เอ่อ ก็ไม่มีอะไรครับ แค่นั่งอยู่ในห้องจนเปื่อย ไม่ได้ออกไปไหนมานานมากแล้ว ตอนนี้พักจากลงดันในเกมส์เลยแวะมาเขียนกระทู้ในเว็ปที่เคยตามอ่านบ่อยๆสักหน่อย
อยากจะแชร์ประสบการณ์การเป็นฮิกกี้ติดอยู่ในห้องขนาดกว้าง2x3เมตรไม่ได้ออกไปไหนให้ฟังครับ
ก่อนอื่นขออธิบายสักนิดเรื่องNEET หรือ นีตนะครับ มันย่อมาจาก Not in Education, Employment, or Training หรือประมาณว่าไม่เรียน ไม่ทำงาน ไม่ฝึกฝนอะไรสักอย่าง มีชีวิตอยู่ไปวันๆนั่นแหละครับ
ส่วนฮิคคิโคโมริ,Hikikomori หรืออาการติดบ้าน เป็นอาการทางจิตที่จะไม่ยอมออกจากบ้านหรือห้องของตัวเองไม่ว่าจะยังไงก็ตามครับ
ก่อนหน้านี้คงต้องท้าวความไปถึงสาเหตุที่ทำให้ผมเกิดอาการเหล่านี้ก่อนนะครับ
เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นตอนผมเรียนปี1ครับช่วงแรกของการมาเรียนผมชอบมันมากๆเลยครับ การตื่นไปเรียนตอนเช้า คุยกับเพื่อนๆร่วมคณะ ทำกิจกรรมต่างๆมากมายจนแทบจะไม่มีเวลาว่างให้ทำอะไรเลย มันสนุกจริงๆครับที่ได้ไปเรียน หาความรู้เพื่อจะประกอบอาชีพและเป็นคนดีของสังคม ด้วยความที่ผมเป็นคนมั่นใจในการเรียนมาก ตอนประถม มต้น มปลายเรียนได้เกรด4แทบจะทุกวิชา
จนกระทั่งเทอม2เข้ามา การเรียนยากขึ้นอย่างมากจนผมเหมือนกับเจอทางตันเลยครับ สอบมิดเทอมได้คะแนนไม่ถึงครึ่ง ทำเอาผมเริ่มไปไม่เป็นเลยทีเดียว เพื่อนๆร่วมคณะที่เคยฝ่าฟันอุปสรรคกันมาก็พร้อมใจกันเดินนำหน้าผมไป ถึงจะขอให้ช่วยติวให้ช่วยอธิบายอะไรสักเท่าไหร่แต่ดูเหมือนบทเรียนมันจะไม่เข้าหัวผมเลยครับ แล้วผมก็มีความรู้สึกเกรงใจไม่อยากจะรบกวนพวกเค้าด้วยครับ
จากการเรียนไม่รู้เรื่อง นำไปสู่การโดดเรียนครับ แน่นอนว่าโดดเรียนครั้งสองครั้ง อาจจะไม่มีปัญหาอะไร
แต่สำหรับบางรายวิชาที่ผมไม่ถนัดเลย ซึ่งก็โดดไปมากกว่า20ครั้งจนเพื่อนๆในกลุ่มเรียนนั้นแทบจะไม่เคยเห็นหน้า มันเกิดความรู้สึกดำมืดขึ้นในใจผมครับ
ความรู้สึกดำมืดนั้นก็คือ ผมกลัวเพื่อนๆผมครับ ไม่รู้ว่าทำไมแต่ว่ามันน่ากลัวจริงๆ จากการโดดเรียนแค่วิชาเดียว แต่พอไปเจอเพื่อนบางคนในกลุ่มที่มาเรียนรวมกันอีกในวิชาอื่นๆ เค้าก็มาถามว่าเห้ยเป็นไรวะทำไมไม่มาเรียน ผมรู้สึกผิดแปลกๆที่ต้องให้เค้ามาเป็นห่วงผมครับ ทุกคนก็มีปัญหากันทั้งนั้นถ้าให้เค้ามาสนใจผมอีกคงเป็นการรบกวนมากเกินไป ผมเลยตัดสินใจโดดเรียนวิชาอื่นๆต่อ จากวิชาเป็นสอง เป็นสี่ จนโดดมันไปหมดทุกวิชาเลยนั่นแหละครับ
