ยังคงถกเถียงกันไม่จบสำหรับกรณีนี้ จขกท ไปเจอบทความอันนีงจึงขอแบ่งปันข้อมูลอีกด้านให้ได้รู้บ้าง
สิ่งที่จขกทสงสัย ตรงกับข้อความตอนนึงของบทความนี้คือ
ช่อง 3 คิดว่ามติในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ให้ช่องอนาล็อคเดิมหมดสภาพเป็นฟรีทีวี ของ กสท. 5 คน นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากช่อง 3 เป็นฟรีทีวีตั้งแต่เกิด ทำรายการโดยไม่เก็บเงินค่าดูจากผู้ชม จนถึงปัจจุบันยังคงทำธุรกิจเดิมอยู่ ทำไม กสท. มาบอกว่าช่อง 3 ไม่ใช่ฟรีทีวี ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการจานดาวเทียมและเคเบิลไม่สามารถนำรายการออกในช่องทางดาวเทียมและเคเบิลได้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
https://amtjirat.wordpress.com/2014/09/27/ช่อง-3-จอดับ/
ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมามีประเด็นข่าวว่าช่อง 3 จะดูไม่ได้บ้าง ช่อง 3 จอดำ จอดับ บ้าง หลายคนทั้งฟังและดูข่าวก็ยังสับสนว่าจริงๆแล้วเรื่องเป็นมาอย่างไร ทำไมคู่พิพาทจึงเกิดขึ้นระหว่างผู้ประกอบการและผู้กำกับดูแลกิจการ (กสทช.)? การเปลี่ยนผ่านทีวีอนาล็อคไปสู่ทีวีดิจิตอลของประเทศไทยจึงมีข้อโต้แย้งกันระหว่างการเปลี่ยนผ่าน? ใครเป็นคนจับผู้ชมเป็นตัวประกัน ? ซึ่งถามกันมามาก
ข้อมูลเบื้องต้น: ความเดิมอุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทย
ช่องอนาล็อคเดิม (3 5 7 9 11 tpbs) ได้สิทธิ์ออกอากาศผ่านสถานีส่งภาคพื้นดินระบบอนาล็อค ซึ่งตามบ้านเรือนดูผ่านเสาหนวดกุ้งก้างปลา ต่อมามีจานดาวเทียม (PSI, จานแดง จานเหลือง จานส้มฯลฯ) และเคเบิล (Truevision, CTH, เคเบิลท้องถิ่น) ซึ่งเกี่ยวเอาสัญญาณช่องอนาล็อคเดิมไปออกในโครงข่ายตัวเอง โดยไม่ได้จ่ายค่าลิขสิทธิ์ใดๆให้ช่องอนาล็อคเดิม เพราะถือว่าเป็นฟรีทีวี และสมประโยชน์กันที่ทำให้มีช่องทางการรับชมเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันผู้ชมดูทีวีที่เป็นฟรีทีวีผ่าน 3 ช่องทางหลัก คือ 1) ผ่านเสาหนวดกุ้งก้างปลา 30% 2) ผ่านทางจานดาวเทียมและ 3) ผ่านทางเคเบิล รวมกัน 70%
ต่อมาในเดือนธันวาคม 2556 มีการประมูลทีวีดิจิตอลโดย กสทช. เกิดช่องทีวีดิจิตอลประเภทธุรกิจใหม่ 24 ช่อง ออกอากาศผ่านสถานีส่งภาคพื้นดินระบบดิจิตอลที่เรียกว่า “MUX” ด้านผู้ชมต้องดูผ่านเครื่องทีวีดิจิตอลหรือเครื่องทีวีเดิมร่วมกับกล่องดิจิตอล (ที่กำลังจะแจกคูปองอุดหนุน 690บาท) จึงมีคนดูผ่านช่องทางนี้น้อยมาก จากการที่โครงข่าย MUX เพิ่งเริ่มทำโครงข่ายได้ไม่นานและยังไม่ครอบคลุมเท่าสถานีส่งภาคพื้นดินระบบอนาล็อค และอุปกรณ์การรับชมเองยังไม่พร้อม
แต่ กสทช.ต้องการส่งเสริมให้คนดูผ่านช่องทางใหม่นี้ โดยการแจกคูปองอุดหนุนซื้อเครื่องทีวีใหม่หรือซื้อกล่องดิจิตอล ถ้าดูจากรูปด้านล่างจะเป็นส่วนของ “รับชมด้วยระบบดิจิตอล”
dtv channel
