ชวนคุยนะครับ
จขกท ทำงานมายี่สิบกว่าปี มีครอบครัวแล้ว เคยเรียนและใช้ชีวิตที่ ตปท ตอนนี้ทำงานอยู่เมืองไทย ชีวิตทำงานค่อนข้างมั่นคง
รายได้ดี ไม่เคยเดือดร้อนเรื่องรายได้ ถ้าไม่คิดจะซื้อของฟุ่มเฟือย ปัญหาอยู่ที่ งานที่ทำมันหนักมากจัง มากเสียจนเป็นปรกติ
จนชาชิน บริหารเวลาเท่าที่จะทำได้ ก็ทำงานแปดโมงบ้าง ถ้ามีประชุมทางไกลกับต่างประเทศก็เจ็ดโมงบ้างหรือเร็วกว่านั้น กลับก็ราวๆ
สี่ทุ่ม ห้าทุ่ม เร็วสุดก็สามทุ่ม แขกบริษัทมาก็ต้องไปรับรอง เสาร์อาทิตย์อีก แต่ไม่บ่อย
เฝ้าดูการทำงานและความเป็นไปของบริษัทตัวเอง คู่แข่ง ธุรกิจอื่นๆ ทุกสิ่งทุกอย่างมันแข่งขันกันไปหมด เพราะเราต้องช่วงชิงตลาด
เราต้องการส่วนแบ่งตลาด เราต้องเลี้ยงพนักงาน ลูกน้อง ทำให้เราต้องมีรายได้และเติบโตเพื่อขยายไลน์ขององค์กร ใช่ต้องอย่างมั่นคง
และยั่งยืน สิ่งต่างๆเหล่านี้ ทำให้มันต้องชิงไหวพริบกันและที่สำคัญ คุณต้องทำงานมากและหนักกว่าคู่แข่ง
ต้องการให้สินค้าออกสู่ตลาดก่อนคนอื่น ทำให้ต้องคิดมากขึ้น การวาง Plan งานก็บีบมากขึ้น เวลาโดยรวมมันน้อยลงในทุกๆกระบวนการ
ตั้งแต่แพลนนิ่ง ออกแบบและวิจัย การผลิต ก็ต้องแข่งกับเวลา สุดท้ายสิ่งที่ทำได้คือการทุ่มเทเวลาส่วนบุคคลแต่ละคนลงไป. ผมไม่ได้พูดว่า
ผมทำงานหนักอยู่คนเดียว สามทุ่มครึ่งที่ผมก้าวออกจากที่ทำงาน น้องวิศวกรยังนั่งทำงานอยู่เหมือนเครื่องจักรกันอยู่อีกหลายสิบคน
เวลามีเท่าไหร่ทุ่มกันลงไป ชีวิตก็ไม่เป็นชีวิตอย่างที่มันควรจะเป็น
ไม่มีใครอยากเป็นเหมือน พนักงานสายการบินมาเลย์ ที่ต้องถูกรีออร์กาไนซ์องค์กร หรืออยากเป็นเหมือน บริษัทโทรศัพท์มือถือแดนคอล
หรือโนเกียที่ถูกซื้อไป การตะเกียกตะกายให้องค์ได้อยู่รอดในสังคม ในโลกใบนี้ไม่มีทางได้มาง่ายๆ ร้านโชว์ห่วยที่ทะยอยปิดตัวไปเพราะ
โดนโมเดิร์นเทรดเข้ามาแทนร้องโอดโอยกันในขณะที่อาแปะนั่งจิบน้ำชา แต่ลูกหลานอาแปะที่ทำงานโมเดร์นเทรดกำลังปั่นรายงาน
วิเคราะห์กลุ่มตัวอย่างที่เพิ่งไปสัมภาษณ์มาเมื่อเช้านี้เองส่งให้หัวหน้า เพราะหัวหน้าต้องเข้าประชุมกับผู้บริหารในวันรุ่งขึ้น เพราะ
สำนักงานใหญ่ได้ข้อมูลมาว่าคู่แข่งกำลังจะเปิดสาขาใหม่ในทำเลนี้ ส่งผลให้โปรเจกท์ของเราต้องเสร็จเร็วขึ้นหนึ่งไตรมาส
จ้างคนเพิ่มหรือ... อย่าเกรียนขนาดนั้น รู้ใช่ไหมว่า cost ขององค์กรที่เรโชสูงสุดคือค่า Labour Cost จะจ้าง เอาต์ซอร์ส
ก็จะสร้างปัญหาระยะยาวอีก ....บลา บลา หลากเหตุผลก็อัดงานกันเข้าไป แล้วอาแปะก็โอดครวญว่าถูกรังแก เหมือนองค์กรอื่น
