ระบายบางอย่างในใจ

อยากระบายเรื่องที่อยู่ในใจมานาน

เรื่องมันเริ่มเมื่อตอนผมเข้า ม.1 ใหม่ๆ
มันเป็นความรักสดใสแบบเด็กๆ

เธออยู่ห้องเดียวกันกับผม เธอเป็นเด็กผู้หญิงน่ารัก นิสัยดี

ตอนนั้นผมยังเด็ก ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก จนมีวันนึง เราคุยอะไรกันบางอย่าง

แล้วเธอก็หยิกแก้มผม ตั้งแต่วันนั้นมา เรายิ้มให้กันตลอด

เธอจะนั่งฝั่งตรงข้ามห้องเรียนกับผม เราผลัดกันยิ้ม เธอยิ้มให้ ผมยิ้มตอบ

มันเป็นความรู้สึกที่...ตอนเด็กๆเรายังไม่รู้ว่ามันคืออะไร เรียกว่าอะไร แต่ผมรู้สึกดีกับมันมากๆ แต่ผมก็ไม่เคยเข้าไปคุย หรือบอกเธอว่าชอบ

เพราะอยู่ห้องเดียวกัน และ เธออยู่ในกลุ่มเพื่อนผู้หญิงกลุ่มใหญ่ในห้อง

จนเวลาผ่านไปขึ้น ม.2

ผมยังคงแอบมองเธอเสมอ แต่คราวนี้เธอไม่เหมือนเดิม

เธอเลิกมอง เลิกยิ้มให้ผม อาจจะเป็นเพราะเธอมีคนมาจีบ เลยเลิกที่จะสนใจเรา

แต่ผมก็ยังไม่เลิกพยายาม ยังคอยหยอด คอยบอกให้เธอรู้เป็นนัยๆว่าชอบอยู่

จนผ่านมา ม.2 เทอม 2

ผมมีรุ่นน้องมาชอบ เข้ามาขอเบอร์โทรศัพท์ และคอยให้ของขวัญวันสำคัญต่างๆ ของผม

แต่ผมไม่ได้คบกับรุ่นน้อง เพราะว่าผมยังชอบเธออยู่ และไม่เคยเปลี่ยนใจ

จนวันนึงรุ่นน้องที่มาชอบผม ขอคบกับผม แต่ผมปฏิเสธไป

ผ่านมาจนขึ้น ม.3

มันเป็นเวลาที่ผมคิดว่า จะรอไม่ได้แล้ว ไม่อยากเสียโอกาสแบบนี้ไป

ผมรอจังหวะที่เธออยู่คนเดียว เพื่อขอเบอร์โทรศัพท์เธอ

และเธอก็ให้มา

ผมโทรไปคุยกับเธอแทบทุกคืน เธอเองก็คุยตอบกับผมอย่างถูกคอ

เหมือนว่าเรานั้นถูกใจกัน

แต่มันเป็นเฉพาะตอนที่เรานั้นคุยโทรศัพท์กันเท่านั้น เพราะเวลาอยู่ในห้อง

เธอทำเหมือนเราเป็นแค่เพื่อนกันปกติ

จนวันหนึ่ง มีการสอบนักธรรมตรีที่วัดแห่งหนึ่ง

มีนักเรียนหลายโรงเรียนเข้าสอบด้วย รวมถึงโรงเรียนที่ผมสังกัด

คืนก่อนหน้าผมโทรไปถามเธอว่าจะไปด้วยกันหรือไม่ เธอปฏิเสธ และบอกผมว่าจะไปพร้อมเพื่อน

เช้าวันนั้นผมขี่มอเตอร์ไซค์เดินทางไปสอบ เหตุการณ์ก็ไม่มีอะไร จนกลับบ้าน

โทรคุยกับเธอตามปกติ จนรุ่งเช้า ไปโรงเรียน ได้ยินเพื่อนๆในห้องแซวเธอ

ว่าขากลับใครมารับเธอ...เธอไม่ตอบใคร แต่นั่งเงียบๆในกลุ่มเพื่อนๆของเธอ

ตกบ่าย เพื่อนผู้ชายในกลุ่มของผมได้ข่าวจากกลุ่มผู้หญิง ว่าคนที่มารับเธอนั้นเป็นแฟนเธอ ผมถามเพื่อนๆผมว่ารู้จักแฟนเธอหรือไม่

เพื่อนผมตอบว่ารู้จัก แฟนของเธอนั้นชื่อย่อ บ. เป็นเพื่อนกับแฟนของพวกผู้หญิงในห้อง และแนะนำให้ บ. มาจีบเธอ

ครึ่งบ่ายวันนั้นผมติดสตั๊นไปเลย ในใจได้แต่คิดว่า ทำไม.. ทำไมไม่บอกเราสักนิด

กลางคืนวันนั้นผมโทรหาเธอ ถามถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

