สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นข้าราชการทำงานอยู่ที่หน่วยงานแห่งหนึ่งใน จ. พิษณุโลกค่ะ มีเรื่องอยากระบายขอความเห็นที่น่าจะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆคนอื่นๆได้ระมัดระวังตัวมากขึ้น อาจจะคล้ายๆกับที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแต่ปัญหาก็ไม่เคยจบ
ดิฉันได้ซื้อรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด รุ่น Fiesta สีขาวมาเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2555 ตามโครงการลดภาษีรถคันแรกที่กรุงเทพฯ แต่ได้ออกรถจริงเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2556 เนื่องจากย้ายที่ทำงานและได้ขับรถมาใช้ที่พิษณุโลกตลอด ไม่เคยขับกลับไป กทม. หรือให้ใครยืมไปใช้อีกเลย เคยขับไปต่างจังหวัดแค่พิจิตรและสุโขทัยเท่านั้น
ป้ายทะเบียนขาวที่ใช้อยู่คือ 2กย 1775 กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ป้ายนี้ประมาณ 2-3 เดือนหลังติดป้ายแดง
จนเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ดิฉันได้รับใบสั่งใบแรกจาก สน.ทางหลวง 1 เรื่องขับรถเร็วเกินกำหนดแถบมอเตอร์เวย์ลาดกระบัง เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2557 เวลาประมาณ 7 โมงครึ่ง ซึ่งขณะนั้นตัวดิฉันพักผ่อนอยู่ที่บ้านที่พิษณุโลกและรถจอดอยู่ในโรงรถ รู้สึกตกใจมาก เนื่องจากเป็นรถยี่ห้อรุ่นสีเดียวกันมาสวมทะเบียนของดิฉัน จะแตกต่างตรงรายระเอียดกรอบป้ายทะเบียนที่ดิฉันไม่เคยเปลี่ยนมาก่อน รวมถึงตำแหน่งตราเสียภาษี พรบ. ที่กระจกซ้ายมือคนขับ และพระพุทธรูปในรถ
ดิฉันได้รับจดหมายนี้วันที่ 30 กันยายน ส่งตามที่อยู่ในทะเบียนบ้านที่พิษณุโลกจึงได้โทรไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ออกใบสั่งซึ่งแนะนำให้ไปแจ้งความพร้อมส่งสำเนาใบแจ้งความ รูปถ่ายรถของเราที่มีตำหนิไม่เหมือนรถที่มีผู้ขับกระทำผิดมาเปรียบเทียบรวมถึงใบสั่งที่ออกให้ หลังตำรวจรับทราบจึงถอนข้อมูลกระทำผิดออกจากระบบ
ปล. กว่าตำรวจจะรับแจ้งความลงบันทึกประจำวันก็เพลียมากค่ะ ต้องรอพบร้อยเวรอ่านใบสั่งก่อนถึงลงบันทึกได้ เสียเวลารอกว่าครึ่งชม. คนที่เขียนใบแจ้งความยังบอกอีกว่า ควรเปลี่ยนทะเบียนนะ ไม่งั้นรถคุณก็จะโดนใบสั่งอยู่เรื่อยๆ เราก็คิดในใจ...เอ่อ ไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมต้องเปลี่ยนล่ะคะ แจ้งความเป็นคดีอาญานะ ตำรวจไม่คิดจะหาคนผิดมารับโทษหรือ
ครั้งที่ 2 ในเวลาไล่เลี่ยกัน ดิฉันได้รับใบสั่งใบที่ 2 เมื่อต้นเดือนตุลาคมนี้ จากสน.ทางหลวง 2โดยแจ้งมาว่าเป็นรถคันนี้ คันเดิมที่ทะเบียนเหมือนของดิฉัน ขับรถเร็วเกินกฏหมายกำหนด(อีกแล้ว) ที่ กม.7 ต.คลอง 5 อ.คลองหลวง จ. ปทุมธานี
ดิฉันก็ต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าว พร้อมทั้งแนบเอกสารชุดเดิมลงสำเนาถูกต้อง เอกสารหน้าสมุดจดทะเบียนรถส่งไปให้เพื่อให้ถอนอายัติอีก 18 กันยายน วันเวลาดังกล่าวดิฉันก็กำลังปฏิบัติราชการอยู่ที่พิษณุโลก รถก็อยู่กับดิฉันตลอด
ดิฉันรู้สึกแย่มากที่ทราบว่าไม่มีการประสานกันระหว่างเจ้าหน้าที่ สน. ทางหลวงเลย ถ้ารถคันนั้นผ่านมาทำผิดอีกก็ต้องโดนใบสั่งอีก มีเพื่อนแนะนำให้ร้องทุกข์กับข่าวช่อง 3 แต่ดิฉันยังลังเล เพราะถ้าออกข่าวไปคงหยุดการกระทำเค้าได้แต่ไม่สามารถจับตัวคนผิดมารับโทษได้
ระหว่างที่กำลังเตรียมการขอเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถ แต่ยังไม่ทันไรใบสั่งใบที่ 3 ก็ถูกส่งมาหาดิฉันอีกครั้ง จาก สน. กองกำกับการ 4 คราวนี้ข้อหาขับรถฝ่าไฟแดงตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2557 แถวสี่แยกเหม่งจ๋าย แต่เพิ่งจะออกใบสั่งลงวันที่ 6 ตุลาคม 2557 (เพื่อ...)