นอกจากช่องทางการรับชมด้วยระบบดิจิตอลแล้ว ในเดือนกรกฎาคม 2555 กสทช. ออกกฎ Must Carry ให้ช่องทางดาวเทียมและเคเบิล ต้องนำฟรีทีวีทั้งหมดไปออกอากาศด้วย ซึ่งมี 6 ช่องอนาล็อคเดิม (3 5 7 9 11 tpbs) และ 28 ช่องทีวีดิจิตอลใหม่ (4ช่องสาธารณะ+24ช่องธุรกิจ) ถ้าดูจากรูปด้านบนจะเป็นส่วนของ “รับชมผ่านระบบดาวเทียมและเคเบิล” ตรงนี้ทำให้มีผู้ชมสามารถดูทีวีดิจิตอลได้ทันที 70% โดยยังไม่ต้องแจกคูปอง
อย่างไรก็ตาม เจตนาตอนทำกฎ Must carry ตอนปี 2555 นั้น คือไม่ให้ช่องทางดาวเทียมและเคเบิลจอดำ จากกรณีฟรีทีวีซื้อรายการกีฬาที่มีลิขสิทธ์ นำมาออกทางช่องฟรีทีวี แต่ฟรีทีวีไม่อนุญาตให้จานดาวเทียมและเคเบิลเกี่ยวสัญญาณนำไปออกในช่วงแข่งขันกีฬานั้น ซึ่งประกาศนี้มีข้อโต้แย้งจากนักวิชาการและผู้เกี่ยวข้องพอสมควร แต่ขอไม่พูดถึง ณ.ที่นี้
แก่นของปัญหาข้อพิพาทช่อง 3
ปัญหากรณีช่อง 3 คือ กสท. (ดูแลกิจการโทรทัศน์ มี กก.5คน) มีมติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ให้ ช่องอนาล็อคเดิม หมดสภาพการเป็นฟรีทีวี โดยอาศัยบทบัญญัติในกฎ Must Carry มีผลในตัวบทในเชิงตรรกะ ทำให้ช่องอนาล็อคเดิม ไม่สามารถนำรายการออกในช่องทางดาวเทียมและเคเบิลที่มีคนดูอยู่ 70% ได้ ทั้งๆที่เจตนาตอนทำกฎ Must carry นี้ คือไม่ให้ช่องทางดาวเทียมและเคเบิลจอดำ กลับกลายเป็นกฎ Must not Carry ไปโดยปริยาย
ปัญหามาอยู่ที่ช่อง 3 ช่องเดียว เพราะช่องอนาล็อคเดิมอื่นๆ 5 ช่อง ออกอากาศคู่ขนานทั้งอนาล็อคและดิจิตอลพร้อมๆกัน ทำให้ถึงแม้ช่องอนาล็อคถูกตัดออกจากช่องทางดาวเทียมและเคเบิลแต่ยังสามารถดูผ่านช่องดิจิตอลที่ยังได้สิทธ์เป็นฟรีทีวีอยู่ ทำให้ดูผ่านช่องทางดาวเทียมและเคเบิลได้อยู่ ขณะที่ช่อง 3 ไม่ได้นำรายการอนาล็อคไปออกทางช่อง 3 ดิจิตอล
ทางด้าน กสท.บอกว่าตรงนี้ไม่กระทบสิทธิ์ช่อง 3 อนาล็อคเดิม ยังสามารถออกอากาศภาคพื้นดินระบบอนาล็อคได้อยู่จนถึงปี 2563 ส่วนช่อง 3 ดิจิตอล (มีช่องเด็ก13 ช่องSD28 และช่องHD33) ยังได้สิทธิ์เป็นฟรีทีวีอยู่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
แต่ในมุมช่อง3 อนาล็อคเดิม ตรงนี้จะได้รับผลกระทบในแง่การเข้าถึงผู้ชม จากเดิมคนดูช่อง 3 อนาล็อคได้ 100% จะหายไป 70% ซึ่งน่าจะกระทบต่อบริษัทมาก
ปัญหาจากการมองต่างมุม
ch3 vs nbtc
ภาพจากไทยรัฐออนไลน์
http://www.thairath.co.th/
ในมุม กสท. ที่มีมติในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ให้ช่องอนาล็อคเดิมหมดสภาพเป็นฟรีทีวี ตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่ามีเจตนาอะไร? แต่คาดเดาเอาเองจากการให้สัมภาษณ์ของผู้เกี่ยวข้องทั้ง กรรมการ กสท.บางท่าน และผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล คือ ต้องการให้ช่อง 3 นำเนื้อหารายการช่อง 3 อนาล็อคเดิม ไปออกในช่องHD33 ในระบบดิจิตอล เป็นการส่งเสริมให้ช่องทางการรับชมด้วยระบบดิจิตอล (ผ่านเครื่องทีวีดิจิตอลหรือเครื่องทีวีเดิมร่วมกับกล่องดิจิตอล) เกิดได้อย่างราบรื่นขึ้น ยกตัวอย่างเช่นเมื่อ กสทช.แจกคูปองให้ชาวบ้านไปซื้อกล่องดิจิตอล ถ้าไปซื้อมาแล้วไม่มีรายการ ช่อง3 (ที่มีละคร หรือข่าวสรยุทธ) ที่คนคุ้นเคยกัน จะมีปัญหาที่ชาวบ้านจะไม่อยากได้กล่องดิจิตอลใหม่ อยากดูแบบเดิมมากกว่า ทางเลือกที่ กสท. อยากให้ช่อง 3 เลือกเดินมี 2 เส้นทางที่ถูกต้องตามกรอบกฎหมายที่วางไว้คือ
