คิดอยู่นาน ว่าจะมาตั้งกระทู้ดีหรือเปล่า โพสไปแล้วจะเกิดประโยชน์อะไรไหม แต่คิดไปคิดมา
ถึงแม้ว่ากรณีของดิฉันและคุณแม่ไม่ได้รับการแก้ไข อย่างน้อยมันก็อาจจะเป็นข้อเตือนใจให้กับคนที่กำลังจะใช้ผลิตภัณฑ์ Apple
ได้ฉุกคิด ว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่
ดิฉัน และคุณแม่ ซื้อ iPhone 5 (คนละเครื่อง) จากตัวแทนจำหน่าย Apple
โดยเครื่องเป็นของ True เราสองคนใช้มาได้ประมาณ 1 ปี กว่า
ปัญหาแรกที่เจอเกิดกับเครื่องของดิฉัน แบตเตอรี่ลดลงอย่างรวดเร็วแม้ไม่ได้ใช้งาน
หลังจากชาร์จเต็ม 100% หากปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที จะลดฮวบมาที่ 80%
และพอเปิด Apps ดูแค่ไม่กี่นาที แบตเหลือประมาณ 10%
พอเสียบเข้ากับสายชาร์จ จากที่ใกล้จะหมด เปลี่ยนมาเป็น 60% ทันทีทันใด
แล้วจู่ๆ ก็เด้งกับมาที่ 20% ทั้งที่ยังไม่ได้ดึงสายชาร์จออก และยังไม่ได้ใช้งานต่อ
เป็นอย่างนี้อยู่หลายวัน จึงตัดสินใจเอาไปให้ทางศูนย์ที่เป็นตัวแทน Apple ใน Central เพื่อเช็คดู
พนักงานบอกเครื่องนี้ใช้มานาน ปีกว่าแล้ว ไม่อยู่ในประกัน และไม่เข้าเกณฑ์สำหรับ battery replacement program
และถามดิฉันว่า ใช้สายชาร์จปลอมรึเปล่า จึงตอบไปว่าซื้อจากร้าน iBeat ตัวแทน Apple ปลอมรึเปล่า?
เค้าก็บอกว่าโอเค ถ้างั้นต้องทิ้งโทรศัพท์ไว้ 2 อาทิตย์ เพื่อหาสาเหตุ ด้วยหลายเหตุผลจึงตัดสินใจไม่ทิ้งโทรศัพท์ไว้
ประจวบเหมาะกับช่วงนั้น iOS 8 ออกมาให้ update พอดี เลยถือโอกาส restore to factory setting ปัญหาที่ว่าก็ค่อยๆ ดีขึ้น
แบตเตอรี่เริ่มกลับมาเป็นปกติ ใช้ได้นานขึ้น หมดช้าลง และยังคงใช้เครื่องเดิมต่อไปจนกว่าจะพังไปข้างนึง
อีกอาทิตย์ถัดมา เครื่องของคุณแม่ หน้าจอฝังซ้ายเด้งออกมา อ้าจนเห็นแสงไฟด้านใน
ลองดันกลับเข้าไป ไม่ยอมเข้า กลัวระเบิดมาก จึงรีบปิดเครื่อง รุ่งขึ้นเอาไปให้ศูนย์เดิมดู
พนักงานบอกว่า เป็นอาการของแบตเตอรี่บวม แสดงว่าใช้งานกับ power bank เยอะไป
(แต่คุณแม่ไม่เคยใช้กับ power bank เลย) และเครื่องซื้อมา 1 ปี กว่าแล้วด้วย (ประโยคเดิม)
ไม่เข้าเกณฑ์ battery replacement program ไม่อยู่ในประกัน ซ่อมก็ไม่ได้
ที่ทำได้ก็คือ exchange มีค่าใช้จ่าย 1 หมื่นกว่าบาท จะทำเรื่องเลยมั้ยครับ เลยบอกให้คุณแม่เอากลับมา
มา search หาข้อมูลดู มีคนเจออาการแบบนี้จำนวนไม่น้อย บางคนบอกเอากาวหยอด