เธอตอบผมว่า แฟนเธอมารับ เธอมีแฟนแล้ว ขอโทษที่ไม่ได้บอกเรา

ผมจำไม่ได้แล้วว่าตอนนั้นตอบเธอไปว่าอะไรบ้าง แต่พอวางสาย

ผมทิ้งตัวลงบนที่นอน น้ำตามันไหลออกมาเอง ราวกับมิวสิควิดีโอเพลงวัยรุ่นในสมัยนั้น

ในใจก็พาลคิดแต่ว่า เรารอเวลาเสียเปล่ามาเกือบสามปีเต็มๆ โดยที่ไม่ได้อะไร

แถมยังต้องเสียใจอีก

เช้าวันต่อมา ผมเมินเธอเป็นอากาศธาตุไปเลย

ผมรู้ว่าเธอพยายามคุยกับผม รู้ว่ามองผม รู้ว่าต้องการจะทำอะไรให้มันดีขึ้น

แต่ผมไม่สนใจ ...ผมโกรธ ที่เธอไม่บอกผมสักนิดว่ามีแฟน

แต่พอตอนนี้มาคิดย้อนกลับไป  มันก็เป็นสิทธิ์ของเธอที่จะคบใครก็ได้  เพราะว่าตอนนั้นผมไม่เคยขอคบกับเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว

สิ้นเทอมแรกผ่านไป สิ้นเทอมที่สอง เราจบ ม.3 ต่างคนแยกย้ายกันไปเรียนตามความต้องการของแต่ละคน

เธอไปเรียนที่โรงเรียนอาชีวะแห่งหนึ่งในตัวเมือง

ส่วนผมไปเรียนที่โรงเรียนเทคโนฯแห่งหนึ่ง อยู่ชานเมือง แต่ผมยังต้องนั้งรถเมล์ผ่านโรงเรียนอาชีวะที่เธอเรียนทุกวัน เพราะโรงเรียนอยู่ไกล และผมยังไม่มีใบขับขี่มอเตอร์ไซค์

ผมเจอเธอยืนรอรถเมล์ที่ป้ายหน้าโรงเรียนเธอบ้างเป็นครั้งคราว

เธอสวยขึ้นตามแบบสาวอาชีวะ ผมยาว หน้าตาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น

แต่ก็ได้แค่มอง...

ผมสอบถามเพื่อนผู้หญิงที่ยังติดต่อกับเธอว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง

เพื่อนผู้หญิงบอกผมว่าเธอสบายดีและยังรักกับแฟนคนเดิมอยู่ โดยวางแผนจะแต่งงานกันหลังที่เธอเรียนจบ ปวส.

ผ่านไปสามปี ผมจบ ปวช. โดยที่ไม่มีแฟน ไม่มีใครมาจีบและไม่จีบทั้งสิ้น

เป็นอีกครั้งที่ผมติดต่อเพื่อนคนเดิมแต่เปลี่ยนวิธีด้วยการใช้เฟสบุ้ค

ถามเพิ่อนผู้หญิงคนเดิมว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง

เพื่อนผมตอบว่าตอนนี้เธอมีลูกกับแฟนของเธอไปนานแล้ว

ไม่ได้ทำงานและอยู่บ้านเลี้ยงลูก

แต่แปลกที่พอรู้ข่าวครั้งนี้ผมกลับไม่รู้สึกอะไร

ผมกับเพื่อนผู้ชายอีกคนหนึ่งไปเยี่ยมเธอที่บ้าน พบพ่อกับลูกน้อยของเธอ

ส่วนแฟนเธอออกไปทำงาน พอไปถึงเธอดูยิ้มแย้มที่เพื่อนๆมาเที่ยวหา แต่สาตาดูหวาดระแวง

ขากลับผมถามเพื่อนที่ไปด้วยกันว่าทำไมเธอดูระแวงมาก เพื่อนผมตอบว่า แฟนเธอดุมาก หวงเธอแม้กระทั่งเพื่อน ไม่ชอบให้เธอไปไหน

สุดท้ายนี้ ที่มาตั้งกระทู้ระบาย

เพราะมันเป็นความในใจที่ค้างมานานหลายปี ไม่รู้จะไปเล่าที่ไหน

ไม่รู้จะไปเล่าให้ใคร สุดท้ายก็มาพิมใส่พันทิป

ถ้าวันนั้น เรากล้าที่จะบอกความในใจไป เราคงไม่เป็นแบบนี้

คงจะสมหวังและได้คบเธอเป็นแฟน และรักเธอมากๆก็เป็นไปได้

แต่ชีวิตจริง มีคำว่า "ถ้า" ได้ที่ไหนกัน

เราควรทำวันนี้ให้ดีที่สุดใช่ไหม

จบครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่