ขอเริ่มต้นด้วยประโยคฮิตของกระทู้ชาวพันธุ์ทิพย์เลยนะคะ ^^ คือเราได้ติดตามเป็นผู้อ่านมานานมาก มีหลายกระทู้ที่ทำเราอินจนตัวสั่น 555 แต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกไป เพราะไม่ได้เป็นสมาชิก ครั้งนี้เลยอยากมาแชร์เรื่องราวของตัวเองบ้าง ก็เลยสมัครเพื่องานนี้โดยเฉพาะเลยค่ะ ^^ เรื่องอาจจะยาวหน่อย เพราะเราก็อยากจะเรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาตลอดระยะเวลาเกือบ 7 ปีที่ได้คบกับแฟนนี้ด้วยอ่ะค่ะ ว่าเราเคยเจออะไร และตอนนั้นเรารู้สึกยังไงบ้าง แหะๆ งั้นเริ่มเลยเนอะ
แฟนเราเป็นนักดนตรีค่ะ ค่อนข้างหน้าตาดีและมีสไตล์เป็นของตัวเอง เรากับเค้าเจอกันที่ร้านที่เค้าร้องเพลงอยู่ ตอนนั้นเรายังเรียนอยู่ปี 2 ค่ะ เรากับเพื่อนๆปกติก็ชอบไปเที่ยวนั่งกินบ้าง เข้าผับบ้างตามร้านแถวมหาลัย ตามประสาวัยรุ่น จนวันนึงได้ไปนั่งร้านนั่งกินร้านนึง ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆคนไม่เยอะมาก มีบาร์แล้วก็มีโต๊ะอยู่แค่ประมาณสิบโต๊ะ วันธรรมดาคนน้อย วันนั้นเรากับเพื่อนเลยได้นั่งโต๊ะติดขอบเวที แถมในร้านมีลูกค้าแค่ 2 โต๊ะ เลยทำให้ค่อนข้างได้ใกล้ชิดกับนักดนตรี แว๊บแรกที่เราเห็นแฟนเรา เรารู้สึกชอบและถูกชะตาทันทีเลยค่ะ ด้วยหน้าตาท่าทางการพูดจา (ด้วยความที่ลูกค้าน้อยทำให้เค้าแซวโต๊ะเราค่อนข้างบ่อย) เรากับเพื่อนก็สะกิดๆกันว่า เฮ้ย!! น่ารักว่ะ ชอบบบบ แอบสบตากับเค้าบ้างเป็นครั้งคราว แอบมโนในใจบ้างว่าเค้าร้องเพลงให้เรารึป่าว 555 พอเค้าลงจากเวทีก็จะมานั่งคุยเล่นที่โต๊ะ ได้คุยใกล้ชิดกันบ้าง เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้งค่ะ แต่ก็ไม่ได้สานต่ออะไร เพราะตอนนั้นเรามีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็แอบๆปลื้มเค้าอยู่เพราะอย่างที่บอกว่าเค้าค่อนข้างตรงสเป๊คเรา คิ้วเข้ม ใส่แว่น ตัดผมหน้าม้า หน้าตาดูเด็กๆ น่ารักดีค่ะ แต่งตัวดี โอ้ยอะไรก็ดูดีไปหมดดดด >///< เราคิดว่าเค้าคงรุ่นๆเดียวกันกับเราหรือไม่ก็แก่กว่าสักสองสามปี ... จนวันนึงเราเลิกกับแฟน(เก่า)เราแล้วได้มาคบกับเพื่อนที่เรียนด้วยกัน แต่ด้วยความที่เรารู้สึกว่าเพื่อนคนนี้ไม่ใช่ ทำให้เราเริ่มสานสัมพันธ์กับแฟนเรามากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากแลกเบอร์โทร