หนึ่งปีที่ไม่มีกระต่ายให้เห็นด้วยตา แต่มองเห็นได้ด้วยหัวใจ

กระทู้สนทนา
1 ปีที่ผ่านมา พวกเราได้สูญเสียลูกๆกระต่ายไป จากที่เลี้ยงดูกันมาตลอด 7 ปี
เราสูญเสีย ลูน่า จากอาการเครียด ช็อค หรือตกใจ ขณะที่พวกเราไปทำงานต่างจังหวัดและฝากเขาไว้กับคนอื่น
ซีซ่ารักลูน่ามากๆ และ ขาดลูน่าไม่ได้ ค่อยๆซึม และตามลูน่าไปภายใน 7 วัน
เหลือโนรี กระต่ายดัชท์ ผู้เข้มแข็ง อยู่กับพ่อแม่จนครบสิ้นปี 2013 และกลายเป็นเทวดาไปในช่วง ครบ 100 วันของลูน่า
3 กระต่ายน้อยจากไปในเวลาไล่เลี่ยกัน  เฉลี่ยอายุประมาณ 7 ขวบ ทั้ง 3 คน




ตลอดช่วง 7 ปี ที่เราฟันฝ่าความยากลำบากต่างๆมาด้วยกัน มีสุข ทุกข์ ร้องไห้
จะมีกระต่ายน้อยทั้ง 3 อยู่เคียงข้างเสมอ ไม่ว่าจะย้ายบ้าน สูญเสียครูอาจารย์ที่รัก หรือเหตุการณ์น้ำท่วมปี 2554





(เด็กๆถ่ายกับรางวัลตามวันเวลาที่ล่วงเลยผ่านไป ท่ามกลางความสุขที่ค่อยๆนับถอยหลังอย่างช้าๆ)

บางครั้งก็มีเสียงแห่งความสุขในบ้าน กับการได้รับรางวัลงานประกวดต่างๆ กระต่ายก็จะอยู่กับเราตลอด
เราจะแยกจากกันเฉพาะเวลาที่ต้องไปทำงานต่างจังหวัด
และต้องฝากเลี้ยงในระยะเวลาสั้นๆ ก็จะรีบกลับมารับให้ทันเสมอ เด็กๆก็จะดีใจมากที่รีบมารับ เราทำอยู่เช่นนี้ทุกปี
เพียงแต่ปีสุดท้ายนี้ สิ่งที่พวกเรากลัวก็เกิดขึ้น มันรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว

มีโทรศัพท์จากที่ฝากเลี้ยงว่า ลูน่า มีอาการช็อค และอ่อนแรง อย่างไม่ทราบสาเหตุ
ซึ่งอาจเป็นสาเหตุมาจากความเครียดสะสมที่ต้องแยกจากซีซ่าที่เขารักมาก เรารีบกลับจากต่างจังหวัดยิงรถด่วน
ไปยังที่ฝากทันเวลา ที่จะได้อยู่ด้วยกันอีกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ลูน่าจะหมดลมหายใจ วันนั้นร้องไห้
ทั้งฝนตก ทั้งไฟดับ ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ไม่รู้จะทำอะไรกับชีวิตต่อไป

(รูปวาดไว้เมื่อวันครบรอบ 1 ปี ของลูน่า)

ไม่นึกว่าการไปทำงานต่างจังหวัดครั้งนั้น จะพรากลูน่าไปจากพวกเรา  แต่เราก็ต้องเข้มแข็ง
เพื่อเด็กๆ อีก 2 คน ซีซ่ากับโนรี คืนนั้นนั่งอยู่เป็นเพื่อนร่างลูน่าตลอดจนฟ้าสาง  
จึงติดต่อไปที่วัดเพื่อทำพิธีเผา เป็นโชคดีที่มีวัดที่รับทำพิธีให้กับสัตว์เลี้ยงอยู่ใกล้ๆ
พวกเราจึงเดินทางไปไม่ยาก นำร่างลูน่าใส่ในกล่องกระดาษ โปรยดอกไม้  
ในเวลานี้ คนที่เสียใจที่สุดไม่ใช่พวกเราแต่เป็น ซีซ่า เห็นได้ชัดจากแววตาที่เราอยู่ด้วยกันมาตลอด  

หลังพิธีของลูน่าไม่นาน ซีซ่าก็ล้มป่วยเฉียบพลัน ขาหมดแรง ไม่มีความคึกคักเหมือนแต่ก่อน  
เอาตัวไปนอนมุมที่เคยมีลูน่า  และเริ่มกินอาหารน้อยลง จนไม่ยอมกินเลย  
ครั้งสุดท้ายของซีซ่าคือการพาซีซ่าไปข้างนอกเปลี่ยนบรรยากาศ ให้หายเศร้า
ไปเล่นกับเด็กๆที่ๆสอนวาดการ์ตูน ซีซ่าดูสนุกขึ้น  แต่พอวันถัดมาซีซ่าก็อาการแย่ลง
ถึงขึ้นนอนฟุบ พวกเราพยายามรักษาชีวิตซีซ่า ยื้อเอาไว้

