สวัสดีค่ะ จริงๆเราไปเที่ยวเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา คือผ่านมาประมาณสามเดือนละ ไม่ได้เขียน ช่วงนี้เป็นช่วงปิดมิดเทอมพอดีค่ะ เลยว๊างงงงว่างงงงง ตอนไปเที่ยวตอนนั้นเราอายุ 19 ปี กับอีกยังไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำค่ะ 555 เราเพิ่งเคยไปอเมริกาครั้งแรก แล้วก็เพิ่งเคยไป NYC ครั้งแรกด้วยยย อันนี้ก็เป็นกระทู้แชร์ประสบการณ์อันแรกของเราเลย ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะค้า
อ่ะ เรามาเข้าเรื่องกันเลย จุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งนี้ก็คือ เสร็จจากการทำงาน เอ๊ะ! หรือทำงานเสร็จ เอ๊ะยังไง!? คือพอดีว่าเราไป W&T ช่วงเดือนมีนา ถึง กรกฎาเลยค่ะ (จริงๆ end date อยู่ที่มิถุนา แต่ปีนี้ปิดเทอมนานค่ะ เลยทำเรื่อง extend date อยู่ต่ออีก 1 เดือน) โหย แบบทำงานหนักหน่วงมาก แปดโมงเช้า ถึงสี่ทุ่ม บางวันก็ห้าทุ่ม ฮาร์ดคอร์มากค่ะ เสียสุขภาพมากๆ แต่ก็นะ เราทำงานหนักๆแค่สอง-สามเดือนเอง กลับไทยยังไงก็ไม่ได้ทำแบบนี้อยู่ละ คิดไว้แบบนี้ตลอดค่ะ ทำงานเก็บเงิน จะได้เอาเงินไปเที่ยว ในที่สุดก็มาถึงวันที่ต้องออกจากเมือง.....
วันที่เราไปนิวยอร์ค คือวันที่ 13 ก.ค. ถึง 19 ก.ค. ซึ่งแพลนที่วางไว้คือ.......
13 ก.ค. วันแรกที่มาถึง
14 ก.ค. ไปน้ำตก Niagara กับทัวร์จีน
15 ก.ค. กลับจากทริปน้ำตก เที่ยว Time square
16 ก.ค.ไป Bronx zoo Brooklyn Bridge
17 ก.ค. MET Top of the rock Statue of liberty
18 ก.ค.Broadway Shopping Central park
เชื่อมั้ยคะว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ทำตามแพลนไม่ได้สักวัน
เราขึ้น Megabus จาก Tennessee ไป DC สายนี้เราได้นั่งรถคันเดียวกับเพื่อนค่ะเลยไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ ถึง DC ตอนแปดโมงเช้า เดินเที่ยว DC นิดหน่อยแล้วเดินทางต่อไปนิวยอร์คค่ะ ตอนจะขึ้นรถจาก DC ไป NYC ระหว่างต่อแถวจะขึ้นรถไป NYC เราก็หยิบตั๋วรถมาดูเช็คดูความเรียบร้อย แล้วก็พบว่า
เราจองไว้รอบ 5 ครึ่งนี่หว่า! ส่วนเพื่อนจองไว้รอบ 5 โมงตรงเป๊ะ! เงิบไปเลยค่ะทั้งเราทั้งเพื่อน สุดท้ายต้องแยกกันไปรถคนละคันกัน....โหยยยยย คือ ตอนนั้นต่างคนต่างหวิวๆค่ะ เป็นการเดินทางข้ามรัฐคนเดียวครั้งแรกในชีวิต 5555 รถเรามี Wifi ค่ะแต่ใช้ไม่ได้ (ดีไปอีกกกก) ต้องใช้เน็ตมือถือถามอีกฝ่ายตลอดว่าถึงไหนแล้วจะได้ไม่พลาดกัน (?) เค้าเรียกพลาดกัน พรากกัน หรือคราดกันอ่ะคะ? 5555 เอาเป็นว่าจะได้เจอกัน ไม่หลงกันละกัน
นั่งหลับบ้างตื่นบ้าง ในที่สุดรถก็เข้าชานเมือง NYC ค่ะ เห็นความโดดเด่นของแมนฮัตตันมาแต่ไกล มีแต่ตึกสูงๆ ระยิบระยับมาก ตอนนั้นเห็นแล้วคือน้ำตาเราเหมือนจะไหล การได้มาเยือนนิวยอร์คเป็นความฝันของเราตั้งแต่ได้อ่านนิยายเพอร์ซี่ แจ็คสันจบทั้ง 5 เล่ม อารมณ์ตอนนั้นคือ ค
