มิถุนายน 2537
หล่อไม่เท่าวันนี้ แต่มีความทรงจำที่น่าหมั่นไส้มาเล่าให้ฟังครับ
ตอนนั้น หลังเลิกเรียน เพื่อน ๆ ก็จะกลับบ้านกันทันที มีแต่ผมคนเดียวที่อ้อยอิ่งไปพิงพักที่ห้องสมุด
ผมสูบบุหรี่ไม่เป็น จึงไร้กลิ่นปลอดควันยามเข้าไปซุกเงียบที่มุมใดมุมหนึ่งในห้องสมุด
บางวันก็แอบพก "
แม่โขง" กลม กับจอกใบน้อยเข้าไปด้วย เป็นคู่หูกันสามสิ่ง
คือ หล่อ เหล้า จอก
ก็ค่อยรินไป ซดไป อ่านหนังสือไป เงียบ ๆ คนเดียว
ห้องสมุดปิดสองสามทุ่ม ก็พอดีกรึ่ม ๆ เซกลับ หรือบางคืนก็นอนกับกองหนังสือซะ เพราะเมาได้ที่
สุขล้น
มีวันหนึ่ง จำได้ว่าเป็นวันพฤหัส
ผมนึกไงไม่รู้ อยากลองของ ก็หลังจากห้องสมุดปิดแล้วครับ แต่ผมยังไม่กลับ กำลังได้ที่งาม ๆ เลยทีเดียว
วันนั้นคิดว่า สิ่งที่มีในหัวนี่ จะถ่ายทอดออกมาได้ไหม ออกมาแล้วจะเป็นอย่างไร
ราว ๆ สี่ทุ่มคืนนั้น ผมก็หยิบกระดาษยัดใส่เครื่องพิมพ์ดีด
ลงมือพิมพ์สิ่งที่อยู่ในหัวออกมาทันที
ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ต๊อกแต๊ก ๆ ไปได้สั้น ๆ แค่สองหน้าครึ่งกระดาษ A 4
ก็จบเรื่อง
ไม่ทวน ไม่ขัดไม่เกลามันล่ะ
พับยัดใส่ซองจดหมายทันที ส่งไปที่สยามรัฐสปัดาหวิจารณ์
ศุกร์ถัดมา ที่เป็นวันวางแผงของสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์
ก็มีเรื่องสั้นตีพิมพ์ในสัปดาหวิจารณ์ฉบับนั้น ชื่อเรื่อง "
โลกของแพะ"
ตรงตามคำที่ว่า เรื่องสั้นดีไม่มีคิว ตีพิมพ์เลย
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเมือง สังคม สั้น ๆ แบบที่เรียกว่า short-short story
ในมุมมองของผมตอนนั้น ผมมองแต่ว่า ไอ้พวกนักการเมืองนี่แหละมันตัวร้าย
ประชาชนคือ "
แพะ" ตลอดกาล
ผมก็ถ่ายทอดความนึกคิดออกมาเป็นตัวหนังสือ
ผ่านมายี่สิบปี
ผมถึงมองกว้างขึ้น ลึกขึ้น เห็นว่า ไม่ใช่แค่นักการเมือง แต่มันหนักและเลวกว่านักการเมืองยิ่งนัก
ไม่ว่าจะอำนาจนอกระบบที่เราไม่สามารถทำอะไรได้
ไม่ว่าจะเป็นระบบราชการที่ครึ่ำครึ ศักดินา โกงกินทุกระดับ ทุกเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจที่ทำบุญเอาหน้า
แต่สมรู้ร่วมคิดกับบนักการเมืองและข้าราชการสวามปามผลประโยชน์ในบ้านเมืองพุงกาง หนีภาษีมากกว่าบริจาค
แอบอิงอำนาจนอกระบบเป็นเกราะป้องกันตัว สร้างภาพสวยหรูแต่ไม่เคยอิ่มกับผลประโยชน์ที่ได้
ฯลฯ
ยี่สิบปีผ่านไป
แพะก็ยังเป็นแพะ เพียงแต่แพะหูตากว้างขึ้น เห็นว่าไม่ใช่มีแค่นักการเมืองเท่านั้น
ก็อย่างที่เห็น ๆ กันอยู่วันนี้แหละครับ
ว่า "
คนดี" นี่ up pee กว่านักการเมืองหลายเท่า
ก็ละเมอไปงั้นแหละครับ
อยากเขียนเรื่องเกี่ยวกับ "
แพะ" ที่เป็น talk of the town อยู่ในตอนนี้ก็ไม่กล้าเขียน
เพราะโดนแน่
เลยเอามัน "
โลกของแพะ" มาตั้งทู้เล่นซะเลย
ใครหลงเชื่อก็ช่วยไม่ได้
มีไรไหมครับ wm
ชิ