ครับ ช่วงแรกลำบากพอดูเลยเพราะยังอยู่หอใน การจะเดินลงไปกินข้าวที่ข้างล่างหอพักนี่แรกๆลำบากมาก เพราะกลัวจะเจอหน้าคนรู้จักครับ ถ้าเจอเค้าต้องมาถาม ต้องมาคุยกับผมแน่ๆว่าผมหายไปไหน ผมคิดว่าเค้าคงเป็นห่วงผมจริงๆ แต่จิตใจด้านมืดของผมก็คิดไปว่าเพื่อนๆมันต้องหัวเราะเยาะผมแล้วก็ด่าผมอยู่ในใจแน่ๆว่าไอ้นี่มันไม่ปกติแน่ๆ เรียนอะไรก็ไม่รู้เรื่อง แถมยังโดดเรียนรัวๆ อีกไม่นานก็คงลาออกไปละ น่าสมเพชจังเลย อะไรพวกนี้มันวนเวียนอยู่ในหัวผมเนี่ยแหละครับ
การคิดไปเองของผมนี่มันเลวร้ายมากเลยครับ ทำเอากลัวสายตาของคนอื่นๆไปเลย ผมกลัวสายตาของเพื่อนๆที่เคยรู้จักเวลามองมาที่ผมครับ ผมจะต้องก้มหน้าหนี หรือหลบสายตาตลอด มันทิ่มแทงมากๆแถมยังเหมือนมีเสียงดูถูกหรือด่าตามมาตลอดเวลา ทำเอาจิตตกตลอดเลยครับเวลาที่ออกไปอยู่นอกห้อง นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมไม่อยากจะก้าวเท้าออกไปจากห้องของผมเนี่ยแหละครับ
จากวันเป็นอาทิตย์ จนล่วงเลยมาเป็นเดือน ผมจับทางได้แล้วว่าควรจะออกไปซื้อของกินที่เซเว่นตอนตี3แทนการกินอาหารในช่วงเวลาปกติเพราะจะไม่เจอคนรู้จักเลย
ช่วงแรกๆที่โดดเรียนนี่ เครียดมากครับ ผมจะทำยังไงต่อไปดี ชีวิตมันเดินมาถึงจุดจบแล้วหรอ สอบเอ็นใหม่จะติดไหม แล้วพอเรียนแล้วจะไปต่อไม่ได้เหมือนเดิมรึเปล่า เอาจริงๆเกรดก็ไม่ได้แย่ขนาดติดFนะครับ แค่อยู่ในระดับ2.5กว่าๆ แต่ทางบ้านกับญาติๆที่หวังผลให้ผมมีเกรดสัก3.5จบด้วยเกียตนิยมบลาๆ หางานดีๆทำคือความคาดหวังของเค้าครับ ซึ่งจุดนี้ทำเอาผมเขวมาก คิดอยากจะโดดหน้าต่างหอตายอยู่หลายหน
แต่สิ่งที่มาฉุดรั้งผมเอาไว้ให้ยังใช้ชีวิตอยู่ต่อ มีอยู่แค่2อย่างครับ
1.เกมส์
2.การ์ตูน
เหมือนจะมีใครบอกไว้ว่าสิ่งเหล่านี้มีไว้เพื่อให้คลายเครียด ใช่ครับผมว่ามันบำบัดความเครียดของผมได้ดีมาก มากจนมากเกินไปด้วยซ้ำเลยครับ
ช่วงเดือนแรก ผมหันไปเล่นเกมส์อย่างหนัก หนักมากจนไม่เป็นอันกินอันนอน ที่ผมทำก็แค่เล่นไปเรื่อยๆ เล่นจนลืมทุกอย่าง ลืมว่าตัวตนจริงๆของผมมันเป็นยังไง พอง่วงก็นอน ตื่นมาก็เล่นต่อ หิวก็ลงไปล่างหอซื้อมาม่า นานๆทีจะรู้สึกร้อนแล้วก็ลุกไปอาบน้ำครับ เรียกได้ว่าอยู่กับคอมแทบจะ24ชม
การกระทำก็ต้องมีผลของการกระทำตีกลับมาอยู่แล้ว ผมติดFทุกวิชาทันทีจากการไม่เข้าสอบ จากเกรดเฉลี่ยรวม3.1กว่าๆในเทอมแรก ร่วงกระจายไปเหยียบ1.5แทบจะทันที
ครับ ผมโดนไทร์ทันทีที่เกรดออก ความรู้สึกตอนนั้นก็ไม่มีอะไรมากครับ มึนๆนิดหน่อย ก็ต้องย้ายข้าวของจากหอใน เดินไปหาหอนอกด้วยเงินที่ได้คืนมาจากค่าประกันหอพัก และเงินเก็บรวมๆจากการกินมาม่ามาเป็นเดือนๆแหละครับ
