เรื่องจริงของฉัน

เริ่มจากแม่ของฉันเลยนะคะ แม่ของฉันเกิดในครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะค่ะ แล้ววันหนึ่งก็ได้ไปพบกับพ่อ ตอนม.6 พอเรียนจบม.6 แม่ของฉันก็ได้ตกลงแต่งงานกับพ่อ ซึ่งฐานะทางบ้านพ่อก็ปกติค่ะ พอมีพอกินพอใช้ ช่วงแรกตาและยาย ไม่ชอบครอบครัวทางด้านพ่อค่ะ แต่ด้วยความที่เห็นว่าลูกรักเขา เลยต้องปล่อยให้เขาได้แต่งงานกันโดยไม่กีดกัน หลังจากแต่งงานกันอยู่กินด้วยกันซักพัก พ่อก็มีสาวๆมาติด แล้วช่วงนั้นแม่ก็ท้องพี่สาวค่ะ พ่อทำงานเป็นตำรวจ ในช่วงสมัยนั้น เงินเดือนน้อยมากค่ะ แล้วอยู่กัน 2 คน ลำบากมาก ยายเลยส่งเงินให้แม่เดือนละ 500 บาท แล้วย่าก็บอกพ่อว่า ทำงานแล้วส่งเงินให้แม่ด้วยซิ เดือนละ 500 บาท ทางพ่อและแม่อยู่กัน 2 คนก็ไม่มีเงินพอแล้วค่ะ ไหนจะค่าอาหาร ค่าห้องพัก [พอดีเป็นคนตจว. ค่ะ แต่พ่อทำงานที่กทม. จึงต้องเช้าห้องที่นั่นอยู่ ] แม่เลยตัดสินใจบอกพ่อว่า เงิน 500 บาทที่แม่เราให้ ต้องส่งเสียแม่เธอด้วยหรอ เงินที่มีอยู่ไม่พอใช้แล้วนะ ที่แม่เล่าให้ฟัง แม่กับพ่อซื้อข้าวคนละถุงมากินกับถั่วค่ะ บางทีก็มีปลาทูตัวนึง มากินด้วยกัน แล้วเรื่องนี้ก็ผ่านไป พอหลังจากนั้นก็ได้กลับมาที่บ้านค่ะ ย้ายกลับมาทำงานที่บ้าน ย่าก็เอาพี่สาวของฉันไปเลี้ยงค่ะ คือทางญาติฝ่ายพ่อจะอยู่กันแบบประหยัดมาก ทำอาหารให้พี่สาวเราอายุแค่ 8 ขวบ ให้กินแบบน้ำพริกที่เผ็ดอะค่ะ เผ็ดมากๆนะ ที่ทำแบบนี้เพราะว่าจะได้กินข้าวเยอะๆแล้วจะได้ไม่ต้องเสียกับข้าวเยอะค่ะ เพราะมันเปลือง ..  