1) นำรายการช่อง 3 อนาล็อคออกอากาศในช่องทางดิจิตอลด้วย จะทำให้ผู้ชมจากจานดาวเทียมและเคเบิลสามารถชมรายการละคร หรือข่าวช่อง 3 ผ่านช่องทีวีดิจิตอล HD33
2) ขอใบอนุญาตทีวีดาวเทียมและเคเบิลเพิ่มเติมแล้วจะสามารถออกอากาศทางจานดาวเทียมและเคเบิลได้ ถึงแม้จะถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้จานดาวเทียมและเคเบิลเกี่ยวเอาสัญญาณได้ออกตามเงื่อนไขฟรีทีวีจากมติในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 แต่ทางเลือกนี้ ช่อง 3 ต้องลดเวลาโฆษณาลงเหลือชั่วโมงละ 6 นาที จากเดิมที่มีได้ 10นาที
ในมุม ช่อง3 ต้องการทำเนื้อหารายการช่อง 3 อนาล็อคและช่อง 3 ดิจิตอลให้แตกต่างกัน ขณะที่ก่อนการประมูลที่เกิดขึ้น เดือนธันวาคม 2556 ไม่มีหลักเกณฑ์ใดบอกว่า ผู้ประกอบการรายเดิมที่ประมูลช่องดิจิตอลใหม่ได้ ต้องนำเนื้อหารายการจากช่องเดิมมาออกในระบบดิจิตอล และการมีมติในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ว่าช่อง3 เดิมหมดสภาพเป็นฟรีทีวี ซึ่งการยุติการเป็นฟรีทีวีนี้ในหลายคนเข้าใจว่าจะยุติพร้อมๆกับการสิ้นสุดสัมปทานของช่อง 3 ในปี 2563 ไม่คิดว่า กสท.จะเลือกยุติตั้งแต่เริ่มต้นออกอากาศทีวีดิจิตอลภาคพื้นดินซึ่งยังไม่มีความพร้อม กว่า MUX จะดำเนินการขยายโครงข่ายแล้วเสร็จต้องใช้เวลา 3-4 ปีข้างหน้า
แม้จะไม่ได้บังคับกับช่อง 3 โดยตรง (ยังออกอากาศได้ตามปกติ) แต่มีผลบังคับกับดาวเทียมและเคเบิลไม่สามารถนำช่อง 3 เกี่ยวสัญญาณเข้าไปในโครงข่ายได้ ซึ่งช่อง3 เห็นว่ากระทบกับจำนวนผู้ชมมากถึง 70% ของตนเอง จึงร้องศาลปกครองว่าที่ กสท.มีมติให้ช่อง 3 เดิมหมดสภาพเป็นฟรีทีวีนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ในมุม ผู้ประกอบการดาวเทียมและเคเบิล เดือดร้อนไปร้องต่อ กสท. และศาลปกครองเช่นกัน เพราะถ้าช่อง 3 อนาล็อคนำไปออกอากาศให้ลูกค้าของตนเองไม่ได้ ทั้งๆที่เดิมตอนทำสัญญาซื้อบริการเคเบิลหรือตอนซื้อกล่องดาวเทียมสามารถดูได้ เกิดดูไม่ได้ขึ้นมาจะมีปัญหากับผู้บริโภค ซึ่งผู้ที่ต้องอธิบายให้ผู้ชมเข้าใจรายแรกคือผู้ประกอบการจานดาวเทียมและเคเบิล
เมื่อพิจารณาจากหลักประโยชน์สาธารณะ
เนื่องจากเป็นข้อโต้แย้งระหว่างผู้ประกอบการ กับ ผู้กำกับดูแลกิจการ (Regulator) ซึ่งตามกฎหมายให้อำนาจออกกฎเกณฑ์ต่างๆได้เอง อย่างเบ็ดเสร็จ ดังนั้นถ้าพูดกันเรื่องการทำตามกฎกติกา ช่อง 3 แพ้ทุกประตู ตัวอย่างจากกรณีนี้ กสท.ใช้มติของ กรรมการ 5 คน สามารถออกกฎทางปกครองซึ่งมีผลใช้กับผู้ประกอบการทุกราย