นั่งรถไปไกล หาห้องเช่าอยู่จนได้ครับเป็นหอพักนักศึกษาเนี่ยแหละแต่ไกลออกจากมหาลัยมามากจนราคาถูกกว่าที่อื่นๆ ห้องเล็กๆขนาดกว้างแค่2x3เมตร มีห้องน้ำในตัวและอินเตอร์เน็ตแค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับผม ค่ามัดจำหอรวมแล้วก็หลายพันบาท แทบจะหมดตัวไปเลยในรอบเดียว แต่ชีวิตก็ต้องสู้ต่อไปครับ
ผลจากการเล่นเกมส์ติดต่อกันเป็นเดือนๆ ผมมีไอเทมในเกมส์บางชิ้นที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินจริงได้ถ้ามีวิธีการที่ถูกต้อง ผมศึกษาข้อมูลจากในเน็ตนี่แหละครับ เพราะเวลาว่างของผมมันมีเหลือเฟือ เรียกว่าว่าง24ชมเลยจะดีกว่า
แล้วผมก็ได้ลู่ทางหาเงินจากในเน็ตนี่แหละครับเป็นตัวประทังชีวิต ผมเจียดเวลาที่เหลือจากเล่นเกมศึกษาวิธีการต่างๆทั้งทำเว็ปไซต์ ลงหุ้น ซื้อไอเทมในเกมส์มาตุนทีละเยอะๆ เก็งกำไรแล้วปล่อยขายปลีกด้วยกำไรทีละนิดละหน่อย เรียกว่าทำอะไรก็ได้ที่นั่งทำในห้องจนพอจะมีเงินเพียงพอจะจ่ายค่าเช่าหอกับกินมาม่าเดือนต่อเดือนได้นั่นแหละครับ รายได้อยู่ที่ประมาณ4000บาทต่อเดือนครับ ค่าหอ+เน็ตและไฟไม่เคยเกิน3500 น้ำฟรีเพราะไม่ค่อยใช้ ที่เหลือกิน500หรือน้อยกว่านั้นครับ สำหรับผมแค่นี้อยู่ได้สบายๆเลย500บาทผมอยู่ได้เป็นเดือน อาหารผมกินวันเว้นวันบางที2วันมื้อ เน้นนั่งเฉยๆดูการ์ตูนครับประหยัดพลังงานได้ดีมาก เวลาหิวก็เล่นเกมแทนครับ ตอนที่เล่นเกมส์นี่ลืมความหิวไปเลยครับ โผล่ข้ามวันมาอีกทีจนรู้สึกว่าไม่มีแรงจะคลิกเม้าส์นั่นแหละถึงค่อยกินครับ
เรื่องของทางบ้าน ช่วงแรกๆด่าผมจนเละเลยครับว่าทำอะไรลงไป ทำไมโดนไทร์ซะแบบนั้น ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดมาก บอกแค่ว่าขี้เกียจแล้วมันเหนื่อย ให้ผมพักบ้างเถอะไม่ไหวแล้ว แล้วก็ทิ้งซิมโทสับไปครับ ซื้อซิมใหม่มาไว้ใช้ติดต่องานในเน็ตแทน ก็จริงๆแล้วมันก็ยาวกว่านี้มากๆเลยครับแต่ถ้าเอามาเล่าด้วยมันคงยาวเกินจนกลายเป็นอีกกระทู้นึงได้เลยแหละ
ครับ จนถึงตอนนี้ก็หลายปีแล้ว จากวันนั้นทางบ้านก็ยังไม่มีใครติดต่อผมมาเลยครับ คงเข้าใจว่าหนีออกจากบ้าน หรือสาเหตุอันใดผมก็ไม่ทราบครับ ยังไม่มีหมายเรียกคนหาย หรืออะไรก็ตามมาถึงผมเลยครับ
ผมอาศัยอยู่ในห้องเช่าห้องเดิม รู้จักกับเจ๊เจ้าของหออย่างสนิทสนม ถึงกับจ่ายเงินค่าหอรวมกับค่ามาม่าแผงให้เค้านำมาส่งให้ตอนมาเก็บเงิน ผมมีกาน้ำร้อนที่เจ๊ให้ยืมมาเป็นของตัวเองสำหรับต้มมาม่า ถ้วยใบโปรดกับช้อน1คัน ห้องมืดๆที่ไม่เคยเปิดไฟไร้เฟอร์นิเจอร์มีแค่โต้ะพลาสติกเตี้ยๆกับโน้ตบุ้คที่ได้มาตอนเข้าเรียนครั้งแรก1เครื่อง ขวดน้ำพลาสติกรายล้อม กับถุงขยะที่มุมห้อง ทิชชู่1แผงอยู่ข้างๆตัว โทรศัพท์ที่สมุดบันทึกรายชื่อเป็น0 ยอดเงินคงเหลือในธนาคารออนไลน์300กว่าบาท
