ผมอ่านข่าวเรื่องตำรวจจับผู้ติดสินบน แล้วทำให้ผมหัวเราะมีความสุขไปอีกวัน คือ ลองคิดูครับว่า คือว่าเดิมๆ คนที่ทำผิดก็จะถาม
"เออพี่ตำรวจ ช่วยผมหน่อยได้ไหมผมจะรีบไป" ท่านตำรวจอันเป็นที่รักใคร่ของประชาชนก็จะถามว่า "มีอะไรให้ช่วยหละน้อง" ความสัมพันธ์อันดีก็จะเชื่อมต่อกันทันที คนทำผิดก็จะกระมิดกระเมี้ยนแล้วจ่ายเงินให้ตำรวจไป แล้วก็ถิอว่าจบ ณ ที่จ่าย
แต่ต่อไปนี้ ความสัมพันธ์อันดีระว่างตำรวจกับประชาชนจะเปลี่ยนไป เพราะท่านตำรวจอาจจะถามว่า "ใครเป็นพี่
พ่อตรูมีแม่คนเดียว" 555 ซวย แถมเจอคดีอาญาติดสินบน
จริงๆ แล้ว (พูดตามแบบคนสิงค์โปร์ที่ต้องขึ้นต้นคำว่า actually) เอาแบบซีเรียส ตำรวจไทยเป็นอาชีพน่าสงสารที่สุด ลองคิดดูครับ เมืองไทยร้อนจะตับแตก ท่านตำรวจต้องออกมา
ยืนโบกรถ ใส่เสื้อรัดติ้วแข่งกับนักศึกษาหญิง แถมต้องใส่หมวกปิงปอง รองเท้าหนัง ผมว่าคนออกแบบชุดตำรวจแย่มาก ต้องถูกทำโทษให้ไปยืนตากแดดให้จ๊กกะแร้แฉะสักชั่วโมง แถมหน้ากากกันฝุ่นราคาถูกไม่ได้ช่วยป้องกันฝุ่นอะไรเลย ไหนจะเสี่ยงถูกรถชน ถูกมองด้วยสายตารังเกียจ หรือถูกต่อว่า (แนะนำว่าถ้ามีเรื่องกับตำรวจให้บอกว่านีกว่าเป็น รปภ. เพราะชุดเครื่องแบบเหมือนกัน)
กลับมาเรื่องการให้สินบน กับนโยบาย 5 จริง อะไรของ ท่านรองอดุลย์ เนี่ย ผมมีนโยบายมาแข่งเป็นทางเลือกกับท่านครับ
1) จากโครงการบังคับใช้กฏหมายเด็ดขาด ให้เปลี่ยนเป็น "การใช้กฏหมู่อย่างเคร่งครัด"- เราจะส่งเสริมให้ผู้ใช้ถนนทุกคนช่วยกันกดแตรด่า
อย่าให้ใครมาเอาเปรียบ - ใครจอดรถขวางทาง ใครขับแซงไม่ต่อแถว ไม่มีมารยาทให้บีบแตรไล่ ดังๆ (ถ้ามันยิงสวนมาก็ตัวใครตัวมัน)
2) โครงการจัดจราจรตรงจุดวิกฤต ให้เปลี่ยนเป็น "จัดตำรวจราจรเฝ้าโรงพัก" คือต่อไปนี้ให้ตำรวจไทยได้สบายเสียที ไม่ต้องออกมาบนท้องถนนเลย นั่นมันยุคฝรั่งเศสยึดครองเขมรชัดๆ ที่ต้องมีตำรวจมาคอยโบกรถตามสี่แยกจราจร เดี๋ยวนี้ยุคไฮเทคแล้วครับ ไฟจราจรคุมด้วยคอมพิวเตอร์ เวลาปล่อยให้ปล่อยไฟเขียวไหลยาวๆ จากแยกนึงไปแยกนึง คุมจราจรจากโทรทัศน์วงจรปิด ไม่ต้องออกมา ออกมาทำไมไม่เข้าใจ ทำอย่างมีตำรวจแล้วรถไม่ติด
3) โครงการลดอุบัติเหตุ ให้เปลี่ยนเป็น "โครงการจ่าเฉยไฮเทค "คือต่อไปนี้ให้เอาจ่าเฉยมาตั้งวางตามจุดสี่แยก หรือจุดควบคุมความเร็ว ทางโค้ง
แทนตำรวจจริง แต่ให้ติดกล้องจับความเร็วรถ หรือขับฝ่าไฟแดง ที่ตัวของจ่าเฉย ใครขับเร็วจ่าจะถ่ายรูปส่งบิลไปยังบ้านท่านอย่างเร็ววัน ปรับจริง ตัดแต้ม ปรับแพง
