เพราะอะไร ??? “มาต้า” จึงไม่ใช่ตัวเลือกแรกในตำแหน่งนักเตะหมายเลข 10 ของ “LVG”


แน่นอนว่าตำแหน่งแรกที่ ฆวน มาต้า ควรได้เล่นและเป็นตำแหน่งเขาทำได้ดีที่สุดคือตำแหน่งหมายเลข10 จึงทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในตอนนี้ว่าตำแหน่งนี้ควรจะเป็นของเขา หรือ เวนย์ รูนี่ย์ กันแน่ และเราขอตั้งข้อสังเกตว่า มาต้า อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่สุดในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ยืนหลังคู่กองหน้าอย่าง ราดาเมล ฟัลเกา กับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เพราะเพลย์เมกเกอร์ชาวสเปนไม่ใช่นักเตะหมายเลข10สมัยใหม่อย่างที่ ดาบิด ซิลบา เป็นที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือแม้แต่อดีตเพื่อนร่วมทีมของเขาอย่าง ชินจิ คากาวะ ที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

มาต้า มีสไตล์การเล่นที่กระเดียดไปทางกองหน้ามากกว่า คล้ายกับสไตล์การเล่นของ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ หรือ เอริค คันโตน่า ซึ่งเป็นนักเตะมีสามารถในการแอสซิสต์และยิงประตูด้วยตัวเอง แต่เขาไม่ได้เป็นนักเตะที่สามารถมีอิทธิพลต่อเกมการเล่นของทีม อาทิเช่น การควบคุมจังหวะผ่านบอล, การเพิ่มสปีดในการเล่นของทีมด้วยการเคลื่อนที่ไปรอบ ๆเพื่อนร่วมทีมที่ได้ครองบอล เพื่อเป็นตัวเลือกในการผ่านบอล ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ ทั้ง ซิลบา และ คากาวะ จะทำได้ดีมาก ๆ

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติสเปนเป็นนักเตะที่ไม่มีคุณภาพ ไม่มีข้อสงสัยในฝีเท้าของเขา แต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเขาลงเล่นในตำแหน่งหมายเลข 10 ในระบบ”ไดม่อนด์”ของ หลุยส์ ฟาน กัล ที่ยืนอยู่หลัง ฟัลเกา และ ฟาน เพอร์ซี่ เพราะดาวยิงทั้งคู่จะมีความอันตรายมากที่สุดก็ต่อเมื่อได้ยืนค้ำสูงในแดนหน้า เพื่อคอยหาโอกาสสอดไปตามช่องในแนวรับของคู่แข่ง แต่ มาต้า มีธรรมชาติในการเล่นชอบที่จะถอยลงต่ำหรือเคลื่อนที่ไปยังบริเวณริมเส้นเพื่อหาพื้นที่รอรับอลผ่านทะลุช่องมาตรงนั้น ด้วยการเคลื่อนที่ลักษณะนี้ได้ทำให้มีช่องว่างระหว่างไลน์ของนักเตะในทีม ซึ่งเป็นการตัดการเชื่อมโยงระหว่างคู่กองหน้ากับกองกลาง เป็นผลให้คู่กองหน้าของทีมต้องดึงตัวเองลงต่ำมาเอาบอล ทำให้เมื่อพวกเขาไม่ได้วิ่งหาพื้นที่ว่างในแดนหน้า อันตรายของดาวยิงทั้งคู่จึงลดลงไป

ภาพอธิบายการยืนตำแหน่งของ มาต้า (คำอธิบายใต้ภาพค่ะ)

แม็คแนร์ ที่กำลังครองบอล อยู่ในระหว่างการขึ้นเกมรุก

ภาพนี้จะเห็นว่า มาต้า ดึงตัวเองลงต่ำมาในแดนตัวเองตรงพื้นที่ว่างทางขวาในภาพ

จากการที่ มาต้า ถอยลงต่ำมาทางขวาของภาพ ทำให้ ฟัลเกา ต้องถอยต่ำตามลงมาเพื่อรอรับบอล