ผมไม่ได้ออกจากห้องนี้มาเกือบปีแล้ว ช่วงแรกๆอาจจะต้องออกไปซื้อของกินบ้าง กดเงินจากเอทีเอ็มบ้าง แต่ตอนนี้ผมทำทุกอย่างผ่านธุรกรรมออนไลน์หมดเลย แม้แต่จ่ายค่าหอผมก็ยังโอนเงินเข้าบัญชีเจ๊แกเอา แล้วก็ให้แกเอาลังมาม่ามากับลังน้ำเปล่ามาส่งให้ที่หน้าประตู ซึ่งแกรู้แค่ว่าผมเป็นพวกเก็บตัวไม่สุงสิงกับใครและผมก็ยังมีตังจ่ายค่าหอให้แกได้ทุกเดือนแกก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก และถึงใครจะนินทาอะไรผมก็ไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว เพราะผมไม่ได้ออกไปไหนอยู่แต่ในห้องนี่แหละครับ
ชีวิตของผมวันๆหนึ่งหมดไปกับการเล่นเกมส์และดูการ์ตูน ไม่ว่าจะอ่านมังงะในเน็ต ดูอนิเมะออนไลน์ เล่นเกมส์ออนไลน์ หรือเสพข่าวในเฟสบุ้ค ดูเพจนู้นเพจนี้ มีบางช่วงที่ต้องไปขายไอเทมในเกมส์กับฝรั่งชาวต่างชาติ ทำเว็ปไซต์เล็กๆให้SMEบางเจ้า เรียกได้ว่าเป็นชีวิตที่ไร้แก่นสารโคตรๆ แต่ผมกลับรู้สึกสนุกไปกับมันอย่างไม่เคยเบื่อเลย ช่วงเวลาสิ้นเดือนที่ใกล้ถึงเส้นตายจ่ายค่าเช่าห้องนี่สนุกมากครับ เรียกได้ว่าเค้นทุกอณูเพื่อที่จะเจียดเงินมาจ่ายค่าเช่าเลยทีเดียว
ไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่ทำงานอะไร ใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆในห้องของตัวเอง ผมแทบจะลืมการพูดคุยปกติไปแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ได้ยินเสียงของตัวเองพูดคือเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พยายามจะลองพูดดูแต่เสียงก็แหบไปแล้วครับ ถ้าตอนนี้ให้ผมออกไปคุยกับใครผมคงจะต้องพูดไม่รู้เรื่องแน่ๆ ผมไม่รู้เรื่องราวนอกประตูห้องของผมเลยว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ทุกอย่างที่ผมรู้มาจากข่าวทางอินเตอร์เน็ตและเฟสบุ้คแค่นั้นเองครับ
ผมรู้ตัวดีว่าที่กำลังทำอยู่นี่มันช่างไร้อนาคตเหลือเกินอายุก็ปาไป25แล้ว ถึงจะรู้ดีแต่มันไม่มีความคิดหรือพยายามที่จะปรับปรุงอะไรเลยครับ ผมก็คิดแค่ว่า ณ วันนี้ตอนนี้ผมจะใช้ชีวิตให้เหมือนกับมันเป็นวันสุดท้าย นั่งดูและเล่นจนกว่าร่างกายของตัวเองจะฝืนทนต่อไปไม่ไหว หลับแล้วก็ตื่นขึ้นมาทำแบบเดิมซ้ำลูปไปเรื่อยๆจนกว่าจะไม่สามารถลูปได้แค่นั้นเองครับ ถึงจะรู้ตัวว่าไร้สาระไร้แก่นสารไร้ค่ายังไงผมก็ไม่รู้สึกเสียดายในสิ่งที่ทำลงไปเท่าไหร่นะครับ แล้วถ้าเลือกได้ให้เริ่มใหม่หรือไปรักษาผมก็คงไม่ไปหรือเลือกทำแบบเดิมนี่แหละครับเพราะรู้สึกว่าพอใจกับชีวิตไร้แก่นสารตอนนี้พอสมควร
ก็จบแล้วครับสำหรับแชร์ประสบการณ์ไร้สาระของฮิกกี้ที่ติดอยู่ในห้องคนหนึ่ง หวังว่าทุกท่านที่อ่านจบแล้วจะสอนลูกสอนหลานอย่าให้มาเป็นแบบผมนะครับ