4) โครงการให้ดูแลและเป็นที่รักของประชาชน เปลี่ยนเป็น "ไม่แมนไม่มี" ต่อไปนี้ตำรวจไทย จะมีความเป็นแมน ตำรวคนไหนออกมาเต้นเอโรบิคตามสี่แยกให้พักงาน ถือว่าไม่แมน ให้ตำรวจทุกท่านมาเจอกันตีห้าที่สวนสาธารณะใกล้โรงพัก ตำรวจจะถอดเสื้อวิ่งโชว์ความแมน ปลายปีใครมีพุง ใครวิดพื้น วิ่งไม่ผ่าน ให้ย้ายไปอยู่กองบัญชาการ ตำรวจไทยไม่จำเป็นให้ประชาชนรัก แต่ให้ประชาชนเห็นว่าเป็นมืออาชีพ ไม่ต้องยิ่ม แค่ไม่ต้องกวนเป็นพอนะ
5) โครงการดูแลสวัสดิการตำรวจจราจร เปลี่ยนเป็น "โครงการใจร้ายจัง"ต่อไปจะตั้งเป้าลดจำนวนตำรวจให้เหลือครึ่งนึงในสิบปีข้างหน้า
อนาคตในเมืองให้มีที่จอดรถตีขอบเส้นทางให้ชัดเจน ใครจอดรถให้ไปเสียเงินที่ตู้เก็บเงิน แล้วจ้างบริษัทเอกชนให้พนักงานมาเดินตรวจ ใครไม่จ่ายเงินให้ส่งบิลค่าปรับไปที่บ้านรถไม่เสียภาษี ไม่ต่อทะเบียนไม่ต้องตรวจ ไม่ต้องจับ ตามหน้าด่านให้กรมขนส่งทางบกเรียกเก็บเงิน ปรับไปเรื่อยๆ ไม่มาส่งบิลไปปรับสูงไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะมาให้ตำรวจจิ๋วแต่แจ๊วจำนวนน้อยแต่เงินเดือนดี มีทุนการศึกษา จับแบบเน้นๆ เด็กแว๊น เด็กเวร ต้องเจอหน่วยจับเร็ว
แค่นี้แล้วกันครับ เสนอมากไป ผมอาจถูกเรียกให้ไปปรับพฤติกรรม
อย่าเครียดนะครับ
ข้อเสนอแนะ แข่งกับนโยบายตำรวจจราจร
"เออพี่ตำรวจ ช่วยผมหน่อยได้ไหมผมจะรีบไป" ท่านตำรวจอันเป็นที่รักใคร่ของประชาชนก็จะถามว่า "มีอะไรให้ช่วยหละน้อง" ความสัมพันธ์อันดีก็จะเชื่อมต่อกันทันที คนทำผิดก็จะกระมิดกระเมี้ยนแล้วจ่ายเงินให้ตำรวจไป แล้วก็ถิอว่าจบ ณ ที่จ่าย
แต่ต่อไปนี้ ความสัมพันธ์อันดีระว่างตำรวจกับประชาชนจะเปลี่ยนไป เพราะท่านตำรวจอาจจะถามว่า "ใครเป็นพี่
จริงๆ แล้ว (พูดตามแบบคนสิงค์โปร์ที่ต้องขึ้นต้นคำว่า actually) เอาแบบซีเรียส ตำรวจไทยเป็นอาชีพน่าสงสารที่สุด ลองคิดดูครับ เมืองไทยร้อนจะตับแตก ท่านตำรวจต้องออกมา
ยืนโบกรถ ใส่เสื้อรัดติ้วแข่งกับนักศึกษาหญิง แถมต้องใส่หมวกปิงปอง รองเท้าหนัง ผมว่าคนออกแบบชุดตำรวจแย่มาก ต้องถูกทำโทษให้ไปยืนตากแดดให้จ๊กกะแร้แฉะสักชั่วโมง แถมหน้ากากกันฝุ่นราคาถูกไม่ได้ช่วยป้องกันฝุ่นอะไรเลย ไหนจะเสี่ยงถูกรถชน ถูกมองด้วยสายตารังเกียจ หรือถูกต่อว่า (แนะนำว่าถ้ามีเรื่องกับตำรวจให้บอกว่านีกว่าเป็น รปภ. เพราะชุดเครื่องแบบเหมือนกัน)
กลับมาเรื่องการให้สินบน กับนโยบาย 5 จริง อะไรของ ท่านรองอดุลย์ เนี่ย ผมมีนโยบายมาแข่งเป็นทางเลือกกับท่านครับ
