ไม่เข้าใจว่า ความกตัญญูในสังคมไทยคืออะไร? กรณีของคุณโป๊งเหน่งถือว่า อกตัญญูไหม?

เห็นคนโพสต์ธรรมะมาหลอกด่าเพื่อนในเฟส
ดิฉันยังไม่สะพรึงเท่า
พระสงฆ์เล่นเฟส เปิดแฟนเพจ
โพสต์เหน็บชาวบ้าน
แถมด้วยการ ยัดตรรกะกตัญญู
บุญคุณล้นฟ้า พระอรหันต์ในบ้าน
คือจะบอกว่า พ่อคนแม่คน
ก็คนเหมือนกันกับพวกเรา
มันไม่มีความจำเป็นถึงขนาดต้องสร้างมายาคติราวกับคนเป็นพ่อแม่เป็นสมมติเทพ  
ห้ามติ ห้ามติง ห้ามเถียง บาปหนัก เป็นเปรตปากเท่ารูเข็ม
เลื่อนขั้นให้เป็นพระอรหันต์ บรรลุแล้ว
แตะต้องไม่ได้
ว่ากล่าวตักเตือนเมื่อพ่อแม่ทำผิดไม่ได้

เรื่องการเคารพ การเทิดทูน การปฏิบัติเพื่อตอบแทนบุญคุณบุพการี
ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของเฉพาะบุคคล
เพราะไม่ใช่ทุกคนในสังคมจะถูกเลี้ยงมาอย่าง
ถะนุถนอม
ถูกเลี้ยงด้วยความพร้อม ความรักและเอาใจใส่เต็มเปี่ยม

บางคนถูกเลี้ยงมาด้วยลำแข้ง สหบาทาของผู้ให้กำเนิด ถูกพ่อแม่ทารุณกรรม ข่มขืน ล่วงละเมิดทางเพศ ทำร้าย ไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจ
บางคนทนไม่ไหว โดนบีบคั้นสุดชีวิต
จนต้องหอบชีวิตหนีออกจากบ้านไปตายเอาดาบหน้า

แล้วที่ฟังแล้วรู้สึกสะพรึงที่สุด คือ
พอลูกที่ถูกลวนลาม ข่มขืน ทำร้ายเหล่านั้น ร้องทุกข์แจ้งความ ขอความเป็นธรรม
ร้องหาคนช่วยเหลือ ก็ถูกสังคมรุมตำหนิ
ว่า เอาพ่อแม่ตัวเองมาขาย สร้างความอับอายให้บุพการี
ยังไงเขาก็พ่อก็แม่ แค่เขาให้เกิดมาก็บุญหนักหนาทดแทนได้ไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว
เป็นบาปกรรมในอดีตต้องชดใช้

คือ บ้านเรา
แยกไม่ออกว่า
"ความรับผิดชอบในฐานะคนเป็นพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดูลูก"  
กับ  "บุญคุณที่ต้องตอบแทน"
มันต่างกันตรงไหน อย่างไร
บ้านเราเลือกจะเอามันผสม ปั่นกวนให้เข้ากัน เป็นสูตรสำเร็จ
ใครไม่ทำตามสูตรนั้นถือว่าเป็นคนเลว
คนอกตัญญู
โดยไม่มีการพิจารณาถึงที่มาที่ไปของเหตุ ตัดสินกันที่ผลอย่างเดียว

