ไผ่ -- ช่างเต็มไปด้วยคำถาม

เปิดตอน

ต้า กับ หมอก คุยถึงเรื่องปัญหาหัวใจของแต่ละฝ่าย
ทั้งคู่สรุปปัญหาของตนง่ายๆกันว่า
“ ช่าง ….. ไปบ้างก็ได้ “
เป็นข้อสรุปที่ถูกสำหรับทั้งคู่
ถึงอย่างไร สิ่งที่เผชิญอยู่เป็นเพียงปัญหาของใจ
สิ่งที่อยู่ในใจหลายเรื่อง
บางทีก็ควร ช่าง...ไปบ้างก็ได้
ต้ากับหมอกโชว์ตัวเพียงไม่กี่นาที
เพราะปัญหาของทั้งสอง ดูไม่หนักหนาเลย เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่ไผ่ต้องเผชิญ


ไผ่..มีใครคนหนึ่งรออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน
เธอชื่อเฟิร์น
ย้อนกลับไปหลายตอน
ไผ่กับเฟิร์น พบกันในผับ
ในวันนั้น ไผ่กำลังมีปัญหาหัวใจ
เพื่อนชายของไผ่ปราราถนาดี ปลอบใจเพื่อนโดยหาผู้หญิงคนใหม่ให้
จับคู่กันให้ในผับ  จับคู่ให้ชายกับหญิงระหว่างที่ดื่มเหล้ากันหนัก
ผลสุดท้าย ไผ่กับเฟิร์นรู้สึกตัวบนเตียงนอนเดียวกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากกินข้าวด้วยกันแล้ว
ทั้งสองคนก็ต่างฝ่ายต่างแยกย้าย
ไม่ได้ติดต่อกันอีก

เฟิร์นมาเพื่อรอพบไผ่เพื่อบอกว่าตนเองตั้งท้อง
นึกถึงสไปรท์เมื่อก่อนหน้า สไปรท์ไม่เคยยอมมีอะไรกับผู้ชายคนไหนที่ไม่ป้องกัน
เฟิร์นบอกว่าทีแรกรู้สึกเหมือนไม่สบาย
เธอบอกว่าถึงประจำเดือนขาดไปหลายเดือนก็ไม่แน่เสมอไปว่าต้องตั้งท้อง
จากปากคำ เธอเล่าว่าเอาข้อมูลมาจากกูเกิ้ล

เฟิร์นเลือกไว้ใจกูเกิ้ล
ค้นหาข้อมูล
รับเอาข้อมูล
เลือกใช้
และเลือกเชื่อข้อมูลที่เข้าข้างความคิดของตนเอง คนหลายคนมีพฤติกรรมเช่นนั้น
เมื่อทำสิ่งที่ผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจ กังวลและสงสัยว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นโอเคหรือไม่
หลายคนต่างต้องการคนที่บอกกับตนเองว่า สิ่งที่ทำหรือสิ่งที่คิดไว้มันโอเค
สิ่งที่พลาดบางอย่างก็เป็นความลับที่ปรึกษาใครไม่ได้
เมื่อต้องหาความเชื่อมั่นก็ต้องใช้ข้อมูล
โลกออนไลน์ดูจะเป็นสิ่งที่หาข้อมูลได้ง่ายที่สุด
เมื่อพบข้อมูลที่ไม่ตรงใจก็ปล่อยผ่าน
เมื่อพบข้อมูลที่ตรงใจก็รู้สึกสบายใจขึ้น
แล้วก็กลับมาใช้ชีวิตตามปรกติ

ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่กูเกิ้ลบอก
เฟิร์นตั้งท้อง

เมื่อไผ่ได้รับรู้ปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขด้วยคำว่าช่าง……
เขาดูมีสติกว่าเฟิร์น ให้เบอร์โทรเฟิร์นเก็บไว้ ขอเวลาคิดและรับปากว่าจะไม่หนีไปไหน
เขายังดีกว่าเฟิร์นอย่างหนึ่งที่มีพี่สาววัยใกล้เคียง จึงพอมีคนรับฟังก่อนบอกพ่อแม่
ไม่ต้องไปปรึกษากูเกิ้ล