1) จากโครงการบังคับใช้กฏหมายเด็ดขาด ให้เปลี่ยนเป็น "การใช้กฏหมู่อย่างเคร่งครัด"- เราจะส่งเสริมให้ผู้ใช้ถนนทุกคนช่วยกันกดแตรด่า
อย่าให้ใครมาเอาเปรียบ - ใครจอดรถขวางทาง ใครขับแซงไม่ต่อแถว ไม่มีมารยาทให้บีบแตรไล่ ดังๆ (ถ้ามันยิงสวนมาก็ตัวใครตัวมัน)
2) โครงการจัดจราจรตรงจุดวิกฤต ให้เปลี่ยนเป็น "จัดตำรวจราจรเฝ้าโรงพัก" คือต่อไปนี้ให้ตำรวจไทยได้สบายเสียที ไม่ต้องออกมาบนท้องถนนเลย นั่นมันยุคฝรั่งเศสยึดครองเขมรชัดๆ ที่ต้องมีตำรวจมาคอยโบกรถตามสี่แยกจราจร เดี๋ยวนี้ยุคไฮเทคแล้วครับ ไฟจราจรคุมด้วยคอมพิวเตอร์ เวลาปล่อยให้ปล่อยไฟเขียวไหลยาวๆ จากแยกนึงไปแยกนึง คุมจราจรจากโทรทัศน์วงจรปิด ไม่ต้องออกมา ออกมาทำไมไม่เข้าใจ ทำอย่างมีตำรวจแล้วรถไม่ติด
3) โครงการลดอุบัติเหตุ ให้เปลี่ยนเป็น "โครงการจ่าเฉยไฮเทค "คือต่อไปนี้ให้เอาจ่าเฉยมาตั้งวางตามจุดสี่แยก หรือจุดควบคุมความเร็ว ทางโค้ง
แทนตำรวจจริง แต่ให้ติดกล้องจับความเร็วรถ หรือขับฝ่าไฟแดง ที่ตัวของจ่าเฉย ใครขับเร็วจ่าจะถ่ายรูปส่งบิลไปยังบ้านท่านอย่างเร็ววัน ปรับจริง ตัดแต้ม ปรับแพง
4) โครงการให้ดูแลและเป็นที่รักของประชาชน เปลี่ยนเป็น "ไม่แมนไม่มี" ต่อไปนี้ตำรวจไทย จะมีความเป็นแมน ตำรวคนไหนออกมาเต้นเอโรบิคตามสี่แยกให้พักงาน ถือว่าไม่แมน ให้ตำรวจทุกท่านมาเจอกันตีห้าที่สวนสาธารณะใกล้โรงพัก ตำรวจจะถอดเสื้อวิ่งโชว์ความแมน ปลายปีใครมีพุง ใครวิดพื้น วิ่งไม่ผ่าน ให้ย้ายไปอยู่กองบัญชาการ ตำรวจไทยไม่จำเป็นให้ประชาชนรัก แต่ให้ประชาชนเห็นว่าเป็นมืออาชีพ ไม่ต้องยิ่ม แค่ไม่ต้องกวนเป็นพอนะ
5) โครงการดูแลสวัสดิการตำรวจจราจร เปลี่ยนเป็น "โครงการใจร้ายจัง"ต่อไปจะตั้งเป้าลดจำนวนตำรวจให้เหลือครึ่งนึงในสิบปีข้างหน้า
อนาคตในเมืองให้มีที่จอดรถตีขอบเส้นทางให้ชัดเจน ใครจอดรถให้ไปเสียเงินที่ตู้เก็บเงิน แล้วจ้างบริษัทเอกชนให้พนักงานมาเดินตรวจ ใครไม่จ่ายเงินให้ส่งบิลค่าปรับไปที่บ้านรถไม่เสียภาษี ไม่ต่อทะเบียนไม่ต้องตรวจ ไม่ต้องจับ ตามหน้าด่านให้กรมขนส่งทางบกเรียกเก็บเงิน ปรับไปเรื่อยๆ ไม่มาส่งบิลไปปรับสูงไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะมาให้ตำรวจจิ๋วแต่แจ๊วจำนวนน้อยแต่เงินเดือนดี มีทุนการศึกษา จับแบบเน้นๆ เด็กแว๊น เด็กเวร ต้องเจอหน่วยจับเร็ว
แค่นี้แล้วกันครับ เสนอมากไป ผมอาจถูกเรียกให้ไปปรับพฤติกรรม
อย่าเครียดนะครับ