อ่านหนังสือหุ้นหลายเล่มโดยเฉพาะเล่มใหม่ ๆ หน้าใหม่ ๆ
นักเขียนต่างดูจะอวดอีโก้ความสำเร็จ ร่ำรวย ง่ายดาย รวดเร็วทันใจกับหุ้นกันมากมาย
เจอคนถามว่าคุณเล่นหุ้นแล้วยัง มีพอร์ตกับเขายัง ลงทุนบ้างยัง ถ้าไม่มี โง่ป่าว ?
- เล่นหุ้นรวยแบบเท่ห์ ไม่ต้องเปิดร้าน ไม่ต้องมีลูกจ้าง ไม่ต้องทำอะไร อยู่หน้าจอ ดูกราฟได้เงินล้าน เท่ห์ ฉลาด เหงื่อไม่ออก ?
ก็ดูอาจจะจริง เล่นหุ้น เอาตังใส่ ซื้อ ๆ ขาย ๆ รวย ๆ ไม่ต้องเสี่ยงอะไรเหมือนเอาตังไปเปิดร้านค้าขายทั่วไป
การเล่นหุ้น หรือเก็งกำไร (จริง ๆ ก็เหมือนกันใครว่าต่างกันก็ว่าไปแค่ภาษาพูด) สุดท้ายแค่อยากรู้ว่าจะขึ้นหรือลง
จะได้ซื้อหรือขายให้ได้กำไรแค่นั้น มันอาศัยสัญชาติญาณในการเก็งกำไรล่วงหน้า ที่มาจากการสะสมในจิตใต้สำนึก
จนมองได้ ไม่ใช่ทุกคนทำได้ บางคนทำได้ บางคนทำไม่ได้ หรือทำได้บ้าง เพราะความถนัดแบบนี้ก็เหมือนความถนัดเรื่องอื่น ๆ
เช่น ร้องเพลง เล่นกีฬา ภาษา คณิตศาสตร์ มีคนส่วนน้อยที่เก่งกว่าคนส่วนใหญ่ในแต่ละเรื่องเสมอ นี้คือข้อเท็จจริง
เราเรียนหน้ังสือมาเล่มเดียวกัน เหมือนกัน ฝึกแบบเดียวกัน รู้เหมือนกัน อ่านตำราเล่มเดียวกัน ขยันเหมือนกันอีก
แต่ทำไมมีคนเก่งส่วนน้อยในแต่ล่ะเืรื่อง ทำไมทุกคนไม่เก่งเท่ากัน พอ ๆ กัน ประสบความสำเร็จเหมือนกันในทุกเรื่อง ??
คือ ถ้าีมีคน 5% ประสบความสำเร็จจากหุ้น ก็จะเห็นคน 5% ที่ประสบความสำเร็จในแต่ละด้านของเรื่องอื่น ๆ ด้วยเหมือนกัน
คือไม่มีคนประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ 70-80% ในแต่ล่ะเรื่อง ไม่มีนักร้อง ดาราที่โด่งดังทุกคน ไม่มีฟุตบอลที่เก่งระดับโลกทุกคน ฯลฯ
ถ้ามีคนรวยจากหุ้นแค่ 5% ฉันใดก็มีคนรวยจากการขายส้มตำแค่ 5% เหมือนกัน ธรรมชาติเป็นเช่นนี้ในทุก ๆ เรื่อง
อยากจะบอกว่าถ้าคุณดูตัวเองแล้วไม่มีความถนัดด้านเก็งกำไร ควรจะเลิกลาจากหุ้นไปทำอย่างอื่น เหมือนเราไม่มีทักษะถนัด
เล่นฟุตบอลก็ควรไปหัดเล่นกีฬาอื่น ๆ แทน อาจจะเก่งกีฬาอื่นก็ได้แบบนั้น คือมีอะไรให้คุณลงทุนหรือหาเงินได้ดีกว่าหุ้นนั่นแหละ
เห็นคนบางคนล้มลุกคลุกคลานกับหุ้นหลาย ๆ ปี บางทีเราต้องถามตัวเองว่าเรามีทักษะด้านการคาดการณ์อนาคตล่วงหน้า
หรือภาษาง่าย ๆ คือการเก็งกำไรหรือไม่ ดีแค่ไหน บางทีเวลาที่เสียไปหากไปใช้ทำมาหากินอย่างอื่นคุณอาจรวยไปนานแล้วก็ได้
แต่ที่เราหลงกับคำพูดฉลาด ๆ เท่ห์ ว่าเล่นหุ้นมันเท่ห์ ดูฉลาดกว่าการหาเงินด้วยวิธีอื่น หาิเงินแบบอื่นดูโง่ ๆ ไม่เท่ห์ ไม่สมาร์ต ไม่ฉลาด
หลายคนเลยตกกับดักหุ้น หากเรามีทักษะเรื่องเก็งกำไรก็ดีไป หากไม่มีหรือไม่ีดีพอ คุณก็เหมือนนักตะกร้อที่ถูกเขาหลอกว่าไปเตะฟุตบอลเถอะ
เพราะฟุตบอลมันเป็นกีฬาระดับโลก เท่ห์กว่า รวยกว่าเตะตะกร้อ แล้วจินตนาการว่าวันหนึ่งคุณจะเป็น "เมสซี่" หรือ "โรนัลโด้" สักวัน
แต่ไม่มีทางเพราะทักษะคุณไม่ถึงแม้จะฝึกเล่นฟุตบอลให้ตายวันล่ะ 24 ชม. ก็ไม่ได้ครึ่งเมสซี่ได้ คุณรู้ทฤษฎี แต่เวลาลงเ่ล่น การตัดสินใจส่งบอล
ผ่านบอล ช่วงจังหวะเวลายิง ฯลฯ คุณตัดสินใจไม่ได้ดีเหมือนเมสซี่กับโรนัลโด้แน่ แม้จะฝึกหนักกว่า เพราะอะไร ?