     พี่สาวของฉันยังเด็กค่ะ เขาก็ซนเป็นปกติ แต่ทางบ้านนั้นกลับเอาก้านมะยมตีที่ขาของพี่สาวจนเนื้อไหม้ คนแถวบ้านนั้นเห็น ทนไม่ไหว จึงได้มาบอกแม่ของฉัน ย้อนกลับไปนิดนะคะ ตอนที่ย่าจะเอาพี่สาวไปเลี้ยงเพราะต้องการให้เด็กไม่ติดแม่ค่ะ แล้วเขาได้บอกแม่ว่า อย่ามาเจอลูก จนกว่าเด็กจะโตพอ แล้วไม่ติดแม่ แม่ทนไม่ไหวเลยมาขอนำกลับไปเลี้ยง แต่ยายบอกว่า ไม่เป็นไรหรอก อย่าไปห่วงเลย เขาคงไม่ทำกับหลานตัวเองได้ลงคอหรอก แต่ความจริงแล้วเขาทำเหมือนว่าพี่สาวไม่ใช่หลานของเขาเลยซักนิด แล้วทางอา ก็ไม่ชอบหน้าแม่ค่ะ เขามักจะทำทุกทางให้พ่อทะเลาะกับแม่ โดยการใส่ร้าย แล้วบอกคนอื่นว่าพี่สะไภ้ไม่ต้อนรับเขา คืออย่างนี้ค่ะ วันนั้นพ่อได้เข้าเวร แล้วอาได้ไปกทม. โดยที่ไม่ได้แจ้งไว้ก่อนล่วงหน้าว่าจะไป แม่ของดิฉันเลยชวนมานอนด้วย แต่เขาไม่ไปค่ะ เขาไปนอนกับ เอิ่ม สามีของเขาค่ะ แต่แม่ไม่ทราบมาก่อน จึงได้ปล่อยไป อยู่ๆเขาก็ไปบอกย่าว่า เนี่ยยไปหาพี่ไภ้ แต่พี่สะไภ้ไม่ต้อนรับฉันเลย ทางย่าจึงได้ด่ามาทางแม่ค่ะ ซึ่งแม่ก็เก็บๆไว้นะคะ
     หลังจากนั้นก็มีฉัน และน้องสาวค่ะ ทางครอบครัวเราได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนึง ซึ่งตาเป็นคนยกให้แม่ค่ะ จากนั้นไม่นาน ยายก็ได้ลาจากพวกเราไป
เราได้อยู่ในบ้านหลังนี้ พ่อจะทะเลาะกับแม่บ่อยมาก ทำร้ายร่างกาย มีอยู่ครั้งนึง พ่อจงใจที่เกือบจะฆ่าแม่ด้วยซ้ำ ทุกครั้งจะมีลูกทั้ง 3 คนคอยช่วยแม่ไม่ให้พ่อทำร้าย ต้องคอยหวาดระแวงอยู่เสมอว่าพ่อจะทำร้ายแม่ตอนพวกเราไปโรงเรียนหรือเปล่า ใช้ชีวิตแบบนี้อยู่หลายปีค่ะ จนมาปี 2552 ตาของฉันได้ลาจากพวกเราไปอีกคน ในช่วงที่ทำศพตา พิธีเผา อ่อ ลืมบอกไปนะคะ แม่ของดิฉันเป็นพี่สาวคนโตของทางครอบครัวค่ะ และก็มีน้องชายคนกลาง แล้วน้องสาวคนเล็กค่ะ น้าชายของดิฉันทำงานเป็นเภสัชค่ะ ปัจจุบันที่เขาได้ไปบวช แล้วเขาได้บอกกลับทุกคนว่าจะไม่สึก จะบวชตลอดชีวิต แล้วเขาเป็นผู้ที่ตามอบให้เขาเป็นคนแบ่งมรดกค่ะ น้าหญิงมีครอบครัวที่ดีค่ะ มีสามี และลูกคนเดียว อยู่กันแบบไม่ได้ปัญหา แต่เขาจะคอยมาพูดให้หลวงน้า [น้าชาย] ว่า ไม่มีเงินทอง มีหนี้เยอะแยะ ใช้จ่ายไม่พอ ทางหลวงน้าจึงได้ให้บ้าน ที่ดินต่างๆ ให้กับน้า น้าก็เอาไปใช้เที่ยวผับ บาร์ และก็แอบไปมีกิ๊ก ส่วนลูกของน้าก็ฝากไว้ที่บ้านเราค่ะ จนมีครั้งนึง ตอนนั้นทางหลางน้า น้า และแม่ของฉันได้เปิดโรงงานรับซื้อของเก่าค่ะ ตอนนั้นแม่มีเงินติดตัวอยู่ 