สวัสดีค่ะ เรื่องจะยาวนิดนึงนะคะ
แต่รับประกันได้ว่าเรื่องจริง ไม่อิงนิยาย ไม่ใช่สายเรื่องแต่ง
** อยากอ่านแบบรวบรัดเชิญความเห็นย่อยของ คห.8 ค่ะ **
อ้อ... ใครกำลังคิดว่าเป็นเรื่องปัญหาชีวิตคู่ผัวเมีย น้อย หลวง อยากเสพดราม่าเชิญข้ามเลยค่ะ
--------------
เรื่องนี้ต้องย้อนไปตั้งแต่เราสมัย 2-3 ขวบ (ปัจจุบัน 24 ค่ะ ยาวไปนิดสินะ ฮือ...)
เราอยู่บ้านแถวรามอินทรา ซอยคู้บอน เป็นบ้านที่คุณย่าซื้อไว้
ฝั่งตรงข้ามเป็นเพื่อนบ้านที่มีลูกสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
เรากับ "เค้า" เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่โตมาด้วยกันค่ะ
แต่ด้วยปัญหาที่บ้านบางประการ เราทิ้งบ้านหลังนั้นย้ายออกมาเมิ่อเข้าวัยมัธยม
ก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกนะคะ แต่
เราเริ่มมีมือถือเครื่องแรกสมัยนั้น แล้วก็ใช้เบอร์เดิมมาตลอด (เป็นสิบปี)
ทีนี้ชีวิตเราก็ปกติค่ะ ราบเรียบ "เค้า" ไม่ได้ติดต่ออะไรกับเรา
แล้วเราก็มีแวะกลับไปบ้าง แต่คือไปเอาเอกสารที่ไปรษณีย์ทิ้งไว้บ้านเดิม แค่นั้น ไม่มีอะไรอีก
"เค้า" ก็ขอเบอร์เราไว้ค่ะ ทีนี้เรื่องมันเริ่มจากจุดนั้นแหละ
ตอนนั้นประมาณ ม.5 เค้าก็โทรมาบ่อยๆค่ะ
ตัวเค้าอยู่ รร.บด2 ส่วนเราอยู่ สว.2 แต่เค้าเรียนช้ากว่าเรา 1 ปี (คือเพิ่งเข้า ม.4 ตอนเรา ม.5)
โทรมาแต่ละครั้งก็ถามเรื่องอนาคตนะคะ ว่าอยากเข้าที่ไหน เรียนอะไร
ช่วงนั้นคุยกันสนุกค่ะ เหมือนมีเพื่อนคุย โดยที่เราไม่รู้เลยว่าจะเป็นบ่อเกิดความ อิ๊บอ๋าย ในภายหลัง
แรกๆเราอยากเรียน รัฐศาสตร์ค่ะ อยากเป็นทูต แต่ด้วยความที่แบคกราวด์บ้านไม่ได้ดีเริ่ด ความจำก็ไม่เป๊ะ
เลยเป็นอันพับไปแล้วเบนมาสายภาพยนตร์ เพราะครอบครัวชอบดูหนัง เป็นคนรักหนังคนนึงเลยอยากเรียนในสิ่งที่รัก
โชคดีมากที่ครอบครัวสนับสนุน ก็เล่าเรื่องพวกนี้ให้เค้าฟัง ส่วนเค้าก็แชร์กลับว่าเค้าอยากเป็นหมอ (ตามความคาดหวังของผู้ใหญ่ในบ้าน)
ที่เรียนวิทย์เพราะอยากไปสายนั้น แนวๆวิทยาศาสตร์อะไรสักอย่างซึ่งเราไม่เข้าใจเท่าไหร่ (เราเรียนสายศิลป์ภาษาค่ะ)
ทีนี้แรกๆเค้าโทรหาเราบ่อยมากก (ทุกวัน จ-ศ) แต่ใช้เบอร์บ้านโทร ต้องคอยหลบพ่อ (พ่อเค้าดุมากกก)
เวลาคุยๆอยู่พ่อกลับมาเค้าก็จะรีบตัดบทและวางสาย บางวันก็เป็นเบอร์มือถือ แต่จะคุยสั้นๆ
บางครั้งก็ยิงมาให้เราโทรกลับ (สมัยนั้นใช้แบบ Pre-Paid เติมเงิน หมดกะนางไปเยอะ)
ผ่านไปประมาณเดือนนึง พอบิลค่าโทรศัพท์ออกคาดว่าคงโดนดุ เค้าก็ไม่โทรมาแล้วค่ะ
เน้นยิงให้โทรกลับแทน
ซึ่ง.... เราก็ไม่โทร เ
พราะไม่รู้สึกว่ามันจำเป็น ไม่ได้รู้สึกสนิทอะไรขนาดนั้นเพราะมีคนที่สนิทกว่าอยู่รอบตัว
อาจจะดูใจร้ายเพราะเหมือนฝั่ง "เค้า" จะคิดว่าเราเป็นเพื่อนสนิท แต่กับเรามันไม่ใช่อะ
เราเลยบอกเค้าไปตรงๆ
ว่าเราไม่มีอะไรจะคุยกับเค้านะ ถ้าอยากคุยก็โทรมาเอง เราไม่โทรกลับ
เงินเราก็มีไว้คุยธุระของเราอะ ไม่ได้มีมาให้เค้าคุยอะไรเยอะแยะขนาดนี้
เค้าก็เหมือนจะเข้าใจ ก็หายไปค่ะ จนเราเข้าปี 1
ก็ติดต่อมาอีก รอบนี้เป็นแม่เค้าโทรมา บอกว่าเนี่ย "เค้า" อยากคุยกับเรานะ
อยากปรึกษาเรื่องมหาลัย เห็นเราเข้ามหาลัยแล้วอะไรงี้ เราก็อะค่ะๆ ได้ค่ะ คุยได้
แต่!!!!