และเช่นเดิมค่ะดิฉันไปประชุมที่ จ. สุพรรณบุรี วันที่ 1 สิงหาคม 2557 เวลาสี่ทุ่มกว่าเป็นช่วงเวลาที่กำลังเดินทางกลับ โดยไม่ได้ใช้รถคันนี้ที่จอดอยู่บ้านพักที่พิษณุโลก
ดิฉันโทรคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ออกใบสั่งและต้องส่งเอกสารแบบเดิมไปให้ ดิฉันถามว่าไม่มีมาตรการใดๆในการสกัดจับรถคันนี้เลยหรือหลังจากแจ้งความไปแล้ว เขาตอบเพียงว่าใบแจ้งความใช้ยืนยันและลบความผิดที่เราไม่ได้ทำออกจากระบบเป็นครั้งๆไป หากรถคันนี้ทำผิดอีก ใครมีชื่อเป็นเจ้าของรถก็จะได้รับใบสั่งโดยอัตโนมัติ และหากเราเปลี่ยนทะเบียนก็ยังมีสิทธิ์จะโดนสวมอีกนะ
อ้าว...พูดงี้หมายความว่าไงคะ!!! ดิฉันแจ้งความแล้วนะ คุณไม่คิดจะทำอะไรเลยเหรอ
นี่เหรอ....หน้าที่ความรับผิดชอบของตำรวจไทย ดิฉันฟังแล้วหมดศรัทธา คงหวังพึ่งอะไรเกี่ยวกับตำรวจจราจรไม่ได้อีกแล้ว
ใบแจ้งความคงต้องถ่ายเอกสารลงสำเนาถูกต้อง คงต้องทำแบบฟอร์มถึง ร.ต.ต....(ชื่อ).... ผู้ออกใบสั่ง เอกสารรูปรถ สมุดจดทะเบียน ใบสั่ง ส่งจดหมายรึ fax ไปให้เรื่อยๆเลยใช่ไหมถ้ามีใบสั่งใบที่ 4 5 6 7...... ที่อาจจะตามมาอีกในเร็วๆนี้
เรื่องแบบนี้ควรมีมาตรการในการจัดการที่ชัดเจนนะคะ เราก็ไม่รู้ว่าคนขับรถคันนี้มีเจตนากระทำผิดอะไรอีกหรือเปล่าถึงต้องก่อเหตุขับรถเร็วผิดกฎบ่อยขนาดนั้น ไม่ใช่สักแต่เอาข้อมูลจากระบบคอมฯมาออกใบสั่งโดยไม่สนใจเรื่องอื่นเลย
รวมๆแล้ว 3 สัปดาห์ ดิฉันได้รับใบสั่งจาก สน. ในกรุงเทพและเขตปริมณฑล 3 ฉบับแล้วค่ะ
คิดว่าไม่อาจใจเย็นรอเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับคนผิดมาได้อีกแล้ว และต้องดำเนินการเปลี่ยนทะเบียนใหม่ให้เร็วที่สุด
เหตุการณ์ครั้งนี้เลยอยากเตือนคนอื่นๆว่า สมัยนี้การกระทำผิดมาได้หลายรูปแบบ หวังพึ่งเจ้าหน้าที่อย่างเดียวอาจไม่ช่วยอะไร ต้องช่วยเหลือตัวเอง และอาจต้องขอความช่วยเหลือจากสื่อต่างๆช่วยกระจายข่าวให้คนอื่นๆระวังตัวด้วย เพราะรถของคุณอาจมีแฝดโดยไม่รู้ตัว
ต้องแจ้งยังไงให้ทราบทุก สน. คะ ว่ารถถูกสวมทะเบียน ใบสั่ง 3 ใบใน 3 สัปดาห์ มันไม่ไหวจะเคลียร์!!!