แม็คแนร์ ผ่านบอลไปให้ ฟัลเกา ที่ถอยลงต่ำมาเอาบอล

จังหวะต่อมา ฟัลเกา ที่มีตัวเลือกสำหรับผ่านบอลไม่มากนักต้องผ่านบอลกลับไปให้ บลินด์

ภาพนี้จะเห็นว่า นอกจาก ฟาน เพอร์ซี่ ที่ยืนค้ำสูงในแดนหน้า มีนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ในพื้นที่แนวลึกถึง 5 คน ทำให้มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับ เอฟเวอร์ตัน ในการเล่นเกมรับ

บลินด์ ผ่านบอลออกด้านข้างไปให้ ดิ มาเรีย(วงกลมสีแดง)

ดิ มาเรีย ผ่านบอลกลับไปให้ บลินด์ ที่เคลื่อนที่สูงขึ้นมาในแดนของ เอฟเวอร์ตัน

ภาพนี้จะเห็นว่า ทั้ง ฟาน เพอร์ซี่ และ ฟัลเกา อยู่ในตำแหน่งที่พร้อมวิ่งสอดส่ายหาพื้นที่ว่างหลังแนวรับของ เอฟเวอร์ตัน (ตามเส้นประ)

แต่ดาวยิงของทีม”ปีศาจแดง”ทั้งคู่ไม่อาจทำอย่างนั้นได้ เนื่องจากไม่มีเพื่อนร่วมทีมมายืนตำแหน่งอยู่ในบริเวณพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ตรงกลางระหว่างไลน์นักเตะ(วงกลมสีขาว) เพื่อเชื่อมเกมในจังหวะต่อมา ในภาพนี้จะเห็นว่า มาต้า เคลื่อนที่ออกไปที่ริมเส้นฝั่งขวา

จังหวะต่อมา บลินด์ ผ่านบอลทะแยงมุมไปให้ มาต้า แต่ก็ถูกกองหลัง เอฟเวอร์ตัน สกัดได้ในที่สุด

จากภาพอธิบายข้างต้นเราจะเห็นว่า มาต้า ไม่ได้เคลื่อนไปรอบ ๆเพื่อนร่วมทีมคนที่ได้ครองบอล เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผ่านบอล ซึ่งเป็นงานหลักของนักเตะหมายเลข 10 แต่เขามักจะเคลื่อนที่ออกไปยังพื้นที่ว่างที่อยู่ห่างจากลูก เพราะมันทำให้เขามีเวลาและพื้นที่ในการเล่น จึงทำให้การต่อบอลของทีมไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร และเป็นเหตุผลที่ทำให้เกมการเล่นทีมไม่สามารถผ่านเข้าสู่ช่องตรงกลางเพื่อเปิดป้อนบอลให้ ฟัลเกา และ ฟาน เพอร์ซี่  ซึ่งดาวยิงทั้งคู่จะทำได้ดีมากในการหาพื้นที่หลังแนวรับ จึงเป็นผลให้เกมบุกของทีมส่วนใหญ่ในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน มีช่องว่างสำหรับผ่านบอลในพื้นที่ด้านกว้าง

อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของ ฆวน มาต้า คือการเคลื่อนไหวที่ดีในบริเวณพื้นที่สุดท้าย และมีจังหวะการวิ่งอย่างชาญฉลาดในกรอบเขตโทษคู่แข่ง แต่ด้วยการที่ทีมมีทั้ง ฟัลเกา และ ฟาน เพอร์ซี่ อยู่ในแดนหน้า ทำให้การเคลื่อนไหวในกรอบเขตโทษอันเป็นจุดเด่นของเขา กลายเป็นสิ่งที่มากเกินไปทำให้พื้นที่ว่างในแดนหน้าต้องเหลือน้อยลงไปอีก

ภาพแสดงการยืนตำแหน่งซึ่งไม่สนับสนุนเกมการเล่นของทีมที่ดีพอของ มาต้า

ลูกทุ่มในแดนตัวเองของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในภาพนี้จะเห็น มาต้า(วงกลมสีแดง) อยู่ในวงกลมครึ่งสนาม