เราเรียนสายศิลป์ เราเข้าคณะที่เปิดสอนนิเทศ ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร
คือเข้าใจปะว่าไม่รู้จะแนะนำอะไรอะ นางเรียนสายวิทย์ นางอยากเป็นหมอ
เล็งจุฬามาอันดับแรก ละเครียดกับอีกสองอันดับมากเพราะกลัวว่าจะไม่ติด
เราเลยแนะนำไปว่าอันดับ 3 อย่าไปหวังสูง เอาที่ติดแน่ๆชัวๆดีกว่า
ส่วนอันดับ 2 ก็แล้วแต่เค้าเลยเพราะคณะเกี่ยวกับหมอ-วิทย์ เราไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ
ทีนี้เรื่องก็เหมือนจะจบได้ด้วยดีค่ะ นางติดเกษตร คณะวิทย์อะไรสักอย่าง (จำรายละเอียดไม่ได้จริงๆ เราความจำไม่ดีอะ)
แล้วเรื่องมันก็เริ่มอึดอัดเมื่อเราอยู่ปี 2 เริ่มย้ายมาอยู่หอ ไปแอบเรียนวิชาบาร์เทนเดอร์เพราะอยากหางานกลางคืนทำ
นางก็เริ่มโทรมาค่ะ สงสัยออยู่มหาลัยแล้วได้ค่าโทรศัพท์เยอะขึ้นมั๊ง ก็จะแบบ โทรมาถามเรื่องเรา แนะนำเรา
งานกลางคืนไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้ ยกตัวอย่างคนแถวบ้านนู่นนั่นนี่ ข่าวยากูซ่าตีกันในผับไรงี้
เราก็แบบ เราเรียนไว้เป็นสกิวติดตัวไง ไม่ได้จะเอาดีด้านนี้จริงจังสักหน่อย โว๊ะ!!!
คือถ้าเป็นไปได้ก็อยากทำงานภาพยนตร์มากกว่านะ เค้าก็หายไปทำการบ้านละแนะนำมาค่ะ
ว่าถ้าอยากเป็น ผกก. ทำไมไม่ไปติดต่อคนนั้นคนนี้ล่ะ (ชื่อผู้กำกับเก่าๆที่จำไม่ได้)
ละนางก็.... "ให้เบอร์บ้าน" ของ ผกก มา...



เราก็เริ่มรู้สึกว่า... เฮ้ยมันเกินไปปะวะ? อนาคตเรา เราอยากทำไรก็เรื่องของเราดิ ไม่ต้องมาหวังดีจนจู้จี้ขนาดนี้
คือแบบ เข้าใจเลยอะว่านางหวังดีอยากทำอะไรดีๆให้ แต่!!!!
ให้เบอร์บ้านของ บุคคล ที่ 3 มาเนี่ยนะ????????
คนสติดีๆที่ไหนจะโทรไป??? ละโทรไปว่าไง? พี่คะ หนูอยากเป็น ผกก ค่ะ????
เราก็บอกเลยว่าเห้ย เราเรียนหนังไม่ได้แปลว่าเราอยากกำกับหนังนะ
เราชอบดูหนัง เราเลยอยากเรียนอะไรที่สบายใจ จบไปก็คงเป็นอย่างอื่นแหละ
นางก็ดู งงๆ ไม่เข้าใจกับตรรกะของเรา
คือสายนี้อาชีพมันเยอะมากไง แต่ ผกก ไม่ได้อยู่ในความคิดเลย
ตัดต่อ เขียนบท แคสติ้ง ไรงิยังเข้าทางกว่า ละมันก็ฟรีแลนซ์ได้ ไม่จำเป็นต้องโทรไปบ้านใครปะ???
โอเค พอจบเรื่องนี้นางก็ไปรีบูทตัวเองมาใหม่
พอเราอยู่ปี 3 เริ่มฝึกงาน ทำตำแหน่งแคสติ้งที่โปรดักชั่นชื่อดังที่นึง นางก็มาสายดาราเลยจ้า
"มีเบอร์บ้านของดารา XXX มาให้" ละบางวันก็พร่ำเพ้อถึงความรักของนางกับดาราคนนั้น?!!!!
