หลังเป็นประเด็นยืดเยื้อมาร่วมเดือน ล่าสุด “กานต์ วิภากร” ภรรยาของนักร้องหนุ่ม “เสก โลโซ” ได้ออกมาเปิดใจแถลงข่าวถึงสงครามโซเชียลที่กระหน่ำแฉสามีผ่านเฟซบุ๊ก โดยเจ้าตัวเปิดใจถึงเรื่องราวต่างๆ รวมไปถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมด ณ สตูดิโอ ช่อง 2 ลาดพร้าว 15
“เริ่มต้นมาจากพี่ไม่ได้คุยกับเขามาตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม เนื่องจากเขาพูดจาไม่ดีกับพี่ พี่ก็ไม่คุยไลน์ ไม่รับสาย จนกระทั่งถึงวันที่ 3 กันยายน พี่นอนหลับอยู่แล้วพี่เสกก็เข้ามาตบตีและทำร้ายข้าวของพี่ เสร็จแล้วเขาก็เดินลง พี่ก็นอนสักพัก แม่บ้านก็เข้ามาบอกให้คุณกานต์ออกไปก่อนเพราะเสกคุ้มคลั่ง พี่ออกมาตั้งแต่วันนั้นก็ยังไม่ได้เข้าไปอีก พฤติกรรมของเขาเปลี่ยนไปน่าจะประมาณต้นปี เขาคุ้มคลั่ง ก้าวร้าวและบ้า พูดแต่เรื่องว่าตัวเองเป็นเจ้า พี่เลยไม่อยากคุยกับเขา หลังออกจากบ้านมาก็ไม่ได้คุยกันเลย มีแต่เขาส่งไลน์มาด่าจริงๆมีเยอะกว่านั้น พี่แค่เอาออกมาบางส่วน”
“วันที่พาคุณหมอเข้าไปน่าจะเป็นวันที่ 18 หรือ 19 กันยายน คือพี่ได้ปรึกษาคุณหมอ 2 คนมาระยะนึงแล้ว คุณหมอบอกว่าโอเคเดี๋ยวจะพาเข้าไปแบบไม่ให้ใครรู้ พอไปถึงบ่าย 3 เขาเห็นคุณหมอ เขาก็ปิดประตูขังตัวเองไว้ในห้องนั้น คุณหมอก็ขอเข้าไปแค่คนเดียวเพื่อที่จะพูดคุยสังเกตพฤติกรรมเขา แต่เขาไม่ให้เข้าก็ด่าคุณหมอ รอสักพักแล้วก็กลับกัน ที่ตัดสินใจพาคุณหมอเข้าไปเพราะพี่เสกมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปก้าวร้าวและคิดว่าตัวเองเป็นเจ้ามานานมากแล้ว บ้าอำนาจตลอดเวลา
คุณหมอบอกยังไงก็ต้องรักษา มี 2 อย่างอาจจะเป็นโรคจิตหรือใช้ยา หรือไม่ก็ทั้ง 2 อย่าง แต่พี่คิดว่าทั้ง 2 อย่างเลย ตอนที่อยู่ธัญรักษ์เขาก็ใช้ยาหมอจิตแพทย์มาตลอด พอเลิกใช้ปีกว่าก็เป็นอย่างนี้ แล้วเขาก็ไม่กลับไปหาหมออีก จริงๆหมอบอกต้องกินยาตลอดชีวิตแต่เขาไม่ใช้ อาการก็เลยเป็นแบบนี้ และช่วงที่กลับจากโรงพยาบาลครั้งก่อน พี่ไม่ได้คิดเขายุ่งเกี่ยวกับยานะ เขาปิดเป็นความลับ ทำโดยที่ไม่บอกใครแต่คนในวงรู้ดี คอยเตือนพี่ตลอดแต่พี่ก็ยังสงสัยว่าใช่หรือไม่”
“พฤติกรรมที่มีความก้าวร้าวที่สุดคือ อยู่ดีๆก็เดินมาตบพี่โดยไม่มีสาเหตุ บางครั้งเอางานไปให้ดู นั่งคนละโซฟาก็ลุกขึ้นมาตบ ปกติพี่เสกเขาไม่ได้เป็นคนแบบนี้ขนาดนั้น”
