ช้าไปหน่อย พึ่งมีเวลาเขียนถึงค่ะ
กะว่าปีนี้จะลองอัพเดทตารางวีคต่อวีคดู พึ่งมานึกได้เอาตอนวีค 6 - 7 แล้ว
ลองดูๆกันไปนะคะ ขออนุญาตินับแมทช์เดย์จากอังกฤษเป็นหลักนะคะ เพราะบางทีมก็ล่วงหน้าไปที่ วีค 8 แล้ว
English Premier League
Liverpool 2 : 1 West Bromwich Albion
- ลิเวอร์พูลอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาแข่งมา 6 นัดพึ่งชนะมาแค่ 2 ครั้งและรูปเกมของทีมก็ดูไม่น่าไว้วางใจสำหรับเกมต่อๆไปเลย การขาดหลุยส์ ซัวเรซคือปัญหาหนัก ที่ทำให้ทีมไม่สามารถจบสกอร์ที่ควรได้อย่างใจคิด สัปดาห์นี้เขาต้องเจอเวสบรอมฯ ที่มีแต้มมากกว่าเสียอีก เกมนี้เลยไม่มีอะไรแน่นอนนอกจากความได้เปรียบจากเกมในบ้านที่แอนด์ฟิลด์ และตัวผู้เล่นที่ดูจะมีทักษะเฉพาะตัวมากกว่า
รูปเกมโดยรวม : นึกไม่ออกบอกเฮนโด้
สัปดาห์นี้ลิเวอร์พูลยังทรงบอลเดิมคือ พวกเขาพยายามทำเกมจากแดนกลาง มากกว่าเน้นเกมรุกของกองหน้า น่าเสียดายที่กองหน้าที่มี ณ ปัจจุบัน ไม่สามารถสร้างความน่ากลัวในเกมรุกได้เลย ทำให้แดนกลางต้องเหนื่อยเปล่า และ รับภาระหนักในหลายๆจังหวะ (ปั้นแล้วปั้นอีก)
อันที่จริง ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่มีอัตราครองบอลสูงในหลายๆเกม แต่ปัญหาของพวกเขาคือ ครองอย่างเดียว แต่ทำอะไรไม่ค่อยได้ กับเกมนี้ในครึ่งแรก ลิเวอร์พูลเองก็ดูเหมือนจะเป็นฝ่ายคุมเกมได้หมด แต่เกือบทุกครั้งที่ทีมบุกก่อนถึงในแดน 3 จะหน่วงช้าไป 1 จังหวะจนเหลือเวลาพอให้ เวสบรอมฯลงมาเซตทันได้ทุกครั้ง นั่นเพราะพวกเขายังห่วงเซตบอลกันมากเกินไป แม้ลูกแรกของ อดัม ลัลาน่า จะเป็นการปลดล้อคความกดดันของเขาได้เป็นอย่างดี และการประสานงานกันกับ เฮนเดอร์สันจะดูดีมาก แต่มันก็วัดอะไรในเกมนี้ไม่ได้เลย (ในแง่ของฟอร์มโดยรวมของทีม)
เวสบรอมฯไม่มีโอกาสได้ทำเกมบุกขึ้นมามากนัก แม้จะมีช่วงที่หลุดออกมาบ้างก็ดูไม่น่าหวาดเสียวอะไร แต่ในจังหวะที่พวกเขาบุกขึ้นมาเราจะพบว่า กองหลังไปเซตตัวกันอยู่ตรงกลางสนามทุกครั้ง เวสบรอมฯจึงชอบเปิดบอลยาวมากในเกมนี้ (เปิดทีถึงตัวมิโยเลต์เลย) ทำให้กองหลังจึงมักลงมาเซตเกมไม่ทันเท่าไร