แต่แล้วความหวังเล็กๆที่จะได้เห็นซีซ่าลุกขึ้นมาก็เริ่มน้อยลง ไม่แปลกคนที่เสียคนที่ตนรักไป อย่างที่ซีซ่าเป็นอยู่
ไม่มีใครสามารถทราบความเจ็บปวดของซีซ่าในวันนั้นได้ กระต่ายน้อยที่มีความรักเพียงครั้งเดียวในชีวิต
สาวน้อยคนเดียวในชีวิตของซีซ่า ที่ตื่นขึ้นมาจะต้องเจอกันทุกวัน ตอนนี้เป็นนางฟ้าไปแล้ว
ณ เวลานั้น ซีซ่ามองพวกเราเช่นเคย แต่ไม่ใช่แววตาที่เศร้า แต่เป็นแววตาแห่งความหวังอีกครั้ง
เหมือนจะบอกว่า “ซีซ่าจะอยู่กับลูน่า และพ่อแม่จะต้องเข้มแข็งเวลาที่ไม่มีพวกผมนะ”  
ไม่กี่วินาทีที่พวกเรานั่งเฝ้าการขับถ่ายของเขา ซีซ่าหายใจเร็วขึ้น มีอาการกระตุกเล็กน้อย แล้วก็นิ่งไป
พวกเราทราบแล้วล่ะว่าหลังจากนี้ ร่างกระต่ายสีน้ำตาลที่เรารักที่สุดในชีวิตร่างนี้จะไม่ขยับเขยื้อนอีกแล้ว
ไม่ตื่นขึ้นมาปล่อยมุขตลอกแบบฉบับกระต่าย เช่นกัดกรง สลัดฉี่ใส่ นอนตึ้งโชว์ ฯลฯ เราจะไม่ได้เห็นภาพพวกนั้นด้วยตาอีกแล้ว

แต่กลับรู้สึกสบายใจอย่างประหลาดที่รู้ว่าซีซ่าจะไปอยู่กับลูน่า  ซีซ่าจะไม่เหงาเหมือน 7 วันที่ผ่านมาอีกแล้ว
ซีซ่าลูกรักนอนสงบนึ่งอยู่ที่ตักพวกเรา คืนนั้นเราเฝ้าซีซ่าตลอดทั้งคืน และนำร่างไปทำพิธีที่วัดเดียวกับลูน่า
มาทราบภายหลังว่า ตรงกับวันดูซเซร่า ของวัดแขกสีลมพอดี ช่วงเช้าทำพิธีพุทธ ตอนเย็นไปวัดฮินดู
นำอัฐิของ ลูน่ากับซีซ่าไปดูขบวนแห่ด้วย เหลือโนรีที่มีแมวเท็นเท็นเป็นเพื่อนอยู่เฝ้าบ้านกับตู้ปลา

พวกเราใช้ชีวิตที่ขาดเด็ก 2 คน ไป เหลือโนรีคนเดียวตลอดช่วงเวลา 3 เดือน โนรีมีอาการไม่สบายมากขึ้นเรื่อยๆ
คล้ายกับภูมิคุ้มกันเริ่มตกลงเรื่อยๆ ตลอดช่วงเวลานั้นพวกเราเขียนภาพเทวดากระต่ายน้อยขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงลูกๆ
มันเป็นเพียงวิธีเดียวที่พวกเราทำได้ในเวลานั้น  ไม่ว่าจะไปที่ไหนเราก็จะเขียนเด็กๆเทวดาน้อยของเรา
ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลอะไรก็จะมีภาพลูน่ากับซีซ่าอยู่ด้วยเสมอ หลายคนอาจแอบนึกถึงประเพณีโบราณ
ที่เขียนภาพผู้ล่วงลับในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้พวกเราเข้าใจว่าคนโบราณเขียนภาพพวกนั้นเพื่ออะไร
มันทำให้ความรักของผู้วายชนม์ยังคงอยู่  และคอยประคองให้ผู้มีชีวิติยู่มีความหวัง พวกเราในฐานะคนเขียนรูปจึง
เขียนๆๆๆๆๆๆ ทุกอย่างเท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวย

รูปซีซ่ากับสัตว์ในจินตนาการ วาดให้ลูกรักอย่างสุดฝีมือ

ลูน่ากับสัตว์ในจินตนาการเช่นกัน มีไว้ท่องเที่ยวในโลกที่พวกเราไม่อาจมองเห็น

เทศกาล เด ลอส มอร์ทอส หรือเทศกาลแห่งความตาย ตรงกับฮาโลวีน ช่วงนั้นพอดี
ทำให้เราได้อิ่มเอมกับความรักที่ความตายมิอาจพราก ของชาวเม็กซิโก