ส่งข้อความบอกฝันดี บอกคิดถึง เวลาไปที่ร้านเค้าก็จะร้องเพลงให้เรา (อันนี้ให้เราจริงๆ ไม่ได้คิดไปเอง แหะๆ) ถึงกับขนาดเคยเต้นโชว์เราบนเวทีด้วยค่ะ 555 น่ารักมาก ทุกอย่างหวานแหววสุดๆ สักพักก็เริ่มนัดดูหนัง กินข้าว แล้วก็ตกลงเป็นแฟนกันค่ะ แรกๆเค้าเอาใจเรามาก เราฝึกงานต้องไปอยู่หอพักแถวลาดกระบัง เค้าก็นั่งแท๊กซี่จาก อตก. ไปหาเราที่หอทุกคืน (ค่าแท๊กซี่วันละ 300 กว่าบาท) พอตอนเที่ยงที่เราต้องไปฝึกงาน เค้าก็จะออกไปพร้อมเรา นั่งรถเมล์จากลาดกระบังไปต่อรถไฟฟ้าแล้วกลับไปเอารถมอไซค์ที่ อตก. แล้วขับกลับบ้านที่พุทธมณฑลสาย 4 หรือไม่ก็ไปห้องเพื่อนแถวจรัญฯ เป็นอย่างงี้ทุกวัน เลี้ยงข้าว คอยโทรหา คอยส่งข้อความหา ดูแล เทคแคร์ จนเรารู้สึกว่าเค้าก็คงรู้สึกดีๆกับเรามากๆเหมือนกัน ทั้งๆที่เราเป็นฝ่ายแอบชอบเค้าก่อนด้วยซ้ำ จากชอบกลายเป็นรัก จากรักกลายเป็นรักมาก จนเวลาผ่านไปประมาณสามเดือน เราฝึกงานจบแล้วแต่สัญญาเช่าหอยังไม่หมด เพราะเราขอที่บ้านไว้ว่าจะต้องมาเช่าหอเพื่อฝึกงาน 6 เดือนค่ะ (โกหกพ่อแม่ เพื่อจะได้อยู่หอเที่ยวเล่นกับเพื่อนได้สบายใจ...เป็นเด็กนิสัยไม่ดีค่ะ T___T) ทีนี้แฟนเราเค้าก็เลยชวนเราไปอยู่ที่บ้านเค้า เพราะจะได้ไม่ต้องเสียค่ารถไปๆมาๆแบบนี้ แถมเกรงใจรูมเมทเราด้วย เพราะเราเช่าห้องอยู่กับเพื่อน เวลาแฟนเรามาเพื่อนก็จะต้องลงไปนอนที่ที่นอนปูพื้น ก็เลยเริ่มเกรงใจค่ะ เพราะแฟนมาบ่อยมาก ลืมเล่าอ่าค่ะ ช่วงแรกที่เริ่มจะคบกันก็เริ่มมีการถามประวัติกันนู่นนั่นนี่ ก็เป็นคำถามเบสิกอ่ะเนอะ เราก็ถามว่าเค้าเกิดวันไหน อายุเท่าไหร่ เราถึงกับตกใจที่รู้ว่าเค้าแก่กว่าเราตั้งแปดปี!! โอ้โหหน้าขุ่นพี่เด็กมากค่ะ ตอนนั้นเรา 21 พี่เค้า 29 แต่หน้าไม่ได้ต่างกันเลย T__T แล้วเราก็ถามเค้าว่าเค้าเรียนจบที่ไหน เค้าก็บอกว่าเค้าเรียนจุฬาถึงแค่ปี 1 แต่ไม่จบเพราะชอบทำกิจกรรมไปออกค่ายอาสาไม่ค่อยเข้าเรียนเลยทำให้ต้องหยุดเรียนไป แล้วไม่ได้เรียนต่อเพราะขี้เกียจเริ่มใหม่ เราก็หูยยยย!!! โม้เพื่อนๆใหญ่ เมิ๊งงเค้านิสิตจุฬาเก่านะเว้ย (แต่จริงๆแล้วถึงจะไม่จบเราก็ไม่ถือสาค่ะ เพราะเราไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่) แต่พี่เค้าติสต์บลาๆๆ นู่นนี่นั่นอ่ะเมิงเข้าใจป่ะ ก็โม้ๆกับเพื่อนไป 