลายคนทำยังกะจะอยู่ทำงานไปได้ตลอด ลืมคิดไปว่าสักวันเค้าก็จะให้เราออก พรุ่งนี้เราอาจทำงานไม่ได้
.... แต่เท่าที่อ่าน อิจฉาเพื่อนๆหลายคนจริงๆ ดูมีความสุขมากเลย

แสดงความคิดเห็น
อย่าเลือกบริษัทที่ " ทำงานวันเสาร์ " เด็ดขาด!!
ถ้าคุณทำงาน จ - ส. ทั้งชีวิตคุณจะจมอยู่กับการทำงาน เกิดมาทำงาน ไม่มีชีวิตที่เป็นชีวิต(คน)จริงๆ เกิดมาทำงานแล้วก็ " ตายไปฟรีๆ "
สำหรับๆคนที่หยุดวันเสาร์-อาทิตย์อยู่แล้ว อาจไม่ทราบว่าการทำงานเพิ่มอีกแค่ 1 วัน (หยุดวันอาทิตย์วันเดียว) มันจะอะไรหนักหนา คงบอกอะไรไม่ได้มาก เปรียบเหมือนคนไม่ได้ปวดฟัน จะรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดได้อย่างไร
ในแง่จำนวนวันทำงาน
... บริษัทที่ทำงานวันเสาร์รับประกันได้ว่า จะมีวันหยุดนักขัตฤกษ์ให้คุณแค่ 13 วันต่อปี ในขณะที่ราชการหยุดแน่ๆ 17 วัน + รัฐบาลประกาศหยุดเพิ่มอีก 3 วัน (สำหรับปีนี้) เป็น 20 วัน นับรวมวันเสาร์อาทิตย์หยุดปีละ 116 วัน ในขณะที่คุณหยุดแค่ 61 วัน
คุณทำงานมากกว่าปีละ 1.8 เดือน หรือถ้าคิดตลอดชีวิตการทำงาน 30 ปี เท่ากับ เค้าจะหยุดมากกว่าคุณ 4 ปี 6 เดือน ครับ 4 ปี 6 เดือน
ในแง่เงินเดือน
... อย่าหวังว่าบริษัทเค้าจะให้เงินคุณเยอะ หลายๆบริษัท ป.ตรียังเริ่มแค่ 12,000 บาท โบนัสที่พูดๆกันหลายที่ได้แค่ 1 เดือน และยังมีอีกเยอะที่ไม่จ่าย
บริษัทที่ไม่หยุดวันเสาร์ อย่าคิดว่าเค้าจะให้เงินคุณเยอะ ข้าราชการแซงหน้าไป(เยอะ)แล้ว ขนาดยังไม่ต้องเทียบชั่วโมงการทำงาน
สรุปว่าคุณจะได้แค่เงินกินไปเดือนชนเดือน อย่าหวังว่าจะมีเงินเก็บ
ในแง่สวัสดิการ
... ไม่ต้องพูดถึง แค่ประกันสังคมห่วยๆ (แย่กว่าบัตรทอง) ทำงานจนเกษียณเงินเก็บก็ไม่มี เงินบำนาญอะไรนั่นเดือนละ 4 พันกว่าบาท พอแค่จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ลูกเต้า พ่อแม่เบิกไม่ได้ ลองคิดดูถ้าโชคไม่ดีเป็นโรคร้าย พวกคุณจะมีเงินรักษาพวกเค้าหรือครับ ?
ในแง่อิสรการใช้ชีวิต
... คุณจะไม่มีชีวิต ( ยกเว้นว่าคุณจะเรียก การตืนเช้า-รูดบัตรทำงาน-กลับบ้านกินข้าว-นอน-ตื้นเช้ารูดบัตร.... " ว่าชีวิต " ผมก็ยินดีด้วย )
... วันอาทิตย์ ที่คุณได้หยุด คุณจะทำอะไรได้??? แค่ทำงานบ้าน เวลาก็หมดแล้ว 1 วัน อย่าหวังว่าจะได้ไปเที่ยวไกลๆ ยาวๆ
ในแง่บริษัท(เจ้าของ)
... คนที่ทำงานอาทิตย์ละ 6 วัน คุณหวังว่าจะได้งานดีๆจากพวกเค้าจริงๆหรือครับ? ถึงเค้าจะอยากทำงานดีๆให้คุณ แต่พวกเค้าล้า เหนื่อย ไม่พลังที่จะสร้างงานดีๆให้คุณได้หรอกครับ อย่าได้เอาชั่วโมงการมาเป็นตัววัดเลย
อยากแบ่งปัน สำหรับคนที่ยังมีทางเลือกครับ
บางที่ท่านที่ทำงานบริษัทและทำ จ-ส อาจมีมุมดีๆ หรือชอบชีวิตแบบนั้น ผมก็ยินดีด้วยจริงๆครับ