“เหตุการณ์ที่ทำให้พี่ทนไม่ไหว คือเขาบ้าอำนาจ มันสะสมค่ะ แล้วเขาก็ทำลายแก้วสะสมของพี่ประมาณ 2 พันใบ”
“เรื่องฟ้องหย่า พี่ไม่รู้นะว่าเขาฟ้องอะไรเพราะหมายศาลน่าจะส่งไปที่บ้านแต่พี่ยังไม่เห็นค่ะ ส่วนตัวพี่แล้วต้องการหย่า ไม่ทนแล้วมันหนักเกินไป ตัวเขาเองก็ต้องการจะหย่าพี่เองก็เหมือนกัน จริงๆเรื่องนี้ยังไม่มีการคุยกันเลย พี่ก็รอให้เขาส่งข้อความมาบอกว่าจะยังไง นัดมา ก็ไม่เห็นเขาจะติดต่อพี่กลับมาเลย หลักฐานพี่ก็มีเยอะแยะ เรื่องหย่า ไม่ต้องบอก ลูกเขาก็รู้เองอยู่แล้วว่าเราไม่สามารถกลับไปอยู่ด้วยกันได้อีกแล้ว ตอนนี้ลูกๆก็อยู่กับพี่ ล่าสุดเมื่อวานน้องๆจะเข้าไปเอาชุดนักเรียนและอุปกรณ์ เหตุการณ์เหมือน 3 ปีที่แล้วเลย แต่ครั้งนี้พี่ไม่ได้ไปนะ ให้น้องพี่พาไป เขายังไม่ให้ลูกเข้าบ้านเลย”
“
จุดประสงค์หลักจริงๆต้องการให้เขาเข้าบำบัดหรือรักษาโรคที่เขาเป็นอยู่ก่อน ถ้าเขาจะหย่าเลยก็หย่าได้ มีพรบ.บังคับรักษาตัวอยู่เกี่ยวกับเรื่องนี้ จริงๆพี่ขอความช่วยเหลือไปหลายหน่วยงานแล้วแต่ไม่มีใครกล้าเพราะเป็นเรื่องเซ้นซิทีฟเราอาจคิดไปเองหรือเปล่า ถ้าไม่ไปอยู่ในนั้นจะไม่รู้หรอก เขาคล้ายคน 2 บุคลิก ทำงานได้ ไปสัมภาษณ์รายการได้ปกติ แต่อีกบุคลิกนึงก็จะหลอนตอนดึกๆ พี่ไปปรึกษาคุณปวีณาแล้วก็ยังไม่เห็นฟีดแบ็กกลับ แจ้งตำรวจแล้วเขาก็บอกให้ไปแจ้งคสช. ท่านประยุทธ์ ส่วนผู้ใหญ่ที่ทั้งพี่แสกและพี่นับถือก็คือพี่มนัส ให้พี่เขาเข้าไปแล้วแต่ก็โดนด่ากลับมา พี่มนัสก็คงโกรธและไม่อยากยุ่งกับเสกแล้ว”
เป็นสามี ภรรยากันแท้ๆแต่กลับออกมาโพสต์ตอบโต้กันบนโลกออนไลน์ จนทำให้คนอื่นมองว่าเป็นการประจานกันเอง ทั้งนี้กานต์ วิภากร ชี้แจงว่า “ไม่ได้ประจาน มันไม่รู้จะคุยกันทางไหนนอกจากทางนี้ เพราะทางพี่เสกก็มีคนครอบงำเขาไว้หลายคน คุยกันไม่ได้ก็ต้องให้ทุกคนเห็นด้วยว่าเขาผิดปกติหรือเปล่า สิ่งที่พี่เป็นห่วงคือคนที่เขาจ้างคนนอกมาอยู่รอบตัวเขา เพราะเขาเป็นคนที่เชื่อคนง่าย อยู่ใกล้ใครก็เป็นแบบนั้น เห็นน้องเพิ่งบอกเมื่อกี้ว่า มีใบมอบอำนาจให้จัดการทุกอย่างรวมไปถึงการเงินด้วย ตอนที่พี่ออกมาได้เกือบเดือนได้ข่าวว่ามีการใช้เงินออกไป 10 กว่าล้าน เรื่องนี้ครอบครัวเขาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะคะ”
