รีวิวหนังร้อนๆ (ร้อนจนเย็นแล้ว)
Babadook ปลาดุกสยองขวัญ
ก็ถือว่าเป็นกระแสกันแรงทีเดียวครับกับเรื่องนี้ กระแสที่ว่ามันก็มีสองกระแส
กระแสแรก คือหนังเรื่องนี้เป็นหนังจากผู้กำกับหญิงหน้าใหม่ ที่หลังจากเปิดตัวหนัง หนังได้รับคำชมดีถึงดีมาก ดีแทบทุกวงการวิจารณ์ว่าเป็นหนึ่งในหนังสยองขวัญแห่งปีเลยทีเดียว
อีกกระแส เป็นกระแสที่ได้ยินจากคนชมรอบๆตัวในไทยที่แหละ คือมีเสียงบ่นกันมาเยอะมากว่าหนังอะไร ไม่หนุก ไม่เห็นน่ากลัว ฯลฯ
ก็ต้องบอกว่ามันก็มีที่มาที่ไปทั้งคำชมและคำบ่นต่อหนังเรื่องนี้
หนังเป็นเรื่องของซิงเกิลมัมที่ต้องเลี้ยงลูกเพียงคนเดียวหลังจากสามีเกิดอุบัติเสียชีวิตในวันที่ลูกเกิดพอดี และหลังจากที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวอย่างยากลำบาก ลูกดันไปเจอนิทานผี Babadook และหลังจากการอ่านนิทานเรื่องนี้ ความสยองขวัญสั่นประสาทก็มาเยือนสองแม่ลูก
(รีวิวช่วงนี้ ไม่น่าจะมีสปอย)
หลังจากที่ดูหนังจบ ก็ไม่แปลกหรอกครับ ที่จะมีคนบ่นกันหนาหู ก็คงอาจจะเป็นเพราะความคาดหวังของคนดูที่ต้องการไปดูหนังผีหลอนน่ากลัวระดับ Conjuring หรือการได้ตกใจตกเก้าอี้กันตั้งแต่ต้นจนจบ
ก็ใช่ครับ ที่หนังเรื่องนี้มันไม่ได้น่ากลัว หลอน ตกใจกันจนขนร่วง แต่ทว่ามันเป็นหนังสยองขวัญที่มีคุณภาพแบบไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว
และเอาจริงๆ หนังเรื่องนี้ไม่ควรอยู่ในหมวดหนัง Horror (สยองขวัญ) อย่างเดียว แต่มันควรจะเป็นหนังที่อยู่ในหมด Horror / Drama และ Family ด้วยซ้ำไป
แก่นของหนังเรื่องนี้ หากเราดูตัวอย่างเราก็พอจะรู้แนวทางหนังคร่าวๆอยู่พอสมควร เพราะหนังเรื่องนี้มันโฟกัสที่ตัวละครแม่ ลูก มากกว่าความสยองขวัญของการเจอผีบาบาดุ๊ก หนังพยายามจะถ่ายทอดและเจาะ และสำรวจจิตใจของแม่คนหนึ่งที่ทั้งเดี่ยวโดดและมีชีวิตที่ลำบากเหลือเกินทั้งการเลี้ยงลูกเพียงคนเดียว ทั้งๆที่จิตใจก็ยังเจ็บช้ำจากการสูญเสีย แถมยังไร้ความช่วยเหลือจากสังคม
ซึ่งหนังก็เล่าเรื่องตรงนี้ได้ดีจนน่าปรบมือ
มันอาจจะไม่ได้ดร่าม่าลึกซึ้ง แต่มันก็ทำให้เราเข้าใจ เข้าถึง และเห็นใจนางเอกของเรื่อง และทำให้เราได้ไปมองย้อนนึกถึงแม่ข้างๆตัวเรานี่แหละว่าการจะเป็นแม่คนนึงต้องผ่านความลำบากอะไรมา และต้องประสบกับจิตใจบอกช้ำเพียงใด ถึงแม้แม่คนที่อยู่ข้างๆเราจะไม่ได้ชีวิตรันทดเหมือนในหนัง แต่หนังก็สื่อให้เรารู้ว่า คนเป็นแม่ไม่ใช่เทวดา แต่เป็นมนุษย์ที่เจ็บเป็น สุขเป็น และทุกข์เป็น