555 แถมที่บ้านเคยเปิดบาร์ญี่ปุ่นด้วย แต่งตัวดูดีใช้ของมียี่ห้อ ก็เลยคิดว่าเค้าคงคล้ายๆกับเราและเพื่อนเรา ไม่ได้รู้สึกแตกต่างอะไร ต่อๆนะคะ ตอนที่เค้าชวนเราไปอยู่ที่บ้าน เค้าก็ขอคุยกับเราด้วยท่าทางซีเรียสว่า เค้ามีอะไรจะบอกเรา ถ้าเรารับไม่ได้เราจะได้จบกันไป ถ้ารับได้เราจะได้เริ่มต้นความสัมพันธ์กันแบบจริงจังและจะพาเราเข้าบ้าน สิ่งที่เค้าบอกเราก็คือ เค้ามีลูกแล้วนะ อยู่ ป.6 แล้ว เราโอเคมั้ย เราก็อึ้งไปพักนึง (ในใจบวกลบคูณหารอยู่ว่าลูกเค้าอายุเท่าไหร่ แล้วเค้ามีลูกตอนอายุเท่าไหร่???) แล้วเราก็บอก อืมโอเคเรารับได้ เราถามต่อว่าแล้วแม่เด็กล่ะ เค้าก็บอกว่า "อ๋อ...ก็อยู่บ้านเดียวกันนี่แหละ แต่เค้าอยู่ข้างบนบ้านกับแม่(แฟน)กับลูกชาย เลิกกันไปนานแล้ว แต่ที่เค้าอยู่ อยู่เพื่อลูก แต่ไม่มีอะไรจริงๆ ไม่ต้องคิดมาก" คือเรากลัวว่าเราจะไปเป็นเมียน้อยอะไรแบบนี้อ่าค่ะ แต่แฟนเราเค้ายืนยันหนักแน่นว่าเลิกกันไปนานแล้วเราก็เลยโอเค เข้าใจค่ะ (แต่ก็อึ้งๆงงๆอยู่...เค้าฉลาดค่ะ เลือกบอกในระยะเวลาที่มั่นใจแล้วว่า เราจะต้องโอเคและรับได้แน่นอน ก็เรารักเค้ามากไปแล้วนี่คะ TT_TT) แล้วเราก็ย้ายเข้าไปอยู่บ้านเค้า....ตอนแรกที่เห็นห้องนอนเค้าก็ตกใจค่ะ รกมากกกก....มีแต่เศษขยะกระดาษเกลื่อนห้อง มีแค่ผ้าห่มใช้ปูพื้นนอน หมอนหนึ่งใบ ผ้าห่ม มีคอม,ทีวีกับพัดลม 1 ตัว เราช่วยกันเก็บกวาดห้อง จนเราได้ไปเจอจดหมายของแฟนเก่าเค้า (ไม่ใช่พี่ ม. กับ พี่ จ. นะคะ เดี๋ยวจะเล่าต่อค่ะว่า พี่ ม. กับ พี่ จ. เค้าคือใคร) น่าจะเป็นแฟนคนก่อนหน้าเรา เค้าเขียนด่าแฟนเราว่า “ไอ้ อ.เมิงไม่รักกรูแล้วเมิงตามกรูกลับมาทำไม เมิงหายหัวไปไหน เมิงรู้มั้ยว่ากรูเจอถุงยางอยู่ใต้เบาะรถเมิง เมิงมันติดฮี เมิง

เห้” เราก็แบบอึ้งบวกงงแบบเดิมอ่ะค่ะ ก็ถามเค้าว่าใครเขียนเค้าก็บอกว่าแฟนเก่าชื่อนั้นชื่อนี้ เลิกกันไปแล้ว เราก็ได้แต่ อือๆเออๆไป ในใจก็คิดว่าเค้ารักเรามากน่ะ เค้าคงหยุดที่เราได้หรือถ้าเค้าจะมีพลาดพลั้งไปบ้างเราก็ทำใจไว้แล้วค่ะ พร้อมให้อภัยถ้าเค้ากลับใจ (จริงๆเราเป็นคนค่อนข้างเข้าใจเรื่องพวกนี้อ่ะค่ะ เพราะเรามีเพื่อน ผช เยอะ แล้วยิ่งเค้าเป็นนักดนตรีด้วย) ตอนนั้นเราเลยไม่ใส่ใจอะไรค่ะ ทุกๆวันเรามีความสุขมากๆ เค้าเอาใจน่ารัก