วามฝันของชั้นอยู่ตรงหน้าแล้ว มันปริ่มค่ะ ปริ่มมากกกก อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก ตอนรถเริ่มเข้าตัวเมืองนิวยอร์ค เราก็เริ่มตื่นตากับแสงสีตามท้องถนน อารมณ์ประมาณบ้านนอกเข้ากรุง 555 แต่น่าเสียดายที่เราไม่ได้นั่งติดหน้าต่าง ไม่เช่นนั้น...ฝรั่งที่นั่งข้างๆคงจะเห็นภาพที่ เราเอามือสองข้างและหน้าแนบกระจกพร้อมกับร้องหูวๆ ตลอดเวลา 5555
กลับมาต่อนะคะ แหะๆ ... พอรถจอด ในตอนแรกเราคิดว่าที่ที่รถจะจอดจะเป็นสถานีหรืออะไรประมาณนั้น แต่ Megabus จอดข้างถนนเลยค่ะ แอบเงิบเล็กๆ แต่มันก็ดีนะคะ คือเราจะเรียกแท็กซี่ได้ง่าย เพื่อนเราที่ถึงก่อนก็รออยู่ตรงนั้นซักพักแล้วค่ะ พวกเราก็โบกรถแท็กซี่ เพื่อที่จะไปฝากกระเป๋าที่ร้านฝากกระเป๋า วิธีดูว่าคันไหนว่างอย่างง่ายๆคือตัวเลขที่อยู่ด้านบนรถแท็กซี่จะสว่างค่ะ อันนี้แอบหาข้อมูลตอนอยู่บนรถบัสค่ะ อิอิ
แบบนี้คือแท็กซี่ที่เราโบกได้ รูปจาก google งับ
ร้านฝากกระเป๋าที่เราเลือกใช้บริการอยู่ที่ 36th st. ค่ะ โดยเจ้าร้านนี้
อยู่บนชั้น 5 ตึกเดียวกับร้านอาหาร Via Italy ห๊ะ อะไรนะ ชั้น 5! ไม่ต้องตกใจค่ะเพราะพวกเราไม่ต้องแบกขึ้นไปอย่างยากลำบาก
ที่นี่มีลิฟต์บริการค่ะ เย่!! เราว่าต้องมีคนสงสัยแน่เลยว่าทำไมพวกเราต้องฝากกระเป๋า? ทำไมไม่ลากไปโรงแรมเลยฟระ! หาเรื่องเปลืองตังค์ทำไม !? คืออย่างนี้ค่ะ เรามีกระเป๋า 28 นิ้ว 1 ใบ ที่ใส่ของแบบเต็มที่พร้อมจะระเบิดออกทุกที่ทุกเวลา ส่วนเพื่อนเราไซส์ใหญ่มาก 30 กว่านิ้วเลยแหละค่ะ (อย่าลืมนะคะ พวกเราเป็นเด็กเวิร์คตอนมาจากไทยนี่ต้องขนของมาแบบจัดเต็ม ไม่ค่อยนึกถึงตอนเที่ยวเท่าไหร่เลยค่ะ แหะๆ) ซึ่งถ้าเราเอากระเป๋าไซส์บะรึมมะหึ้มไปทัวร์ไนอาการ่าที่ไปแค่
วันเดียวนั้น ก็
กลัวว่าพนักงานจะมองหน้าค่ะ บวกกับเอากระเป๋าใบใหญ่ขึ้นลงซับเวย์คงไม่ใช้เรื่องที่น่าทำซักเท่าไหร่ เพราะเหตุนี้เองพวกเราจึงต้องฝากกระเป๋าแล้วเอาแค่กระเป๋าลากใบเล็กๆติดตัว ค่าฝากกระเป๋าตกที่คืนละ 10$ ค่ะ
สัมภาระ ที่เป็นภาระเอาซะมากๆ
ทีนี้ล่ะค่ะ ในคืนแรกเรากับเพื่อนนอนกันคนละโรงแรมค่ะ เรานอนที่ควีนส์ เพื่อนนอนบรูคลินไปคนละทิศเลย ตอนนั้นเวลาประมาณ 5 ทุ่ม พวกเราก็โหลดแอพซับเวย์นิวยอร์คมาใช้ ดูแผนที่ซับเวย์ว่าใครต้องขึ้นที่สถานีไหนอะไรยังไง เรากับเพื่อนต้องเดินลากกระเป๋าไปสถานีที่ใกล้ที่สุดที่เราสองคนขึ้นจากตรงนั้นไปได้ ก็คือ 47-50 Sts. Rockfeller
รูป Subway map จาก google
เพื่อนเราต้องขึ้นรถไฟสาย D ดาวน์ทาวน์ เราต้องนั่งสาย M ตอนเดินเข้าไปในสถานีถึงทางแยกอัพทาวน์ดาวทาวน์ เราก็ได้แยกกับเพื่อนพร้อมบอกว่าไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ แต่ใครจะไปคิดว่าการแยกกันคราวนั้น ทำให้เราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันอีกเลย แล้วการผจญภัยคนเดียวในเมืองใหญ่ก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ......