ยอมรับว่าไปแจ้งความโดนสามีทำร้ายร่าง “ไปแจ้งความเมื่ออาทิตย์ที่แล้วค่ะ ข้อหาข่มขู่ทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สิน เหตุเกิดที่หมู่บ้านนันทวรรณค่ะ (พี่เสกบอกว่าทำร้ายร่างกายเป็นเรื่องปกติ) เขาทำร้ายร่างกายมาแต่ไหนแต่ไรเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วค่ะ เมื่อวานก็เพิ่งย้อนร้องต่อศาลว่าขอเข้าไปอยู่ในบ้าน และขอให้คนนอกออกมาอยู่ข้างนอกเพราะตอนนี้พี่ไม่สามารถกลับเข้าบ้านได้เลย
ถามว่ายังรักไหม ไม่รักแล้วค่ะ เพราะเขาทำเกินไป แต่ก็ยังเป็นห่วงเพราะพี่ยังอยู่ในสินสมรสและนั่นคือปากท้องลูกพี่ ถ้าสมมติรักษาหาย พี่คงไม่กลับไปดูแลแล้ว เพราะพี่ไม่ไว้ใจว่ามันจะเป็นอีกเหมือนเดิมหรือเปล่า ครั้งที่ 1,2 มี ก็ต้องมีครั้งที่ 3 เพราะคนไม่ได้ต้องการบำบัด”
“ที่พี่เสกให้สัมภาษณ์ว่าเขาเป็นคนดูแลลูกๆ แล้วพี่ออกไปเที่ยวข้างนอก เขาดูแลหมายถึงเรื่องการเงินเพราะเขาเป็นคนหาเงิน ตัวหลักของครอบครัวแต่ว่าเรื่องความรู้สึกและการเอาใจใส่ลูก เขาไม่ได้สนใจค่ะ พี่โทรไปเช็กตอนที่พี่ออกมา ลูกๆบอกยังไม่เห็นหน้าพ่อเลยขนาดอยู่บ้านเดียวกัน”
“ส่วนเรื่องที่เขามีผู้หญิงคนอื่น เขาคงมีมาตลอดแต่พี่ไม่รู้เพราะไว้ใจ ไม่ระแวง พี่มารู้จริงๆก็ตอนที่เป็นเรื่องนี่ค่ะ พาผู้หญิงเข้ามาที่บ้านด้วย”
“สภาพจิตใจตอนนี้ก็ดีขึ้นกว่าเมื่ออาทิตย์แรก เครียด ปวดหัวมาก ตอนนี้เริ่มดีขึ้น ลูกๆให้กำลังใจพี่อยู่แล้ว เขาก็ต้องการอยู่กับแม่เขาอยู่แล้ว”
ทั้งนี้ กานต์ วิภากร ได้โชว์หลักฐานการคุยไลน์ระหว่างลูกและน้าสาว ที่กล่าวถึง “เสก โลโซ” ผู้เป็นพ่อว่าติดยา ถามว่าอยากให้เรื่องจบอย่างไร “พี่เอาลูกเข้าไปอยู่ในบ้านรวมกับพี่ด้วย 4 คน แล้วให้เขาออกมารักษาตัว ถ้าเขาไม่ได้เล่นยาจริงเขาก็ต้องบำบัดจิตค่ะ”
“โอกาสที่จะกลับมาเป็นครอบครัว คงไม่แล้วค่ะ ขนาดเด็กยังดูรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะมันแรงจริงๆ ครั้งนี้หลักกว่า 3 ปีที่แล้วอีกนะคะ ลูกๆก็เครียดค่ะ คนที่ 2 กับ 3 โอเคแต่คนแรกจะเครียดมาก เขาเป็นคนเงียบด้วย ก็พยายามคุย แต่ดีขึ้นแล้วค่ะ”
http://www.rakdara.net/home/?p=95365