และในขณะเดียวกัน บทบาทของลูกในเรื่องนี้อาจจะไม่ได้ถูกโฟกัสและพูดถึงเท่าบทของแม่ แต่ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และช่วยยกระดับหนังเรื่องนี้ในตอนท้ายให้กลายเป็นหนังครอบครัวอย่างแท้จริง และคงมีหนังผีไม่กี่เรื่อง ที่ทำให้เราอบอุ่นหัวใจในตอนที่เราเดินออกมาจากโรงหนังได้อย่างน่าประหลาด
แล้วหนังเรื่องนี้มันสยองขวัญตรงไหน
เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังสยองขวัญในแนวสยองขวัญบรรยากาศ และจิตวิทยา ซึ่งมันหมายความว่า มันไม่ได้สยองจากการที่มีผีโผล่ตุ้งแช่ มันไม่ได้มีเลือดสาดกระจาย แต่เป็นการสร้างความกดดันเราผ่านเนื้อเรื่อง ผ่านพฤติกรรมตัวละคร ผ่านสิ่งแวดล้อมที่น่าอึดอัด รวมไปถึงผ่านเรื่องราวอันเข้มข้นจนเราอินไปกับตัวละคร และด้วยความที่เนื้อเรื่องมันถ่ายทอดได้อย่างน่าสนใจและมีการผสมผสานความบรรยากาศและความสยองขวัญได้อย่างดีและกลมกลืน แน่นอนว่าในแง่ความบันเทิงด้านความสยองและระทึกขวัญ ถือว่าทำได้ดีมีคุณภาพ ชวนให้นั่งดูตัวเกร็งได้ตลอดเรื่อง
แล้วเสียงบ่นจากคนดูมาจากไหน
ผมลองมาพยายามคิดดูครับว่าเสียงบ่นมาจากไหน ก็ได้ข้อสรุปบางข้อ ซึ่งหากไม่ตรงใจก็ต้องขออภัย คือหนึ่ง ผมโทษการสื่อสารการตลาดของหนังเรื่องนี้ ที่โปรโมทกันกระหน่ำว่าเป็นโคตรหนังสยองขวัญ ที่ผมเห็นการโปรโมทนึกว่าดูโปรโมทหนัง Conjuring ผสม Juon เหยาะด้วย Six Sense ลงไปซะอีก 5555
มันก็ไม่แปลกที่คนดูจะคาดหวังถึงอรรถรสความสยองขวัญอย่างเต็มสูบแบบที่ต้องการ
และอีกข้อที่ผมนึกคือ คนไทยยังไม่คุ้นชินกับหนังแนวที่เน้นเนื้อเรื่อง เหมือนที่เราได้เห็นว่าหนังผีแบบไทยมีให้เราดูกันปีละไม่รู้กี่เรื่อง และหนังผีส่วนใหญ่จะมาแนวแบบผีเพียวๆ สยองขวัญเพียวๆ ไม่ต้องมีประเด็นอะไรให้สอดแสดมากความ แต่จริงๆก็คงโทษคนดูไม่ได้ เพราะบางทีคนดูก็แค่อยากไปได้อารมณ์สยองขวัญบันเทิงจริงๆ ซึ่งพอพูดอย่างนี้ ก็ต้องกลับไปโทษที่ประเด็นแรกอีกที
สรุปคือเป็นหนังสยองขวัญที่ผสมผสานความเป็นดราม่า และเจือด้วยหนังครอบครัว (เจือแบบเบาๆนะ) ได้อย่างกลมกล่ม และสอดแทรกสาระที่ไม่ยากเกินจะตีความครับ
>>>>> B+ <<<<<
ต่อไปนี้สปอย เหมาะสำหรับคนที่ดูมาแล้ว !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
อย่างที่เปิดประเด็นไปว่าหนังเรื่องนี้มีความเป็นสยองขวัญจิตวิทยา เราจะเห็นว่าหนังเรื่องนี้ผีบาบาดุ๊กโผล่ออกมาน้อย ถึงน้อยที่สุด และเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง (หรือเปล่า) ว่าตกลงผีบาบาดุ๊ก มีจริง ไม่มีจริง หรือเป็นผีพ่อที่ตายไปแล้ว
ผมวิเคราะห์ไว้อย่างนี้ครับ
ผมคิดว่าผีบาบาดุ๊ก เป็นเงาดำมืดที่อยู่ในจิตใจของคนที่เป็นแม่ เป็นความเครียด เป็นความกลัว เป็นความกังวล ที่ต้องพบเจอเรื่องราวอันเลวร้ายทั้งสามีตาย ลูกมีปัญหา เพื่อนบ้านไม่คบ