ฟาน เพอร์ซี่ ถอยลงต่ำมาสนับสนุนการเล่นของทีมและได้รับบอลที่เพื่อนผ่านมาให้

ภาพนี้จะเห็นว่า มาต้า(วงกลมสีแดง)ยังไม่มีทีท่าจะเคลื่อนที่เข้าไปเพื่อสนับสนุนการเล่นในจังหวะต่อไปของ ฟาน เพอร์ซี่

มาต้า เคลื่อนที่เพียงเล็กน้อย เข้าไปใกล้กับ ฟาน เพอร์ซี่ ที่กำลังถูกนักเตะ เอฟเวอร์ตัน เข้ารุมเพรสซิ่ง เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับผ่านบอลของดาวเตะชาวดัตช์

เพราะไม่มีตัวเลือกผ่านบอลที่ดีพอ ฟาน เพอร์ซี่ จึงผ่านบอลกลับไปให้ โรโฮ (มาต้า น่าจะเคลื่อนที่มารับบอลตามลูกศร)

นี่ก็เช่นเคย มาต้า เคลื่อนที่เยื้องออกไปทางฝั่งขวา เพราะต้องการเปิดพื้นที่

ภาพนี้กองหลังของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังอยู่ในจังหวะขึ้นเกมอีกครั้ง

พวกเขาผ่านบอลขวางสนามไปมาสอง-สามครั้ง เนื่องจากถูกนักเตะ เอฟเวอร์ตัน ปิดพื้นที่ตรงกลางไว้

โรโฮ ที่เป็นแกนหลักในการผ่านบอลจังหวะนี้ ทำได้ดีด้วยการหาทางให้บอลในการครอบครองของทีมรุกคืบขึ้นไปข้างหน้า

โรโฮ ผ่านบอลขึ้นไปข้างหน้าให้ ดิ มาเรีย

ภาพนี้จะเห็นว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีนักเตะที่น้อยกว่าในพื้นที่ตรงกลางของสนามจากการที่ มาต้า(วงกลมสีแดง) เคลื่อนที่เยื้องออกมาทางฝั่งขวา

ดิ มาเรีย ไม่มีตัวเลือกสำหรับผ่านบอลที่มากพอเพื่อความรุกคืบขึ้นไปข้างหน้า มาต้า(วงกลมสีแดง) ยังยืนรอบอลอยู่ในบริเวณเดิม ต่างจากเพลย์เมกเกอร์ส่วนใหญ่ ที่มักจะเคลื่อนที่ขึ้นไปข้างหน้าเพื่อสนับสนุนการเล่นของทีม ภาพนี้จะเห็นว่า มาต้า อาจจทำให้เกิดการต่อบอลสั้นไป-มาอย่างรวดเร็ววด้วยการเคลื่อนที่เข้าไปในพื้นที่บริเวณวงกลมสีขาว เพื่อเป็นสะพานเชื่อมระหว่างกองกลางกับกองหน้า

ดิ มาเรีย พลิกบอลเข้าในอย่างรวดเร็วเพื่อเปลี่ยนทิศทางการเล่น และจากการที่ช่องผ่านบอลของ บลินด์ ถูกปิดอยู่ เราจะเห็นว่าเมื่อ มาต้า ไม่เคลื่อนที่เข้ามา จึงมีพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ในวงกลมสีขาวตรงกลาง ทำให้ทรงการเล่นของทีมไม่ปะติดปะต่อ

ดิ มาเรีย ม้วนกลับไปหา ชอว์ ที่ว่างอยู่ริมเส้นฝั่งซ้าย

ชอว์ เริ่มวิ่งไปกับบอลทางริมเส้นฝั่งซ้าย (จะเห็นว่า มาต้า ยังคงยืนเยื้องมาทางฝั่งขวา)