“กานต์ วิภากร”แฉ”เสก”โรคจิต หวนเล่นยา วอนบำบัด ชี้หมดรักแล้วลั่นพร้อมหย่า
หลังเป็นประเด็นยืดเยื้อมาร่วมเดือน ล่าสุด “กานต์ วิภากร” ภรรยาของนักร้องหนุ่ม “เสก โลโซ” ได้ออกมาเปิดใจแถลงข่าวถึงสงครามโซเชียลที่กระหน่ำแฉสามีผ่านเฟซบุ๊ก โดยเจ้าตัวเปิดใจถึงเรื่องราวต่างๆ รวมไปถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมด ณ สตูดิโอ ช่อง 2 ลาดพร้าว 15
“เริ่มต้นมาจากพี่ไม่ได้คุยกับเขามาตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม เนื่องจากเขาพูดจาไม่ดีกับพี่ พี่ก็ไม่คุยไลน์ ไม่รับสาย จนกระทั่งถึงวันที่ 3 กันยายน พี่นอนหลับอยู่แล้วพี่เสกก็เข้ามาตบตีและทำร้ายข้าวของพี่ เสร็จแล้วเขาก็เดินลง พี่ก็นอนสักพัก แม่บ้านก็เข้ามาบอกให้คุณกานต์ออกไปก่อนเพราะเสกคุ้มคลั่ง พี่ออกมาตั้งแต่วันนั้นก็ยังไม่ได้เข้าไปอีก พฤติกรรมของเขาเปลี่ยนไปน่าจะประมาณต้นปี เขาคุ้มคลั่ง ก้าวร้าวและบ้า พูดแต่เรื่องว่าตัวเองเป็นเจ้า พี่เลยไม่อยากคุยกับเขา หลังออกจากบ้านมาก็ไม่ได้คุยกันเลย มีแต่เขาส่งไลน์มาด่าจริงๆมีเยอะกว่านั้น พี่แค่เอาออกมาบางส่วน”
“วันที่พาคุณหมอเข้าไปน่าจะเป็นวันที่ 18 หรือ 19 กันยายน คือพี่ได้ปรึกษาคุณหมอ 2 คนมาระยะนึงแล้ว คุณหมอบอกว่าโอเคเดี๋ยวจะพาเข้าไปแบบไม่ให้ใครรู้ พอไปถึงบ่าย 3 เขาเห็นคุณหมอ เขาก็ปิดประตูขังตัวเองไว้ในห้องนั้น คุณหมอก็ขอเข้าไปแค่คนเดียวเพื่อที่จะพูดคุยสังเกตพฤติกรรมเขา แต่เขาไม่ให้เข้าก็ด่าคุณหมอ รอสักพักแล้วก็กลับกัน ที่ตัดสินใจพาคุณหมอเข้าไปเพราะพี่เสกมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปก้าวร้าวและคิดว่าตัวเองเป็นเจ้ามานานมากแล้ว บ้าอำนาจตลอดเวลา คุณหมอบอกยังไงก็ต้องรักษา มี 2 อย่างอาจจะเป็นโรคจิตหรือใช้ยา หรือไม่ก็ทั้ง 2 อย่าง แต่พี่คิดว่าทั้ง 2 อย่างเลย ตอนที่อยู่ธัญรักษ์เขาก็ใช้ยาหมอจิตแพทย์มาตลอด พอเลิกใช้ปีกว่าก็เป็นอย่างนี้ แล้วเขาก็ไม่กลับไปหาหมออีก จริงๆหมอบอกต้องกินยาตลอดชีวิตแต่เขาไม่ใช้ อาการก็เลยเป็นแบบนี้ และช่วงที่กลับจากโรงพยาบาลครั้งก่อน พี่ไม่ได้คิดเขายุ่งเกี่ยวกับยานะ เขาปิดเป็นความลับ ทำโดยที่ไม่บอกใครแต่คนในวงรู้ดี คอยเตือนพี่ตลอดแต่พี่ก็ยังสงสัยว่าใช่หรือไม่”