และตลอดทั้งเรื่อง ผีบาบาดุ๊กที่โผล่มา ก็คือก้อนความเครียดในจิตใจของผู้เป็นแม่นั่นเอง และผมไม่คิดว่าบาบาดุ๊กคือวิญญาณของสามีหรือพ่อของเด็ก เพราะถึงแม้บาบาดุ๊กจะปรากฎมาเป็นวิญญาณพ่อให้เห็น แต่ผมคิดว่านั่นก็เป็นก้อนความเครียดอันมืดดำในจิตใจที่จิตใจสร้างขึ้นมาเองของผู้เป็นแม่ และความเครียดเรื่องการสูญเสียสามี ก็เป็นปัญหาที่สร้างความเหงา เศร้า โดดเดี่ยว ท้อแท้ และไร้ความหวังทึ่สุดของผู้เป็นแม่นั่นเอง
แล้วตกลงผีบาบาดุ๊กมีจริงหรือเปล่า
ผมคิดว่าคิดได้ทั้งสองแบบเลยครับ
ถ้ามีบาบ้าดุ๊กมีจริง ก็อาจจะด้วยเหตุที่เด็กก็เห็นผีบาบาดุ๊กเช่นเดียวกัน หรือแม้กระทั่งโดนบาบาดุ๊กลากเด็กลอยขึ้นบันไดไป และผีบาบาดุ๊กก็เกิดขึ้นมากจากแม่เด็กนั่นแหละ (แม่สร้างผีจริงๆขึ้นมา)
แต่ถ้าบาบาดุ๊กไม่มีจริง ก็อาจจะเป็นปัญหาทางจิตร่วมกันระหว่างแม่และเล็ก เพราะสองคนนี้ก็แชร์ปัญหาทางจิตใจที่ไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก แต่ก็เช่นเดียวกัน แม่เด็กเป็นคนสร้างผีบาบาดุ๊กขึ้นมาเองอีกเช่นกัน (แต่เป็นการสร้างภาพ ไม่ใช่สร้างผีจริงๆ งงเปล่าครับ ฮ่าๆๆๆๆๆ)
แล้วสุดท้าย แม่เลี้ยงผีบาบาดุ๊กไว้ทำไม ?
ผมเชื่อมากกว่าผีบาบาดุ๊ก คือจิตใจอันดำมืดของทั้งแม่และเด็กครับ การที่ยังเลี้ยงผีบาบาดุ๊กไว้ (แถมยังเอ็นดูซะด้วย) มันคือการยอมรับสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นมา เข้าใจมัน และก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป และที่แม่บอกลูกว่าอยากเห็นบาบาดุ๊ก ก็อาจจะเป็นการบอกเป็นนัยๆว่า เรื่องเลวร้ายดังกล่าวยังไม่ถึงเวลาที่เด็กจะต้องรับฟัง แต่วันนึงที่เด็กเติบโตขึ้น ก็พร้อมที่จะรับรู้เรื่องราวอันเลวร้ายเหล่านี้ และเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน
และอย่างที่บอกครับ ผมชอบความเป็นหนังครอบครัวของหนังเรื่องนี้มากๆ เพราะหนังคลายปมปัญหาทั้งหมด ด้วยความรักของลูกที่มีให้กับแม่ และสื่อให้เราเห็นว่า ทั้งลูกและแม่นี่แหละที่ต้องรักกันและช่วยกัน คนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่มีใครจะมาช่วยแก้ปัญหาให้เราได้ นอกจากคนในครอบครัว
ประโยคของลูกเป็นประโยคที่กินใจผมมากๆ
"I promise to protect you if you promise to protect me"
"ผมสัญญาว่าผมจะปกป้องแม่ ถ้าแม่สัญญาว่าจะปกป้องผม"
หนังเรื่องนี้ควรอยู่ในช่วงวันแม่ครับ บอกเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
https://www.facebook.com/JacKobotReview/photos/a.261764163840635.83587.246975608652824/963645316985846/?type=1&theater