แชร์ประสบการณ์ การเป็นนีตและฮิคคิโคโมริของผมครับ
อยากจะแชร์ประสบการณ์การเป็นฮิกกี้ติดอยู่ในห้องขนาดกว้าง2x3เมตรไม่ได้ออกไปไหนให้ฟังครับ
ก่อนอื่นขออธิบายสักนิดเรื่องNEET หรือ นีตนะครับ มันย่อมาจาก Not in Education, Employment, or Training หรือประมาณว่าไม่เรียน ไม่ทำงาน ไม่ฝึกฝนอะไรสักอย่าง มีชีวิตอยู่ไปวันๆนั่นแหละครับ
ส่วนฮิคคิโคโมริ,Hikikomori หรืออาการติดบ้าน เป็นอาการทางจิตที่จะไม่ยอมออกจากบ้านหรือห้องของตัวเองไม่ว่าจะยังไงก็ตามครับ
ก่อนหน้านี้คงต้องท้าวความไปถึงสาเหตุที่ทำให้ผมเกิดอาการเหล่านี้ก่อนนะครับ
เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นตอนผมเรียนปี1ครับช่วงแรกของการมาเรียนผมชอบมันมากๆเลยครับ การตื่นไปเรียนตอนเช้า คุยกับเพื่อนๆร่วมคณะ ทำกิจกรรมต่างๆมากมายจนแทบจะไม่มีเวลาว่างให้ทำอะไรเลย มันสนุกจริงๆครับที่ได้ไปเรียน หาความรู้เพื่อจะประกอบอาชีพและเป็นคนดีของสังคม ด้วยความที่ผมเป็นคนมั่นใจในการเรียนมาก ตอนประถม มต้น มปลายเรียนได้เกรด4แทบจะทุกวิชา
จนกระทั่งเทอม2เข้ามา การเรียนยากขึ้นอย่างมากจนผมเหมือนกับเจอทางตันเลยครับ สอบมิดเทอมได้คะแนนไม่ถึงครึ่ง ทำเอาผมเริ่มไปไม่เป็นเลยทีเดียว เพื่อนๆร่วมคณะที่เคยฝ่าฟันอุปสรรคกันมาก็พร้อมใจกันเดินนำหน้าผมไป ถึงจะขอให้ช่วยติวให้ช่วยอธิบายอะไรสักเท่าไหร่แต่ดูเหมือนบทเรียนมันจะไม่เข้าหัวผมเลยครับ แล้วผมก็มีความรู้สึกเกรงใจไม่อยากจะรบกวนพวกเค้าด้วยครับ
จากการเรียนไม่รู้เรื่อง นำไปสู่การโดดเรียนครับ แน่นอนว่าโดดเรียนครั้งสองครั้ง อาจจะไม่มีปัญหาอะไร
แต่สำหรับบางรายวิชาที่ผมไม่ถนัดเลย ซึ่งก็โดดไปมากกว่า20ครั้งจนเพื่อนๆในกลุ่มเรียนนั้นแทบจะไม่เคยเห็นหน้า มันเกิดความรู้สึกดำมืดขึ้นในใจผมครับ
ความรู้สึกดำมืดนั้นก็คือ ผมกลัวเพื่อนๆผมครับ ไม่รู้ว่าทำไมแต่ว่ามันน่ากลัวจริงๆ จากการโดดเรียนแค่วิชาเดียว แต่พอไปเจอเพื่อนบางคนในกลุ่มที่มาเรียนรวมกันอีกในวิชาอื่นๆ เค้าก็มาถามว่าเห้ยเป็นไรวะทำไมไม่มาเรียน ผมรู้สึกผิดแปลกๆที่ต้องให้เค้ามาเป็นห่วงผมครับ ทุกคนก็มีปัญหากันทั้งนั้นถ้าให้เค้ามาสนใจผมอีกคงเป็นการรบกวนมากเกินไป ผมเลยตัดสินใจโดดเรียนวิชาอื่นๆต่อ จากวิชาเป็นสอง เป็นสี่ จนโดดมันไปหมดทุกวิชาเลยนั่นแหละครับ
