"หยิบปากกาและหนังสือของเราขึ้นมา มันเป็นสิ่งที่ทรงอานุภาพกว่าอาวุธ"
"เด็ก 1 คน ครู 1 คน หนังสือ 1 เล่ม และปากกา 1 ด้าม สามารถเปลี่ยนโลกนี้ได้"
สุนทรพจน์ของมาลาลาที่เรียกร้องให้ผู้นำโลกจัดการศึกษาฟรีให้เด็กทุกคนบนโลก จนกลายเป็นวาทะอันลือลั่น
"มาลาลา"กับสีชมพู
สาวน้อยชาวปากีสถานหน้าตาคมคายที่เห็นนี้ชื่อ มาลาลา ยูซัฟไซ ผู้โด่งดังไปทั่วโลกในฐานะที่เคยตกเป็นเหยื่อกระสุนของมือปืนจากกลุ่มตาลิบันในปากีสถาน เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2555
มาลาลาถูกยิงเข้าที่ศีรษะไม่น่าเชื่อว่าจะรอดตาย แต่บรรดาผู้คนมากมายที่ห่วงใยทั้งครอบครัว เพื่อน ครู คณะแพทย์ นักการเมือง เศรษฐียูเออี ฯลฯ พยายามรั้งลมหายใจของเธอไว้และส่งตัวข้ามทวีปไปยังประเทศอังกฤษ ทำให้สาวน้อยรอดตายจนถึงวันนี้
กระทั่งคณะกรรมการรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพมอบรางวัลประจำปี 2557 นี้ให้พร้อมกับนักต่อสู้เพื่อการศึกษาอีกคน ชื่อ นายไกลาศ สัตยาร์ที ชาวอินเดีย
มาลาลาในวัย 17 ปี ก้าวสู่การเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิในการศึกษาอย่างเต็มตัว โดยมีกองทุนมาลาลาสำหรับการขับเคลื่อน ส่วนสหประชาชาติตั้ง "วันมาลาลา" ตรงกับวันที่ 12 ก.ค. เพื่อรำลึกถึงความสำคัญในการศึกษาของเด็กๆ ทั่วโลก
มาลาลากล่าวว่า วันมาลาลาไม่ใช่เพียงวันเกิดของเธอ แต่เป็นวันของเด็กๆ ทุกคนที่ควรได้รับการศึกษา และได้รับการคุ้มครองสิทธิเด็ก
แม้จะมาจากโลกตะวันออกแต่การต่อสู้ที่กล้าหาญจนเป็นที่ประทับใจนี้ทำให้มาลาลาเป็น "ไอคอน" และ "ไอดอล" ของเด็กสาวชาวตะวันตกด้วย
หากเข้าสังคมเครือข่ายออนไลน์จะพบรูปภาพเด็กหญิงทั้งเด็กนานาชาติใช้ผ้าสีชมพูคลุมศีรษะแบบมาลาลากันคึกคัก มีทั้งที่ใช้รณรงค์เรื่องสิทธิเด็ก สิทธิในการศึกษา ไปจนถึงเป็นชุดแฟนซีที่แต่งกันในวันฮัลโลวีน
ที่มาของผ้าคลุมสีชมพูนี้มาจากหน้าปกของหนังสืออัตชีวประวัติ "I Am Malala เด็กหญิงที่ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อสิทธิแห่งการศึกษาและถูกตาลิบันยิงศีรษะ" เริ่ม ตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษเมื่อเดือนตุลาคมปี พ.ศ.2556
ส่วนภาษาไทย สำนักพิมพ์มติชนได้รับลิขสิทธิ์ให้แปลและตีพิมพ์ จะเปิดตัวในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติครั้งที่ 19 วันที่ 15-26 ตุลาคม นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