บางคนบอกต้องเปลี่ยนแบต ค่าเปลี่ยนประมาณ 1,200 บาท
และบางคนส่งเรื่องไปหา Tim Cook ซึ่งทาง Apple ได้ claim ให้เรียบร้อย
โดยขอตั้งข้อสังเกตว่า
- % แบตเตอรี่ที่ขึ้นๆ ลงๆ เกี่ยวอะไรกับสายชาร์ตปลอม
(เท่าที่ทราบ Apple ได้เพิ่มในส่วนของการตรวจสอบสายชาร์จปลอมออกมากับ iOS7
ทำให้ iPhone 5 ไม่สามารถใช้งานได้กับสายชาร์จปลอม แต่กรณีของดิฉัน ชาร์จได้แต่จำนวน % ที่ชาร์จ “รวน” เดี๋ยวเพิ่มเดี๋ยวลดเอง)
- ราคาของ iPhone 5 ไม่ใช่บาทสองบาทนะ แต่อายุการใช้งานของมันโดยปกติสั้นขนาดนี้เลยหรืออย่างไร
เพราะไม่ว่าเอาเครื่องไหนที่มีปัญหาไปให้เช็ค พนักงานจะบอกว่าใช้งานมาตั้ง 1 ปีกว่าแล้วนะ
- ที่มีคนบอกว่าเอาไปเปลี่ยนแบตเตอรี่เสียค่าใช้จ่าย 1,200 บาท แล้วทำไมทางศูนย์ไม่เสนอเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้
แต่กลับเสนอให้แลกเครื่องใหม่ ค่าใช้จ่ายหมื่นกว่าบาท เกือบซื้อเครื่องใหม่ได้
- คนทั่วไปที่ไม่ได้ส่งเรื่องไปหา Tim Cook เครื่องของเค้าจะได้รับการแก้ไขไหม?
และสุดท้ายทางออกที่ดีที่สุดคืออะไร?
iPhone 5 กับปัญหาที่คนซื้อมาใช้อาจไม่พร้อมจะรับมือ
ถึงแม้ว่ากรณีของดิฉันและคุณแม่ไม่ได้รับการแก้ไข อย่างน้อยมันก็อาจจะเป็นข้อเตือนใจให้กับคนที่กำลังจะใช้ผลิตภัณฑ์ Apple
ได้ฉุกคิด ว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่
ดิฉัน และคุณแม่ ซื้อ iPhone 5 (คนละเครื่อง) จากตัวแทนจำหน่าย Apple
โดยเครื่องเป็นของ True เราสองคนใช้มาได้ประมาณ 1 ปี กว่า
ปัญหาแรกที่เจอเกิดกับเครื่องของดิฉัน แบตเตอรี่ลดลงอย่างรวดเร็วแม้ไม่ได้ใช้งาน
หลังจากชาร์จเต็ม 100% หากปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที จะลดฮวบมาที่ 80%
และพอเปิด Apps ดูแค่ไม่กี่นาที แบตเหลือประมาณ 10%
พอเสียบเข้ากับสายชาร์จ จากที่ใกล้จะหมด เปลี่ยนมาเป็น 60% ทันทีทันใด
แล้วจู่ๆ ก็เด้งกับมาที่ 20% ทั้งที่ยังไม่ได้ดึงสายชาร์จออก และยังไม่ได้ใช้งานต่อ
เป็นอย่างนี้อยู่หลายวัน จึงตัดสินใจเอาไปให้ทางศูนย์ที่เป็นตัวแทน Apple ใน Central เพื่อเช็คดู
พนักงานบอกเครื่องนี้ใช้มานาน ปีกว่าแล้ว ไม่อยู่ในประกัน และไม่เข้าเกณฑ์สำหรับ battery replacement program
และถามดิฉันว่า ใช้สายชาร์จปลอมรึเปล่า จึงตอบไปว่าซื้อจากร้าน iBeat ตัวแทน Apple ปลอมรึเปล่า?