ไปยกที่นอนสปริงมาให้เรานอนทั้งที่เค้าชอบนอนพื้นแข็งๆ แต่เรานอนไม่ได้เพราะนอนแล้วปวดหลัง พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เราไม่ลำบาก เราเลยไม่เคยรู้สึกว่าทำไมเราต้องมาอยู่แบบนี้ ทั้งๆที่อยู่บ้านตัวเองก็แสนจะสบายมีแม่บ้าน ผ้าก็ไม่ต้องซักเอง งานบ้านก็ไม่ต้องทำ ข้าวแม่ก็ทำให้กิน แต่เรากลับมีความสุขมากๆที่ได้อยู่กับเค้าค่ะ ส่วนเรื่องแฟนเก่า(แม่ของลูก)เค้าก็เลิกกันจริงๆอย่างที่เค้าบอกและเราก็รู้จากแม่เค้าว่าเราไม่ใช่แฟนคนแรกหรอกที่เค้าพาเข้ามาอยู่ที่บ้าน (ที่ไม่ใช่แม่ของลูก ขอเรียกแม่ของลูกเค้าว่าพี่ ม. ละกันนะคะ) ก็เริ่มมีเรื่องราวในอดีตของเค้าเข้าหูมาเรื่อยๆค่ะ เหมือนสัญญาณอันตราย รวมถึงแฟนเก่าคนนึงของเค้าที่เค้าเคยบอกเราว่าเค้ารักแฟนคนนี้มากนะ แต่ไปด้วยกันไม่ได้เพราะที่บ้านผู้หญิงไม่ชอบเค้า ขอเรียกแฟนเก่าเค้าคนนี้ว่าพี่ จ.นะคะ เค้าเลยต้องเลิกและค่อนข้างฝังใจกับเรื่องครอบครัวของแฟนกลัวว่าจะเข้าไม่ได้และเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก จนมาวันนึงหลังจากที่เราย้ายเข้ามาอยู่บ้านเค้าได้ไม่นานก็ได้รู้ว่าพี่ จ. คือผู้หญิงบ้านข้างๆที่รั้วติดกัน และคบกันมาเกือบ 6 ปี แต่ว่าเลิกกันไปก่อนหน้าที่จะคบเราได้สองหรือสามปี เราก็แบบ โอ้โหหหห เมียเก่าอยู่ข้างบนบ้าน แฟนเก่าอยู่ข้างบ้าน อะไรจะขนาดนี้พ่อขุนแผนแสนสะท้าน นี่เป็นคำพูดที่เราชอบแซวเค้าบ่อยๆค่ะ เราเคยถามเค้านะคะว่าทำถึงเลิกกับพี่ ม. เค้าบอกว่า พี่ ม. แอบไปคบกับแฟนเก่าค่ะ เค้าเสียใจและเศร้ามาก และเรื่องแฟนเก่าของแฟนก็เป็นเรื่องที่ฝังใจเค้าอีกเรื่องนึง มาถึงตรงนี้เรื่องราวมันเริ่มซับซ้อนขึ้นแล้วใช่มั้ยคะ 555 ที่เราจำเป็นต้องเล่าเกริ่นละเอียดและหลายตัวละครขนาดนี้ เพราะมันเกี่ยวเนื่องกันหมดในตอนหลังอ่ะค่ะ เรามารู้ตอนหลังว่าจริงๆแล้วทุกคนที่บ้านไม่มีใครอยากยุ่งกับแฟนเราเท่าไหร่ รวมถึงแม่กับลูกชายเค้าด้วย ลุงกับป้าอีกครอบครัวนึงก็ไม่ค่อยอยากยุ่งกับเค้าเหมือนกันค่ะ (นี่ก็เป็นสัญญาณอันตรายอีกอย่างนึง) คือทุกคนบอกว่าไม่อยากมีปัญหา แฟนเราเป็นคนขี้โวยวาย ไม่ชอบให้ใครมาจุ้นจ้าน ใครพูดไม่เข้าหูนี่ด่าเปิงเสียงดัง ขนาดแม่เค้ายังกลัวเค้าเลยอ่ะค่ะ แทบจะแยกกันอยู่โดยสิ้นเชิง