เราก็เอ่อ... งง สตั๊นท์ ทำไรไม่ถูก ละนางเป็นหนักมากกกกกก
มีโทรมาบอกว่าหมั้นกันแล้ว แต่ข่าวของดาราชาย XX กับดาราสาว YY เนี่ย กุทั้งเพ นางอะตัวจริง
ไอเราก็ เอ่ออออ.... ชีวิตเริ่มไม่มีสาระละนะ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นมั๊ย????
บางวันออกกองตีสี่ละตีสามแกโทรมาพร่ำเพ้อเรื่องนี้ให้ชั้นฟังพร้อม Reference เป็นเบอร์ดารา ZZ เพื่อให้โทรไปถามความจริง???
ฟรั๊คคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค!!!!!!
คือไม่อยากยุ่งด้วยแล้วอะ คุยกันตรงๆเลยนะว่า
"ไปหาจิตแพทย์" เถอะ... ไม่ไหวละ
นางกลับตอบมาว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้"แม่ก็พาไปมาแล้ว หมอบอกว่าให้หาเพื่อนคุย..."




ทำไรไม่ได้ใช่ปะ คือแบบ ชีวิตเราก็ไม่ได้ "ว่าง" มานั่งฟังเรื่องพวกนี้อะ
เราแบบ ไม่ไหวแล้ววววววว งานหนัก มันเหนื่อย ละนางก็พร่ำเพ้อเว่อวังอลังการHEEเจ็ดศรีมณีTADเจ็ดแสง!!!!
เลยแบบ ฟิวส์ขาดไปวันนึง
"เราไม่อยากคุยด้วยแล้วอะ เลิกคบ เลิกคุย เลิกโทรมาหา เลิกรบกวนเราได้แล้ว บลาๆๆๆ"
(จำรายละเอียดไม่ได้แต่อะไรประมาณนี้)
นางก็อืมๆ พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย ไปคุยเรื่องบ้านเรา เรื่องหนี้ของครอบครัวเรา (สมควรเอาเรื่องนี้มาคุยเรอะ??)
ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องของเค้า!!!! เราก็ยิ่งโมโห โมโห แบบกดตัดสายทิ้ง
แล้วพอวางสายก็...
โทรกลับมาหาเรารัวๆ...



ไม่รับสิทีนี้ เอาเลย อยากโทรให้ตายไงก็ไม่รับว้อย!!!!
แต่ทรมานมากกับการที่มือถือ

สั่นทั้งคืน (สถิติ 48 สาย)
บางทีกดรับสายแล้วทิ้งไว้เฉยๆตื่นมาโทรศัพท์ขึ้นว่า Last Call 4ชม!!!!!
ละมีมิสคอลล์แถมมาด้วยนะ โอ๊ยยยย ดีออกกกกกก!!!!!
เรามีเพื่อนที่อยู่ในเหตุการ์ณด้วยค่ะ นางเป็นรูมเมทของเรา ซึ่ง งง เหมือนกัน
แล้วก็แนะนำว่า อย่าไปสนใจ อย่าไปรับสาย เดี๋ยวก็คงหายๆไปเอง...
-ผิดถนัด-
นางทำให้เราต้องปิดเสียงปิดสั่นเวลาเข้านอน
บางวันโทรมาเวลาเรียนเราก็ลงทุนปิดเสียงปิดสั่น
จนกลายเป็นนิสัยติดตัวจนทุกวันนี้ ละแม่ มม ลำบากมากเวลาหามือถือไม่เจอ!! (ฮือ...)
พอปี 4 ชีวิตเหมือนจะดี นางมีแอดเฟสบุคเรามาค่ะ แรกๆใช้ชื่อจริง
ละก็มาพร่ำเพ้อขอโทษเรา ด้วยเรื่องสมัยเด็ก
ว่าตอนที่นอนเล่นตุ๊กตากันบนเตียงที่บ้านนางเนี่ย
ไม่ได้คิดอะไรกับเราเลยจริงๆ ขอโทษด้วยถ้าทำให้เราคิดว่านางเป็นเลสเบี้ยน????????
มะ...มันไม่ไหวจริงๆนะ //ร้องไห้
คือเราไม่รู้จะทำยังไงกะนางดีจนแบบ ด่านางเป็นภาษาอังกฤษ(มโนว่าตัวเองรู้สึกผิดน้อยกว่าภาษาไทย)
แบบ โอ๊ยยยยย พอเถอะ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นมั๊ย ชีวิตมีอะไรดีมั๊งมั๊ยยยย ต้องการอะไรจากชั้นนนนนน
ก็บล็อกนางไปเลยค่ะ กลัวนางมาโพสอะไรแปลกๆหน้าวอลล์
นางก็....
เปลี่ยนแอคเค้า แอดมา เมสเสจมา รัวๆ....