ซีซ่าใช้ดาบฟัน ปินนัตตา การละเล่นยอดฮิตของชาวเม็กซิกัน  


เด็กสู้กับพายุ ส่งกำลังใจไปช่วยเพื่อนๆที่ฟิลิปปินส์

โนรีมีอาการป่วยออดแอด มีอาการขนร่วง ผอม กินอาหารน้อยลง จนเมื่อสิ้นสุดปี 2013 โนรีเริ่มมีอาการทรุดลง
ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2014 พวกเราพยายามไปหาหมอทุกวัน  

(ภาพโนรีช่วงท้ายๆ ที่ยังเล่นด้วยกันได้อยู่)
แต่ด้วยอายุที่ค่อนข้างมาก จึงไม่สามารถกู้สถานการณ์ต่างๆที่รุมเร้ากลับมาได้ง่ายๆ
และในเช้าวันที่ 7 ม.ค. โนรี กระต่ายที่เข้มแข็งที่สุดในบ้านเรา
ก็ลุกไม่ไหวแล้ว โนรีค่อยๆอ่อนแรง พวกเราพยายามป้อนยา ป้อนคริติคอลแคร์ โนรีก็ไม่มีทีท่าจะดีขึ้นแล้ว
ช่วงชั่วโมงสุดท้าย พวกเราตัดสินใจนั่งอยู่ด้วยกัน ลูบหัวโนรีตลอด เล่านิทานสนุกๆเหมือนที่เคยทำมาตลอด 7 ปี
เปิดเพลงเพราะๆที่เด็กๆและเราชอบ และโนรีก็จากร่างนั้นเป็นอย่างสงบ  โนรีมีเพื่อนมาร่วมเฝ้าทั้งคนและแมว
ทุกคนต่างมาร่วมไว้อาลัยให้โนรี เด็กหญิงผู้เข้มแข็ง จนเช้าและไปทำพิธีที่เดียวกับพี่ๆ

โนรีกับสัตว์ในจินตนาการกับของที่โนรีชอบ ข้างๆมีแมวเท็นเท็นเป็นเพื่อน

โนรีกับสัตว์ในจินตนาการอีกรูป

เรือสำหรับให้เทวดาน้อยๆเดินทาง

แม้จะอยู่ในสภาวะโศกเศร้า แต่กลับค้นพบความสงบอย่างประหลาด อาจเป็นเพราะความเชื่อมั่นว่าโนรีจะไม่เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆอีกแล้ว
และความรักยังไม่หายไปไหน เพียงแต่มันพองโตขึ้น ท้าทายบททดสอบแห่งชีวิตครั้งใหม่


ภาพเด็กๆนอนหลับบนปุยเมฆทั้ง 3 คน เขียนไว้เมื่อต้นปี


เสียงหัวเราะในครอบครัวยังคงอยู่ต้อนรับตรุษจีน


เทศกาลปาถั่วไล่ปิศาจ โชคร้ายจงออกไป !


เทศกาลโฮลี สงกรานต์อินเดียก็แจมด้วย


ไปเที่ยวสงกรานต์ที่หลวงพระบางก็ตามไปด้วย

เด็กๆกับปู่เยอ-ย่าเยอ  ความรักเล็กๆแบบครอบครัวเจอกับความรักของชุมชนกับผีบรรพชนที่มีมาแต่โบราณ


เรายังคงไปเที่ยวด้วยกัน





เทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ผ่านมา พวกเราก็ยังคงเขียนเด็กๆ และเด็กๆก็ยังคงอยู่ในหัวใจเรา

หลายอย่างเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อ แต่พวกเด็กๆทำให้เราเข้าใจอะไรหลายๆอย่างในชีวิตมากขึ้น
ว่าจริงๆแล้ว ความรักไม่เคยห่างหายไปไหน  ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เด็กๆยังคงอยู่กับเราเสมอ
หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่หากคุณรักใครสักคนอย่างสุดหัวใจ คุณจะรู้ว่าพวกเขายังอยู่กับคุณเสมอ
แม้นว่าคนอื่นอาจมองไม่เห็น  แต่ผู้มีความรักจะเห็น  ความรักจะเปลี่ยนความโศกเศร้า สูญเสีย กลายเป็นความหวัง
และความมุ่งมั่นที่จะใช้ชีวิตต่อให้มีคุณค่า สมกับที่ความรักเกิดขึ้น

หนึ่งปีที่ไม่มีเด็กๆ พวกเราเดินทางไปที่ต่างๆ เขียนรูป ทำงานอย่างมีความหวัง
ด้วยความเชื่อที่ว่าเด็กๆยังคงเฝ้ามองเราอยู่ ดูเราทำงานเหมือนสมัยก่อนเสมอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่