ดิฉันได้ซื้อรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด รุ่น Fiesta สีขาวมาเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2555 ตามโครงการลดภาษีรถคันแรกที่กรุงเทพฯ แต่ได้ออกรถจริงเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2556 เนื่องจากย้ายที่ทำงานและได้ขับรถมาใช้ที่พิษณุโลกตลอด ไม่เคยขับกลับไป กทม. หรือให้ใครยืมไปใช้อีกเลย เคยขับไปต่างจังหวัดแค่พิจิตรและสุโขทัยเท่านั้น
ป้ายทะเบียนขาวที่ใช้อยู่คือ 2กย 1775 กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ป้ายนี้ประมาณ 2-3 เดือนหลังติดป้ายแดง
จนเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ดิฉันได้รับใบสั่งใบแรกจาก สน.ทางหลวง 1 เรื่องขับรถเร็วเกินกำหนดแถบมอเตอร์เวย์ลาดกระบัง เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2557 เวลาประมาณ 7 โมงครึ่ง ซึ่งขณะนั้นตัวดิฉันพักผ่อนอยู่ที่บ้านที่พิษณุโลกและรถจอดอยู่ในโรงรถ รู้สึกตกใจมาก เนื่องจากเป็นรถยี่ห้อรุ่นสีเดียวกันมาสวมทะเบียนของดิฉัน จะแตกต่างตรงรายระเอียดกรอบป้ายทะเบียนที่ดิฉันไม่เคยเปลี่ยนมาก่อน รวมถึงตำแหน่งตราเสียภาษี พรบ. ที่กระจกซ้ายมือคนขับ และพระพุทธรูปในรถ
ดิฉันได้รับจดหมายนี้วันที่ 30 กันยายน ส่งตามที่อยู่ในทะเบียนบ้านที่พิษณุโลกจึงได้โทรไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ออกใบสั่งซึ่งแนะนำให้ไปแจ้งความพร้อมส่งสำเนาใบแจ้งความ รูปถ่ายรถของเราที่มีตำหนิไม่เหมือนรถที่มีผู้ขับกระทำผิดมาเปรียบเทียบรวมถึงใบสั่งที่ออกให้ หลังตำรวจรับทราบจึงถอนข้อมูลกระทำผิดออกจากระบบ
ปล. กว่าตำรวจจะรับแจ้งความลงบันทึกประจำวันก็เพลียมากค่ะ ต้องรอพบร้อยเวรอ่านใบสั่งก่อนถึงลงบันทึกได้ เสียเวลารอกว่าครึ่งชม. คนที่เขียนใบแจ้งความยังบอกอีกว่า ควรเปลี่ยนทะเบียนนะ ไม่งั้นรถคุณก็จะโดนใบสั่งอยู่เรื่อยๆ เราก็คิดในใจ...เอ่อ ไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมต้องเปลี่ยนล่ะคะ แจ้งความเป็นคดีอาญานะ ตำรวจไม่คิดจะหาคนผิดมารับโทษหรือ
ครั้งที่ 2 ในเวลาไล่เลี่ยกัน ดิฉันได้รับใบสั่งใบที่ 2 เมื่อต้นเดือนตุลาคมนี้ จากสน.ทางหลวง 2โดยแจ้งมาว่าเป็นรถคันนี้ คันเดิมที่ทะเบียนเหมือนของดิฉัน ขับรถเร็วเกินกฏหมายกำหนด(อีกแล้ว) ที่ กม.7 ต.คลอง 5 อ.คลองหลวง จ. ปทุมธานี
ดิฉันก็ต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าว พร้อมทั้งแนบเอกสารชุดเดิมลงสำเนาถูกต้อง เอกสารหน้าสมุดจดทะเบียนรถส่งไปให้เพื่อให้ถอนอายัติอีก 18 กันยายน วันเวลาดังกล่าวดิฉันก็กำลังปฏิบัติราชการอยู่ที่พิษณุโลก รถก็อยู่กับดิฉันตลอด
ดิฉันรู้สึกแย่มากที่ทราบว่าไม่มีการประสานกันระหว่างเจ้าหน้าที่ สน. ทางหลวงเลย ถ้ารถคันนั้นผ่านมาทำผิดอีกก็ต้องโดนใบสั่งอีก มีเพื่อนแนะนำให้ร้องทุกข์กับข่าวช่อง 3 แต่ดิฉันยังลังเล เพราะถ้าออกข่าวไปคงหยุดการกระทำเค้าได้แต่ไม่สามารถจับตัวคนผิดมารับโทษได้
ระหว่างที่กำลังเตรียมการขอเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถ แต่ยังไม่ทันไรใบสั่งใบที่ 3 ก็ถูกส่งมาหาดิฉันอีกครั้ง จาก สน. กองกำกับการ 4 คราวนี้ข้อหาขับรถฝ่าไฟแดงตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2557 แถวสี่แยกเหม่งจ๋าย แต่เพิ่งจะออกใบสั่งลงวันที่ 6 ตุลาคม 2557 (เพื่อ...)