ที่พ่ายแพ้ในตลาดและตายจากไป
ท่ามกลางสภาพของโลกที่เป็แบบนี้ ไม่ว่าลูกจ้างที่ต้องวิ่งไปพร้อมๆองค์กร หรือเจ้าของกิจการที่ต้องวิ่งตามดอกเบี้ยธนาคาร
ก็มีสภาพไม่ต่างกัน มนุษย์เราสร้างระบบเศรษฐกิจแบบนี้กันออกมา ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เราทุกคนก็ต้องอยู่ในวังวนนี้กันต่อไป
ซึ่งนับวันจะรุนแรงมากขึ้น สังคมนิยมหรือ...อย่าเลย อย่า รู้ๆกันอยู่ว่า มันไม่สะท้อนความเป็นจริงในสังคม ชีวิตเกษตรกรรมหรือ
ผักกางมุ้ง ออร์กานิกส์ ระบบเกษตรที่มีแบบแผนกำลังรุกคืบเข้ามา ( แถวบ้านพักผ่อนผมที่ปากช่อง มีเกษตรกร
เริ่มขายของลำบากเพราะเกษตรยุคใหม่กันบ้างแล้ว ) ซึ่งก็แน่นอน ลูกหลานเราที่ทำเกษตรยุคใหม่ คงไม่ได้นั้งล้อมวงสนทนา
เฮฮาลุงป้าน้าอา เหมือนชีวิตเดิมๆ
ตราบใดที่โลกยังต้องแข่งขัน เราก็ต้องวิ่งกันไปอย่างนี้ บรรพบุรุษเราคิดระบบมาให้แบบแพ้คัดออก ใครไม่อยากออก ก็ต้องวิ่ง
การสร้างพื้นที่ส่วนตัวแบบเล่นหุ้นรวยหุ้น เงินกู้ ฯลฯ คงไม่ใช่ประเด็น เพราะผมชวนคุยในเรื่องภาพรวมของสังคม ไม่ใช่เอาตัวรอด
ได้แบบปัจเจก อยากรู้ว่าท่านอื่นๆ คิดกันอย่างไรกับ ชีวิตและสังคมแบบนี้
ว่ามาตั้งนาน ลืมบอกไปว่า ... พรุ่งนี้วันจันทร์
โลกหมุนเร็วขึ้น มนุษย์เงินเดือน เจ้าของกิจการ จงวิ่งแข่งกันต่อไป ใครแพ้คัดออก...จริงๆด้วย
จขกท ทำงานมายี่สิบกว่าปี มีครอบครัวแล้ว เคยเรียนและใช้ชีวิตที่ ตปท ตอนนี้ทำงานอยู่เมืองไทย ชีวิตทำงานค่อนข้างมั่นคง
รายได้ดี ไม่เคยเดือดร้อนเรื่องรายได้ ถ้าไม่คิดจะซื้อของฟุ่มเฟือย ปัญหาอยู่ที่ งานที่ทำมันหนักมากจัง มากเสียจนเป็นปรกติ
จนชาชิน บริหารเวลาเท่าที่จะทำได้ ก็ทำงานแปดโมงบ้าง ถ้ามีประชุมทางไกลกับต่างประเทศก็เจ็ดโมงบ้างหรือเร็วกว่านั้น กลับก็ราวๆ
สี่ทุ่ม ห้าทุ่ม เร็วสุดก็สามทุ่ม แขกบริษัทมาก็ต้องไปรับรอง เสาร์อาทิตย์อีก แต่ไม่บ่อย
เฝ้าดูการทำงานและความเป็นไปของบริษัทตัวเอง คู่แข่ง ธุรกิจอื่นๆ ทุกสิ่งทุกอย่างมันแข่งขันกันไปหมด เพราะเราต้องช่วงชิงตลาด
เราต้องการส่วนแบ่งตลาด เราต้องเลี้ยงพนักงาน ลูกน้อง ทำให้เราต้องมีรายได้และเติบโตเพื่อขยายไลน์ขององค์กร ใช่ต้องอย่างมั่นคง
และยั่งยืน สิ่งต่างๆเหล่านี้ ทำให้มันต้องชิงไหวพริบกันและที่สำคัญ คุณต้องทำงานมากและหนักกว่าคู่แข่ง
ต้องการให้สินค้าออกสู่ตลาดก่อนคนอื่น ทำให้ต้องคิดมากขึ้น การวาง Plan งานก็บีบมากขึ้น เวลาโดยรวมมันน้อยลงในทุกๆกระบวนการ
ตั้งแต่แพลนนิ่ง ออกแบบและวิจัย การผลิต ก็ต้องแข่งกับเวลา สุดท้ายสิ่งที่ทำได้คือการทุ่มเทเวลาส่วนบุคคลแต่ละคนลงไป. ผมไม่ได้พูดว่า