“พฤติกรรมที่มีความก้าวร้าวที่สุดคือ อยู่ดีๆก็เดินมาตบพี่โดยไม่มีสาเหตุ บางครั้งเอางานไปให้ดู นั่งคนละโซฟาก็ลุกขึ้นมาตบ ปกติพี่เสกเขาไม่ได้เป็นคนแบบนี้ขนาดนั้น”
“เหตุการณ์ที่ทำให้พี่ทนไม่ไหว คือเขาบ้าอำนาจ มันสะสมค่ะ แล้วเขาก็ทำลายแก้วสะสมของพี่ประมาณ 2 พันใบ”
“เรื่องฟ้องหย่า พี่ไม่รู้นะว่าเขาฟ้องอะไรเพราะหมายศาลน่าจะส่งไปที่บ้านแต่พี่ยังไม่เห็นค่ะ ส่วนตัวพี่แล้วต้องการหย่า ไม่ทนแล้วมันหนักเกินไป ตัวเขาเองก็ต้องการจะหย่าพี่เองก็เหมือนกัน จริงๆเรื่องนี้ยังไม่มีการคุยกันเลย พี่ก็รอให้เขาส่งข้อความมาบอกว่าจะยังไง นัดมา ก็ไม่เห็นเขาจะติดต่อพี่กลับมาเลย หลักฐานพี่ก็มีเยอะแยะ เรื่องหย่า ไม่ต้องบอก ลูกเขาก็รู้เองอยู่แล้วว่าเราไม่สามารถกลับไปอยู่ด้วยกันได้อีกแล้ว ตอนนี้ลูกๆก็อยู่กับพี่ ล่าสุดเมื่อวานน้องๆจะเข้าไปเอาชุดนักเรียนและอุปกรณ์ เหตุการณ์เหมือน 3 ปีที่แล้วเลย แต่ครั้งนี้พี่ไม่ได้ไปนะ ให้น้องพี่พาไป เขายังไม่ให้ลูกเข้าบ้านเลย”
“จุดประสงค์หลักจริงๆต้องการให้เขาเข้าบำบัดหรือรักษาโรคที่เขาเป็นอยู่ก่อน ถ้าเขาจะหย่าเลยก็หย่าได้ มีพรบ.บังคับรักษาตัวอยู่เกี่ยวกับเรื่องนี้ จริงๆพี่ขอความช่วยเหลือไปหลายหน่วยงานแล้วแต่ไม่มีใครกล้าเพราะเป็นเรื่องเซ้นซิทีฟเราอาจคิดไปเองหรือเปล่า ถ้าไม่ไปอยู่ในนั้นจะไม่รู้หรอก เขาคล้ายคน 2 บุคลิก ทำงานได้ ไปสัมภาษณ์รายการได้ปกติ แต่อีกบุคลิกนึงก็จะหลอนตอนดึกๆ พี่ไปปรึกษาคุณปวีณาแล้วก็ยังไม่เห็นฟีดแบ็กกลับ แจ้งตำรวจแล้วเขาก็บอกให้ไปแจ้งคสช. ท่านประยุทธ์ ส่วนผู้ใหญ่ที่ทั้งพี่แสกและพี่นับถือก็คือพี่มนัส ให้พี่เขาเข้าไปแล้วแต่ก็โดนด่ากลับมา พี่มนัสก็คงโกรธและไม่อยากยุ่งกับเสกแล้ว”
เป็นสามี ภรรยากันแท้ๆแต่กลับออกมาโพสต์ตอบโต้กันบนโลกออนไลน์ จนทำให้คนอื่นมองว่าเป็นการประจานกันเอง ทั้งนี้กานต์ วิภากร ชี้แจงว่า “ไม่ได้ประจาน มันไม่รู้จะคุยกันทางไหนนอกจากทางนี้ เพราะทางพี่เสกก็มีคนครอบงำเขาไว้หลายคน คุยกันไม่ได้ก็ต้องให้ทุกคนเห็นด้วยว่าเขาผิดปกติหรือเปล่า สิ่งที่พี่เป็นห่วงคือคนที่เขาจ้างคนนอกมาอยู่รอบตัวเขา เพราะเขาเป็นคนที่เชื่อคนง่าย อยู่ใกล้ใครก็เป็นแบบนั้น เห็นน้องเพิ่งบอกเมื่อกี้ว่า มีใบมอบอำนาจให้จัดการทุกอย่างรวมไปถึงการเงินด้วย ตอนที่พี่ออกมาได้เกือบเดือนได้ข่าวว่ามีการใช้เงินออกไป 10 กว่าล้าน เรื่องนี้ครอบครัวเขาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะคะ”