ไปอ่านรีวิวเก่าๆ พูดคุยเรื่องหนังกันได้ที่ JackobotReview นะคร้าบ
https://www.facebook.com/JacKobotReview
[CR] รีวิว Babadook หนังที่สอดแทรกสาระดีๆ มากกว่าเป็นแค่หนังผี (สปอยช่วงท้ายครับ ซ่อนสปอยเรียบร้อย)
รีวิวหนังร้อนๆ (ร้อนจนเย็นแล้ว)
Babadook ปลาดุกสยองขวัญ
ก็ถือว่าเป็นกระแสกันแรงทีเดียวครับกับเรื่องนี้ กระแสที่ว่ามันก็มีสองกระแส
กระแสแรก คือหนังเรื่องนี้เป็นหนังจากผู้กำกับหญิงหน้าใหม่ ที่หลังจากเปิดตัวหนัง หนังได้รับคำชมดีถึงดีมาก ดีแทบทุกวงการวิจารณ์ว่าเป็นหนึ่งในหนังสยองขวัญแห่งปีเลยทีเดียว
อีกกระแส เป็นกระแสที่ได้ยินจากคนชมรอบๆตัวในไทยที่แหละ คือมีเสียงบ่นกันมาเยอะมากว่าหนังอะไร ไม่หนุก ไม่เห็นน่ากลัว ฯลฯ
ก็ต้องบอกว่ามันก็มีที่มาที่ไปทั้งคำชมและคำบ่นต่อหนังเรื่องนี้
หนังเป็นเรื่องของซิงเกิลมัมที่ต้องเลี้ยงลูกเพียงคนเดียวหลังจากสามีเกิดอุบัติเสียชีวิตในวันที่ลูกเกิดพอดี และหลังจากที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวอย่างยากลำบาก ลูกดันไปเจอนิทานผี Babadook และหลังจากการอ่านนิทานเรื่องนี้ ความสยองขวัญสั่นประสาทก็มาเยือนสองแม่ลูก
(รีวิวช่วงนี้ ไม่น่าจะมีสปอย)
หลังจากที่ดูหนังจบ ก็ไม่แปลกหรอกครับ ที่จะมีคนบ่นกันหนาหู ก็คงอาจจะเป็นเพราะความคาดหวังของคนดูที่ต้องการไปดูหนังผีหลอนน่ากลัวระดับ Conjuring หรือการได้ตกใจตกเก้าอี้กันตั้งแต่ต้นจนจบ
ก็ใช่ครับ ที่หนังเรื่องนี้มันไม่ได้น่ากลัว หลอน ตกใจกันจนขนร่วง แต่ทว่ามันเป็นหนังสยองขวัญที่มีคุณภาพแบบไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว
และเอาจริงๆ หนังเรื่องนี้ไม่ควรอยู่ในหมวดหนัง Horror (สยองขวัญ) อย่างเดียว แต่มันควรจะเป็นหนังที่อยู่ในหมด Horror / Drama และ Family ด้วยซ้ำไป
แก่นของหนังเรื่องนี้ หากเราดูตัวอย่างเราก็พอจะรู้แนวทางหนังคร่าวๆอยู่พอสมควร เพราะหนังเรื่องนี้มันโฟกัสที่ตัวละครแม่ ลูก มากกว่าความสยองขวัญของการเจอผีบาบาดุ๊ก หนังพยายามจะถ่ายทอดและเจาะ และสำรวจจิตใจของแม่คนหนึ่งที่ทั้งเดี่ยวโดดและมีชีวิตที่ลำบากเหลือเกินทั้งการเลี้ยงลูกเพียงคนเดียว ทั้งๆที่จิตใจก็ยังเจ็บช้ำจากการสูญเสีย แถมยังไร้ความช่วยเหลือจากสังคม
ซึ่งหนังก็เล่าเรื่องตรงนี้ได้ดีจนน่าปรบมือ
มันอาจจะไม่ได้ดร่าม่าลึกซึ้ง แต่มันก็ทำให้เราเข้าใจ เข้าถึง และเห็นใจนางเอกของเรื่อง และทำให้เราได้ไปมองย้อนนึกถึงแม่ข้างๆตัวเรานี่แหละว่าการจะเป็นแม่คนนึงต้องผ่านความลำบากอะไรมา และต้องประสบกับจิตใจบอกช้ำเพียงใด ถึงแม้แม่คนที่อยู่ข้างๆเราจะไม่ได้ชีวิตรันทดเหมือนในหนัง แต่หนังก็สื่อให้เรารู้ว่า คนเป็นแม่ไม่ใช่เทวดา แต่เป็นมนุษย์ที่เจ็บเป็น สุขเป็น และทุกข์เป็น