ยุคนั้นทำเบลอค่ะ กำลังจะเรียนจบ ก็ไม่ตอบโต้อะไร นางก็เงียบๆไปละ
แต่มีโทรมานะ บางทีก็ฝากข้อความไว้เป็นภาษาอังกฤษ จับใจความได้ว่าตอนป.4ไปให้อาหารช้างละเจอนายกอะไรสักอย่าง
จำได้ว่ามี Elephant, Banana, Mayor อยู่ในประโยค ซึ่งบางทีเอาไปเปิดให้เพื่อนๆฟังพวกมันก็ขำกัน
แต่ชั้นขำไม่ออกนะ มันเป็นการคุกคามทางจิตใจระยะยาวสุดๆไปเลยลวกเพี่ย ฮือออออออ
จนกระทั่งอิชั้นท้อง ต้องแต่งงาน แต่เรียนจบนะ ได้เข้าพิธีแต่งงานควบพิธีรับปริญญา
ตอนนี้สามีเริ่มเข้ามามีบทบาทค่ะ นางยังขยันโทรมา ซึ่งเราก็ดันเข้าโหมดใจอ่อนพอดี (เป็นปีละที่นางพยายามติดต่อมา)
เลยรับสายตั้งใจจะคุยด้วย พบว่าชีวิตนางหันเหแบบว่า เรียนไม่จบ ต้องไปสมัครที่อื่น ซึ่งคิดอยู่ว่าจะรามหรือรังสิต
แต่แม่นางก็ไม่ค่อยมีเงินไรงี้ บลาๆ ดูน่าสงสาร อืม....
สามีก็แนะนำว่านางคงอยากมีเพื่อน ก็ลองคุยดู ถ้าว่าง
เราก็กำลังจะใจอ่อนค่ะ... ถ้ามันไม่โทรมาตอนตีสี่!!!!!!
เวลาที่คนสนิทกันมันยังไม่กล้าโทรมาเลย ละแบบ ช่วงนั้นคลอดน้อง ต้องการพักผ่อน เลยพอค่ะ
รอบนี้ขาดเลย ไม่อธิบายอะไรใดๆทั้งสิ้น ไม่รับ ไม่โทรกลับ ไม่ยุ่งไรละ
สามีก็เข้าอกเข้าใจ เพราะนางอยู่ในเหตุการ์ณทุกอย่าง บางทีมีส่งเมสเสจเบอร์ดาราคนนั้นคนนี้มาให้(เบอร์บ้าน 02 ด้วยนะ)
ก็แบบ เพลียอะ เพลียร่าง เพลียจิต เพลียมากกกก
เคยคิดจะตั้งกระทู้พันทิปหลายหนละแต่สามีห้าม
ไม่อยากให้ไปประจานชีวิตนาง นางน่าสงสาร แต่มันขาดตรงนี้ค่ะ
นางเอาเบอร์ชั้นไปโมเมส่งไปเพจอะไรก็ไม่รู้!!!!!!!!
ละยิ่งกว่านั้นคือแคปภาพไว้แล้วส่งกลับมาให้ดูด้วยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!
ละสังเกตุนะคะ แอคเค้าที่ไม่ใช่สแปมหาคนว่าง 2-3 ชม ทำงานตามเนทไรงิ
ชื่อแปลกๆนี่เป็นของนางหมดเลยค่ะ (4 แอคเค้าที่เห็นในภาพ 2 อันใช้ชื่อจริง แต่คนละแอคเค้า จริงๆมีอีกเป็นสิบด้านล่าง...)
ให้เบอร์ใครมาก็ไม่รู้ ชื่อใครก็ไม่รู้ (นี่ไม่รู้จัก)
ขอเซ็นเซอร์ชื่อจริงนางไว้กับเบอร์เราสามตัวหลังนะคะ....
คือควรทำไงดีอะจุดนี้???
1. แจ้งความ?? (แต่นางมีปัญหาทางจิตอะ แจ้งไปทำไรได้เหรอ??)
2. โทรไปคุยกับพ่อแม่นาง???
3. โทรไปคุยกับนาง??
4. ไปหานาง??
5. ออกเงินพานางไปบำบัดเพื่อสวัสดิภาพของชีวิตอย่างถาวร... (แต่ไม่มีเงินอะ ชั้นมีลูกต้องเลี้ยงนะ ฮือ...)
ใครมีไอเดียดีๆมาบอกหน่อยนะ คือไม่ไหวแล้ว มันเครียดนะ
ไม่เอาเปลี่ยนเบอร์นะ เป็นคนทำงานสายที่ต้องใช้ Connection เปลี่ยนเบอร์ทีคือชีวิตพังพอกัน
เลยยอมใช้เบอร์เดิมจนทุกวันนี้ อย่าขอให้เปลี่ยนเบอร์เลยพลีส TT^TT
พยายามปล่อยวางแต่มันยาวนานเรื้อรังมาจะเป็นสิบปีนี่ก็ไม่ไหวนะเธอ ฮือออออออออ!!!!!