ช่อง 3 คิดว่ามติในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ให้ช่องอนาล็อคเดิมหมดสภาพเป็นฟรีทีวี ของ กสท. 5 คน นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากช่อง 3 เป็นฟรีทีวีตั้งแต่เกิด ทำรายการโดยไม่เก็บเงินค่าดูจากผู้ชม จนถึงปัจจุบันยังคงทำธุรกิจเดิมอยู่ ทำไม กสท. มาบอกว่าช่อง 3 ไม่ใช่ฟรีทีวี ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการจานดาวเทียมและเคเบิลไม่สามารถนำรายการออกในช่องทางดาวเทียมและเคเบิลได้ เปรียบเปรยว่า ช่อง3 เกิดมาเป็นผู้ชาย พออายุครบ 45 ปี จะไปทำบัตรประชาชนใหม่ เจ้าหน้าที่เขตจัดทำบัตรประชาชนให้ใหม่โดยระบุคำนำหน้าชื่อจากนายเปลี่ยนเป็นนางหรือนางสาว เป็นต้น ซึ่งประเด็นนี้ช่อง 3 เห็นว่าไม่ถูกต้องและได้ร้องต่อศาลปกครองแล้ว คงต้องรอคำวิฉัยของศาลต่อกรณีนี้ออกมาก่อน จึงไม่ขอมีความเห็นต่อกรณีนี้
ความซับซ้อนต่อกรณีนี้คือ ถ้าช่อง 3 เป็นธุรกิจทั่วๆไป มีคดีความกับเจ้าหน้าที่รัฐ คงรอให้ศาลพิจารณาคดีเป็นที่สิ้นสุด ผู้ใดทำผิดกฎหมายต้องรับผิดชอบกันไป คงไม่มีประเด็นให้ต้องถกกัน แต่กรณีนี้ธุรกิจของช่อง 3 ถือเป็นบริการสาธารณะอย่างหนึ่ง
กสท. มีอำนาจการกำกับดูแลกิจการต่อผู้ประกอบการเป็นหน้าที่หนึ่ง ขณะที่ความรับผิดชอบต่อสิทธิของผู้ชมเป็นอีกหน้าที่หนึ่ง และควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากหมายถึงผู้คนจำนวนมากซึ่งใช้บริการนี้อยู่ ถ้าผลของคำสั่ง กสท. บังคับใช้จริงทำให้บริการที่เป็นสาธารณะต้องหยุดชะงักลง ผู้ชมจำนวนมากอาจได้รับผลกระทบ ผมจึงมีความเห็นเอนเอียงไปทางดูแลสิทธิของผู้ชมเป็นหลักสำคัญ
ขณะที่การพิจารณาของศาลยังไม่แล้วเสร็จ ยังมีประเด็นความชอบทางกฎหมายต่อมติในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 กสท. ควรดำเนินการอย่างไรต่อมติของตนเอง ควรบังคับใช้เลยหรือไม่? ประเด็นคือ กสท.ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างกรอบเวลาการบังคับใช้กฎที่กำหนดขึ้น หรือ ดูแลประโยชน์สาธารณะเป็นหลักสำคัญ ซึ่งหากเห็นว่ากฎที่ตนกำหนดสำคัญและต้องเร่งรัดการบังคับใช้ จะเลือกแนวทางการบังคับใช้กฎเช่นที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน แต่หากให้ความสำคัญต่อประโยชน์สาธารณะ กสท.ควรชะลอการบังคับใช้กฎออกไปหรือไม่ เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ชมประมาณ 70% ของประเทศที่อาจถูกละเมิดสิทธิ์ต่อกรณีดังกล่าว
หรือจะยกหน้าที่การกำกับดูแลกิจการไปไว้ที่ศาลปกครองพิจารณาว่าจะทุเลาการบังคับใช้กฎหรือไม่
ทิ้งท้าย
ประเด็นกฎหมายที่ฟ้องร้องกัน ให้ช่องอนาล็อคเดิมหมดสภาพเป็นฟรีทีวีนั้น เป็นประเด็นที่อยู่ในศาล ซึ่งศาลคงพิจารณาถึงความชอบทางกฎหมายของกฎทางปกครองดังกล่าวว่าตรงตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้เท่านั้น
ส่วนประเด็นที่น่าสนใจอีกประเด็นคือความเหมาะสมของประกาศ Must Carry และความเหมาะสมของการมีมติดังกล่าว ศาลปกครองอาจไม่พิจารณาครอบคลุมในส่วนนี้ และเป็นประเด็นที่ต้องอธิบายความกันมากพอสมควร จึงขอยกไว้อธิบายกันในคราวต่อไป
