เข้าไปอ่าน ข้อเขียนของคุณ คนอุบล ก็คิดถึง ครับ คุณคนอุบล เป็นคนอุบล
โดยกำเหนิด แต่ผม อยู่อุบลมา 47 ปี นับว่าเป็นคนอุบล เต็มตัวแล้วเหมือนกัน
แม้จะไม่ได้เกิดที่ อุบล
อุบลเมื่อ 47 ปีก่อน ต่างจากวันนี้มาก ทั้งถนนหนทาง ทั้งการเป็นอยู่ของประชาชน
ตามบ้านนอก ยังมีสภาพเดิม ๆ ทางการ ได้แต่มีนโยบาย หน้าหนาว แจกผ้าห่ม
หน้าแล้งแจกน้ำ หน้าฝนแจกเรือ ส่วนการรักษาพยาบาล หมอตี๋ ยาซองเป็นของคู่กัน
นาน จะมีหมออาษามาซักที โรงพยาบาลอย่าไปพูดถึง ชาวบ้านเขา บอกยังกับ
ไปโรง ...... และที่สำคัญ แพง
คนอุบล ที่ผมรู้จัก ชาวนาที่ทำนา ไม่เคยได้ราคา ที่อยู่ได้ เริ่มต้น ตั้งแต่ ต้องกู้ ต้องเชื่อ
สินค้าจากเถ้าแก่มา ทำนา ทั้งนั้น ผมเคยเห็นนายทุน เอา ตระกร้าตวงข้าวมาตวงข้าว
จากลานข้าว ทึ่เขากำลัง นวดข้าว ผมเห็นชาวนา นำ้ตาไหล ที่ข้าวของเขา ถูกตวง เอาไป
ตั้งแต่ยังไม่ขึ้น เล้าข้าว
ภาพของชาวนา ที่ระหว่างเสร็จนา เขาก็ มารับจ้างทำงานก่อสร้างในเมือง ผมเคยจ้างเขา
เหล่านั้น เขาไม่ได้ขี้เกียจเลย แต่พยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้อยู่รอดในการดำรงชีวิต
จากชาวนา ผมยังเห็นพวกหาเช้ากินค่ำ ทำงาน ก่อสร้าง เก็บของเก่า ไปขาย เพื่อ ดำรงชีวิต
ไม่ทำก็ไม่มีกิน
หลัง ปี 44 มา คนบางคนอย่างที่ คุณ คนอุบล พูดถึงเข้ามาทุกอย่างของชาวบ้าน ก็ดีขึ้น แม้จะไม่
ร้อยเปอร์เซนต์ แต่ ก็ดีขึ้น เขาสามารถรับการรักษาพยาบาล ได้อย่างสบายใจ มีเงินทุน ที่สามารถ กู้มาทำทุน
ในราคาดอกต่ำ จาก หาบเร่ มาเป็นรถเข็น มาเป็นบูธขายของ มีวัวเลี้ยง หรือไม่ ก็หาทางทำสินค้าของตนเอง
ให้ มีราคาขึ้นจาก ปรกติ
อานิสงค์เหล่านี้ ทำให้ คุณคนนั้น ได้รับการนิยม เพราะถ้าใช้การแจกเงินแบบ นายมาร์ค หรือในแบบที่ คุณอุ๋ย
ทำ ก็อย่าหวังว่า จะมีความนิยมจากชาวบ้าน อย่างที่หวังกัน
และที่เราสามารถทำได้อย่างนี้ ให้ประชาชนมีความสุข ขึ้นตามอัตภาพ ด้วยการมีประชาธิปไตย ในระดับหนึ่ง
รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย สามารถทำได้เท่านั้น
ความสขของชาวอุบล หลายคนไม่ได้อยู่ที่ เพลงหรือ คำพูด ที่ออกมา บอกทุกวัน แต่อยู่ที่ว่า ปล่อยให้
ประชาชนได้คิดเอง ทำเอง ที่ทำได้เองก็ต้องมีประชาธิปไตย รัฐบาลจากประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น
ที่จะทำให้ประชาชนมีความสุข ประชาชนเขาขอเท่านี้ มากไปหรือเปล่าครับ