สมัยวัยเรียน
เวลามีปัญหา คนส่วนมาก ไม่กล้าปรึกษาหรือบอกกล่าวพ่อแม่เพราะกลัวถูกดุหรือกลัวทำให้พ่อแม่ผิดหวัง
จึงเลือกเก็บปัญหาไว้กับตัวแล้วหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้
ไม่รู้ว่าปัญหาเกิดจากอะไร พ่อแม่ดุเกินไปจนลูกกลัว หรือ พ่อแม่ทำให้ลูกๆไม่สนิทใจพอที่จะบอกกกล่าวทุกเรื่องให้ฟัง

เมื่อพี่สาวของไผ่ทราบเรื่อง
เธอให้คำปรึกษาไผ่กลับด้วยคำถามสั้นๆว่า
ถ้าพี่สาวของเธอตั้งท้องกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาอยากให้ผู้ชายคนนั้นทำอย่างไร ?
ปัญหามีทางออกด้วยสถานการณ์สมมติแบบนี้
เราอาจต้องลองถามตนเองดูว่า
หากปัญหานี้เกิดขึ้นกับคนที่เรารัก เราอยากจะให้ทางออกเป็นแบบไหน
พี่สาวของไผ่แนะนำเพิ่มเติมขอให้บอกเรื่องนี้กับพ่อแม่เช่นเดียวกัน

ทำไมต้องบอกพ่อแม่ ?
ในวัยเรียน ปัญหาที่ช่าง…. ไม่ได้
ถึงอย่างไรก็ควรบอกกล่าว
ผู้ที่เลี้ยงดูเรามา(และหลายครั้งก็ต้องได้รับผลกระทบจากปัญหาที่ตนไม่ได้ก่อ)
อย่างน้อยก็ควรให้ได้รับทราบปัญหาที่ส่งผลกระทบถึงตัว
บางคนแย้งว่าบอกไปก็ไร้ประโยชน์ รังแต่เพิ่มปัญหาที่หนักอยู่แล้ว
เห็นแก่ตัวไปหน่อยไหม พ่อแม่ไม่ใช่คนก่อปัญหา แต่ต้องมารับผลกระทบจากปัญหา
แต่ไผ่ก็ยังไม่กล้าบอกกล่าวพ่อกับแม่
มีฉากหนึ่ง ที่ไผ่บอกพ่อกับแม่ว่าจะไปติวหนังสือที่บ้านเพื่อน
พ่อของไผ่บอกว่า เขาไม่ใช่คนโง่
แต่เขาทำอะไรโง่ๆไปแล้ว
นั่นอาจทำให้ไผ่ไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ในท้ายที่สุด

ไผ่กลับมาพบเฟิร์นอีกครั้ง
เขาบอกกล่าวสิ่งที่เลือก
เขาอยากเก็บเด็กเอาไว้ เรียนจบแล้วทำงานเลย จะพยายามเลี้ยงลูก
แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ไผ่เพียงบอกว่า
“ เราลองนึกภาพดูแล้ว “
แค่นึกภาพ ทุกอย่างมันดูง่ายไปหมด

เฟิร์นนิ่งและคิดคนละอย่าง
เธอเลือกไม่เก็บเด็กไว้
เธอเพิ่งสอบติดคณะสัตว์แพทย์ เธอคิดว่ายังรับไม่ไหวที่จะให้ท้องโตไปสู้หน้าสังคม
เมื่อไผ่ถามว่าบอกพ่อกับแม่หรือยัง เธอบอกว่ายัง ตบท้ายว่า ไผ่ไม่รู้จักพ่อแม่เรา
เนื้อหาไม่ได้ให้รายละเอียดเรื่องของเฟิร์นมากนัก
แต่เธอก็คล้ายคนทั่วไปที่มีปัญหาหนักหนาแล้วไม่กล้าที่จะบอกพ่อแม่