แก่นข้อพิพาทกรณีช่อง3 ดำ
สิ่งที่จขกทสงสัย ตรงกับข้อความตอนนึงของบทความนี้คือ
ช่อง 3 คิดว่ามติในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ให้ช่องอนาล็อคเดิมหมดสภาพเป็นฟรีทีวี ของ กสท. 5 คน นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากช่อง 3 เป็นฟรีทีวีตั้งแต่เกิด ทำรายการโดยไม่เก็บเงินค่าดูจากผู้ชม จนถึงปัจจุบันยังคงทำธุรกิจเดิมอยู่ ทำไม กสท. มาบอกว่าช่อง 3 ไม่ใช่ฟรีทีวี ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการจานดาวเทียมและเคเบิลไม่สามารถนำรายการออกในช่องทางดาวเทียมและเคเบิลได้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
https://amtjirat.wordpress.com/2014/09/27/ช่อง-3-จอดับ/
ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมามีประเด็นข่าวว่าช่อง 3 จะดูไม่ได้บ้าง ช่อง 3 จอดำ จอดับ บ้าง หลายคนทั้งฟังและดูข่าวก็ยังสับสนว่าจริงๆแล้วเรื่องเป็นมาอย่างไร ทำไมคู่พิพาทจึงเกิดขึ้นระหว่างผู้ประกอบการและผู้กำกับดูแลกิจการ (กสทช.)? การเปลี่ยนผ่านทีวีอนาล็อคไปสู่ทีวีดิจิตอลของประเทศไทยจึงมีข้อโต้แย้งกันระหว่างการเปลี่ยนผ่าน? ใครเป็นคนจับผู้ชมเป็นตัวประกัน ? ซึ่งถามกันมามาก
ข้อมูลเบื้องต้น: ความเดิมอุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทย
ช่องอนาล็อคเดิม (3 5 7 9 11 tpbs) ได้สิทธิ์ออกอากาศผ่านสถานีส่งภาคพื้นดินระบบอนาล็อค ซึ่งตามบ้านเรือนดูผ่านเสาหนวดกุ้งก้างปลา ต่อมามีจานดาวเทียม (PSI, จานแดง จานเหลือง จานส้มฯลฯ) และเคเบิล (Truevision, CTH, เคเบิลท้องถิ่น) ซึ่งเกี่ยวเอาสัญญาณช่องอนาล็อคเดิมไปออกในโครงข่ายตัวเอง โดยไม่ได้จ่ายค่าลิขสิทธิ์ใดๆให้ช่องอนาล็อคเดิม เพราะถือว่าเป็นฟรีทีวี และสมประโยชน์กันที่ทำให้มีช่องทางการรับชมเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันผู้ชมดูทีวีที่เป็นฟรีทีวีผ่าน 3 ช่องทางหลัก คือ 1) ผ่านเสาหนวดกุ้งก้างปลา 30% 2) ผ่านทางจานดาวเทียมและ 3) ผ่านทางเคเบิล รวมกัน 70%
ต่อมาในเดือนธันวาคม 2556 มีการประมูลทีวีดิจิตอลโดย กสทช. เกิดช่องทีวีดิจิตอลประเภทธุรกิจใหม่ 24 ช่อง ออกอากาศผ่านสถานีส่งภาคพื้นดินระบบดิจิตอลที่เรียกว่า “MUX” ด้านผู้ชมต้องดูผ่านเครื่องทีวีดิจิตอลหรือเครื่องทีวีเดิมร่วมกับกล่องดิจิตอล (ที่กำลังจะแจกคูปองอุดหนุน 690บาท) จึงมีคนดูผ่านช่องทางนี้น้อยมาก จากการที่โครงข่าย MUX เพิ่งเริ่มทำโครงข่ายได้ไม่นานและยังไม่ครอบคลุมเท่าสถานีส่งภาคพื้นดินระบบอนาล็อค และอุปกรณ์การรับชมเองยังไม่พร้อม
แต่ กสทช.ต้องการส่งเสริมให้คนดูผ่านช่องทางใหม่นี้ โดยการแจกคูปองอุดหนุนซื้อเครื่องทีวีใหม่หรือซื้อกล่องดิจิตอล ถ้าดูจากรูปด้านล่างจะเป็นส่วนของ “รับชมด้วยระบบดิจิตอล”
dtv channel