***แก้ไขภาพ*** เซ็นเซอร์ชื่อจริงนางไม่ไหมดค่ะ ***
ปัญหาชีวิตเรื้อรัง หลอนกว่า Annabelle อยากขอคำแนะนำจริงจัง ไม่ไหวแล้ววว!!!
แต่รับประกันได้ว่าเรื่องจริง ไม่อิงนิยาย ไม่ใช่สายเรื่องแต่ง
** อยากอ่านแบบรวบรัดเชิญความเห็นย่อยของ คห.8 ค่ะ **
อ้อ... ใครกำลังคิดว่าเป็นเรื่องปัญหาชีวิตคู่ผัวเมีย น้อย หลวง อยากเสพดราม่าเชิญข้ามเลยค่ะ
--------------
เรื่องนี้ต้องย้อนไปตั้งแต่เราสมัย 2-3 ขวบ (ปัจจุบัน 24 ค่ะ ยาวไปนิดสินะ ฮือ...)
เราอยู่บ้านแถวรามอินทรา ซอยคู้บอน เป็นบ้านที่คุณย่าซื้อไว้
ฝั่งตรงข้ามเป็นเพื่อนบ้านที่มีลูกสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
เรากับ "เค้า" เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่โตมาด้วยกันค่ะ
แต่ด้วยปัญหาที่บ้านบางประการ เราทิ้งบ้านหลังนั้นย้ายออกมาเมิ่อเข้าวัยมัธยม
ก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกนะคะ แต่เราเริ่มมีมือถือเครื่องแรกสมัยนั้น แล้วก็ใช้เบอร์เดิมมาตลอด (เป็นสิบปี)
ทีนี้ชีวิตเราก็ปกติค่ะ ราบเรียบ "เค้า" ไม่ได้ติดต่ออะไรกับเรา
แล้วเราก็มีแวะกลับไปบ้าง แต่คือไปเอาเอกสารที่ไปรษณีย์ทิ้งไว้บ้านเดิม แค่นั้น ไม่มีอะไรอีก
"เค้า" ก็ขอเบอร์เราไว้ค่ะ ทีนี้เรื่องมันเริ่มจากจุดนั้นแหละ
ตอนนั้นประมาณ ม.5 เค้าก็โทรมาบ่อยๆค่ะ
ตัวเค้าอยู่ รร.บด2 ส่วนเราอยู่ สว.2 แต่เค้าเรียนช้ากว่าเรา 1 ปี (คือเพิ่งเข้า ม.4 ตอนเรา ม.5)
โทรมาแต่ละครั้งก็ถามเรื่องอนาคตนะคะ ว่าอยากเข้าที่ไหน เรียนอะไร
ช่วงนั้นคุยกันสนุกค่ะ เหมือนมีเพื่อนคุย โดยที่เราไม่รู้เลยว่าจะเป็นบ่อเกิดความ อิ๊บอ๋าย ในภายหลัง
แรกๆเราอยากเรียน รัฐศาสตร์ค่ะ อยากเป็นทูต แต่ด้วยความที่แบคกราวด์บ้านไม่ได้ดีเริ่ด ความจำก็ไม่เป๊ะ
เลยเป็นอันพับไปแล้วเบนมาสายภาพยนตร์ เพราะครอบครัวชอบดูหนัง เป็นคนรักหนังคนนึงเลยอยากเรียนในสิ่งที่รัก
โชคดีมากที่ครอบครัวสนับสนุน ก็เล่าเรื่องพวกนี้ให้เค้าฟัง ส่วนเค้าก็แชร์กลับว่าเค้าอยากเป็นหมอ (ตามความคาดหวังของผู้ใหญ่ในบ้าน)
ที่เรียนวิทย์เพราะอยากไปสายนั้น แนวๆวิทยาศาสตร์อะไรสักอย่างซึ่งเราไม่เข้าใจเท่าไหร่ (เราเรียนสายศิลป์ภาษาค่ะ)
ทีนี้แรกๆเค้าโทรหาเราบ่อยมากก (ทุกวัน จ-ศ) แต่ใช้เบอร์บ้านโทร ต้องคอยหลบพ่อ (พ่อเค้าดุมากกก)
เวลาคุยๆอยู่พ่อกลับมาเค้าก็จะรีบตัดบทและวางสาย บางวันก็เป็นเบอร์มือถือ แต่จะคุยสั้นๆ
บางครั้งก็ยิงมาให้เราโทรกลับ (สมัยนั้นใช้แบบ Pre-Paid เติมเงิน หมดกะนางไปเยอะ)
ผ่านไปประมาณเดือนนึง พอบิลค่าโทรศัพท์ออกคาดว่าคงโดนดุ เค้าก็ไม่โทรมาแล้วค่ะ เน้นยิงให้โทรกลับแทน
ซึ่ง.... เราก็ไม่โทร เพราะไม่รู้สึกว่ามันจำเป็น ไม่ได้รู้สึกสนิทอะไรขนาดนั้นเพราะมีคนที่สนิทกว่าอยู่รอบตัว
อาจจะดูใจร้ายเพราะเหมือนฝั่ง "เค้า" จะคิดว่าเราเป็นเพื่อนสนิท แต่กับเรามันไม่ใช่อะ
เราเลยบอกเค้าไปตรงๆ ว่าเราไม่มีอะไรจะคุยกับเค้านะ ถ้าอยากคุยก็โทรมาเอง เราไม่โทรกลับ
เงินเราก็มีไว้คุยธุระของเราอะ ไม่ได้มีมาให้เค้าคุยอะไรเยอะแยะขนาดนี้
เค้าก็เหมือนจะเข้าใจ ก็หายไปค่ะ จนเราเข้าปี 1
ก็ติดต่อมาอีก รอบนี้เป็นแม่เค้าโทรมา บอกว่าเนี่ย "เค้า" อยากคุยกับเรานะ
อยากปรึกษาเรื่องมหาลัย เห็นเราเข้ามหาลัยแล้วอะไรงี้ เราก็อะค่ะๆ ได้ค่ะ คุยได้
แต่!!!!