ครับ ช่วงแรกลำบากพอดูเลยเพราะยังอยู่หอใน การจะเดินลงไปกินข้าวที่ข้างล่างหอพักนี่แรกๆลำบากมาก เพราะกลัวจะเจอหน้าคนรู้จักครับ ถ้าเจอเค้าต้องมาถาม ต้องมาคุยกับผมแน่ๆว่าผมหายไปไหน ผมคิดว่าเค้าคงเป็นห่วงผมจริงๆ แต่จิตใจด้านมืดของผมก็คิดไปว่าเพื่อนๆมันต้องหัวเราะเยาะผมแล้วก็ด่าผมอยู่ในใจแน่ๆว่าไอ้นี่มันไม่ปกติแน่ๆ เรียนอะไรก็ไม่รู้เรื่อง แถมยังโดดเรียนรัวๆ อีกไม่นานก็คงลาออกไปละ น่าสมเพชจังเลย อะไรพวกนี้มันวนเวียนอยู่ในหัวผมเนี่ยแหละครับ
การคิดไปเองของผมนี่มันเลวร้ายมากเลยครับ ทำเอากลัวสายตาของคนอื่นๆไปเลย ผมกลัวสายตาของเพื่อนๆที่เคยรู้จักเวลามองมาที่ผมครับ ผมจะต้องก้มหน้าหนี หรือหลบสายตาตลอด มันทิ่มแทงมากๆแถมยังเหมือนมีเสียงดูถูกหรือด่าตามมาตลอดเวลา ทำเอาจิตตกตลอดเลยครับเวลาที่ออกไปอยู่นอกห้อง นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมไม่อยากจะก้าวเท้าออกไปจากห้องของผมเนี่ยแหละครับ
จากวันเป็นอาทิตย์ จนล่วงเลยมาเป็นเดือน ผมจับทางได้แล้วว่าควรจะออกไปซื้อของกินที่เซเว่นตอนตี3แทนการกินอาหารในช่วงเวลาปกติเพราะจะไม่เจอคนรู้จักเลย
ช่วงแรกๆที่โดดเรียนนี่ เครียดมากครับ ผมจะทำยังไงต่อไปดี ชีวิตมันเดินมาถึงจุดจบแล้วหรอ สอบเอ็นใหม่จะติดไหม แล้วพอเรียนแล้วจะไปต่อไม่ได้เหมือนเดิมรึเปล่า เอาจริงๆเกรดก็ไม่ได้แย่ขนาดติดFนะครับ แค่อยู่ในระดับ2.5กว่าๆ แต่ทางบ้านกับญาติๆที่หวังผลให้ผมมีเกรดสัก3.5จบด้วยเกียตนิยมบลาๆ หางานดีๆทำคือความคาดหวังของเค้าครับ ซึ่งจุดนี้ทำเอาผมเขวมาก คิดอยากจะโดดหน้าต่างหอตายอยู่หลายหน
แต่สิ่งที่มาฉุดรั้งผมเอาไว้ให้ยังใช้ชีวิตอยู่ต่อ มีอยู่แค่2อย่างครับ
1.เกมส์
2.การ์ตูน
เหมือนจะมีใครบอกไว้ว่าสิ่งเหล่านี้มีไว้เพื่อให้คลายเครียด ใช่ครับผมว่ามันบำบัดความเครียดของผมได้ดีมาก มากจนมากเกินไปด้วยซ้ำเลยครับ
ช่วงเดือนแรก ผมหันไปเล่นเกมส์อย่างหนัก หนักมากจนไม่เป็นอันกินอันนอน ที่ผมทำก็แค่เล่นไปเรื่อยๆ เล่นจนลืมทุกอย่าง ลืมว่าตัวตนจริงๆของผมมันเป็นยังไง พอง่วงก็นอน ตื่นมาก็เล่นต่อ หิวก็ลงไปล่างหอซื้อมาม่า นานๆทีจะรู้สึกร้อนแล้วก็ลุกไปอาบน้ำครับ เรียกได้ว่าอยู่กับคอมแทบจะ24ชม
การกระทำก็ต้องมีผลของการกระทำตีกลับมาอยู่แล้ว ผมติดFทุกวิชาทันทีจากการไม่เข้าสอบ จากเกรดเฉลี่ยรวม3.1กว่าๆในเทอมแรก ร่วงกระจายไปเหยียบ1.5แทบจะทันที
ครับ ผมโดนไทร์ทันทีที่เกรดออก ความรู้สึกตอนนั้นก็ไม่มีอะไรมากครับ มึนๆนิดหน่อย ก็ต้องย้ายข้าวของจากหอใน เดินไปหาหอนอกด้วยเงินที่ได้คืนมาจากค่าประกันหอพัก และเงินเก็บรวมๆจากการกินมาม่ามาเป็นเดือนๆแหละครับ
นั่งรถไปไกล หาห้องเช่าอยู่จนได้ครับเป็นหอพักนักศึกษาเนี่ยแหละแต่ไกลออกจากมหาลัยมามากจนราคาถูกกว่าที่อื่นๆ ห้องเล็กๆขนาดกว้างแค่2x3เมตร มีห้องน้ำในตัวและอินเตอร์เน็ตแค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับผม ค่ามัดจำหอรวมแล้วก็หลายพันบาท แทบจะหมดตัวไปเลยในรอบเดียว แต่ชีวิตก็ต้องสู้ต่อไปครับ