แทนที่พระสงฆ์ติดเฟส เสพติดของทางโลก
เหล่านี้
จะสอนคนเป็นพ่อเป็นแม่ให้เป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกได้ทำตาม
รู้จักการเลี้ยงดูลูกเต้าตามแนวทางที่ถูกต้องเหมาะสม
กลับโหม
ตรรกะบุญคุณล้นฟ้า จากการอุ้มท้อง  
กระบวนการคลอดลูกเพื่อสืบเผ่าพันธุ์มนุษย์
มาเป็นเงื่อนไขที่ลูกต้องตอบแทนแบบไม่มีวันจบสิ้น
ว่ากันตามตรงแล้ว
การตั้งท้องมันเกิดขึ้น และดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
ตามธรรมชาติ เราไม่สามารถสั่งร่างกายให้หยุดกลางคันได้
(ขนาดวันจะคลอดถ้าไม่ใช่คลอดแบบผ่าเรายังไม่สามารถกำหนดได้เป๊ะๆ ทำได้เพียงคาดคะเน)
เมื่อครบกำหนดจะคลอด ร่างกายจะมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยอัตโนมัติ
ตั้งแต่น้ำคร่ำเดิน ปวดท้อง ปากช่องคลอดเปิด
เรื่อยไปจนจบกระบวนการคลอด
หลังสิ้นสุดกระบวนคลอดนั้นสำคัญกว่าเป็นไหนๆ
ว่าเราจะเลี้ยงจะดูแลเลือดเนื้อเชื้อไขเราอย่างไร
ให้เติบโตเป็นคนมีคุณภาพและเป็นคนดีของสังคม

ยกตัวอย่าง เช่น อย่างกรณีของคุณโป๊งเหน่ง
แม่คลอดลูกแล้วหายไป
ปล่อยทิ้งลูกไว้กับคนอื่น ให้เขาเลี้ยงตามยถากรรม คุณโป๊งเหน่งนั้นปากกัดตรีนถีบ
อดอยาก ลำบาก กว่าจะผ่านมาจนถึงวันนี้
แล้วที่รู้สึกเห็นใจเขา เข้าใจความรู้สึกเขา
คือ เขาอาศัยอยู่กับแม่ 3 ปี แต่แม่ไม่ชอบลูกสะใภ้ บังคับให้เขาเลิกกัน จะไล่เขาหนีทั้งที่เมียตั้งท้อง
จนสุดท้ายต้องหอบเสื้อผ้า พาเมียกับลูกในท้องออกจากบ้านไป สภาพจิตใจเขาในตอนนั้น
คงจะทุกข์เจ็บปวดที่สุด
จนเขาโตพอจะช่วยหาเลี้ยงตัวได้
ก็กลับมา ให้ลูกที่ตัวเองทอดทิ้งนั้นดูแล
ล้ำเลิกทวงถามบุญคุณที่ตนทำให้ลูกเกิดมาบนโลก
อยู่บ้านด้วยกันแล้ว เลี้ยงดูแล้ว
แต่ก็ยังไม่ทำให้คนเป็นแม่นั้นพอใจ
หนีออกจากบ้านไปอยู่วัด ลูกตามหา พากลับบ้านก็ไม่กลับ ขออยู่วัด มีบาดมีแผลเอาน้ำผึ้งทาล่อแมลงมากัด
สังคมก็ไปลงที่ลูก หาว่าเลวทราม ไม่ดูดำดูดี
ปล่อยให้แม่มีบาดมีแผล ทุกข์ทรมาน
ชาวเน็ตยิ่งด่าทอเสียๆหายๆ ด่าลามไปจนลูกเมีย สาปแช่งทั้งตัวโป๊งเหน่งและลูกเต้า
ด่าภรรยาเขา เหมือนกับตัวเองอยู่ในเหตุการณ์อาศัยบ้านหลังเดียวกับเขา
บางคนดัดจริต ขนาดที่ว่า ไปเสนอแนะให้โป๊งเหน่งซื้อบ้านใหม่ให้แม่
ถ้าแม่อยากได้บ้าน ก็ซื้อให้ท่านซะสิ จ้างคนดูแลให้ท่านอยู่สบาย
คือแบบ โป๊งเหน่งไม่ใช่มหาเศรษฐีจะเสกทุกอย่างได้ในทันที
ขนาดเราๆนี่ จะซื้อบ้านซักหลัง ซื้อที่สักแปลง ยังต้องคิดแล้วคิดอีก เพราะมันไม่ใช่บาทสองบาท
ลูกก็ยังต้องเลี้ยงต้องดูแล