เราไปเล่าให้เพื่อนฟังเพื่อนก็ทักอยู่เหมือนกันว่าแปลกๆนะ เป็นแบบนี้จะดีหรอ ขนาดแม่กะลูกยังไม่สนใจ อะไรประมาณนี้อ่ะ เราก็ได้แต่บอกว่า ไม่น่ามีอะไรนะ เพราะเค้าอาจจะแค่ติสต์ๆตามประสานักดนตรี เพราะกับเราเค้าก็น่ารักดี ดูอ่อนโยน อบอุ่น เราเป็นคนที่ติดตุ๊กตามาก เค้าก็เล่นตุ๊กตากับเรา เราเป็นหม่าม้าเค้าเป็นปะป๊า ส่วนน้องหมีเป็นลูกชายค่ะ เล่นกันแบบจริงจังเหมือนมันมีชีวิตจริงๆ เวลาแฟนไปทำงานเราก็ออกไปนั่งฟังแฟนร้องเพลงหรือไม่ก็นอนเล่นดูหนังอยู่บ้านเค้า พอเค้ากลับมาเราก็นั่งเล่นเกมส์แข่งกัน จู๋จี๋กะหนุงกะหนิงกัน เค้านอนร้องเพลงให้เราฟังบ้าง นอนเขียนหลังให้เราบ้าง กว่าจะนอนก็หกเจ็ดโมงเช้า ตื่นบ่ายๆเย็นๆ เป็นอย่างงี้อยู่สามเดือน จนถึงเวลาสัญญาเช่าหอหมดแล้วเราต้องกลับไปอยู่บ้าน รอเปิดเทอม ช่วงนั้นก็เลยโกหกที่บ้านว่าไปนอนห้องเพื่อนบ่อยๆ จนนานๆเข้าก็ขอที่บ้านย้ายไปอยู่หอกับเพื่อนอีกบอกว่าจะได้เดินทางใกล้ๆ ทั้งๆที่เมื่อก่อนก็ไป-กลับ มหาลัยได้ตลอด ระยะทางประมาณ 30 กม. ขนาดที่บ้านซื้อรถให้ขับไปเรียนเรายังยอมไม่เอารถ บอกที่บ้านว่าขับไม่เป็นกลัวชน เพื่อที่จะได้กลับไปอยู่ที่บ้านแฟนต่อค่ะ คือเรารักแฟนคนนี้มากจริงๆ มากแบบที่ไม่เคยรักใคร ทั้งรักทั้งหลง ทุกครั้งที่นั่งมองเค้าร้องเพลงบนเวที มันจะรู้สึกเหมือนวันแรกๆที่ได้เจอกัน ดูมีสเน่ห์แบบบอกไม่ถูก นั่งปลื้มปริ่มเพราะเรารู้สึกว่าในร้านเหล้า นักดนตรีจะเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากที่สุด และคนคนนั้นก็เป็นแฟนของเรา เหมือนได้ยืดอ่ะค่ะ 555 (คือเรารู้สึกแบบนี้จริงๆ อย่าหาว่าเราบ้านะคะ >.< ) ช่วงใกล้เปิดเทอมแฟนเราซื้อ talking dic ให้เราไว้ใช้เวลาเรียนเพราะเราเรียนเป็นภาคอินเตอร์ ตอนนั้นดีใจมากๆค่ะ แถมไปติดเบาะนั่งพิงหลังมอไซค์มาให้เพราะกลัวเราเมื่อย สำหรับเรามันเป็นเรื่องเล็กๆที่ยิ่งใหญ่มากค่ะ ^^ พอเปิดเทอมเรามีเรียนช่วงห้าโมงเย็นถึงสองทุ่มทุกวัน แฟนก็จะขี่มอไซค์ไปส่งเราที่มหาลัยพร้อมกับแบกกีตาร์ไปด้วย แล้วเค้าก็ไปนั่งเล่นบ้านเพื่อนเพื่อรอเวลาร้องเพลง ส่วนเราพอเลิกเรียนก็จะไปรอเค้าที่ห้องเพื่อน นั่งตีดัมมี่กัน (นิสัยไม่ดีอีกแล้ว) ส่วนเค้าก็จะตามมาเล่นด้วยหลังจากร้องเพลงเสร็จ จนหลังๆเค้าเริ่มเสียดายตังค์ค่ะ เพราะเสียบ่อย