ผลจากการเล่นเกมส์ติดต่อกันเป็นเดือนๆ ผมมีไอเทมในเกมส์บางชิ้นที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินจริงได้ถ้ามีวิธีการที่ถูกต้อง ผมศึกษาข้อมูลจากในเน็ตนี่แหละครับ เพราะเวลาว่างของผมมันมีเหลือเฟือ เรียกว่าว่าง24ชมเลยจะดีกว่า
แล้วผมก็ได้ลู่ทางหาเงินจากในเน็ตนี่แหละครับเป็นตัวประทังชีวิต ผมเจียดเวลาที่เหลือจากเล่นเกมศึกษาวิธีการต่างๆทั้งทำเว็ปไซต์ ลงหุ้น ซื้อไอเทมในเกมส์มาตุนทีละเยอะๆ เก็งกำไรแล้วปล่อยขายปลีกด้วยกำไรทีละนิดละหน่อย เรียกว่าทำอะไรก็ได้ที่นั่งทำในห้องจนพอจะมีเงินเพียงพอจะจ่ายค่าเช่าหอกับกินมาม่าเดือนต่อเดือนได้นั่นแหละครับ รายได้อยู่ที่ประมาณ4000บาทต่อเดือนครับ ค่าหอ+เน็ตและไฟไม่เคยเกิน3500 น้ำฟรีเพราะไม่ค่อยใช้ ที่เหลือกิน500หรือน้อยกว่านั้นครับ สำหรับผมแค่นี้อยู่ได้สบายๆเลย500บาทผมอยู่ได้เป็นเดือน อาหารผมกินวันเว้นวันบางที2วันมื้อ เน้นนั่งเฉยๆดูการ์ตูนครับประหยัดพลังงานได้ดีมาก เวลาหิวก็เล่นเกมแทนครับ ตอนที่เล่นเกมส์นี่ลืมความหิวไปเลยครับ โผล่ข้ามวันมาอีกทีจนรู้สึกว่าไม่มีแรงจะคลิกเม้าส์นั่นแหละถึงค่อยกินครับ
เรื่องของทางบ้าน ช่วงแรกๆด่าผมจนเละเลยครับว่าทำอะไรลงไป ทำไมโดนไทร์ซะแบบนั้น ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดมาก บอกแค่ว่าขี้เกียจแล้วมันเหนื่อย ให้ผมพักบ้างเถอะไม่ไหวแล้ว แล้วก็ทิ้งซิมโทสับไปครับ ซื้อซิมใหม่มาไว้ใช้ติดต่องานในเน็ตแทน ก็จริงๆแล้วมันก็ยาวกว่านี้มากๆเลยครับแต่ถ้าเอามาเล่าด้วยมันคงยาวเกินจนกลายเป็นอีกกระทู้นึงได้เลยแหละ
ครับ จนถึงตอนนี้ก็หลายปีแล้ว จากวันนั้นทางบ้านก็ยังไม่มีใครติดต่อผมมาเลยครับ คงเข้าใจว่าหนีออกจากบ้าน หรือสาเหตุอันใดผมก็ไม่ทราบครับ ยังไม่มีหมายเรียกคนหาย หรืออะไรก็ตามมาถึงผมเลยครับ
ผมอาศัยอยู่ในห้องเช่าห้องเดิม รู้จักกับเจ๊เจ้าของหออย่างสนิทสนม ถึงกับจ่ายเงินค่าหอรวมกับค่ามาม่าแผงให้เค้านำมาส่งให้ตอนมาเก็บเงิน ผมมีกาน้ำร้อนที่เจ๊ให้ยืมมาเป็นของตัวเองสำหรับต้มมาม่า ถ้วยใบโปรดกับช้อน1คัน ห้องมืดๆที่ไม่เคยเปิดไฟไร้เฟอร์นิเจอร์มีแค่โต้ะพลาสติกเตี้ยๆกับโน้ตบุ้คที่ได้มาตอนเข้าเรียนครั้งแรก1เครื่อง ขวดน้ำพลาสติกรายล้อม กับถุงขยะที่มุมห้อง ทิชชู่1แผงอยู่ข้างๆตัว โทรศัพท์ที่สมุดบันทึกรายชื่อเป็น0 ยอดเงินคงเหลือในธนาคารออนไลน์300กว่าบาท