เธอเลือกทางออกเดิม หาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต
เธอเลือกสั่งซื้อยามาเพื่อใช้เอาเด็กออก
ไผ่คัดค้านความคิดนั้น
แต่คงถูกกดดันจากเหตุผลของเธอ
เพราะผู้ชายไม่ต้องท้องโตเมื่อมีลูก
นั่นทำให้ เขาไม่สามารถพูดอะไรเพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เธอตั้งใจ

ไม่กี่วันผ่านไป เฟิร์นได้ยามาตามที่ต้องการ
ทั้งสองนัดหมายกันเพื่อแก้ปัญหาด้วยวิธีที่เลือกมาแล้ว
ทุกอย่างควรเป็นไปด้วยดี ทุกอย่างจะเรียบร้อย ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เธอคงคิดเช่นนั้น

จนในที่สุดทุกอย่างก็สำเร็จลงอย่างที่เฟิร์นคิดไว้
แต่ตัวเธอก็แทบเอาชีวิตไม่รอด
ไผ่ไม่หนีไปไหนตามคำที่บอกเอาไว้
นั่นทำให้เธอรอดชีวิตมาได้

ไผ่พาเฟิร์นไปโรงพยาบาลและโทรหาครอบครัวของเธอ
ทันทีที่พ่อของเธอมาถึงเขาชกไผ่ทันที
พ่อของเฟิร์นโกรธและโมโห
มีคำถามยิงใส่เขาเป็นชุด
.. ปล่อยให้เกิดขึ้นได้อย่างไร
.. จะรับผิดชอบอย่างไร
… แก้ไขปัญหาใหญ่โตกันเองแล้วเป็นอย่างไร
ใช่แล้วล่ะ
ทั้งคู่ต่างแก้ปัญหากันเองโดยไม่เคยตั้งเงื่อนไขว่าจะมีใครตาย
(การยุติการตั้งครรภ์โดยการใช้ยาขับเลือดต่างๆ หากทำผิดวิธี ผู้ใช้มีความเสี่ยงสูงที่จะเสียชีวิตจากการเสียเลือดมาก)
ไม่ขอพูดถึงในทางบาปบุญ
แต่ถ้าเฟิร์นลงท้ายด้วยความตาย
ไผ่รับผิดชอบความตายของเฟิร์นไหวหรือไม่


แม้ไผ่พูดว่า ผมพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง
แต่พ่อเฟิร์นได้ถามกลับว่ารู้จักคำว่า รับผิดชอบ เพียงพอหรือยัง
ในมุมมองของผู้ใหญ่ คำว่า รับผิดชอบ ควรเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
ใช่แล้วล่ะ ไผ่แค่นึกภาพ
แต่ลงท้ายก็ไม่กล้าบอกกล่าวพ่อแม่ของตน
ถ้าเขาบอกกล่าวพ่อแม่ของตนล่ะ ?
ถ้าก่อนที่เฟิร์นจะใช้ยา เขาพยายามหาทางบอกกล่าวพ่อแม่ของเฟิร์นล่ะ ?
เรื่องอาจจะไม่ลงเอยแบบนี้หรืออาจจะลงเอยแบบเดิม
การบอกกล่าวพ่อแม่อาจไม่ใช่ทางแก้ปัญหา
แต่การบอกกล่าวพ่อแม่เป็นโอกาสที่จะเพิ่มหนทางหาจุดจบที่ดี
ไม่มีคำตอบที่ดีให้ แต่คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น

ในตอนนี้ เต็มไปด้วยคำถาม
เพราะนำเสนอปัญหาที่ไม่มีคำตอบสูตรสำเร็จ
เป็นคำถามที่ตอบได้เยอะในวันที่ไม่เคยพบปัญหาแบบนี้กับตัวเอง