เนื้อหาในเล่มมีส่วนหนึ่งที่บ่งบอกว่ามาลาลาชอบสีชมพูมาก ในตอนที่สาวน้อยเพิ่งฟื้นจากการผ่าตัดเอากระสุนออก เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจะไปซื้อผ้าคลุมศีรษะตามชุดท้องถิ่นของชาวพัชตุนให้มาลาลา จึงถามเด็กสาวว่าชอบสีอะไร
"แน่นอน ฉันตอบว่าสีชมพู" มาลาลากล่าว
ในวันไปกล่าวสุนทรพจน์ที่เวทีสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ตามคำเชิญของนายบัน คีมุน เลขาธิการยูเอ็น เป็นอีกครั้งที่มาลาลาเลือกชุดสีชมพู สีโปรด
แต่ที่สำคัญกว่าชุดสวยหรือสีชมพูก็คือสุนทรพจน์ของมาลาลาที่เรียกร้องให้ผู้นำโลกจัดการศึกษาฟรีให้เด็กทุกคนบนโลกนั้นกินใจผู้คน
"หยิบปากกาและหนังสือของเราขึ้นมา มันเป็นสิ่งที่ทรงอานุภาพกว่าอาวุธ"
"เด็ก 1 คน ครู 1 คน หนังสือ 1 เล่ม และปากกา 1 ด้าม สามารถเปลี่ยนโลกนี้ได้" มาลาลากล่าวและกลายเป็นวาทะอันลือลั่น
มาลาลาเผยถึงการเขียนสุนทรพจน์นี้ว่า "ฉันไม่ได้เขียนสุนทรพจน์นี้ให้กับคนที่เข้ามาร่วมงานกับสหประชาชาติฟังเท่านั้น ฉันเขียนขึ้นเพื่อทุกคนทั่วโลกที่สร้างความเปลี่ยน แปลงได้...ลึกๆ ในใจ ฉันหวังว่าคำพูดของฉันจะช่วยปลุกความกล้าหาญในใจเด็กทุกคนและลุกขึ้นต่อสู้เพื่อสิทธิของตัวเอง"
ที่มา :
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROb1lYQXdNakV5TVRBMU53PT0=
สุนทรพจน์ของมาลาลาที่เรียกร้องให้ผู้นำโลกจัดการศึกษาฟรีให้เด็กทุกคนบนโลก
"เด็ก 1 คน ครู 1 คน หนังสือ 1 เล่ม และปากกา 1 ด้าม สามารถเปลี่ยนโลกนี้ได้"
สุนทรพจน์ของมาลาลาที่เรียกร้องให้ผู้นำโลกจัดการศึกษาฟรีให้เด็กทุกคนบนโลก จนกลายเป็นวาทะอันลือลั่น
สาวน้อยชาวปากีสถานหน้าตาคมคายที่เห็นนี้ชื่อ มาลาลา ยูซัฟไซ ผู้โด่งดังไปทั่วโลกในฐานะที่เคยตกเป็นเหยื่อกระสุนของมือปืนจากกลุ่มตาลิบันในปากีสถาน เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2555
มาลาลาถูกยิงเข้าที่ศีรษะไม่น่าเชื่อว่าจะรอดตาย แต่บรรดาผู้คนมากมายที่ห่วงใยทั้งครอบครัว เพื่อน ครู คณะแพทย์ นักการเมือง เศรษฐียูเออี ฯลฯ พยายามรั้งลมหายใจของเธอไว้และส่งตัวข้ามทวีปไปยังประเทศอังกฤษ ทำให้สาวน้อยรอดตายจนถึงวันนี้
กระทั่งคณะกรรมการรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพมอบรางวัลประจำปี 2557 นี้ให้พร้อมกับนักต่อสู้เพื่อการศึกษาอีกคน ชื่อ นายไกลาศ สัตยาร์ที ชาวอินเดีย
มาลาลาในวัย 17 ปี ก้าวสู่การเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิในการศึกษาอย่างเต็มตัว โดยมีกองทุนมาลาลาสำหรับการขับเคลื่อน ส่วนสหประชาชาติตั้ง "วันมาลาลา" ตรงกับวันที่ 12 ก.ค. เพื่อรำลึกถึงความสำคัญในการศึกษาของเด็กๆ ทั่วโลก