ผมทำงานหนักอยู่คนเดียว สามทุ่มครึ่งที่ผมก้าวออกจากที่ทำงาน น้องวิศวกรยังนั่งทำงานอยู่เหมือนเครื่องจักรกันอยู่อีกหลายสิบคน
เวลามีเท่าไหร่ทุ่มกันลงไป ชีวิตก็ไม่เป็นชีวิตอย่างที่มันควรจะเป็น
ไม่มีใครอยากเป็นเหมือน พนักงานสายการบินมาเลย์ ที่ต้องถูกรีออร์กาไนซ์องค์กร หรืออยากเป็นเหมือน บริษัทโทรศัพท์มือถือแดนคอล
หรือโนเกียที่ถูกซื้อไป การตะเกียกตะกายให้องค์ได้อยู่รอดในสังคม ในโลกใบนี้ไม่มีทางได้มาง่ายๆ ร้านโชว์ห่วยที่ทะยอยปิดตัวไปเพราะ
โดนโมเดิร์นเทรดเข้ามาแทนร้องโอดโอยกันในขณะที่อาแปะนั่งจิบน้ำชา แต่ลูกหลานอาแปะที่ทำงานโมเดร์นเทรดกำลังปั่นรายงาน
วิเคราะห์กลุ่มตัวอย่างที่เพิ่งไปสัมภาษณ์มาเมื่อเช้านี้เองส่งให้หัวหน้า เพราะหัวหน้าต้องเข้าประชุมกับผู้บริหารในวันรุ่งขึ้น เพราะ
สำนักงานใหญ่ได้ข้อมูลมาว่าคู่แข่งกำลังจะเปิดสาขาใหม่ในทำเลนี้ ส่งผลให้โปรเจกท์ของเราต้องเสร็จเร็วขึ้นหนึ่งไตรมาส
จ้างคนเพิ่มหรือ... อย่าเกรียนขนาดนั้น รู้ใช่ไหมว่า cost ขององค์กรที่เรโชสูงสุดคือค่า Labour Cost จะจ้าง เอาต์ซอร์ส
ก็จะสร้างปัญหาระยะยาวอีก ....บลา บลา หลากเหตุผลก็อัดงานกันเข้าไป แล้วอาแปะก็โอดครวญว่าถูกรังแก เหมือนองค์กรอื่น
ที่พ่ายแพ้ในตลาดและตายจากไป
ท่ามกลางสภาพของโลกที่เป็แบบนี้ ไม่ว่าลูกจ้างที่ต้องวิ่งไปพร้อมๆองค์กร หรือเจ้าของกิจการที่ต้องวิ่งตามดอกเบี้ยธนาคาร
ก็มีสภาพไม่ต่างกัน มนุษย์เราสร้างระบบเศรษฐกิจแบบนี้กันออกมา ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เราทุกคนก็ต้องอยู่ในวังวนนี้กันต่อไป
ซึ่งนับวันจะรุนแรงมากขึ้น สังคมนิยมหรือ...อย่าเลย อย่า รู้ๆกันอยู่ว่า มันไม่สะท้อนความเป็นจริงในสังคม ชีวิตเกษตรกรรมหรือ
ผักกางมุ้ง ออร์กานิกส์ ระบบเกษตรที่มีแบบแผนกำลังรุกคืบเข้ามา ( แถวบ้านพักผ่อนผมที่ปากช่อง มีเกษตรกร
เริ่มขายของลำบากเพราะเกษตรยุคใหม่กันบ้างแล้ว ) ซึ่งก็แน่นอน ลูกหลานเราที่ทำเกษตรยุคใหม่ คงไม่ได้นั้งล้อมวงสนทนา
เฮฮาลุงป้าน้าอา เหมือนชีวิตเดิมๆ
ตราบใดที่โลกยังต้องแข่งขัน เราก็ต้องวิ่งกันไปอย่างนี้ บรรพบุรุษเราคิดระบบมาให้แบบแพ้คัดออก ใครไม่อยากออก ก็ต้องวิ่ง
การสร้างพื้นที่ส่วนตัวแบบเล่นหุ้นรวยหุ้น เงินกู้ ฯลฯ คงไม่ใช่ประเด็น เพราะผมชวนคุยในเรื่องภาพรวมของสังคม ไม่ใช่เอาตัวรอด
ได้แบบปัจเจก อยากรู้ว่าท่านอื่นๆ คิดกันอย่างไรกับ ชีวิตและสังคมแบบนี้
ว่ามาตั้งนาน ลืมบอกไปว่า ... พรุ่งนี้วันจันทร์