และเช่นเดิมค่ะดิฉันไปประชุมที่ จ. สุพรรณบุรี วันที่ 1 สิงหาคม 2557 เวลาสี่ทุ่มกว่าเป็นช่วงเวลาที่กำลังเดินทางกลับ โดยไม่ได้ใช้รถคันนี้ที่จอดอยู่บ้านพักที่พิษณุโลก
ดิฉันโทรคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ออกใบสั่งและต้องส่งเอกสารแบบเดิมไปให้ ดิฉันถามว่าไม่มีมาตรการใดๆในการสกัดจับรถคันนี้เลยหรือหลังจากแจ้งความไปแล้ว เขาตอบเพียงว่าใบแจ้งความใช้ยืนยันและลบความผิดที่เราไม่ได้ทำออกจากระบบเป็นครั้งๆไป หากรถคันนี้ทำผิดอีก ใครมีชื่อเป็นเจ้าของรถก็จะได้รับใบสั่งโดยอัตโนมัติ และหากเราเปลี่ยนทะเบียนก็ยังมีสิทธิ์จะโดนสวมอีกนะ
อ้าว...พูดงี้หมายความว่าไงคะ!!! ดิฉันแจ้งความแล้วนะ คุณไม่คิดจะทำอะไรเลยเหรอ
นี่เหรอ....หน้าที่ความรับผิดชอบของตำรวจไทย ดิฉันฟังแล้วหมดศรัทธา คงหวังพึ่งอะไรเกี่ยวกับตำรวจจราจรไม่ได้อีกแล้ว
ใบแจ้งความคงต้องถ่ายเอกสารลงสำเนาถูกต้อง คงต้องทำแบบฟอร์มถึง ร.ต.ต....(ชื่อ).... ผู้ออกใบสั่ง เอกสารรูปรถ สมุดจดทะเบียน ใบสั่ง ส่งจดหมายรึ fax ไปให้เรื่อยๆเลยใช่ไหมถ้ามีใบสั่งใบที่ 4 5 6 7...... ที่อาจจะตามมาอีกในเร็วๆนี้
เรื่องแบบนี้ควรมีมาตรการในการจัดการที่ชัดเจนนะคะ เราก็ไม่รู้ว่าคนขับรถคันนี้มีเจตนากระทำผิดอะไรอีกหรือเปล่าถึงต้องก่อเหตุขับรถเร็วผิดกฎบ่อยขนาดนั้น ไม่ใช่สักแต่เอาข้อมูลจากระบบคอมฯมาออกใบสั่งโดยไม่สนใจเรื่องอื่นเลย
รวมๆแล้ว 3 สัปดาห์ ดิฉันได้รับใบสั่งจาก สน. ในกรุงเทพและเขตปริมณฑล 3 ฉบับแล้วค่ะ
คิดว่าไม่อาจใจเย็นรอเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับคนผิดมาได้อีกแล้ว และต้องดำเนินการเปลี่ยนทะเบียนใหม่ให้เร็วที่สุด
เหตุการณ์ครั้งนี้เลยอยากเตือนคนอื่นๆว่า สมัยนี้การกระทำผิดมาได้หลายรูปแบบ หวังพึ่งเจ้าหน้าที่อย่างเดียวอาจไม่ช่วยอะไร ต้องช่วยเหลือตัวเอง และอาจต้องขอความช่วยเหลือจากสื่อต่างๆช่วยกระจายข่าวให้คนอื่นๆระวังตัวด้วย เพราะรถของคุณอาจมีแฝดโดยไม่รู้ตัว