นอกจากช่องทางการรับชมด้วยระบบดิจิตอลแล้ว ในเดือนกรกฎาคม 2555 กสทช. ออกกฎ Must Carry ให้ช่องทางดาวเทียมและเคเบิล ต้องนำฟรีทีวีทั้งหมดไปออกอากาศด้วย ซึ่งมี 6 ช่องอนาล็อคเดิม (3 5 7 9 11 tpbs) และ 28 ช่องทีวีดิจิตอลใหม่ (4ช่องสาธารณะ+24ช่องธุรกิจ) ถ้าดูจากรูปด้านบนจะเป็นส่วนของ “รับชมผ่านระบบดาวเทียมและเคเบิล” ตรงนี้ทำให้มีผู้ชมสามารถดูทีวีดิจิตอลได้ทันที 70% โดยยังไม่ต้องแจกคูปอง
อย่างไรก็ตาม เจตนาตอนทำกฎ Must carry ตอนปี 2555 นั้น คือไม่ให้ช่องทางดาวเทียมและเคเบิลจอดำ จากกรณีฟรีทีวีซื้อรายการกีฬาที่มีลิขสิทธ์ นำมาออกทางช่องฟรีทีวี แต่ฟรีทีวีไม่อนุญาตให้จานดาวเทียมและเคเบิลเกี่ยวสัญญาณนำไปออกในช่วงแข่งขันกีฬานั้น ซึ่งประกาศนี้มีข้อโต้แย้งจากนักวิชาการและผู้เกี่ยวข้องพอสมควร แต่ขอไม่พูดถึง ณ.ที่นี้
แก่นของปัญหาข้อพิพาทช่อง 3
ปัญหากรณีช่อง 3 คือ กสท. (ดูแลกิจการโทรทัศน์ มี กก.5คน) มีมติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ให้ ช่องอนาล็อคเดิม หมดสภาพการเป็นฟรีทีวี โดยอาศัยบทบัญญัติในกฎ Must Carry มีผลในตัวบทในเชิงตรรกะ ทำให้ช่องอนาล็อคเดิม ไม่สามารถนำรายการออกในช่องทางดาวเทียมและเคเบิลที่มีคนดูอยู่ 70% ได้ ทั้งๆที่เจตนาตอนทำกฎ Must carry นี้ คือไม่ให้ช่องทางดาวเทียมและเคเบิลจอดำ กลับกลายเป็นกฎ Must not Carry ไปโดยปริยาย
ปัญหามาอยู่ที่ช่อง 3 ช่องเดียว เพราะช่องอนาล็อคเดิมอื่นๆ 5 ช่อง ออกอากาศคู่ขนานทั้งอนาล็อคและดิจิตอลพร้อมๆกัน ทำให้ถึงแม้ช่องอนาล็อคถูกตัดออกจากช่องทางดาวเทียมและเคเบิลแต่ยังสามารถดูผ่านช่องดิจิตอลที่ยังได้สิทธ์เป็นฟรีทีวีอยู่ ทำให้ดูผ่านช่องทางดาวเทียมและเคเบิลได้อยู่ ขณะที่ช่อง 3 ไม่ได้นำรายการอนาล็อคไปออกทางช่อง 3 ดิจิตอล
ทางด้าน กสท.บอกว่าตรงนี้ไม่กระทบสิทธิ์ช่อง 3 อนาล็อคเดิม ยังสามารถออกอากาศภาคพื้นดินระบบอนาล็อคได้อยู่จนถึงปี 2563 ส่วนช่อง 3 ดิจิตอล (มีช่องเด็ก13 ช่องSD28 และช่องHD33) ยังได้สิทธิ์เป็นฟรีทีวีอยู่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
แต่ในมุมช่อง3 อนาล็อคเดิม ตรงนี้จะได้รับผลกระทบในแง่การเข้าถึงผู้ชม จากเดิมคนดูช่อง 3 อนาล็อคได้ 100% จะหายไป 70% ซึ่งน่าจะกระทบต่อบริษัทมาก
ปัญหาจากการมองต่างมุม
ch3 vs nbtc
ภาพจากไทยรัฐออนไลน์ http://www.thairath.co.th/
ในมุม กสท. ที่มีมติในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ให้ช่องอนาล็อคเดิมหมดสภาพเป็นฟรีทีวี ตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่ามีเจตนาอะไร? แต่คาดเดาเอาเองจากการให้สัมภาษณ์ของผู้เกี่ยวข้องทั้ง กรรมการ กสท.บางท่าน และผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล คือ ต้องการให้ช่อง 3 นำเนื้อหารายการช่อง 3 อนาล็อคเดิม ไปออกในช่องHD33 ในระบบดิจิตอล เป็นการส่งเสริมให้ช่องทางการรับชมด้วยระบบดิจิตอล (ผ่านเครื่องทีวีดิจิตอลหรือเครื่องทีวีเดิมร่วมกับกล่องดิจิตอล) เกิดได้อย่างราบรื่นขึ้น ยกตัวอย่างเช่นเมื่อ กสทช.แจกคูปองให้ชาวบ้านไปซื้อกล่องดิจิตอล ถ้าไปซื้อมาแล้วไม่มีรายการ ช่อง3 (ที่มีละคร หรือข่าวสรยุทธ) ที่คนคุ้นเคยกัน จะมีปัญหาที่ชาวบ้านจะไม่อยากได้กล่องดิจิตอลใหม่ อยากดูแบบเดิมมากกว่า ทางเลือกที่ กสท. อยากให้ช่อง 3 เลือกเดินมี 2 เส้นทางที่ถูกต้องตามกรอบกฎหมายที่วางไว้คือ