ผมเป็นคนอุบล
โดยกำเหนิด แต่ผม อยู่อุบลมา 47 ปี นับว่าเป็นคนอุบล เต็มตัวแล้วเหมือนกัน
แม้จะไม่ได้เกิดที่ อุบล
อุบลเมื่อ 47 ปีก่อน ต่างจากวันนี้มาก ทั้งถนนหนทาง ทั้งการเป็นอยู่ของประชาชน
ตามบ้านนอก ยังมีสภาพเดิม ๆ ทางการ ได้แต่มีนโยบาย หน้าหนาว แจกผ้าห่ม
หน้าแล้งแจกน้ำ หน้าฝนแจกเรือ ส่วนการรักษาพยาบาล หมอตี๋ ยาซองเป็นของคู่กัน
นาน จะมีหมออาษามาซักที โรงพยาบาลอย่าไปพูดถึง ชาวบ้านเขา บอกยังกับ
ไปโรง ...... และที่สำคัญ แพง
คนอุบล ที่ผมรู้จัก ชาวนาที่ทำนา ไม่เคยได้ราคา ที่อยู่ได้ เริ่มต้น ตั้งแต่ ต้องกู้ ต้องเชื่อ
สินค้าจากเถ้าแก่มา ทำนา ทั้งนั้น ผมเคยเห็นนายทุน เอา ตระกร้าตวงข้าวมาตวงข้าว
จากลานข้าว ทึ่เขากำลัง นวดข้าว ผมเห็นชาวนา นำ้ตาไหล ที่ข้าวของเขา ถูกตวง เอาไป
ตั้งแต่ยังไม่ขึ้น เล้าข้าว
ภาพของชาวนา ที่ระหว่างเสร็จนา เขาก็ มารับจ้างทำงานก่อสร้างในเมือง ผมเคยจ้างเขา
เหล่านั้น เขาไม่ได้ขี้เกียจเลย แต่พยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้อยู่รอดในการดำรงชีวิต
จากชาวนา ผมยังเห็นพวกหาเช้ากินค่ำ ทำงาน ก่อสร้าง เก็บของเก่า ไปขาย เพื่อ ดำรงชีวิต
ไม่ทำก็ไม่มีกิน
หลัง ปี 44 มา คนบางคนอย่างที่ คุณ คนอุบล พูดถึงเข้ามาทุกอย่างของชาวบ้าน ก็ดีขึ้น แม้จะไม่
ร้อยเปอร์เซนต์ แต่ ก็ดีขึ้น เขาสามารถรับการรักษาพยาบาล ได้อย่างสบายใจ มีเงินทุน ที่สามารถ กู้มาทำทุน
ในราคาดอกต่ำ จาก หาบเร่ มาเป็นรถเข็น มาเป็นบูธขายของ มีวัวเลี้ยง หรือไม่ ก็หาทางทำสินค้าของตนเอง
ให้ มีราคาขึ้นจาก ปรกติ
อานิสงค์เหล่านี้ ทำให้ คุณคนนั้น ได้รับการนิยม เพราะถ้าใช้การแจกเงินแบบ นายมาร์ค หรือในแบบที่ คุณอุ๋ย
ทำ ก็อย่าหวังว่า จะมีความนิยมจากชาวบ้าน อย่างที่หวังกัน
และที่เราสามารถทำได้อย่างนี้ ให้ประชาชนมีความสุข ขึ้นตามอัตภาพ ด้วยการมีประชาธิปไตย ในระดับหนึ่ง
รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย สามารถทำได้เท่านั้น
ความสขของชาวอุบล หลายคนไม่ได้อยู่ที่ เพลงหรือ คำพูด ที่ออกมา บอกทุกวัน แต่อยู่ที่ว่า ปล่อยให้
ประชาชนได้คิดเอง ทำเอง ที่ทำได้เองก็ต้องมีประชาธิปไตย รัฐบาลจากประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น
ที่จะทำให้ประชาชนมีความสุข ประชาชนเขาขอเท่านี้ มากไปหรือเปล่าครับ