เค้าก็บอกว่าโอเค ถ้างั้นต้องทิ้งโทรศัพท์ไว้ 2 อาทิตย์ เพื่อหาสาเหตุ ด้วยหลายเหตุผลจึงตัดสินใจไม่ทิ้งโทรศัพท์ไว้
ประจวบเหมาะกับช่วงนั้น iOS 8 ออกมาให้ update พอดี เลยถือโอกาส restore to factory setting ปัญหาที่ว่าก็ค่อยๆ ดีขึ้น
แบตเตอรี่เริ่มกลับมาเป็นปกติ ใช้ได้นานขึ้น หมดช้าลง และยังคงใช้เครื่องเดิมต่อไปจนกว่าจะพังไปข้างนึง
อีกอาทิตย์ถัดมา เครื่องของคุณแม่ หน้าจอฝังซ้ายเด้งออกมา อ้าจนเห็นแสงไฟด้านใน
ลองดันกลับเข้าไป ไม่ยอมเข้า กลัวระเบิดมาก จึงรีบปิดเครื่อง รุ่งขึ้นเอาไปให้ศูนย์เดิมดู
พนักงานบอกว่า เป็นอาการของแบตเตอรี่บวม แสดงว่าใช้งานกับ power bank เยอะไป
(แต่คุณแม่ไม่เคยใช้กับ power bank เลย) และเครื่องซื้อมา 1 ปี กว่าแล้วด้วย (ประโยคเดิม)
ไม่เข้าเกณฑ์ battery replacement program ไม่อยู่ในประกัน ซ่อมก็ไม่ได้
ที่ทำได้ก็คือ exchange มีค่าใช้จ่าย 1 หมื่นกว่าบาท จะทำเรื่องเลยมั้ยครับ เลยบอกให้คุณแม่เอากลับมา
มา search หาข้อมูลดู มีคนเจออาการแบบนี้จำนวนไม่น้อย บางคนบอกเอากาวหยอด
บางคนบอกต้องเปลี่ยนแบต ค่าเปลี่ยนประมาณ 1,200 บาท
และบางคนส่งเรื่องไปหา Tim Cook ซึ่งทาง Apple ได้ claim ให้เรียบร้อย
โดยขอตั้งข้อสังเกตว่า
- % แบตเตอรี่ที่ขึ้นๆ ลงๆ เกี่ยวอะไรกับสายชาร์ตปลอม
(เท่าที่ทราบ Apple ได้เพิ่มในส่วนของการตรวจสอบสายชาร์จปลอมออกมากับ iOS7
ทำให้ iPhone 5 ไม่สามารถใช้งานได้กับสายชาร์จปลอม แต่กรณีของดิฉัน ชาร์จได้แต่จำนวน % ที่ชาร์จ “รวน” เดี๋ยวเพิ่มเดี๋ยวลดเอง)
- ราคาของ iPhone 5 ไม่ใช่บาทสองบาทนะ แต่อายุการใช้งานของมันโดยปกติสั้นขนาดนี้เลยหรืออย่างไร
เพราะไม่ว่าเอาเครื่องไหนที่มีปัญหาไปให้เช็ค พนักงานจะบอกว่าใช้งานมาตั้ง 1 ปีกว่าแล้วนะ
- ที่มีคนบอกว่าเอาไปเปลี่ยนแบตเตอรี่เสียค่าใช้จ่าย 1,200 บาท แล้วทำไมทางศูนย์ไม่เสนอเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้
แต่กลับเสนอให้แลกเครื่องใหม่ ค่าใช้จ่ายหมื่นกว่าบาท เกือบซื้อเครื่องใหม่ได้
- คนทั่วไปที่ไม่ได้ส่งเรื่องไปหา Tim Cook เครื่องของเค้าจะได้รับการแก้ไขไหม?
และสุดท้ายทางออกที่ดีที่สุดคืออะไร?