ยอมรับว่าไปแจ้งความโดนสามีทำร้ายร่าง “ไปแจ้งความเมื่ออาทิตย์ที่แล้วค่ะ ข้อหาข่มขู่ทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สิน เหตุเกิดที่หมู่บ้านนันทวรรณค่ะ (พี่เสกบอกว่าทำร้ายร่างกายเป็นเรื่องปกติ) เขาทำร้ายร่างกายมาแต่ไหนแต่ไรเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วค่ะ เมื่อวานก็เพิ่งย้อนร้องต่อศาลว่าขอเข้าไปอยู่ในบ้าน และขอให้คนนอกออกมาอยู่ข้างนอกเพราะตอนนี้พี่ไม่สามารถกลับเข้าบ้านได้เลย ถามว่ายังรักไหม ไม่รักแล้วค่ะ เพราะเขาทำเกินไป แต่ก็ยังเป็นห่วงเพราะพี่ยังอยู่ในสินสมรสและนั่นคือปากท้องลูกพี่ ถ้าสมมติรักษาหาย พี่คงไม่กลับไปดูแลแล้ว เพราะพี่ไม่ไว้ใจว่ามันจะเป็นอีกเหมือนเดิมหรือเปล่า ครั้งที่ 1,2 มี ก็ต้องมีครั้งที่ 3 เพราะคนไม่ได้ต้องการบำบัด”
“ที่พี่เสกให้สัมภาษณ์ว่าเขาเป็นคนดูแลลูกๆ แล้วพี่ออกไปเที่ยวข้างนอก เขาดูแลหมายถึงเรื่องการเงินเพราะเขาเป็นคนหาเงิน ตัวหลักของครอบครัวแต่ว่าเรื่องความรู้สึกและการเอาใจใส่ลูก เขาไม่ได้สนใจค่ะ พี่โทรไปเช็กตอนที่พี่ออกมา ลูกๆบอกยังไม่เห็นหน้าพ่อเลยขนาดอยู่บ้านเดียวกัน”
“ส่วนเรื่องที่เขามีผู้หญิงคนอื่น เขาคงมีมาตลอดแต่พี่ไม่รู้เพราะไว้ใจ ไม่ระแวง พี่มารู้จริงๆก็ตอนที่เป็นเรื่องนี่ค่ะ พาผู้หญิงเข้ามาที่บ้านด้วย”
“สภาพจิตใจตอนนี้ก็ดีขึ้นกว่าเมื่ออาทิตย์แรก เครียด ปวดหัวมาก ตอนนี้เริ่มดีขึ้น ลูกๆให้กำลังใจพี่อยู่แล้ว เขาก็ต้องการอยู่กับแม่เขาอยู่แล้ว”
ทั้งนี้ กานต์ วิภากร ได้โชว์หลักฐานการคุยไลน์ระหว่างลูกและน้าสาว ที่กล่าวถึง “เสก โลโซ” ผู้เป็นพ่อว่าติดยา ถามว่าอยากให้เรื่องจบอย่างไร “พี่เอาลูกเข้าไปอยู่ในบ้านรวมกับพี่ด้วย 4 คน แล้วให้เขาออกมารักษาตัว ถ้าเขาไม่ได้เล่นยาจริงเขาก็ต้องบำบัดจิตค่ะ”
“โอกาสที่จะกลับมาเป็นครอบครัว คงไม่แล้วค่ะ ขนาดเด็กยังดูรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะมันแรงจริงๆ ครั้งนี้หลักกว่า 3 ปีที่แล้วอีกนะคะ ลูกๆก็เครียดค่ะ คนที่ 2 กับ 3 โอเคแต่คนแรกจะเครียดมาก เขาเป็นคนเงียบด้วย ก็พยายามคุย แต่ดีขึ้นแล้วค่ะ”
http://www.rakdara.net/home/?p=95365