รองอธิบดีกรมควบควบคุม ยันไม่พบอีโบลากลายพันธุ์ติดต่อผ่านลมหายใจ
เผยสถานการณ์การระบาดในแอฟฟริกาตะวันตกยังคงที่ ชี้กรณีพบผู้ป่วย ชม.ละ 5 คนเป็นเรื่องปกติ
ส่วนในไทยยังติดตามอาการผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงในช่วง21 วัน กว่า 100 คน ไม่มีสัญญาณก่อโรค
วันนี้ (4 ต.ค.) นพ.โอภาส การย์กวินพงษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการกลายพันธุ์ของไวรัสอีโบลา
ว่าสามารถติดต่อกันได้ผ่านทางลมหายใจ ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่พบการกลายพันธุ์ กระแสข่าวที่ออกมาเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น
ทั้งนี้ โดยปกติเชื้อไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงสารพันธุ์กรรมอยู่แล้ว เช่น ไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นปกติ
แต่การการกลายพันธุ์ หลักๆ มี 2 อย่างคือ กลายพันธุ์แล้วรุนแรงมากขึ้น หรือกลายพันธุ์แล้วดื้อยา
ส่วนมากเป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเชื้อไวรัสอีโบลาไม่ค่อยพบการกลายพันธุ์
ทั้งนี้ที่ผ่านมาในการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไม่เคยพบว่าเปลี่ยนรูปแบบการติดต่อแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่หรือแม้แต่เชื้อไวรัสเอชไอวี
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า สถานการณ์การติดต่อของเชื้อไวรัสอีโบลาในแอฟฟริกาตะวันตกนั้นไม่เรียกว่าดีขึ้นแต่ถือว่าคงที่
โดยสถิติขององค์การอนามัยโลกยังพบผู้ป่วยประมาณ 6 พันกว่าคน ในจำนวนนี้เสียชีวิตไปแล้วประมาณ 3 พันกว่าคน
อัตราการป่วยและเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 60 ส่วนกรณีที่พบมีผู้ป่วยชั่วโมงละ 5 คน ในพื้นที่การระบาดนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ
เพราะขณะนี้มีการตั้งศูนย์การรักษาทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษามากขึ้นจากเดิมที่ยังไม่มี รพ.รักษาก็จะพบผู้ป่วยนอนเสียชีวิตข้างถนน
รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า สำหรับการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดในประเทศไทยตอนนี้ถือว่าเข้มแข็ง
ถ้าเปรียบเทียบกับประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า ต้องใช้เวลานานถึง 6 วันในการตรวจสอบในขณะที่ของประเทศไทย เข้า รพ.เพียงวันเดียวก็สามารถตรวจทราบได้
ว่ามีเชื้อไวรัสดังกล่าวหรือไม่ ดังนั้นของไทยเฝ้าระวังเข้มงวดกว่า
อย่างไรก็ตามขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ทางด้านสุขภาพช่วง 21 วัน ซึ่งเป็นช่วงระยะฟักตัวของเชื้อประมาณ 100 กว่าราย
ทั้งหมดสุขภาพแข็งแรง ไม่มีสัญญาณก่อโรค ส่วนใหญ่เป็นชาวไนจีเรีย
ส่วนประเทศกินี ไลบีเรีย และเซียราลีโอน นั้นมีแค่ 10 กว่าคนเท่านั้นช่วงหลังมานี้ไม่ค่อยเข้ามาในประเทศไทย เพราะต้นทางมีการจำกัดการเดินทาง.
ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=vinitsiri&month=05-10-2014&group=365&gblog=117
กรมควบคุมโรคยัน เชื้ออีโบลาไม่ติดต่อผ่านลมหายใจ
เผยสถานการณ์การระบาดในแอฟฟริกาตะวันตกยังคงที่ ชี้กรณีพบผู้ป่วย ชม.ละ 5 คนเป็นเรื่องปกติ
ส่วนในไทยยังติดตามอาการผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงในช่วง21 วัน กว่า 100 คน ไม่มีสัญญาณก่อโรค
วันนี้ (4 ต.ค.) นพ.โอภาส การย์กวินพงษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการกลายพันธุ์ของไวรัสอีโบลา
ว่าสามารถติดต่อกันได้ผ่านทางลมหายใจ ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่พบการกลายพันธุ์ กระแสข่าวที่ออกมาเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น
ทั้งนี้ โดยปกติเชื้อไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงสารพันธุ์กรรมอยู่แล้ว เช่น ไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นปกติ
แต่การการกลายพันธุ์ หลักๆ มี 2 อย่างคือ กลายพันธุ์แล้วรุนแรงมากขึ้น หรือกลายพันธุ์แล้วดื้อยา
ส่วนมากเป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเชื้อไวรัสอีโบลาไม่ค่อยพบการกลายพันธุ์
ทั้งนี้ที่ผ่านมาในการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไม่เคยพบว่าเปลี่ยนรูปแบบการติดต่อแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่หรือแม้แต่เชื้อไวรัสเอชไอวี
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า สถานการณ์การติดต่อของเชื้อไวรัสอีโบลาในแอฟฟริกาตะวันตกนั้นไม่เรียกว่าดีขึ้นแต่ถือว่าคงที่
โดยสถิติขององค์การอนามัยโลกยังพบผู้ป่วยประมาณ 6 พันกว่าคน ในจำนวนนี้เสียชีวิตไปแล้วประมาณ 3 พันกว่าคน
อัตราการป่วยและเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 60 ส่วนกรณีที่พบมีผู้ป่วยชั่วโมงละ 5 คน ในพื้นที่การระบาดนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ
เพราะขณะนี้มีการตั้งศูนย์การรักษาทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษามากขึ้นจากเดิมที่ยังไม่มี รพ.รักษาก็จะพบผู้ป่วยนอนเสียชีวิตข้างถนน
รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า สำหรับการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดในประเทศไทยตอนนี้ถือว่าเข้มแข็ง
ถ้าเปรียบเทียบกับประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า ต้องใช้เวลานานถึง 6 วันในการตรวจสอบในขณะที่ของประเทศไทย เข้า รพ.เพียงวันเดียวก็สามารถตรวจทราบได้
ว่ามีเชื้อไวรัสดังกล่าวหรือไม่ ดังนั้นของไทยเฝ้าระวังเข้มงวดกว่า
อย่างไรก็ตามขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ทางด้านสุขภาพช่วง 21 วัน ซึ่งเป็นช่วงระยะฟักตัวของเชื้อประมาณ 100 กว่าราย
ทั้งหมดสุขภาพแข็งแรง ไม่มีสัญญาณก่อโรค ส่วนใหญ่เป็นชาวไนจีเรีย
ส่วนประเทศกินี ไลบีเรีย และเซียราลีโอน นั้นมีแค่ 10 กว่าคนเท่านั้นช่วงหลังมานี้ไม่ค่อยเข้ามาในประเทศไทย เพราะต้นทางมีการจำกัดการเดินทาง.
ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=vinitsiri&month=05-10-2014&group=365&gblog=117