1) นำรายการช่อง 3 อนาล็อคออกอากาศในช่องทางดิจิตอลด้วย จะทำให้ผู้ชมจากจานดาวเทียมและเคเบิลสามารถชมรายการละคร หรือข่าวช่อง 3 ผ่านช่องทีวีดิจิตอล HD33
2) ขอใบอนุญาตทีวีดาวเทียมและเคเบิลเพิ่มเติมแล้วจะสามารถออกอากาศทางจานดาวเทียมและเคเบิลได้ ถึงแม้จะถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้จานดาวเทียมและเคเบิลเกี่ยวเอาสัญญาณได้ออกตามเงื่อนไขฟรีทีวีจากมติในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 แต่ทางเลือกนี้ ช่อง 3 ต้องลดเวลาโฆษณาลงเหลือชั่วโมงละ 6 นาที จากเดิมที่มีได้ 10นาที
ในมุม ช่อง3 ต้องการทำเนื้อหารายการช่อง 3 อนาล็อคและช่อง 3 ดิจิตอลให้แตกต่างกัน ขณะที่ก่อนการประมูลที่เกิดขึ้น เดือนธันวาคม 2556 ไม่มีหลักเกณฑ์ใดบอกว่า ผู้ประกอบการรายเดิมที่ประมูลช่องดิจิตอลใหม่ได้ ต้องนำเนื้อหารายการจากช่องเดิมมาออกในระบบดิจิตอล และการมีมติในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ว่าช่อง3 เดิมหมดสภาพเป็นฟรีทีวี ซึ่งการยุติการเป็นฟรีทีวีนี้ในหลายคนเข้าใจว่าจะยุติพร้อมๆกับการสิ้นสุดสัมปทานของช่อง 3 ในปี 2563 ไม่คิดว่า กสท.จะเลือกยุติตั้งแต่เริ่มต้นออกอากาศทีวีดิจิตอลภาคพื้นดินซึ่งยังไม่มีความพร้อม กว่า MUX จะดำเนินการขยายโครงข่ายแล้วเสร็จต้องใช้เวลา 3-4 ปีข้างหน้า
แม้จะไม่ได้บังคับกับช่อง 3 โดยตรง (ยังออกอากาศได้ตามปกติ) แต่มีผลบังคับกับดาวเทียมและเคเบิลไม่สามารถนำช่อง 3 เกี่ยวสัญญาณเข้าไปในโครงข่ายได้ ซึ่งช่อง3 เห็นว่ากระทบกับจำนวนผู้ชมมากถึง 70% ของตนเอง จึงร้องศาลปกครองว่าที่ กสท.มีมติให้ช่อง 3 เดิมหมดสภาพเป็นฟรีทีวีนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ในมุม ผู้ประกอบการดาวเทียมและเคเบิล เดือดร้อนไปร้องต่อ กสท. และศาลปกครองเช่นกัน เพราะถ้าช่อง 3 อนาล็อคนำไปออกอากาศให้ลูกค้าของตนเองไม่ได้ ทั้งๆที่เดิมตอนทำสัญญาซื้อบริการเคเบิลหรือตอนซื้อกล่องดาวเทียมสามารถดูได้ เกิดดูไม่ได้ขึ้นมาจะมีปัญหากับผู้บริโภค ซึ่งผู้ที่ต้องอธิบายให้ผู้ชมเข้าใจรายแรกคือผู้ประกอบการจานดาวเทียมและเคเบิล
เมื่อพิจารณาจากหลักประโยชน์สาธารณะ
เนื่องจากเป็นข้อโต้แย้งระหว่างผู้ประกอบการ กับ ผู้กำกับดูแลกิจการ (Regulator) ซึ่งตามกฎหมายให้อำนาจออกกฎเกณฑ์ต่างๆได้เอง อย่างเบ็ดเสร็จ ดังนั้นถ้าพูดกันเรื่องการทำตามกฎกติกา ช่อง 3 แพ้ทุกประตู ตัวอย่างจากกรณีนี้ กสท.ใช้มติของ กรรมการ 5 คน สามารถออกกฎทางปกครองซึ่งมีผลใช้กับผู้ประกอบการทุกราย