มาลาลากล่าวว่า วันมาลาลาไม่ใช่เพียงวันเกิดของเธอ แต่เป็นวันของเด็กๆ ทุกคนที่ควรได้รับการศึกษา และได้รับการคุ้มครองสิทธิเด็ก
แม้จะมาจากโลกตะวันออกแต่การต่อสู้ที่กล้าหาญจนเป็นที่ประทับใจนี้ทำให้มาลาลาเป็น "ไอคอน" และ "ไอดอล" ของเด็กสาวชาวตะวันตกด้วย
หากเข้าสังคมเครือข่ายออนไลน์จะพบรูปภาพเด็กหญิงทั้งเด็กนานาชาติใช้ผ้าสีชมพูคลุมศีรษะแบบมาลาลากันคึกคัก มีทั้งที่ใช้รณรงค์เรื่องสิทธิเด็ก สิทธิในการศึกษา ไปจนถึงเป็นชุดแฟนซีที่แต่งกันในวันฮัลโลวีน
ที่มาของผ้าคลุมสีชมพูนี้มาจากหน้าปกของหนังสืออัตชีวประวัติ "I Am Malala เด็กหญิงที่ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อสิทธิแห่งการศึกษาและถูกตาลิบันยิงศีรษะ" เริ่ม ตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษเมื่อเดือนตุลาคมปี พ.ศ.2556
ส่วนภาษาไทย สำนักพิมพ์มติชนได้รับลิขสิทธิ์ให้แปลและตีพิมพ์ จะเปิดตัวในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติครั้งที่ 19 วันที่ 15-26 ตุลาคม นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
เนื้อหาในเล่มมีส่วนหนึ่งที่บ่งบอกว่ามาลาลาชอบสีชมพูมาก ในตอนที่สาวน้อยเพิ่งฟื้นจากการผ่าตัดเอากระสุนออก เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจะไปซื้อผ้าคลุมศีรษะตามชุดท้องถิ่นของชาวพัชตุนให้มาลาลา จึงถามเด็กสาวว่าชอบสีอะไร
"แน่นอน ฉันตอบว่าสีชมพู" มาลาลากล่าว
ในวันไปกล่าวสุนทรพจน์ที่เวทีสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ตามคำเชิญของนายบัน คีมุน เลขาธิการยูเอ็น เป็นอีกครั้งที่มาลาลาเลือกชุดสีชมพู สีโปรด
แต่ที่สำคัญกว่าชุดสวยหรือสีชมพูก็คือสุนทรพจน์ของมาลาลาที่เรียกร้องให้ผู้นำโลกจัดการศึกษาฟรีให้เด็กทุกคนบนโลกนั้นกินใจผู้คน
"หยิบปากกาและหนังสือของเราขึ้นมา มันเป็นสิ่งที่ทรงอานุภาพกว่าอาวุธ"
"เด็ก 1 คน ครู 1 คน หนังสือ 1 เล่ม และปากกา 1 ด้าม สามารถเปลี่ยนโลกนี้ได้" มาลาลากล่าวและกลายเป็นวาทะอันลือลั่น
มาลาลาเผยถึงการเขียนสุนทรพจน์นี้ว่า "ฉันไม่ได้เขียนสุนทรพจน์นี้ให้กับคนที่เข้ามาร่วมงานกับสหประชาชาติฟังเท่านั้น ฉันเขียนขึ้นเพื่อทุกคนทั่วโลกที่สร้างความเปลี่ยน แปลงได้...ลึกๆ ในใจ ฉันหวังว่าคำพูดของฉันจะช่วยปลุกความกล้าหาญในใจเด็กทุกคนและลุกขึ้นต่อสู้เพื่อสิทธิของตัวเอง"
ที่มา : http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROb1lYQXdNakV5TVRBMU53PT0=