300 บาท น้าก็มาขอยืมเงินแม่ค่ะ แต่ทางบ้านเรามีกับข้าวเหลืออยู่ แล้วไม่ค่อยออกไปซื้อของนอกบ้าน มีอะไรก็หาในบ้านกินค่ะ จึงได้ให้เงินไปหมดกระเป๋าเลย แล้วพอตกเย็น ทางบ้านเราก็กินข้าวกันอยู่ค่ะ น้าก็มาบ้าน พาแฟนน้า + ลูกน้ามา แล้วพูกกับแม่ค่ะ "นี่บ้านไม่มีอะไรจะ-ขนาดนี้เลยหรอ" แม่เงิบค่ะ คือตอนนั้นเรากินไข่เจียวกันค่ะ เราชอบกินมาก 5555 เลยบอกแม่ทำ แต่น้ามาพูดแบบนี้ทุกคนเลยเงียบค่ะ แต่ก็ไม่ได้มีใครพูดอะไร พอหลังจากนั้น บ้านน้าจะอยู่ใกล้ๆบ้านตาค่ะ ซึ่งพอตาได้เสียไป น้าก็ได้เข้ามาอยู่แทน อ่อลืมบอกนะคะ มรดกที่แม่เราได้ คือบ้านหลังที่เราอยู่ค่ะ ซึ่งนับจากวันที่สร้างถึงตอนนี้ก็ 30 ปีแล้วค่ะ เป็นบ้านไม้สัก อยู่ร่มรื่นค่ะ แล้วก็เป้นสมบัติชิ้นสุดท้าย แล้วชิ้นเดียวที่แม่มีอยู่ บ้านหลังอื่กและที่ดิน น้าได้ขายไปหมดแล้วค่ะ วันนั้น น้าจะย้ายบ้านจากบ้านตัวเองไปบ้านตาค่ะ เพราะเป็นบ้านสองชั้น อยู่ในเมือง แล้วบ้านน้าขายของคือจักรยานค่ะ จะขนไปก็ไม่ไหวเนอะ จึงได้ขอแรงจากทางเรา คือเราและน้องสาว ตอนนั้นโตแล้วค่ะ ก็ช่วยกันขนๆไปกันสองคน เดินยกไปทีละคันนะคะ ระยะทางไม่ไกลมากค่ะ ทำตั้งแต่สายๆ ยันค่ำค่ะ แล้วน้าบอกว่าจะช่วยในเรื่องค่าจ้าง จึงได้โทรมาถามแม่ว่า ให้เท่าไหร่ดี แม่บอกว่า คนละประมาณ 200 ก็ได้ น้าก็พูดแบบไม่พอใจค่ะ อะไรกัน ข้าวปลากูก็เลี้ยง กูต้องจ่ายเงินค่าจ้างให้เท่ากับเงินจ้างคนงานทั่วไปเลยหรอ แม่เงิบค่ะ ครั้งนี้แต่แม่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก .. ย้อนไปเรื่องบ้านนะคะ บ้านหลังที่เราอยู่ทางตาได้นำบ้านและที่ดินไปให้ธนาคาร เพื่อกู้เงินมาลงทุนโรงงานค่ะ แต่พอปิดกิจการก็ได้นำเงินไปนำโฉนดกลับมา แล้วมีอยู่ครั้งนึง น้าจะนำรถไปเข้าไฟแน๊ช์ค่ะ [พิมพ์ผิดอย่าว่ากันเนอะ T T ] จึงได้มาให้แม่เซ็นรับรอง เป็นผู้ค้ำค่ะ แต่แม่ไม่เซ็นเพราะเคยเซ็นไปแล้ว แล้วไม่จ่ายเงิน สุดท้ายแม่ต้องออกเอง เขาก็คะยั้นคะยอให้แม่เซ็นค่ะ เขาบอกแม่ว่า ถ้าไม่เซ็นตัดขาดพี่น้องกันไปเลย แต่ถ้าเซ็นกูจะให้เงิน เท่าไหร่จำไม่ได้ -_-  แม่เอากลับมาคิดค่ะ ถึงจะเซ็นหรือไม่เซ็นยังไงน้าก็ตัดค่ะ เซ็นไปไม่ดีกว่าหรอ เอาเงินมาให้ลูกไปโรงเรียน กินขนมดีกว่า จึงเซ็นไปค่ะ ทางน้าได้เขียนใส่แผ่นกระดาษพร้อมเอาเงินแนบมา ในกระดาษแผ่นนั้นเขียนว่า ค่าเซ็น = = แม่เงิบอีกแล้วค่ะ แต่เรื่องก็ผ่านไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่