หุ้นก็คือเรื่องราวหนึ่ง ๆ ของชีวิตคนที่เราอาจเลือกสนใจ และลองดูได้แค่นั้น วิธีหา passive income มีเยอะ รูปแบบและวิธีการมีไม่จำกัด
เช่นว่า บางคนหาผัวรวยเลี้ยง ก็คือ passive income แบบหนึ่ง คือหาผัวมีตังเยอะ ๆ เอาตังผัวมาใช้โดยตัวเองไม่ต้องทำงาน
ก็แล้วแต่ถือว่าเป็น passive income ได้ หรือมีที่ดินแค่ไร่เดียวให้คนเช่าทำตลาดขายของ ที่จอดรถ ฯลฯ
ลองค้นหาตัวเองดู อย่าคิดแต่จะเป็นนักฟุตบอลกันอย่างเดียว คุณอาจเอาดีกับกีฬาอย่างอื่นได้ดีกว่ามากแทนก็ได้
คุณเป็นคนฉลาดแล้วหรือยัง เล่นหุ้นแล้วหรือยัง ยังไม่มีหุ้นอีกเหรอ ?
นักเขียนต่างดูจะอวดอีโก้ความสำเร็จ ร่ำรวย ง่ายดาย รวดเร็วทันใจกับหุ้นกันมากมาย
เจอคนถามว่าคุณเล่นหุ้นแล้วยัง มีพอร์ตกับเขายัง ลงทุนบ้างยัง ถ้าไม่มี โง่ป่าว ?
- เล่นหุ้นรวยแบบเท่ห์ ไม่ต้องเปิดร้าน ไม่ต้องมีลูกจ้าง ไม่ต้องทำอะไร อยู่หน้าจอ ดูกราฟได้เงินล้าน เท่ห์ ฉลาด เหงื่อไม่ออก ?
ก็ดูอาจจะจริง เล่นหุ้น เอาตังใส่ ซื้อ ๆ ขาย ๆ รวย ๆ ไม่ต้องเสี่ยงอะไรเหมือนเอาตังไปเปิดร้านค้าขายทั่วไป
การเล่นหุ้น หรือเก็งกำไร (จริง ๆ ก็เหมือนกันใครว่าต่างกันก็ว่าไปแค่ภาษาพูด) สุดท้ายแค่อยากรู้ว่าจะขึ้นหรือลง
จะได้ซื้อหรือขายให้ได้กำไรแค่นั้น มันอาศัยสัญชาติญาณในการเก็งกำไรล่วงหน้า ที่มาจากการสะสมในจิตใต้สำนึก
จนมองได้ ไม่ใช่ทุกคนทำได้ บางคนทำได้ บางคนทำไม่ได้ หรือทำได้บ้าง เพราะความถนัดแบบนี้ก็เหมือนความถนัดเรื่องอื่น ๆ
เช่น ร้องเพลง เล่นกีฬา ภาษา คณิตศาสตร์ มีคนส่วนน้อยที่เก่งกว่าคนส่วนใหญ่ในแต่ละเรื่องเสมอ นี้คือข้อเท็จจริง
เราเรียนหน้ังสือมาเล่มเดียวกัน เหมือนกัน ฝึกแบบเดียวกัน รู้เหมือนกัน อ่านตำราเล่มเดียวกัน ขยันเหมือนกันอีก
แต่ทำไมมีคนเก่งส่วนน้อยในแต่ล่ะเืรื่อง ทำไมทุกคนไม่เก่งเท่ากัน พอ ๆ กัน ประสบความสำเร็จเหมือนกันในทุกเรื่อง ??