บางทีมันก็ตลก เพราะคนที่ว่าคนอื่นแต่ไม่ได้สำเหนียกตัวเองว่า ที่ชี้นิ้วสั่งคนอื่นนั้น สามารถทำอย่างที่ปากว่าได้หรือไม่?
จะซื้อบ้านหลังใหญ่หลายล้านให้คนคนเดียวอยู่
ในขณะที่ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา คนที่อยากได้บ้าน
ไม่เคยมาดูดำดูดี ตัวคนต้องซื้อให้อย่างโป๊งเหน่ง เมื่อก่อนจนสุดๆ เป็นเด็กต้องสู้ชีวิตดิ้นรนหาเงินเรียนหนังสือเอง ไม่มีแม้แต่ชุดนักเรียนจะใส่ กว่าจะมีวันนี้ก็ต้องนอนห้องเช่าเท่ารูหนู อดมื้อกินมื้อ ลำบากสู้ชีวิตกันตามลำพัง กับเมียสองคน

พอได้ดิบได้ดี เขาก็ยังรักและดูแลเมียกับลูก
ที่เคยสู้มาด้วยกัน ลำบากมาด้วยกัน
ไม่ทิ้งเมียที่รูปลักษณ์ภายนอกเปลี่ยนแปลงไป ลูกเป็นโขยง ไปหาผู้หญิงที่สาวกว่าสวยกว่า
แม่ที่ไม่ได้เลี้ยงดูมาตั้งแต่ต้น แต่บั้นปลายชีวิตเขายังรับดูแล  ถึงจะดูแลได้ไม่ทุกอย่าง ไม่ถูกใจของคนเป็นแม่
ดิฉันว่า ถ้ามองในจุดนี้เขาก็เป็นคนดีใช้ได้เลยนะ

ไม่รู้ว่า ใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว
ตัวคุณแม่ของโป๊งเหน่ง เขาจะนึกถึงจิตใจลูกไหม ถูกทอดทิ้งมาตั้งแต่เกิด จนโตก็ยังต้องมาโดนสังคมตราหน้าว่าเป็นลูกทรพี เนรคุณอีก  

แล้วตอนนี้ คุณโป๊งเหน่งเลยกลายเป็นจำเลยสังคม ให้ชาวเน็ตผู้อ่านหนังสือไม่เกิน เจ็ดบรรทัด ด่าทอ ประณามหยามเหยียด เหมือนเขาไม่ใช่คน

ดิฉันเลยไม่เข้าใจว่า
สังคมบ้านเรานี่ วัดความกตัญญูจากอะไร?
สมัยนี้เราไม่ได้ ประเมิณค่าความดีในตัวคน
จากการคิดดี ทำดี ดูแลรับผิดชอบครอบครัวของตัวเองอย่างดี ไม่ผิดลูกผิดเมียคนอื่น
เลี้ยงลูกให้เป็นคนดี หรือ?

หรือว่า วัดที่การส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่อย่างเดียว?
สมมุติ ถ้าลูกค้ายา ขายตัว  จี้ปล้นชาวบ้าน ไปหลอกเงินคนอื่น เพื่อเอามาอุ้มชูพ่อแม่ ให้บุพการีอยู่ดีกินอยู่เยี่ยงราชา  จัดเป็นคนดีไหม สังคมจะมองประเด็นนี้อย่างไร?

หรือคนเป็นพ่อแม่คน มีลูกมา มีแต่ได้กับได้
ต่อจะให้เลี้ยงมาแบบไหน ทุบตี ทอดทิ้งอย่างไร
สุดท้ายก็ยังได้รับความเคารพ เชิดชูจากสังคมอยู่ดี
ไม่จากตัวลูกเอง ก็จากกรอบบรรทัดฐานมายาคติทางสังคม
ดิฉันไม่เข้าใจว่า
บุญคุณเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ หลังเบ่งคลอดทารกสักคนออกมา หรือว่า ต้องทำต้องสร้างสมบารมีให้ลูกเต้าศรัทธา