แชร์ประสบการณ์ NYC คนเดียวก็เที่ยวได้
อ่ะ เรามาเข้าเรื่องกันเลย จุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งนี้ก็คือ เสร็จจากการทำงาน เอ๊ะ! หรือทำงานเสร็จ เอ๊ะยังไง!? คือพอดีว่าเราไป W&T ช่วงเดือนมีนา ถึง กรกฎาเลยค่ะ (จริงๆ end date อยู่ที่มิถุนา แต่ปีนี้ปิดเทอมนานค่ะ เลยทำเรื่อง extend date อยู่ต่ออีก 1 เดือน) โหย แบบทำงานหนักหน่วงมาก แปดโมงเช้า ถึงสี่ทุ่ม บางวันก็ห้าทุ่ม ฮาร์ดคอร์มากค่ะ เสียสุขภาพมากๆ แต่ก็นะ เราทำงานหนักๆแค่สอง-สามเดือนเอง กลับไทยยังไงก็ไม่ได้ทำแบบนี้อยู่ละ คิดไว้แบบนี้ตลอดค่ะ ทำงานเก็บเงิน จะได้เอาเงินไปเที่ยว ในที่สุดก็มาถึงวันที่ต้องออกจากเมือง.....
วันที่เราไปนิวยอร์ค คือวันที่ 13 ก.ค. ถึง 19 ก.ค. ซึ่งแพลนที่วางไว้คือ.......
13 ก.ค. วันแรกที่มาถึง
14 ก.ค. ไปน้ำตก Niagara กับทัวร์จีน
15 ก.ค. กลับจากทริปน้ำตก เที่ยว Time square
16 ก.ค.ไป Bronx zoo Brooklyn Bridge
17 ก.ค. MET Top of the rock Statue of liberty
18 ก.ค.Broadway Shopping Central park
เชื่อมั้ยคะว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราขึ้น Megabus จาก Tennessee ไป DC สายนี้เราได้นั่งรถคันเดียวกับเพื่อนค่ะเลยไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ ถึง DC ตอนแปดโมงเช้า เดินเที่ยว DC นิดหน่อยแล้วเดินทางต่อไปนิวยอร์คค่ะ ตอนจะขึ้นรถจาก DC ไป NYC ระหว่างต่อแถวจะขึ้นรถไป NYC เราก็หยิบตั๋วรถมาดูเช็คดูความเรียบร้อย แล้วก็พบว่า เราจองไว้รอบ 5 ครึ่งนี่หว่า! ส่วนเพื่อนจองไว้รอบ 5 โมงตรงเป๊ะ! เงิบไปเลยค่ะทั้งเราทั้งเพื่อน สุดท้ายต้องแยกกันไปรถคนละคันกัน....โหยยยยย คือ ตอนนั้นต่างคนต่างหวิวๆค่ะ เป็นการเดินทางข้ามรัฐคนเดียวครั้งแรกในชีวิต 5555 รถเรามี Wifi ค่ะแต่ใช้ไม่ได้ (ดีไปอีกกกก) ต้องใช้เน็ตมือถือถามอีกฝ่ายตลอดว่าถึงไหนแล้วจะได้ไม่พลาดกัน (?) เค้าเรียกพลาดกัน พรากกัน หรือคราดกันอ่ะคะ? 5555 เอาเป็นว่าจะได้เจอกัน ไม่หลงกันละกัน
นั่งหลับบ้างตื่นบ้าง ในที่สุดรถก็เข้าชานเมือง NYC ค่ะ เห็นความโดดเด่นของแมนฮัตตันมาแต่ไกล มีแต่ตึกสูงๆ ระยิบระยับมาก ตอนนั้นเห็นแล้วคือน้ำตาเราเหมือนจะไหล การได้มาเยือนนิวยอร์คเป็นความฝันของเราตั้งแต่ได้อ่านนิยายเพอร์ซี่ แจ็คสันจบทั้ง 5 เล่ม อารมณ์ตอนนั้นคือ ความฝันของชั้นอยู่ตรงหน้าแล้ว มันปริ่มค่ะ ปริ่มมากกกก อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก ตอนรถเริ่มเข้าตัวเมืองนิวยอร์ค เราก็เริ่มตื่นตากับแสงสีตามท้องถนน อารมณ์ประมาณบ้านนอกเข้ากรุง 555 แต่น่าเสียดายที่เราไม่ได้นั่งติดหน้าต่าง ไม่เช่นนั้น...ฝรั่งที่นั่งข้างๆคงจะเห็นภาพที่ เราเอามือสองข้างและหน้าแนบกระจกพร้อมกับร้องหูวๆ ตลอดเวลา 5555