เราเรียนสายศิลป์ เราเข้าคณะที่เปิดสอนนิเทศ ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร
คือเข้าใจปะว่าไม่รู้จะแนะนำอะไรอะ นางเรียนสายวิทย์ นางอยากเป็นหมอ
เล็งจุฬามาอันดับแรก ละเครียดกับอีกสองอันดับมากเพราะกลัวว่าจะไม่ติด
เราเลยแนะนำไปว่าอันดับ 3 อย่าไปหวังสูง เอาที่ติดแน่ๆชัวๆดีกว่า
ส่วนอันดับ 2 ก็แล้วแต่เค้าเลยเพราะคณะเกี่ยวกับหมอ-วิทย์ เราไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ
ทีนี้เรื่องก็เหมือนจะจบได้ด้วยดีค่ะ นางติดเกษตร คณะวิทย์อะไรสักอย่าง (จำรายละเอียดไม่ได้จริงๆ เราความจำไม่ดีอะ)
แล้วเรื่องมันก็เริ่มอึดอัดเมื่อเราอยู่ปี 2 เริ่มย้ายมาอยู่หอ ไปแอบเรียนวิชาบาร์เทนเดอร์เพราะอยากหางานกลางคืนทำ
นางก็เริ่มโทรมาค่ะ สงสัยออยู่มหาลัยแล้วได้ค่าโทรศัพท์เยอะขึ้นมั๊ง ก็จะแบบ โทรมาถามเรื่องเรา แนะนำเรา
งานกลางคืนไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้ ยกตัวอย่างคนแถวบ้านนู่นนั่นนี่ ข่าวยากูซ่าตีกันในผับไรงี้
เราก็แบบ เราเรียนไว้เป็นสกิวติดตัวไง ไม่ได้จะเอาดีด้านนี้จริงจังสักหน่อย โว๊ะ!!!
คือถ้าเป็นไปได้ก็อยากทำงานภาพยนตร์มากกว่านะ เค้าก็หายไปทำการบ้านละแนะนำมาค่ะ
ว่าถ้าอยากเป็น ผกก. ทำไมไม่ไปติดต่อคนนั้นคนนี้ล่ะ (ชื่อผู้กำกับเก่าๆที่จำไม่ได้)
ละนางก็.... "ให้เบอร์บ้าน" ของ ผกก มา...
เราก็เริ่มรู้สึกว่า... เฮ้ยมันเกินไปปะวะ? อนาคตเรา เราอยากทำไรก็เรื่องของเราดิ ไม่ต้องมาหวังดีจนจู้จี้ขนาดนี้
คือแบบ เข้าใจเลยอะว่านางหวังดีอยากทำอะไรดีๆให้ แต่!!!!
ให้เบอร์บ้านของ บุคคล ที่ 3 มาเนี่ยนะ????????
คนสติดีๆที่ไหนจะโทรไป??? ละโทรไปว่าไง? พี่คะ หนูอยากเป็น ผกก ค่ะ????
เราก็บอกเลยว่าเห้ย เราเรียนหนังไม่ได้แปลว่าเราอยากกำกับหนังนะ
เราชอบดูหนัง เราเลยอยากเรียนอะไรที่สบายใจ จบไปก็คงเป็นอย่างอื่นแหละ
นางก็ดู งงๆ ไม่เข้าใจกับตรรกะของเรา
คือสายนี้อาชีพมันเยอะมากไง แต่ ผกก ไม่ได้อยู่ในความคิดเลย
ตัดต่อ เขียนบท แคสติ้ง ไรงิยังเข้าทางกว่า ละมันก็ฟรีแลนซ์ได้ ไม่จำเป็นต้องโทรไปบ้านใครปะ???
โอเค พอจบเรื่องนี้นางก็ไปรีบูทตัวเองมาใหม่
พอเราอยู่ปี 3 เริ่มฝึกงาน ทำตำแหน่งแคสติ้งที่โปรดักชั่นชื่อดังที่นึง นางก็มาสายดาราเลยจ้า
"มีเบอร์บ้านของดารา XXX มาให้" ละบางวันก็พร่ำเพ้อถึงความรักของนางกับดาราคนนั้น?!!!!