ร้องเพลงมาวันนึงพันกว่าบาทเหลือกลับบ้านไม่ถึงห้าร้อย บางทีเล่นแล้วทะเลาะกันรุนแรง (สาเหตุคือทิ้งไพ่ไม่ถูกใจกัน 555) เค้าทิ้งเราลงรถกลางทาง เราต้องนั่งรถแท็กซี่ตามกลับไปเอง (โหดร้ายเนอะ T__T เริ่มออกลาย เราเลยเริ่มๆรู้ว่าจริงๆแล้วแฟนเราเป็นคนใจแข็งมาก บทจะร้ายแล้วหัวดำหัวงอกก็ไม่สน) และพอเริ่มทะเลาะบ่อยขึ้น เค้าก็เลยขอไม่มา แต่จะนั่งกินเบียร์ที่ร้านกับเพื่อนๆสักตีสองกว่าถึงจะมารับเรากลับบ้านค่ะ ทุกครั้งที่โทรไปก็จะถามเค้าตลอดว่า นั่งอยู่กับใครบ้าง เมามั้ย เค้าก็จะบอกชื่อมาว่ามีชื่อ หญิง นัท บลาๆๆๆ ทุกครั้งที่ถามก็จะมีแต่คนเดิมๆ แล้วเหมือนเค้าก็พูดเสียงดังจนเราคิดว่าทุกคนบนโต๊ะก็คงรู้ว่าเราโทรมาไรงี้ เราเลยไว้ใจไม่คิดอะไรมากค่ะ จนมาวันนึงวันนั้นน่าจะเป็นวันเสาร์หรือยังไงไม่แน่ใจ คือเราไม่ได้ออกไปทำงานกับเค้า เราเผลอหลับค่ะ ตื่นมาตอนตีสองกว่าเกือบตีสาม เราเห็นแฟนยังไม่กลับบ้าน เราเลยโทรหาโทรเท่าไหร่เค้าก็ไม่รับสาย เราก็โทรเรื่อยๆค่ะจนอยู่ดีๆโทรศัพท์มันรับเอง
เมื่อครั้งหนึ่งฉันเคยมีแฟนเป็นนักดนตรี......กับสัญญาณอันตรายที่มองข้ามไป!!!
แฟนเราเป็นนักดนตรีค่ะ ค่อนข้างหน้าตาดีและมีสไตล์เป็นของตัวเอง เรากับเค้าเจอกันที่ร้านที่เค้าร้องเพลงอยู่ ตอนนั้นเรายังเรียนอยู่ปี 2 ค่ะ เรากับเพื่อนๆปกติก็ชอบไปเที่ยวนั่งกินบ้าง เข้าผับบ้างตามร้านแถวมหาลัย ตามประสาวัยรุ่น จนวันนึงได้ไปนั่งร้านนั่งกินร้านนึง ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆคนไม่เยอะมาก มีบาร์แล้วก็มีโต๊ะอยู่แค่ประมาณสิบโต๊ะ วันธรรมดาคนน้อย วันนั้นเรากับเพื่อนเลยได้นั่งโต๊ะติดขอบเวที แถมในร้านมีลูกค้าแค่ 2 โต๊ะ เลยทำให้ค่อนข้างได้ใกล้ชิดกับนักดนตรี แว๊บแรกที่เราเห็นแฟนเรา เรารู้สึกชอบและถูกชะตาทันทีเลยค่ะ ด้วยหน้าตาท่าทางการพูดจา (ด้วยความที่ลูกค้าน้อยทำให้เค้าแซวโต๊ะเราค่อนข้างบ่อย) เรากับเพื่อนก็สะกิดๆกันว่า เฮ้ย!! น่ารักว่ะ ชอบบบบ แอบสบตากับเค้าบ้างเป็นครั้งคราว แอบมโนในใจบ้างว่าเค้าร้องเพลงให้เรารึป่าว 555 พอเค้าลงจากเวทีก็จะมานั่งคุยเล่นที่โต๊ะ ได้คุยใกล้ชิดกันบ้าง เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้งค่ะ แต่ก็ไม่ได้สานต่ออะไร