ชอว์ ไม่มีตัวเลือกอื่น จึงทำได้เพียงเลี้ยงบอลขึ้นไปด้วยตัวเอง หาก มาต้า เคลื่อนที่เข้าไปอยู่ในที่ว่างตรงกลางตามวงกลมสีขาวข้างต้น เขาก็จะเป็นนักเตะที่คอยสนับนุนการเล่นของ ชอว์ ในจังหวะต่อไป

มาต้า(วงกลมสีแดง) เริ่มวิ่งขึ้นไปข้างหน้า

ปัญหาเริ่มเกิดขึ้นในภาพนี้ เมื่อ มาต้า พยายามที่จะวิ่งขึ้นไปในบริเวณกรอบเขตโทษ ซึ่งคู่กองหน้าของทีม”ปีศาจแดง”กำลังวิ่งไปในทิศทางนั้น

มาต้า เลือกชะลอฝีเท้า ในเวลาที่เขาควรจะวิ่งเข้าไปสนับสนุนการเล่นของ ชอว์

ภาพนี้จะเห็นว่า มาต้า น่าจะวิ่งเต็มสปีดข้ามฝั่งสนามไปสนับสนุนการเล่นของ ชอว์ ตามที่ลูกศรชี้

ภาพนี้จะเห็นว่า มาต้า ยังคงรอบอลอย่างใจเย็น เพื่อเตรียมเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเข้าสู่พื้นที่สุดท้าย ซึ่งการเล่นแบบนี้เป็นสิ่งที่คู่แข่งจับทางได้ง่าย

มาต้า ควรที่จะวิ่งเข้าไปหา ชอว์ มากกว่าที่วิ่งเหยาะ ๆบริเวณกรอบเขตโทษ  แต่เมื่อเขาไม่ทำมัน คู่แข่งจึงไม่มีปัญหาในการเข้าประกบแบ็คซ้ายทีมชาติอังกฤษ

จังหวะต่อมา ชอว์ สามารถเอาตัวรอดผ่านการเข้าสกัดของนักเตะ เอฟเวอร์ตัน มาได้

แต่เมื่อบอลเข้าถึงพื้นที่สุดท้าย มาต้า ทำมันได้ดีมาก จากการเคลื่อนไหวอันชาญฉลาด ทำให้เขาได้อยู่ในพื้นที่ว่างที่เขาต้องการ

ภาพนี้จะเห็นว่า มาต้า ไร้ตัวประกบ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะได้รับบอล เนื่องจากเขาอยู่ในมุมที่ ชอว์ เหลือบมองไม่เห็น

ภาพนี้ย้ำชัดถึงจุดเด่นของ มาต้า  เมื่อเราดูทิศทางการเคลื่อนที่ในกรอบเขตโทษของเขา จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องยากต่อการเข้าประกบของแนวรับคู่แข่ง

การเคลื่อนไหวในกรอบเขตโทษอย่างชาญฉลาดของ มาต้า ทำให้เขามีสถิติยอดเยี่ยมในการยิงประตูและแอสซิสต์ ดังที่เราได้อธิบายมาแล้วข้างต้น ซึ่งจุดเด่นนี้ทำให้เขากลายเป็นคนที่ยิงประตูหรือผ่านบอลครั้งสุดท้าย(แอสซิสต์)ให้กับเพื่อนร่วมทีม ดังนั้น คุณภาพของเขาสามารถนำออกมาใช้ได้ก็ต่อเมื่อเขาได้ยืนในตำแหน่งที่สูงในแดนหน้า แต่ในระบบ”ไดม่อนด์”ของ ฟาน กัล ไม่ได้มีพื้นที่เพียงพอให้เขาใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวในพื้นที่สุดท้ายอย่างชาญฉลาดของเขา แต่มันกลับกลายเป็นทำให้พื้นที่เหล่านั้นเหลือน้อยลง เนื่องจากการวิ่งของเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติสเปนเป็นการวิ่งไปในทิศทางเดียวกันกับคู่กองหน้า ดังภาพประกอบชุดด้านล่างนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่