เราก็เอ่อ... งง สตั๊นท์ ทำไรไม่ถูก ละนางเป็นหนักมากกกกกก
มีโทรมาบอกว่าหมั้นกันแล้ว แต่ข่าวของดาราชาย XX กับดาราสาว YY เนี่ย กุทั้งเพ นางอะตัวจริง
ไอเราก็ เอ่ออออ.... ชีวิตเริ่มไม่มีสาระละนะ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นมั๊ย????
บางวันออกกองตีสี่ละตีสามแกโทรมาพร่ำเพ้อเรื่องนี้ให้ชั้นฟังพร้อม Reference เป็นเบอร์ดารา ZZ เพื่อให้โทรไปถามความจริง???
ฟรั๊คคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค!!!!!!
คือไม่อยากยุ่งด้วยแล้วอะ คุยกันตรงๆเลยนะว่า "ไปหาจิตแพทย์" เถอะ... ไม่ไหวละ
นางกลับตอบมาว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทำไรไม่ได้ใช่ปะ คือแบบ ชีวิตเราก็ไม่ได้ "ว่าง" มานั่งฟังเรื่องพวกนี้อะ
เราแบบ ไม่ไหวแล้ววววววว งานหนัก มันเหนื่อย ละนางก็พร่ำเพ้อเว่อวังอลังการHEEเจ็ดศรีมณีTADเจ็ดแสง!!!!
เลยแบบ ฟิวส์ขาดไปวันนึง
"เราไม่อยากคุยด้วยแล้วอะ เลิกคบ เลิกคุย เลิกโทรมาหา เลิกรบกวนเราได้แล้ว บลาๆๆๆ"
(จำรายละเอียดไม่ได้แต่อะไรประมาณนี้)
นางก็อืมๆ พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย ไปคุยเรื่องบ้านเรา เรื่องหนี้ของครอบครัวเรา (สมควรเอาเรื่องนี้มาคุยเรอะ??)
ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องของเค้า!!!! เราก็ยิ่งโมโห โมโห แบบกดตัดสายทิ้ง
แล้วพอวางสายก็...
โทรกลับมาหาเรารัวๆ...
ไม่รับสิทีนี้ เอาเลย อยากโทรให้ตายไงก็ไม่รับว้อย!!!!
แต่ทรมานมากกับการที่มือถือ
บางทีกดรับสายแล้วทิ้งไว้เฉยๆตื่นมาโทรศัพท์ขึ้นว่า Last Call 4ชม!!!!!
ละมีมิสคอลล์แถมมาด้วยนะ โอ๊ยยยย ดีออกกกกกก!!!!!
เรามีเพื่อนที่อยู่ในเหตุการ์ณด้วยค่ะ นางเป็นรูมเมทของเรา ซึ่ง งง เหมือนกัน
แล้วก็แนะนำว่า อย่าไปสนใจ อย่าไปรับสาย เดี๋ยวก็คงหายๆไปเอง...
-ผิดถนัด-
นางทำให้เราต้องปิดเสียงปิดสั่นเวลาเข้านอน
บางวันโทรมาเวลาเรียนเราก็ลงทุนปิดเสียงปิดสั่น
จนกลายเป็นนิสัยติดตัวจนทุกวันนี้ ละแม่ มม ลำบากมากเวลาหามือถือไม่เจอ!! (ฮือ...)
พอปี 4 ชีวิตเหมือนจะดี นางมีแอดเฟสบุคเรามาค่ะ แรกๆใช้ชื่อจริง
ละก็มาพร่ำเพ้อขอโทษเรา ด้วยเรื่องสมัยเด็ก
ว่าตอนที่นอนเล่นตุ๊กตากันบนเตียงที่บ้านนางเนี่ย
ไม่ได้คิดอะไรกับเราเลยจริงๆ ขอโทษด้วยถ้าทำให้เราคิดว่านางเป็นเลสเบี้ยน????????
มะ...มันไม่ไหวจริงๆนะ //ร้องไห้
คือเราไม่รู้จะทำยังไงกะนางดีจนแบบ ด่านางเป็นภาษาอังกฤษ(มโนว่าตัวเองรู้สึกผิดน้อยกว่าภาษาไทย)
แบบ โอ๊ยยยยย พอเถอะ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นมั๊ย ชีวิตมีอะไรดีมั๊งมั๊ยยยย ต้องการอะไรจากชั้นนนนนน
ก็บล็อกนางไปเลยค่ะ กลัวนางมาโพสอะไรแปลกๆหน้าวอลล์
นางก็....
เปลี่ยนแอคเค้า แอดมา เมสเสจมา รัวๆ....