คือ ถ้าีมีคน 5% ประสบความสำเร็จจากหุ้น ก็จะเห็นคน 5% ที่ประสบความสำเร็จในแต่ละด้านของเรื่องอื่น ๆ ด้วยเหมือนกัน
คือไม่มีคนประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ 70-80% ในแต่ล่ะเรื่อง ไม่มีนักร้อง ดาราที่โด่งดังทุกคน ไม่มีฟุตบอลที่เก่งระดับโลกทุกคน ฯลฯ
ถ้ามีคนรวยจากหุ้นแค่ 5% ฉันใดก็มีคนรวยจากการขายส้มตำแค่ 5% เหมือนกัน ธรรมชาติเป็นเช่นนี้ในทุก ๆ เรื่อง
อยากจะบอกว่าถ้าคุณดูตัวเองแล้วไม่มีความถนัดด้านเก็งกำไร ควรจะเลิกลาจากหุ้นไปทำอย่างอื่น เหมือนเราไม่มีทักษะถนัด
เล่นฟุตบอลก็ควรไปหัดเล่นกีฬาอื่น ๆ แทน อาจจะเก่งกีฬาอื่นก็ได้แบบนั้น คือมีอะไรให้คุณลงทุนหรือหาเงินได้ดีกว่าหุ้นนั่นแหละ
เห็นคนบางคนล้มลุกคลุกคลานกับหุ้นหลาย ๆ ปี บางทีเราต้องถามตัวเองว่าเรามีทักษะด้านการคาดการณ์อนาคตล่วงหน้า
หรือภาษาง่าย ๆ คือการเก็งกำไรหรือไม่ ดีแค่ไหน บางทีเวลาที่เสียไปหากไปใช้ทำมาหากินอย่างอื่นคุณอาจรวยไปนานแล้วก็ได้
แต่ที่เราหลงกับคำพูดฉลาด ๆ เท่ห์ ว่าเล่นหุ้นมันเท่ห์ ดูฉลาดกว่าการหาเงินด้วยวิธีอื่น หาิเงินแบบอื่นดูโง่ ๆ ไม่เท่ห์ ไม่สมาร์ต ไม่ฉลาด
หลายคนเลยตกกับดักหุ้น หากเรามีทักษะเรื่องเก็งกำไรก็ดีไป หากไม่มีหรือไม่ีดีพอ คุณก็เหมือนนักตะกร้อที่ถูกเขาหลอกว่าไปเตะฟุตบอลเถอะ
เพราะฟุตบอลมันเป็นกีฬาระดับโลก เท่ห์กว่า รวยกว่าเตะตะกร้อ แล้วจินตนาการว่าวันหนึ่งคุณจะเป็น "เมสซี่" หรือ "โรนัลโด้" สักวัน
แต่ไม่มีทางเพราะทักษะคุณไม่ถึงแม้จะฝึกเล่นฟุตบอลให้ตายวันล่ะ 24 ชม. ก็ไม่ได้ครึ่งเมสซี่ได้ คุณรู้ทฤษฎี แต่เวลาลงเ่ล่น การตัดสินใจส่งบอล
ผ่านบอล ช่วงจังหวะเวลายิง ฯลฯ คุณตัดสินใจไม่ได้ดีเหมือนเมสซี่กับโรนัลโด้แน่ แม้จะฝึกหนักกว่า เพราะอะไร ?
หุ้นก็คือเรื่องราวหนึ่ง ๆ ของชีวิตคนที่เราอาจเลือกสนใจ และลองดูได้แค่นั้น วิธีหา passive income มีเยอะ รูปแบบและวิธีการมีไม่จำกัด
เช่นว่า บางคนหาผัวรวยเลี้ยง ก็คือ passive income แบบหนึ่ง คือหาผัวมีตังเยอะ ๆ เอาตังผัวมาใช้โดยตัวเองไม่ต้องทำงาน
ก็แล้วแต่ถือว่าเป็น passive income ได้ หรือมีที่ดินแค่ไร่เดียวให้คนเช่าทำตลาดขายของ ที่จอดรถ ฯลฯ
ลองค้นหาตัวเองดู อย่าคิดแต่จะเป็นนักฟุตบอลกันอย่างเดียว คุณอาจเอาดีกับกีฬาอย่างอื่นได้ดีกว่ามากแทนก็ได้