แม้ลิเวอร์พูลจะทำเกมบุกได้มาก แต่อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า พวกเขาไม่สามารถจบสกอร์ได้เท่าที่ควร นั่นก็แปลออกได้กลายๆว่า เล่นรอโดนยิงกลับเท่านั้นเอง ประตูที่เสีย 1 มาจากลูกจุดโทษ และโชคดีอย่างมากที่ เฮนโด้ได้สำแดงอิทธิฤทธิ์ ยิงให้อีก 1 ประตู ก่อนจะจบเกมด้วยชัยชนะที่รอคอย
Man Of The Match : Jordan Henderson
- 1 ประตู 1 แอสซิท

แม้ไม่อาจเรียกได้เต็มปากว่า จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เป็นคนแบกทีม แต่ 2-3 นัดล่าสุดได้พิสูจน์แล้วว่า ความขยันและพลังความมุ่งมั่นก็ผลิดอกออกผลของมันแล้วเหมือนกัน เกมนี้เฮนโด้ยังคงเล่นตามสไตล์ของเขาคือ หน้าที่มดงาน คอยวิ่งเติมเกมรุก หาช่องคอยผ่านบอล สอดบอล แต่ปัญหาที่อาจต้องให้เวลาช่วยจัดการคือ ความกล้าเล่นและความมั่นใจในสนาม ที่นักเตะดูยังไม่ค่อยกล้าพาบอลไปเล่นด้วยตัวเองแม้จะมีโอกาส ทำให้เกมถ่วงช้าไปในบางจังหวะ จากที่ก่อนหน้านี้เคยตำหนิว่า เขาเล่นบอลเป็นหุ่นยนต์มากเกินไป คือ ขยันอย่างเดียว และไม่ค่อยมีจินตนาการ นัดนี้เฮนโด้แสดงให้เห็นว่า เขาก็อยู่ถูกที่ถูกเวลาได้เหมือนกัน และอ่านเกมล่วงหน้าด้วยเป็นบางหน (จังหวะเติมเกมขึ้นไปขอบอลเจอร์ราร์ด แต่เจอร์ราร์ดดันส่งให้โอ้ไปยิงแป้ก)
[Matchday 7] อัพเดทตารางคะแนนจากทุกลีก และ รีวิวสั้น Liverpool / Ajax / Real Madrid
กะว่าปีนี้จะลองอัพเดทตารางวีคต่อวีคดู พึ่งมานึกได้เอาตอนวีค 6 - 7 แล้ว
ลองดูๆกันไปนะคะ ขออนุญาตินับแมทช์เดย์จากอังกฤษเป็นหลักนะคะ เพราะบางทีมก็ล่วงหน้าไปที่ วีค 8 แล้ว
Liverpool 2 : 1 West Bromwich Albion
- ลิเวอร์พูลอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาแข่งมา 6 นัดพึ่งชนะมาแค่ 2 ครั้งและรูปเกมของทีมก็ดูไม่น่าไว้วางใจสำหรับเกมต่อๆไปเลย การขาดหลุยส์ ซัวเรซคือปัญหาหนัก ที่ทำให้ทีมไม่สามารถจบสกอร์ที่ควรได้อย่างใจคิด สัปดาห์นี้เขาต้องเจอเวสบรอมฯ ที่มีแต้มมากกว่าเสียอีก เกมนี้เลยไม่มีอะไรแน่นอนนอกจากความได้เปรียบจากเกมในบ้านที่แอนด์ฟิลด์ และตัวผู้เล่นที่ดูจะมีทักษะเฉพาะตัวมากกว่า
สัปดาห์นี้ลิเวอร์พูลยังทรงบอลเดิมคือ พวกเขาพยายามทำเกมจากแดนกลาง มากกว่าเน้นเกมรุกของกองหน้า น่าเสียดายที่กองหน้าที่มี ณ ปัจจุบัน ไม่สามารถสร้างความน่ากลัวในเกมรุกได้เลย ทำให้แดนกลางต้องเหนื่อยเปล่า และ รับภาระหนักในหลายๆจังหวะ (ปั้นแล้วปั้นอีก)