ทำไมบ้านเรา ต้องสร้างตรรกะให้พ่อแม่ทั้งหลายหว่านพืชหวังผล
หวังเก็บเกี่ยวผลผลิต หลังจากลูกเติบโตหาเลี้ยง ช่วยเหลือตัวเองเป็น
เป็นวงจรพิลึกพิลั่น เวียนว่ายไม่มีวันจบ
กว่าจะตั้งตัวได้บางคนที่ เกือบจะเลยวัยทำงานลูกบางคนนี่ แบกหนี้หลังแอ่น ทั้งหนี้ที่พ่อแม่ก่อ หนี้บ้าน หนี้รถ หนี้สินค้าฟุ่มเฟือยทั้งหลาย
ทั้งของตัวเองและของบุพการี
ชักหน้าไม่ถึงหลัง คาราคาซังอยู่อย่างนั้นแบบไม่มีที่สิ้นสุด

คือถ้าทำหน้าที่ของพ่อแม่ได้อย่างครบถ้วน ให้ลูกศรัทธาเลื่อมใสในความรักความปรารถนาดี
ดิฉันว่า ไม่มีลูกคนไหนหรอกจะใจจืดใจดำไม่กลับมาดูแลเลี้ยงดู

ทุกอย่างมันมีเหตุและผล
ทำไมสังคมบ้านเรา ไม่มองหาเหตุ ก่อนจะตัดสินผลที่มาของเหตุนั้นๆ
ทำไมเราถึงเอานิยามกตัญญู แบบจับต้องไม่ได้มายัดเยียดให้ทุกคนในสังคมต้องปฏิบัติ
ในเมื่อ แต่ละคนมีพื้นเพการเลี้ยงดู ถูกเลี้ยงและเผชิญชะตาชีวิตที่ต่างกัน
ทำไมต้องเอามายาคติสูตรสำเร็จสูตรเดียว
มาตัดสินคนทุกคนในสังคมว่าต้องทำ ถึงจะเจริญรุ่งเรืองในชีวิต
ใครไม่ทำจะถูกประณาม ชีวิตตกต่ำ เป็นคนชั่วคนเลว

ถ้าความกตัญญูที่ว่า ทำให้คนเจริญรุ่งเรือง มีกินมีใช้ ไม่ตกระกำลำบาก
ทำไมบ้านเราถึงได้เจริญฮวบๆ ในเมื่อสังคมไทยมีคนกตัญญูเต็มประเทศเป็นล้านๆคน
ถ้าตรรกะนี้มันเป็นจริง
ประเทศเราควรเจริญที่สุดในโลก เจริญยิ่งกว่าตะวันตก หรือเปล่า?

อดคิดไม่ได้ว่า ถ้ามนุษย์ในสังคมไทย สืบพันธุ์ด้วยการแตกหน่อ  
ไม่อาศัยไข่กับสเปิร์ม ไม่มีการคลอด
สังคมจะตอบแทนบุญคุณพ่อแม่อย่างไร
มันจะยุ่งเหยิงขนาดไหน

ใครมีพ่อแม่ประเสริฐ คุณโชคดีที่สุดของที่สุดแล้วค่ะ
ดีใจด้วยจริงๆ
ถ้าคำพูดของดิฉันมันไม่เข้าตา มันกระทบความรู้สึก ก็ขอโทษล่วงหน้าจากใจ
ขอสงวนสิทธิ์ไม่เอาการเกทับ ยกยอความกตัญญูของตัวเองกับคนอื่นในกระทู้นี้นะคะ

ขอให้มิตรสหายทั้งหลาย
อภิปรายกันด้วยเหตุผล
ถ้าประเภทเป็นติ่งกตัญญู เข้ามาด่า แต่หาเหตุผลมาถ่วงดุลไม่ได้ ดิฉันขออนุญาตผ่าน  


ไม่มีเจตนาจะก้าวร้าว หรือ ดูถูกวัฒนธรรมอะไรของไทย
แค่ไม่เข้าใจว่าทำไม หลายๆอย่างในบ้านเราถึงได้ย้อนแย้ง ไม่สอดคล้องกับสภาพจริงที่ควรจะเป็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่