ผมไม่ได้ออกจากห้องนี้มาเกือบปีแล้ว ช่วงแรกๆอาจจะต้องออกไปซื้อของกินบ้าง กดเงินจากเอทีเอ็มบ้าง แต่ตอนนี้ผมทำทุกอย่างผ่านธุรกรรมออนไลน์หมดเลย แม้แต่จ่ายค่าหอผมก็ยังโอนเงินเข้าบัญชีเจ๊แกเอา แล้วก็ให้แกเอาลังมาม่ามากับลังน้ำเปล่ามาส่งให้ที่หน้าประตู ซึ่งแกรู้แค่ว่าผมเป็นพวกเก็บตัวไม่สุงสิงกับใครและผมก็ยังมีตังจ่ายค่าหอให้แกได้ทุกเดือนแกก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก และถึงใครจะนินทาอะไรผมก็ไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว เพราะผมไม่ได้ออกไปไหนอยู่แต่ในห้องนี่แหละครับ
ชีวิตของผมวันๆหนึ่งหมดไปกับการเล่นเกมส์และดูการ์ตูน ไม่ว่าจะอ่านมังงะในเน็ต ดูอนิเมะออนไลน์ เล่นเกมส์ออนไลน์ หรือเสพข่าวในเฟสบุ้ค ดูเพจนู้นเพจนี้ มีบางช่วงที่ต้องไปขายไอเทมในเกมส์กับฝรั่งชาวต่างชาติ ทำเว็ปไซต์เล็กๆให้SMEบางเจ้า เรียกได้ว่าเป็นชีวิตที่ไร้แก่นสารโคตรๆ แต่ผมกลับรู้สึกสนุกไปกับมันอย่างไม่เคยเบื่อเลย ช่วงเวลาสิ้นเดือนที่ใกล้ถึงเส้นตายจ่ายค่าเช่าห้องนี่สนุกมากครับ เรียกได้ว่าเค้นทุกอณูเพื่อที่จะเจียดเงินมาจ่ายค่าเช่าเลยทีเดียว
ไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่ทำงานอะไร ใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆในห้องของตัวเอง ผมแทบจะลืมการพูดคุยปกติไปแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ได้ยินเสียงของตัวเองพูดคือเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พยายามจะลองพูดดูแต่เสียงก็แหบไปแล้วครับ ถ้าตอนนี้ให้ผมออกไปคุยกับใครผมคงจะต้องพูดไม่รู้เรื่องแน่ๆ ผมไม่รู้เรื่องราวนอกประตูห้องของผมเลยว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ทุกอย่างที่ผมรู้มาจากข่าวทางอินเตอร์เน็ตและเฟสบุ้คแค่นั้นเองครับ
ผมรู้ตัวดีว่าที่กำลังทำอยู่นี่มันช่างไร้อนาคตเหลือเกินอายุก็ปาไป25แล้ว ถึงจะรู้ดีแต่มันไม่มีความคิดหรือพยายามที่จะปรับปรุงอะไรเลยครับ ผมก็คิดแค่ว่า ณ วันนี้ตอนนี้ผมจะใช้ชีวิตให้เหมือนกับมันเป็นวันสุดท้าย นั่งดูและเล่นจนกว่าร่างกายของตัวเองจะฝืนทนต่อไปไม่ไหว หลับแล้วก็ตื่นขึ้นมาทำแบบเดิมซ้ำลูปไปเรื่อยๆจนกว่าจะไม่สามารถลูปได้แค่นั้นเองครับ ถึงจะรู้ตัวว่าไร้สาระไร้แก่นสารไร้ค่ายังไงผมก็ไม่รู้สึกเสียดายในสิ่งที่ทำลงไปเท่าไหร่นะครับ แล้วถ้าเลือกได้ให้เริ่มใหม่หรือไปรักษาผมก็คงไม่ไปหรือเลือกทำแบบเดิมนี่แหละครับเพราะรู้สึกว่าพอใจกับชีวิตไร้แก่นสารตอนนี้พอสมควร
ก็จบแล้วครับสำหรับแชร์ประสบการณ์ไร้สาระของฮิกกี้ที่ติดอยู่ในห้องคนหนึ่ง หวังว่าทุกท่านที่อ่านจบแล้วจะสอนลูกสอนหลานอย่าให้มาเป็นแบบผมนะครับ