เพราะตอนนั้นเรามีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็แอบๆปลื้มเค้าอยู่เพราะอย่างที่บอกว่าเค้าค่อนข้างตรงสเป๊คเรา คิ้วเข้ม ใส่แว่น ตัดผมหน้าม้า หน้าตาดูเด็กๆ น่ารักดีค่ะ แต่งตัวดี โอ้ยอะไรก็ดูดีไปหมดดดด >///< เราคิดว่าเค้าคงรุ่นๆเดียวกันกับเราหรือไม่ก็แก่กว่าสักสองสามปี ... จนวันนึงเราเลิกกับแฟน(เก่า)เราแล้วได้มาคบกับเพื่อนที่เรียนด้วยกัน แต่ด้วยความที่เรารู้สึกว่าเพื่อนคนนี้ไม่ใช่ ทำให้เราเริ่มสานสัมพันธ์กับแฟนเรามากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากแลกเบอร์โทร ส่งข้อความบอกฝันดี บอกคิดถึง เวลาไปที่ร้านเค้าก็จะร้องเพลงให้เรา (อันนี้ให้เราจริงๆ ไม่ได้คิดไปเอง แหะๆ) ถึงกับขนาดเคยเต้นโชว์เราบนเวทีด้วยค่ะ 555 น่ารักมาก ทุกอย่างหวานแหววสุดๆ สักพักก็เริ่มนัดดูหนัง กินข้าว แล้วก็ตกลงเป็นแฟนกันค่ะ แรกๆเค้าเอาใจเรามาก เราฝึกงานต้องไปอยู่หอพักแถวลาดกระบัง เค้าก็นั่งแท๊กซี่จาก อตก. ไปหาเราที่หอทุกคืน (ค่าแท๊กซี่วันละ 300 กว่าบาท) พอตอนเที่ยงที่เราต้องไปฝึกงาน เค้าก็จะออกไปพร้อมเรา นั่งรถเมล์จากลาดกระบังไปต่อรถไฟฟ้าแล้วกลับไปเอารถมอไซค์ที่ อตก. แล้วขับกลับบ้านที่พุทธมณฑลสาย 4 หรือไม่ก็ไปห้องเพื่อนแถวจรัญฯ เป็นอย่างงี้ทุกวัน เลี้ยงข้าว คอยโทรหา คอยส่งข้อความหา ดูแล เทคแคร์ จนเรารู้สึกว่าเค้าก็คงรู้สึกดีๆกับเรามากๆเหมือนกัน ทั้งๆที่เราเป็นฝ่ายแอบชอบเค้าก่อนด้วยซ้ำ จากชอบกลายเป็นรัก จากรักกลายเป็นรักมาก จนเวลาผ่านไปประมาณสามเดือน เราฝึกงานจบแล้วแต่สัญญาเช่าหอยังไม่หมด เพราะเราขอที่บ้านไว้ว่าจะต้องมาเช่าหอเพื่อฝึกงาน 6 เดือนค่ะ (โกหกพ่อแม่ เพื่อจะได้อยู่หอเที่ยวเล่นกับเพื่อนได้สบายใจ...เป็นเด็กนิสัยไม่ดีค่ะ T___T) ทีนี้แฟนเราเค้าก็เลยชวนเราไปอยู่ที่บ้านเค้า เพราะจะได้ไม่ต้องเสียค่ารถไปๆมาๆแบบนี้ แถมเกรงใจรูมเมทเราด้วย เพราะเราเช่าห้องอยู่กับเพื่อน เวลาแฟนเรามาเพื่อนก็จะต้องลงไปนอนที่ที่นอนปูพื้น ก็เลยเริ่มเกรงใจค่ะ เพราะแฟนมาบ่อยมาก ลืมเล่าอ่าค่ะ ช่วงแรกที่เริ่มจะคบกันก็เริ่มมีการถามประวัติกันนู่นนั่นนี่ ก็เป็นคำถามเบสิกอ่ะเนอะ เราก็ถามว่าเค้าเกิดวันไหน อายุเท่าไหร่ เราถึงกับตกใจที่รู้ว่าเค้าแก่กว่าเราตั้งแปดปี!! โอ้โหหน้าขุ่นพี่เด็กมากค่ะ ตอนนั้นเรา 21 พี่เค้า 29 แต่หน้าไม่ได้ต่างกันเลย