และในขณะเดียวกัน บทบาทของลูกในเรื่องนี้อาจจะไม่ได้ถูกโฟกัสและพูดถึงเท่าบทของแม่ แต่ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และช่วยยกระดับหนังเรื่องนี้ในตอนท้ายให้กลายเป็นหนังครอบครัวอย่างแท้จริง และคงมีหนังผีไม่กี่เรื่อง ที่ทำให้เราอบอุ่นหัวใจในตอนที่เราเดินออกมาจากโรงหนังได้อย่างน่าประหลาด
แล้วหนังเรื่องนี้มันสยองขวัญตรงไหน
เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังสยองขวัญในแนวสยองขวัญบรรยากาศ และจิตวิทยา ซึ่งมันหมายความว่า มันไม่ได้สยองจากการที่มีผีโผล่ตุ้งแช่ มันไม่ได้มีเลือดสาดกระจาย แต่เป็นการสร้างความกดดันเราผ่านเนื้อเรื่อง ผ่านพฤติกรรมตัวละคร ผ่านสิ่งแวดล้อมที่น่าอึดอัด รวมไปถึงผ่านเรื่องราวอันเข้มข้นจนเราอินไปกับตัวละคร และด้วยความที่เนื้อเรื่องมันถ่ายทอดได้อย่างน่าสนใจและมีการผสมผสานความบรรยากาศและความสยองขวัญได้อย่างดีและกลมกลืน แน่นอนว่าในแง่ความบันเทิงด้านความสยองและระทึกขวัญ ถือว่าทำได้ดีมีคุณภาพ ชวนให้นั่งดูตัวเกร็งได้ตลอดเรื่อง
แล้วเสียงบ่นจากคนดูมาจากไหน
ผมลองมาพยายามคิดดูครับว่าเสียงบ่นมาจากไหน ก็ได้ข้อสรุปบางข้อ ซึ่งหากไม่ตรงใจก็ต้องขออภัย คือหนึ่ง ผมโทษการสื่อสารการตลาดของหนังเรื่องนี้ ที่โปรโมทกันกระหน่ำว่าเป็นโคตรหนังสยองขวัญ ที่ผมเห็นการโปรโมทนึกว่าดูโปรโมทหนัง Conjuring ผสม Juon เหยาะด้วย Six Sense ลงไปซะอีก 5555
มันก็ไม่แปลกที่คนดูจะคาดหวังถึงอรรถรสความสยองขวัญอย่างเต็มสูบแบบที่ต้องการ
และอีกข้อที่ผมนึกคือ คนไทยยังไม่คุ้นชินกับหนังแนวที่เน้นเนื้อเรื่อง เหมือนที่เราได้เห็นว่าหนังผีแบบไทยมีให้เราดูกันปีละไม่รู้กี่เรื่อง และหนังผีส่วนใหญ่จะมาแนวแบบผีเพียวๆ สยองขวัญเพียวๆ ไม่ต้องมีประเด็นอะไรให้สอดแสดมากความ แต่จริงๆก็คงโทษคนดูไม่ได้ เพราะบางทีคนดูก็แค่อยากไปได้อารมณ์สยองขวัญบันเทิงจริงๆ ซึ่งพอพูดอย่างนี้ ก็ต้องกลับไปโทษที่ประเด็นแรกอีกที
สรุปคือเป็นหนังสยองขวัญที่ผสมผสานความเป็นดราม่า และเจือด้วยหนังครอบครัว (เจือแบบเบาๆนะ) ได้อย่างกลมกล่ม และสอดแทรกสาระที่ไม่ยากเกินจะตีความครับ
>>>>> B+ <<<<<
ต่อไปนี้สปอย เหมาะสำหรับคนที่ดูมาแล้ว !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://www.facebook.com/JacKobotReview/photos/a.261764163840635.83587.246975608652824/963645316985846/?type=1&theater
ไปอ่านรีวิวเก่าๆ พูดคุยเรื่องหนังกันได้ที่ JackobotReview นะคร้าบ
https://www.facebook.com/JacKobotReview