20 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก กับ "โลกของแพะ"
มิถุนายน 2537
หล่อไม่เท่าวันนี้ แต่มีความทรงจำที่น่าหมั่นไส้มาเล่าให้ฟังครับ
ตอนนั้น หลังเลิกเรียน เพื่อน ๆ ก็จะกลับบ้านกันทันที มีแต่ผมคนเดียวที่อ้อยอิ่งไปพิงพักที่ห้องสมุด
ผมสูบบุหรี่ไม่เป็น จึงไร้กลิ่นปลอดควันยามเข้าไปซุกเงียบที่มุมใดมุมหนึ่งในห้องสมุด
บางวันก็แอบพก "แม่โขง" กลม กับจอกใบน้อยเข้าไปด้วย เป็นคู่หูกันสามสิ่ง
คือ หล่อ เหล้า จอก
ก็ค่อยรินไป ซดไป อ่านหนังสือไป เงียบ ๆ คนเดียว
ห้องสมุดปิดสองสามทุ่ม ก็พอดีกรึ่ม ๆ เซกลับ หรือบางคืนก็นอนกับกองหนังสือซะ เพราะเมาได้ที่
สุขล้น
มีวันหนึ่ง จำได้ว่าเป็นวันพฤหัส
ผมนึกไงไม่รู้ อยากลองของ ก็หลังจากห้องสมุดปิดแล้วครับ แต่ผมยังไม่กลับ กำลังได้ที่งาม ๆ เลยทีเดียว
วันนั้นคิดว่า สิ่งที่มีในหัวนี่ จะถ่ายทอดออกมาได้ไหม ออกมาแล้วจะเป็นอย่างไร
ราว ๆ สี่ทุ่มคืนนั้น ผมก็หยิบกระดาษยัดใส่เครื่องพิมพ์ดีด
ลงมือพิมพ์สิ่งที่อยู่ในหัวออกมาทันที
ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ต๊อกแต๊ก ๆ ไปได้สั้น ๆ แค่สองหน้าครึ่งกระดาษ A 4
ก็จบเรื่อง
ไม่ทวน ไม่ขัดไม่เกลามันล่ะ
พับยัดใส่ซองจดหมายทันที ส่งไปที่สยามรัฐสปัดาหวิจารณ์
ศุกร์ถัดมา ที่เป็นวันวางแผงของสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์
ก็มีเรื่องสั้นตีพิมพ์ในสัปดาหวิจารณ์ฉบับนั้น ชื่อเรื่อง "โลกของแพะ"
ตรงตามคำที่ว่า เรื่องสั้นดีไม่มีคิว ตีพิมพ์เลย
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเมือง สังคม สั้น ๆ แบบที่เรียกว่า short-short story
ในมุมมองของผมตอนนั้น ผมมองแต่ว่า ไอ้พวกนักการเมืองนี่แหละมันตัวร้าย
ประชาชนคือ "แพะ" ตลอดกาล
ผมก็ถ่ายทอดความนึกคิดออกมาเป็นตัวหนังสือ
ผ่านมายี่สิบปี
ผมถึงมองกว้างขึ้น ลึกขึ้น เห็นว่า ไม่ใช่แค่นักการเมือง แต่มันหนักและเลวกว่านักการเมืองยิ่งนัก
ไม่ว่าจะอำนาจนอกระบบที่เราไม่สามารถทำอะไรได้
ไม่ว่าจะเป็นระบบราชการที่ครึ่ำครึ ศักดินา โกงกินทุกระดับ ทุกเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจที่ทำบุญเอาหน้า
แต่สมรู้ร่วมคิดกับบนักการเมืองและข้าราชการสวามปามผลประโยชน์ในบ้านเมืองพุงกาง หนีภาษีมากกว่าบริจาค
แอบอิงอำนาจนอกระบบเป็นเกราะป้องกันตัว สร้างภาพสวยหรูแต่ไม่เคยอิ่มกับผลประโยชน์ที่ได้
ฯลฯ
ยี่สิบปีผ่านไป
แพะก็ยังเป็นแพะ เพียงแต่แพะหูตากว้างขึ้น เห็นว่าไม่ใช่มีแค่นักการเมืองเท่านั้น
ก็อย่างที่เห็น ๆ กันอยู่วันนี้แหละครับ
ว่า "คนดี" นี่ up pee กว่านักการเมืองหลายเท่า
ก็ละเมอไปงั้นแหละครับ
อยากเขียนเรื่องเกี่ยวกับ "แพะ" ที่เป็น talk of the town อยู่ในตอนนี้ก็ไม่กล้าเขียน
เพราะโดนแน่
เลยเอามัน "โลกของแพะ" มาตั้งทู้เล่นซะเลย
ใครหลงเชื่อก็ช่วยไม่ได้
มีไรไหมครับ wm
ชิ