ลองค่อยๆตั้งคำถามอย่างจริงจังว่า
ถ้าเราเป็นไผ่ ถ้าเราเป็นเฟิร์น ถ้าเราเป็นพ่อแม่ของทั้งสอง
ถ้าเราต้องพบเรื่องราวเหล่านี้เข้ากับตนเองในวันหนึ่ง
เราจะจัดการกับเรื่องราวเหล่านี้อย่างไร
แต่ถึงมีคำตอบที่ดี
เราก็ควรถามตัวเองว่าใจของเราพร้อมจะรับปัญหาเหล่านั้นจริงหรือเปล่า
ถ้าหากว่ามันเกิดขึ้นมา

เคยเห็นไหมครับ
ผู้ให้ความเห็นต่อปัญหาของผู้อื่นมืออาชีพหลายชีวิต
เมื่อพบปัญหาต่อชีวิตของตัวเองก็ฟูมฟายหาทางไปต่อเองไม่เป็น

ซีรี่ส์ฮอร์โมน ซีซั่น 2 ตอน “ไผ่”
มีแต่คำถามให้ตอบเต็มไปหมด ต่างคนต่างความคิดเห็น
แต่ทุกคำถามเป็นคำถามที่มีต่อปัญหาที่เกิดขึ้นไปแล้ว
ที่จริง เราควรตั้งคำถามว่า ทำอย่างไร เราถึงจะไม่ต้องมาตั้งคำถามแบบนี้กันอีก

ในตอนนี้ เนื้อหาเปิดตัวด้วยเรื่องของ ต้าและหมอก
หมอกมีความฝัน มีเป้าหมายเรียนนิเทศน์พกกล้องทุกวัน ส่งรูปเข้าประกวดได้รับรางวัล
ต้ามีสิ่งที่ชอบมีดนตรี เล่นดนตรี จนได้ขึ้นเวทีใหญ่ ไผ่ยังบอกว่ารู้สึกอิจฉาต้า

แล้วไผ่ล่ะ ถ้าไผ่มีสิ่งที่ชอบ…
ไผ่ไม่มีอะไรแบบนั้น

ก่อนหน้านั้นเขามีแต่เรื่องตีกับคนอื่นไม่เว้น ผลการเรียนก็ไม่ค่อยดี
ไม่มีความฝัน ไม่มีเป้าหมาย จึงใช้ชีวิตวัยเรียนไปเรื่อยๆ ตามเพื่อนไปตลอด
ไม่มองอนาคตมากมาย บ้านของเขาทำงานอยู่กับบ้าน เขาก็คิดว่าตัวเองคงทำงานกับบ้าน
เท่าที่ผ่านมา
ไผ่แก้ปัญหาด้วยวิธีการง่ายๆเสมอ
ปล่อยชีวิตให้ผ่านไปวันๆกับเหตุการณ์ในแต่ละวัน
ไม่พอใจใครก็ชก
แต่ปัญหาของไผ่ก็มักบานปลายไปถึงคนรอบข้าง
จนกระทั่งในวันที่เมามายขาดสติ เหล้าที่เพื่อนส่งให้ไม่ยั้ง หญิงสาวที่เพื่อนส่งให้ในคืนหนึ่ง
ขณะนั้น เขาไม่มีสติที่จะตั้งคำถามอะไร
ทั้งก่อนเกิดเรื่องและหลังเกิดเรื่อง

ปัญหาบางอย่างไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้น
หากดำรงชีวิตในความไม่ประมาท
เครื่องมือป้องกันความประมาทคือสติ
รักษา สติ เพื่อตั้งคำถามกับทุกการกระทำของชีวิต
ส่วนอะไรที่ทำให้ขาดสติ
ถามกูเกิ้ลดูก็ได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่