T__T แล้วเราก็ถามเค้าว่าเค้าเรียนจบที่ไหน เค้าก็บอกว่าเค้าเรียนจุฬาถึงแค่ปี 1 แต่ไม่จบเพราะชอบทำกิจกรรมไปออกค่ายอาสาไม่ค่อยเข้าเรียนเลยทำให้ต้องหยุดเรียนไป แล้วไม่ได้เรียนต่อเพราะขี้เกียจเริ่มใหม่ เราก็หูยยยย!!! โม้เพื่อนๆใหญ่ เมิ๊งงเค้านิสิตจุฬาเก่านะเว้ย (แต่จริงๆแล้วถึงจะไม่จบเราก็ไม่ถือสาค่ะ เพราะเราไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่) แต่พี่เค้าติสต์บลาๆๆ นู่นนี่นั่นอ่ะเมิงเข้าใจป่ะ ก็โม้ๆกับเพื่อนไป 555 แถมที่บ้านเคยเปิดบาร์ญี่ปุ่นด้วย แต่งตัวดูดีใช้ของมียี่ห้อ ก็เลยคิดว่าเค้าคงคล้ายๆกับเราและเพื่อนเรา ไม่ได้รู้สึกแตกต่างอะไร ต่อๆนะคะ ตอนที่เค้าชวนเราไปอยู่ที่บ้าน เค้าก็ขอคุยกับเราด้วยท่าทางซีเรียสว่า เค้ามีอะไรจะบอกเรา ถ้าเรารับไม่ได้เราจะได้จบกันไป ถ้ารับได้เราจะได้เริ่มต้นความสัมพันธ์กันแบบจริงจังและจะพาเราเข้าบ้าน สิ่งที่เค้าบอกเราก็คือ เค้ามีลูกแล้วนะ อยู่ ป.6 แล้ว เราโอเคมั้ย เราก็อึ้งไปพักนึง (ในใจบวกลบคูณหารอยู่ว่าลูกเค้าอายุเท่าไหร่ แล้วเค้ามีลูกตอนอายุเท่าไหร่???) แล้วเราก็บอก อืมโอเคเรารับได้ เราถามต่อว่าแล้วแม่เด็กล่ะ เค้าก็บอกว่า "อ๋อ...ก็อยู่บ้านเดียวกันนี่แหละ แต่เค้าอยู่ข้างบนบ้านกับแม่(แฟน)กับลูกชาย เลิกกันไปนานแล้ว แต่ที่เค้าอยู่ อยู่เพื่อลูก แต่ไม่มีอะไรจริงๆ ไม่ต้องคิดมาก" คือเรากลัวว่าเราจะไปเป็นเมียน้อยอะไรแบบนี้อ่าค่ะ แต่แฟนเราเค้ายืนยันหนักแน่นว่าเลิกกันไปนานแล้วเราก็เลยโอเค เข้าใจค่ะ (แต่ก็อึ้งๆงงๆอยู่...เค้าฉลาดค่ะ เลือกบอกในระยะเวลาที่มั่นใจแล้วว่า เราจะต้องโอเคและรับได้แน่นอน ก็เรารักเค้ามากไปแล้วนี่คะ TT_TT) แล้วเราก็ย้ายเข้าไปอยู่บ้านเค้า....ตอนแรกที่เห็นห้องนอนเค้าก็ตกใจค่ะ รกมากกกก....มีแต่เศษขยะกระดาษเกลื่อนห้อง มีแค่ผ้าห่มใช้ปูพื้นนอน หมอนหนึ่งใบ ผ้าห่ม มีคอม,ทีวีกับพัดลม 1 ตัว เราช่วยกันเก็บกวาดห้อง จนเราได้ไปเจอจดหมายของแฟนเก่าเค้า (ไม่ใช่พี่ ม. กับ พี่ จ. นะคะ เดี๋ยวจะเล่าต่อค่ะว่า พี่ ม. กับ พี่ จ. เค้าคือใคร) น่าจะเป็นแฟนคนก่อนหน้าเรา เค้าเขียนด่าแฟนเราว่า “ไอ้ อ.เมิงไม่รักกรูแล้วเมิงตามกรูกลับมาทำไม เมิงหายหัวไปไหน เมิงรู้มั้ยว่ากรูเจอถุงยางอยู่ใต้เบาะรถเมิง เมิงมันติดฮี เมิง