ช่อง 3 คิดว่ามติในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ให้ช่องอนาล็อคเดิมหมดสภาพเป็นฟรีทีวี ของ กสท. 5 คน นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากช่อง 3 เป็นฟรีทีวีตั้งแต่เกิด ทำรายการโดยไม่เก็บเงินค่าดูจากผู้ชม จนถึงปัจจุบันยังคงทำธุรกิจเดิมอยู่ ทำไม กสท. มาบอกว่าช่อง 3 ไม่ใช่ฟรีทีวี ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการจานดาวเทียมและเคเบิลไม่สามารถนำรายการออกในช่องทางดาวเทียมและเคเบิลได้ เปรียบเปรยว่า ช่อง3 เกิดมาเป็นผู้ชาย พออายุครบ 45 ปี จะไปทำบัตรประชาชนใหม่ เจ้าหน้าที่เขตจัดทำบัตรประชาชนให้ใหม่โดยระบุคำนำหน้าชื่อจากนายเปลี่ยนเป็นนางหรือนางสาว เป็นต้น ซึ่งประเด็นนี้ช่อง 3 เห็นว่าไม่ถูกต้องและได้ร้องต่อศาลปกครองแล้ว คงต้องรอคำวิฉัยของศาลต่อกรณีนี้ออกมาก่อน จึงไม่ขอมีความเห็นต่อกรณีนี้
ความซับซ้อนต่อกรณีนี้คือ ถ้าช่อง 3 เป็นธุรกิจทั่วๆไป มีคดีความกับเจ้าหน้าที่รัฐ คงรอให้ศาลพิจารณาคดีเป็นที่สิ้นสุด ผู้ใดทำผิดกฎหมายต้องรับผิดชอบกันไป คงไม่มีประเด็นให้ต้องถกกัน แต่กรณีนี้ธุรกิจของช่อง 3 ถือเป็นบริการสาธารณะอย่างหนึ่ง
กสท. มีอำนาจการกำกับดูแลกิจการต่อผู้ประกอบการเป็นหน้าที่หนึ่ง ขณะที่ความรับผิดชอบต่อสิทธิของผู้ชมเป็นอีกหน้าที่หนึ่ง และควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากหมายถึงผู้คนจำนวนมากซึ่งใช้บริการนี้อยู่ ถ้าผลของคำสั่ง กสท. บังคับใช้จริงทำให้บริการที่เป็นสาธารณะต้องหยุดชะงักลง ผู้ชมจำนวนมากอาจได้รับผลกระทบ ผมจึงมีความเห็นเอนเอียงไปทางดูแลสิทธิของผู้ชมเป็นหลักสำคัญ
ขณะที่การพิจารณาของศาลยังไม่แล้วเสร็จ ยังมีประเด็นความชอบทางกฎหมายต่อมติในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 กสท. ควรดำเนินการอย่างไรต่อมติของตนเอง ควรบังคับใช้เลยหรือไม่? ประเด็นคือ กสท.ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างกรอบเวลาการบังคับใช้กฎที่กำหนดขึ้น หรือ ดูแลประโยชน์สาธารณะเป็นหลักสำคัญ ซึ่งหากเห็นว่ากฎที่ตนกำหนดสำคัญและต้องเร่งรัดการบังคับใช้ จะเลือกแนวทางการบังคับใช้กฎเช่นที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน แต่หากให้ความสำคัญต่อประโยชน์สาธารณะ กสท.ควรชะลอการบังคับใช้กฎออกไปหรือไม่ เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ชมประมาณ 70% ของประเทศที่อาจถูกละเมิดสิทธิ์ต่อกรณีดังกล่าว
หรือจะยกหน้าที่การกำกับดูแลกิจการไปไว้ที่ศาลปกครองพิจารณาว่าจะทุเลาการบังคับใช้กฎหรือไม่
ทิ้งท้าย
ประเด็นกฎหมายที่ฟ้องร้องกัน ให้ช่องอนาล็อคเดิมหมดสภาพเป็นฟรีทีวีนั้น เป็นประเด็นที่อยู่ในศาล ซึ่งศาลคงพิจารณาถึงความชอบทางกฎหมายของกฎทางปกครองดังกล่าวว่าตรงตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้เท่านั้น
ส่วนประเด็นที่น่าสนใจอีกประเด็นคือความเหมาะสมของประกาศ Must Carry และความเหมาะสมของการมีมติดังกล่าว ศาลปกครองอาจไม่พิจารณาครอบคลุมในส่วนนี้ และเป็นประเด็นที่ต้องอธิบายความกันมากพอสมควร จึงขอยกไว้อธิบายกันในคราวต่อไป