สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ไม่ควรเข้าไปยุ่งค่ะ
จากเท่าที่อ่านดู คุณเป็นคนจิตใจดี และแคร์ความรู้สึกคนอื่นมาก ๆ นะคะ
พูดจายกย่องให้เกียรติทางบ้านสามีคุณมาก
แต่ดูคุณจะเป็นคนมั่นใจในตัวเอง และมุ่งผลสัมฤทธิ์งานอยู่มากพอสมควรทีเดียว
เราเป็นคุณ เราจะอยู่ห่าง ๆ มุ่งแต่ทำกิจการคลีนิคของเรา
พี่น้องกัน เค้าต่อสู้ฟันฝ่ากันมา หนักนิดเบาหน่อย เค้าก็อดทนกันได้
ทั้งอดทนต่อถ้อยคำ และอดทนต่อการกระฟัดกระเฟียดของอีกฝ่าย
แต่เราเป็นสะใภ้ เป็นคนนอก เข้าไปแสดงความคิดเห็นอะไรก็มักจะไม่ดีนัก
ความตรงของเราบางที อาจะทำให้ถูกมองไปว่า "เขี้ยว แข็ง ไม่ยอมคน"
ของคุณถึงขั้น พ่อแม่คุณสามีต้องลงมาเป็นกาวใจ ดูท่าจะไม่ราบรื่นเท่าไรแล้วล่ะค่ะ
ถอยออกมา ให้กำลังใจสามีคุณอยู่ห่าง ๆ ดีกว่า
เว้นระยะการทำงานของกันและกันบ้าง
ไม่งั้น จะไม่มีคำว่า ผัว ว่า เมีย จะมีแต่คำว่า งาน งาน งาน
จากเท่าที่อ่านดู คุณเป็นคนจิตใจดี และแคร์ความรู้สึกคนอื่นมาก ๆ นะคะ
พูดจายกย่องให้เกียรติทางบ้านสามีคุณมาก
แต่ดูคุณจะเป็นคนมั่นใจในตัวเอง และมุ่งผลสัมฤทธิ์งานอยู่มากพอสมควรทีเดียว
เราเป็นคุณ เราจะอยู่ห่าง ๆ มุ่งแต่ทำกิจการคลีนิคของเรา
พี่น้องกัน เค้าต่อสู้ฟันฝ่ากันมา หนักนิดเบาหน่อย เค้าก็อดทนกันได้
ทั้งอดทนต่อถ้อยคำ และอดทนต่อการกระฟัดกระเฟียดของอีกฝ่าย
แต่เราเป็นสะใภ้ เป็นคนนอก เข้าไปแสดงความคิดเห็นอะไรก็มักจะไม่ดีนัก
ความตรงของเราบางที อาจะทำให้ถูกมองไปว่า "เขี้ยว แข็ง ไม่ยอมคน"
ของคุณถึงขั้น พ่อแม่คุณสามีต้องลงมาเป็นกาวใจ ดูท่าจะไม่ราบรื่นเท่าไรแล้วล่ะค่ะ
ถอยออกมา ให้กำลังใจสามีคุณอยู่ห่าง ๆ ดีกว่า
เว้นระยะการทำงานของกันและกันบ้าง
ไม่งั้น จะไม่มีคำว่า ผัว ว่า เมีย จะมีแต่คำว่า งาน งาน งาน
แสดงความคิดเห็น
บทบาทของสะใภ้ในครอบครัวกงสี
พื้นฐานครอบครัวเรา พ่อกับแม่เป็นข้าราชการค่ะ
ฝั่งสามี ครอบครัวทำธุรกิจค้าขาย กิจการใหญ่โต เริ่มมาตั้งแต่รุ่นป๊ากับม๊า มีน้องชายสามีอีกสามคนที่ช่วยดูแลกิจการคนละแผนก
เราแต่งงานกับสามี มาประมาณปีกว่าๆค่ะ
ก่อนแต่งงานทำงานเป็นทันตแพทย์ โรงพยาบาลเอกชนค่ะ
หลังแต่งงานสักพักอยากมีเวลามากขึ้นบวกกับวางแผนอยากมีลูก จึงคิดจะเปิดคลินิกเอง
เลยลาออกจากงานมาเตรียมทำคลินิกและสร้างบ้านของเราและสามีค่ะ
ช่วงที่ลาออกมาก็คุมงานสร้างบ้านและคลินิกเป็นหลัก เพราะทำเองหมด
แต่ก็จะพอมีเวลาว่าง เลยไปช่วยสามีดูแลงานที่ร้านบ้าง
ตอนแรกก็ลังเลนะคะ ว่าจะเปิดคลินิกเองดี รึว่าจะเข้าไปช่วยบริหารงานแบบเต็มตัว
เนื่องจากงานของสามีต้องการคนที่ไว้ใจได้เข้ามาช่วยบริหารงาน
แต่กลัวมีปัญหาวุ่นวายตามมาทีหลังเพราะเป็นครอบครัวใหญ๋
เลยตัดสินใจเปิดคลินิกเอง ตามวิชาชีพที่ร่ำเรียนมา
ส่วนที่อยู่หลังแต่งงาน เราเองมีบ้านเดิมอยู่หลังหนึ่งที่ว่าง จึงย้ายเข้าไปอยู่กันแค่2 คน ก่อน รอบ้านใหม่เสร็จค่ะ
เพราะแม่เรา อยากให้แยกครอบครัวอยู่กันแค่2คนค่ะ จะได้ไม่มีปัญหาในอนาคต
ส่วนเรื่องเงิน สามีเราใช้เงินในกงสีค่ะ แต่เค้าดูแลค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเราช่วงที่ลาออกมาเพื่อทำบ้านและค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้านค่ะ
แต่ก่อนเราจะลาออกมา เราใช้เงินเดือนตัวเองนะคะ สามีจะออกค่าใช้จ่ายพวกค่าอาหารกับ ซื้อของให้เราบ้างตามโอกาสค่ะ
ส่วนเรื่องทำคลินิก เราใช้เงินของตัวเองค่ะ
เนื่องด้วยกิจการเริ่มมาจากป๊ากับม๊าที่สู้และฝ่าฟันมากันสองคน จนปัจจุบันใหญ่โต รุ่งเรือง
จึงทำให้งานภายในไม่เป็นระบบเลย มีหลายอย่างที่ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อพัฒนา
เปรียบเสมือน ระบบบริหารแบบร้านขายของชำ แต่ขนาดร้านใหญ่เท่ากับบิ๊กซีแบบนั้น
เพราะฉะนั้นการทำงานจึงต้องมีการกระทบกระทั่งกัน การเปลี่ยนผ่านเพื่อพัฒนาระบบจากรุ่นพ่อแม่แบบเดิมๆไปยังระบบใหม่แบบรุ่นลูก
การทำงานแบบเดิมที่เคยทำมาจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ค่อนข้างยากและใช้เวลา
ป๊ากับม๊า ท่านใจดีค่ะ มีเมตตา ไม่เคยว่ากล่าวใดๆ
แต่ที่เรารู้สึกไม่สบายใจคือ ตั้งแต่เข้าไปช่วยถึงแม้จะเป็นส่วนเล็กๆ ก็มีเรื่องขัดแย้งกับน้องชายสามีทางคำพูดเล็กๆน้อยๆหลายครั้ง
จนเป็นเรื่องใหญ่โต รู้ถึงหูป๊ากับม๊า จนแกต้องเข้ามาเคลียย์ใจให้หลายครั้ง
เราไม่อยากให้แกไม่สบายใจที่ลูกต้องมาทะเลาะกัน
เรื่องที่สอง สามี ภรรยา ทำงานด้วยกัน มันแยกกันไม่ออกค่ะ บางที เถียงกันเรื่องงาน พาลมามีปัญหา มาเครียดต่อที่บ้าน
เราไม่อยากให้ครอบครัวที่เริ่มต้นที่มีเรากับสามี ต้องมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกัน
เรื่องที่สาม การทำงานในกงสี ต้องฝั่งความเห็นหลายคนมาก การเปลี่ยนแปลงยากมาก เหมือนเดินวนอยู่ในปัญหาเดิมๆค่ะ
ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจอย่างแท้จริง บางสิ่งที่ทำเพื่อพัฒนาแต่มีคนนึงไม่อยากทำเพราะยุ่งยาก ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงค่ะ
เราค่อนข้างอึดอัดมาก
เราเป็นแค่ลูกสะใภ้ ไม่ใช่คนที่สายเลือดเดียวกัน ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าต่อไปถ้ามีปัญหาเรื่องงานในกงสีอีก
จะเป็นยังไงน่ะค่ะ
ตอนนี้ตัดสินใจที่ไม่เข้าไปช่วยงานอีกเลยค่ะ เพื่อตัดปัญหา เลือกที่จะให้กำลังใจสามีและแนะนำแนวทางในการบริหารงานให้กับสามีแทนค่ะ
ที่มาปรึกษาต้องการความเห็นของเพื่อนๆค่ะว่าควรทำไงดี
ทุกวันนี้ งานของสามียุ่งมาก ทำไม่ทัน เค้าเครียดกับงานมาก เราเห็นสามีเหนื่อย ไม่สบายใจ ก็เป็นห่วงมากค่ะ ไม่รู้จะทำอย่างไรดีเลย
เราควรกลับไปช่วยงานในกงสีดีมั้ยคะ