อันที่จริง ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่มีอัตราครองบอลสูงในหลายๆเกม แต่ปัญหาของพวกเขาคือ ครองอย่างเดียว แต่ทำอะไรไม่ค่อยได้ กับเกมนี้ในครึ่งแรก ลิเวอร์พูลเองก็ดูเหมือนจะเป็นฝ่ายคุมเกมได้หมด แต่เกือบทุกครั้งที่ทีมบุกก่อนถึงในแดน 3 จะหน่วงช้าไป 1 จังหวะจนเหลือเวลาพอให้ เวสบรอมฯลงมาเซตทันได้ทุกครั้ง นั่นเพราะพวกเขายังห่วงเซตบอลกันมากเกินไป แม้ลูกแรกของ อดัม ลัลาน่า จะเป็นการปลดล้อคความกดดันของเขาได้เป็นอย่างดี และการประสานงานกันกับ เฮนเดอร์สันจะดูดีมาก แต่มันก็วัดอะไรในเกมนี้ไม่ได้เลย (ในแง่ของฟอร์มโดยรวมของทีม)
เวสบรอมฯไม่มีโอกาสได้ทำเกมบุกขึ้นมามากนัก แม้จะมีช่วงที่หลุดออกมาบ้างก็ดูไม่น่าหวาดเสียวอะไร แต่ในจังหวะที่พวกเขาบุกขึ้นมาเราจะพบว่า กองหลังไปเซตตัวกันอยู่ตรงกลางสนามทุกครั้ง เวสบรอมฯจึงชอบเปิดบอลยาวมากในเกมนี้ (เปิดทีถึงตัวมิโยเลต์เลย) ทำให้กองหลังจึงมักลงมาเซตเกมไม่ทันเท่าไร
แม้ลิเวอร์พูลจะทำเกมบุกได้มาก แต่อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า พวกเขาไม่สามารถจบสกอร์ได้เท่าที่ควร นั่นก็แปลออกได้กลายๆว่า เล่นรอโดนยิงกลับเท่านั้นเอง ประตูที่เสีย 1 มาจากลูกจุดโทษ และโชคดีอย่างมากที่ เฮนโด้ได้สำแดงอิทธิฤทธิ์ ยิงให้อีก 1 ประตู ก่อนจะจบเกมด้วยชัยชนะที่รอคอย
Man Of The Match : Jordan Henderson
- 1 ประตู 1 แอสซิท
แม้ไม่อาจเรียกได้เต็มปากว่า จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เป็นคนแบกทีม แต่ 2-3 นัดล่าสุดได้พิสูจน์แล้วว่า ความขยันและพลังความมุ่งมั่นก็ผลิดอกออกผลของมันแล้วเหมือนกัน เกมนี้เฮนโด้ยังคงเล่นตามสไตล์ของเขาคือ หน้าที่มดงาน คอยวิ่งเติมเกมรุก หาช่องคอยผ่านบอล สอดบอล แต่ปัญหาที่อาจต้องให้เวลาช่วยจัดการคือ ความกล้าเล่นและความมั่นใจในสนาม ที่นักเตะดูยังไม่ค่อยกล้าพาบอลไปเล่นด้วยตัวเองแม้จะมีโอกาส ทำให้เกมถ่วงช้าไปในบางจังหวะ จากที่ก่อนหน้านี้เคยตำหนิว่า เขาเล่นบอลเป็นหุ่นยนต์มากเกินไป คือ ขยันอย่างเดียว และไม่ค่อยมีจินตนาการ นัดนี้เฮนโด้แสดงให้เห็นว่า เขาก็อยู่ถูกที่ถูกเวลาได้เหมือนกัน และอ่านเกมล่วงหน้าด้วยเป็นบางหน (จังหวะเติมเกมขึ้นไปขอบอลเจอร์ราร์ด แต่เจอร์ราร์ดดันส่งให้โอ้ไปยิงแป้ก)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้