กลับมาต่อนะคะ แหะๆ ... พอรถจอด ในตอนแรกเราคิดว่าที่ที่รถจะจอดจะเป็นสถานีหรืออะไรประมาณนั้น แต่ Megabus จอดข้างถนนเลยค่ะ แอบเงิบเล็กๆ แต่มันก็ดีนะคะ คือเราจะเรียกแท็กซี่ได้ง่าย เพื่อนเราที่ถึงก่อนก็รออยู่ตรงนั้นซักพักแล้วค่ะ พวกเราก็โบกรถแท็กซี่ เพื่อที่จะไปฝากกระเป๋าที่ร้านฝากกระเป๋า วิธีดูว่าคันไหนว่างอย่างง่ายๆคือตัวเลขที่อยู่ด้านบนรถแท็กซี่จะสว่างค่ะ อันนี้แอบหาข้อมูลตอนอยู่บนรถบัสค่ะ อิอิ
ร้านฝากกระเป๋าที่เราเลือกใช้บริการอยู่ที่ 36th st. ค่ะ โดยเจ้าร้านนี้อยู่บนชั้น 5 ตึกเดียวกับร้านอาหาร Via Italy ห๊ะ อะไรนะ ชั้น 5! ไม่ต้องตกใจค่ะเพราะพวกเราไม่ต้องแบกขึ้นไปอย่างยากลำบาก ที่นี่มีลิฟต์บริการค่ะ เย่!! เราว่าต้องมีคนสงสัยแน่เลยว่าทำไมพวกเราต้องฝากกระเป๋า? ทำไมไม่ลากไปโรงแรมเลยฟระ! หาเรื่องเปลืองตังค์ทำไม !? คืออย่างนี้ค่ะ เรามีกระเป๋า 28 นิ้ว 1 ใบ ที่ใส่ของแบบเต็มที่พร้อมจะระเบิดออกทุกที่ทุกเวลา ส่วนเพื่อนเราไซส์ใหญ่มาก 30 กว่านิ้วเลยแหละค่ะ (อย่าลืมนะคะ พวกเราเป็นเด็กเวิร์คตอนมาจากไทยนี่ต้องขนของมาแบบจัดเต็ม ไม่ค่อยนึกถึงตอนเที่ยวเท่าไหร่เลยค่ะ แหะๆ) ซึ่งถ้าเราเอากระเป๋าไซส์บะรึมมะหึ้มไปทัวร์ไนอาการ่าที่ไปแค่วันเดียวนั้น ก็กลัวว่าพนักงานจะมองหน้าค่ะ บวกกับเอากระเป๋าใบใหญ่ขึ้นลงซับเวย์คงไม่ใช้เรื่องที่น่าทำซักเท่าไหร่ เพราะเหตุนี้เองพวกเราจึงต้องฝากกระเป๋าแล้วเอาแค่กระเป๋าลากใบเล็กๆติดตัว ค่าฝากกระเป๋าตกที่คืนละ 10$ ค่ะ
ทีนี้ล่ะค่ะ ในคืนแรกเรากับเพื่อนนอนกันคนละโรงแรมค่ะ เรานอนที่ควีนส์ เพื่อนนอนบรูคลินไปคนละทิศเลย ตอนนั้นเวลาประมาณ 5 ทุ่ม พวกเราก็โหลดแอพซับเวย์นิวยอร์คมาใช้ ดูแผนที่ซับเวย์ว่าใครต้องขึ้นที่สถานีไหนอะไรยังไง เรากับเพื่อนต้องเดินลากกระเป๋าไปสถานีที่ใกล้ที่สุดที่เราสองคนขึ้นจากตรงนั้นไปได้ ก็คือ 47-50 Sts. Rockfeller
เพื่อนเราต้องขึ้นรถไฟสาย D ดาวน์ทาวน์ เราต้องนั่งสาย M ตอนเดินเข้าไปในสถานีถึงทางแยกอัพทาวน์ดาวทาวน์ เราก็ได้แยกกับเพื่อนพร้อมบอกว่าไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ แต่ใครจะไปคิดว่าการแยกกันคราวนั้น ทำให้เราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันอีกเลย แล้วการผจญภัยคนเดียวในเมืองใหญ่ก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ......