คุยกับเพื่อน(เมื่อนานมาแล้ว) ๙ ต.ค.๕๗

บันทึกของผู้เฒ่า

คุยกับเพื่อน

        เมื่อ ๕ ต.ค.๕๗ มีเวลาว่างหลังกินอาหารกลางวันแล้ว ก็เข้าอินเตอร์เนต เปิดอ่านเรื่อยเปื่อยไป
เพราะเขียนใหม่ไม่ไหวเสียแล้ว นึกถึงตนเองที่สังขารร่างกายเสื่อมลงไปแทบทุกอย่าง จึงเปิดดูข้อเขียนเก่า ๆ เมื่อ
สมัยยังแข็งแรงอยู่ พอให้รู้สึกภูมิใจว่าได้มีชีวิตที่ผ่านมา พอสมควรแก่ฐานะ และหน้าที่ที่ควรทำแล้ว
        เมื่อนึกถึงเพื่อน ก็พบจดหมายที่เขียนไปหาเพื่อนเมื่อ ตุลาคม ๒๕๔๕ จึงเก็บข้อความเอามา
อ่านกันเล่นว่า สมัยนั้นเรามีความเป็นอยู่อย่างไรกัน

#########

    จินต์......เพื่อนรัก

        ผมได้รับหนังสือเชิญไปงานครบรอบ ๓๒ ปีของการแต่งงานแล้ว ด้วยความขอบคุณ
และที่ส่งให้คุณเฉนียนก็ได้รับแล้ว รวมทั้งคุณวิชัยด้วย แต่งานนี้มีหลายรายการเหลือเกิน ยังกับรวม
พลคนลูกทุ่งที่เวทีไท อะไรประมาณนั้น แขกคงจะมาจากหลายสารทิศ แต่ต่างก็รู้จักสนิทสนมกับ
เพื่อนทุกคน เว้นเจียวต้าย ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย

        ผมได้ส่งหนังสือ ยั่วให้ยิ้ม มาเป็นของขวัญแก่เพื่อนและภรรยา พร้อมจดหมายนี้
ถ้าอ่านพร้อม ๆ กันก็ดี จะได้ช่วยกันยิ้ม หรือยิ้มให้แก่กัน อันจะทำให้ชีวิตสมรสมีแต่ความสดชื่น
ต่อไปอีก ๑๘ ปี จะได้ฉลองครบ ๕๐ ปีอีกครั้งใน พ.ศ.๒๕๕๘ ซึ่งผมก็อาจจะไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว
จึงฝากความปรารถนาดีมาล่วงหน้าด้วย

        ขอบคุณอีกครั้งหนึ่งสำหรับ จดหมายของเพื่อนที่วิจารณ์งานแต่งงานของลูกชาย
ในแง่ดีทุกอย่างทุกประการ ซึ่งความจริงมีข้อบกพร่องหลายอย่าง สำหรับผมนั้นบอกได้เลยว่า
แม้จะได้วางแผนล่วงหน้าเป็นเวลาหลายเดือน และเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้เหมาะสม ตามที่คิดว่าควร
จะเป็น แต่พอปฏิบัติจริงก็มีสิ่งที่ไม่ได้คาดไว้หลายอย่าง

        เช่นการจองโต๊ะที่สโมสรกองทัพบก สี่เสาเทเวศร์
แรกทีเดียวจอง ๕๐ อะไหล่ ๕ โต๊ะ เพิ่มเป็น ๕๕ อะไหล่ ๕ โต๊ะ
สุดท้ายเป็น ๖๐ อะไหล่ ๕ โต๊ะ ก่อนจะถึงวันงาน มีข่าวว่าน้ำจะท่วมโรงงานน้ำตาล ซึ่งจะท่วมห้อง
แถวของแขกที่เราเชิญทั้งหมด แขกจะมาไม่ได้ประมาณร้อยกว่าคน

พอน้ำไม่ท่วมก็ได้ยอดคนที่จะมากับรถบัสใหญ่ ๒ คัน ประมาณ ๑๖๐ คน จึงทำป้ายจองโต๊ะไว้ ๒๐ โต๊ะ
รวมกับกลุ่มอื่น ๆ ที่เป็นเพื่อนของเจ้าบ่าวเจ้าสาวอีก ๑๐ โต๊ะ เป็นครึ่งงาน

เอาเข้าจริงแขกอื่น ๆ มาก่อนเข้าไปนั่งในโต๊ะจองไม่ได้ จนเต็มโต๊ะว่างแขกที่จองไว้ก็ยังมาไม่ถึง
ต้องถอนป้ายออกรับแขกที่มาแล้วให้นั่งเพิ่มทีละโต๊ะ จนเกิดความหนักใจว่าถ้าเขามาจะเพิ่มโต๊ะได้อย่างไร
สุดท้ายเขาก็มากันเพียง ๑๒๐ คน และกลุ่มอื่นก็มาเพียงครึ่งเดียว อาจเป็นเพราะฝนตกก็ได้
จึงมีแขกพอดี เพิ่มอะไหล่ให้เจ้าหน้าที่รับแขกอีกโต๊ะเดียว

        พอรู้ว่าแขกไม่ขาดไม่เกิน ผมก็โล่งอกหายเครียดหิวเบียร์ขึ้นมาทันที ปรากฏว่า
เบียร์ที่ไม่ได้เสิร์ฟให้แขก ก็หมดไปทั้ง ๒๐ ขวด ต้องวานเจ้าหน้าที่ไปซื้อที่เทเวศร์
ผมจึงได้มีชีวิตชีวาขึ้น และมีกำลังใจฟังโอวาทของผู้ใหญ่ทั้งสามท่าน
และพอจะฟังเพลงของเจ้าบ่าวที่อยู่คนละยุคได้

        เมื่อทุกสิ่งผ่านไปแล้ว เอามาคิดใหม่ก็เห็นเป็นเรื่องสนุก ผมดีใจที่มีคนชม
ว่างานนี้เรียบร้อยดีมาก

คือเมื่อผู้ใหญ่ขึ้นไปกล่าวอวยพร แขกกว่า ๖๐๐ คน เงียบหมดทั้งห้อง ซึ่งผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
ผมเคยได้รับเชิญขึ้นกล่าวให้โอวาท ก็ต้องใช้มุขให้แขกเงียบเสมอ
ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง ก็พูดไปตามเหตุการณ์ ตั้งใจฟังก็พูดมาก ไม่ค่อยฟังก็พูดสั้นนิดเดียว

         เมื่อมานึกย้อนหลังก็รู้สาเหตุว่า ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวทั้งสองท่านนั้น เป็นผู้บังคับ
บัญชาชั้นสูงของแขกตั้งครึ่งห้อง ซึ่งพากันเงียบกริบ แขกอื่นจึงพลอยเงียบไปด้วย ไม่ใช่อภินิหารอะไรหรอก

เรื่องอื่นยังมีอีกหลายอย่างแต่ขี้เกียจเล่า ทำได้แค่นี้ก็พอใจแล้ว

        เมื่อสองสามวันก่อน นายชั้นที่อยู่สุพรรณบุรี เขาโทรศัพท์มาขอโทษว่าไม่ว่างจะ
มางานลูกชายผม และบอกว่างานของเพื่อนก็อาจจะไม่ได้มา

ผมก็ไม่ว่าอะไร รู้สึกว่าชีวิตของเขากำลัง
ยุ่งยากมาก เราช่วยเขาไม่ได้ ก็ไม่อยากจะเพิ่มภาระให้เขาอีก

คนที่ต้องลำบากหลังเกษียณอายุนี่ผมเห็นใจจริง ๆ เพราะตัวผมเองโชคดีที่ปลอดโปร่งโล่งอก
เป็นอิสระจากความวุ่นวายทั้งปวง สุขภาพกายสุขภาพจิตดีมาก ได้ทำสิ่งที่เราอยากทำมาได้เกือบหมด
จนเข้าทศวรรษที่เจ็ดจึงค่อย ๆ ลดเพดานบิน เตรียมลงจอดที่วัดโสมนัสวิหาร ในเมื่อถึงกาลเวลาต่อไป

        ผมตั้งใจว่าจะเขียนเพียงหน้าเดียวเหมือนอย่างเคย แต่เมื่อเลยไปเก้าบรรทัด
และ ยังเหลืออีกสิบเอ็ดบรรทัด จึงคิดถึงเพื่อนอีกหลายคน ที่ไม่ได้เป็นอิสระอย่างผม

เช่นนายแมวจะไปไหนทีก็ลำบาก ถ้าลูกสาวไม่ช่วยรับส่งก็ไปไกลไม่ได้ ผมก็ไม่อยากชวนเขาไปไหน
เพราะกลัวเขาจะมาป่วยต่อหน้าผมแล้วผมช่วยไม่ได้ ก็จะเสียใจไปตลอดชีวิต
ผมจึงพยายามไปหาเขาที่หมู่บ้านเมืองประชา นาน ๆ ครั้ง พอจะกินเบียร์แกล้มก๋วยเตี๋ยว คุยความหลังกันได้บ้าง

        นายพึงก็เช่นเดียวกัน ดูเหมือนจะหนักกว่านายแมวด้วยซ้ำ เพราะไม่รู้สึกตัวว่าต้องลดเพดานบินอย่างผมแล้ว
มัวแต่นึกว่าเมื่อก่อนยังทำได้ ก็เดี๋ยวนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว

        นายหงอกมีสุขภาพดีกว่าเพื่อน แต่เมื่อตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า บางครั้งความดันก็สูงเกินเกณฑ์

        คุณวิชัยก็เหี่ยวลงกว่าเมื่อก่อนมาก คิดช้า ทำอะไรก็ช้าลง กินเหล้าได้น้อยกว่าแต่ก่อน ตามคุณเฉนียนไม่ทันแล้ว
ไปตรวจที่ศิริราชกว่าหมอจะหาพบว่าเกี่ยวกับสมอง ก็หลายเดือน

ส่วนนายต๋องนั้นไม่ได้ไปเยี่ยมเลย ไม่ทราบว่าเป็นตายร้ายดีประการใด

        เหลืออยู่แต่จินต์กับผม ที่ยังคุยกันได้สม่ำเสมอ แต่เขียนจดหมายดีกว่าโทรศัพท์
เพราะพูดแล้วก็ละเหยหายไปในอากาศ แถมค่าโทรศัพท์ก็แพงกว่าแสตมป์อีกด้วย

        หวังว่าเพื่อนคงจะมีสุขภาพดี พอที่จะเขียนถึงผมไปได้อีกนาน.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่