ยุคนั้นทำเบลอค่ะ กำลังจะเรียนจบ ก็ไม่ตอบโต้อะไร นางก็เงียบๆไปละ
แต่มีโทรมานะ บางทีก็ฝากข้อความไว้เป็นภาษาอังกฤษ จับใจความได้ว่าตอนป.4ไปให้อาหารช้างละเจอนายกอะไรสักอย่าง
จำได้ว่ามี Elephant, Banana, Mayor อยู่ในประโยค ซึ่งบางทีเอาไปเปิดให้เพื่อนๆฟังพวกมันก็ขำกัน
แต่ชั้นขำไม่ออกนะ มันเป็นการคุกคามทางจิตใจระยะยาวสุดๆไปเลยลวกเพี่ย ฮือออออออ
จนกระทั่งอิชั้นท้อง ต้องแต่งงาน แต่เรียนจบนะ ได้เข้าพิธีแต่งงานควบพิธีรับปริญญา
ตอนนี้สามีเริ่มเข้ามามีบทบาทค่ะ นางยังขยันโทรมา ซึ่งเราก็ดันเข้าโหมดใจอ่อนพอดี (เป็นปีละที่นางพยายามติดต่อมา)
เลยรับสายตั้งใจจะคุยด้วย พบว่าชีวิตนางหันเหแบบว่า เรียนไม่จบ ต้องไปสมัครที่อื่น ซึ่งคิดอยู่ว่าจะรามหรือรังสิต
แต่แม่นางก็ไม่ค่อยมีเงินไรงี้ บลาๆ ดูน่าสงสาร อืม....
สามีก็แนะนำว่านางคงอยากมีเพื่อน ก็ลองคุยดู ถ้าว่าง
เราก็กำลังจะใจอ่อนค่ะ... ถ้ามันไม่โทรมาตอนตีสี่!!!!!!
เวลาที่คนสนิทกันมันยังไม่กล้าโทรมาเลย ละแบบ ช่วงนั้นคลอดน้อง ต้องการพักผ่อน เลยพอค่ะ
รอบนี้ขาดเลย ไม่อธิบายอะไรใดๆทั้งสิ้น ไม่รับ ไม่โทรกลับ ไม่ยุ่งไรละ
สามีก็เข้าอกเข้าใจ เพราะนางอยู่ในเหตุการ์ณทุกอย่าง บางทีมีส่งเมสเสจเบอร์ดาราคนนั้นคนนี้มาให้(เบอร์บ้าน 02 ด้วยนะ)
ก็แบบ เพลียอะ เพลียร่าง เพลียจิต เพลียมากกกก
เคยคิดจะตั้งกระทู้พันทิปหลายหนละแต่สามีห้าม
ไม่อยากให้ไปประจานชีวิตนาง นางน่าสงสาร แต่มันขาดตรงนี้ค่ะ
นางเอาเบอร์ชั้นไปโมเมส่งไปเพจอะไรก็ไม่รู้!!!!!!!!
ละยิ่งกว่านั้นคือแคปภาพไว้แล้วส่งกลับมาให้ดูด้วยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!
ละสังเกตุนะคะ แอคเค้าที่ไม่ใช่สแปมหาคนว่าง 2-3 ชม ทำงานตามเนทไรงิ
ชื่อแปลกๆนี่เป็นของนางหมดเลยค่ะ (4 แอคเค้าที่เห็นในภาพ 2 อันใช้ชื่อจริง แต่คนละแอคเค้า จริงๆมีอีกเป็นสิบด้านล่าง...)
ให้เบอร์ใครมาก็ไม่รู้ ชื่อใครก็ไม่รู้ (นี่ไม่รู้จัก)
ขอเซ็นเซอร์ชื่อจริงนางไว้กับเบอร์เราสามตัวหลังนะคะ....
คือควรทำไงดีอะจุดนี้???
1. แจ้งความ?? (แต่นางมีปัญหาทางจิตอะ แจ้งไปทำไรได้เหรอ??)
2. โทรไปคุยกับพ่อแม่นาง???
3. โทรไปคุยกับนาง??
4. ไปหานาง??
5. ออกเงินพานางไปบำบัดเพื่อสวัสดิภาพของชีวิตอย่างถาวร... (แต่ไม่มีเงินอะ ชั้นมีลูกต้องเลี้ยงนะ ฮือ...)
ใครมีไอเดียดีๆมาบอกหน่อยนะ คือไม่ไหวแล้ว มันเครียดนะ
ไม่เอาเปลี่ยนเบอร์นะ เป็นคนทำงานสายที่ต้องใช้ Connection เปลี่ยนเบอร์ทีคือชีวิตพังพอกัน
เลยยอมใช้เบอร์เดิมจนทุกวันนี้ อย่าขอให้เปลี่ยนเบอร์เลยพลีส TT^TT
พยายามปล่อยวางแต่มันยาวนานเรื้อรังมาจะเป็นสิบปีนี่ก็ไม่ไหวนะเธอ ฮือออออออออ!!!!!
***แก้ไขภาพ*** เซ็นเซอร์ชื่อจริงนางไม่ไหมดค่ะ ***