สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 95
เจอกระทู้แบบนี้ทีไร ดิฉันก็พาลเพลียพวก CONSERVATIVE (อนุรักษ์นิยม) ที่สักแต่ด่า LIBERAL (เสรีนิยม)
และคิดแต่ว่าพวกลิเบอรัลนี่มันเลวชั่วช้า ทำให้สังคมวุ่นวาย โดยที่ตัวเองก็ไม่เคยเข้าใจลิเบอรัลเลยสักนิด
ดิฉันจะขอบคุณมากถ้าคุณเป็นอนุรักษ์นิยมที่มีเหตุผลและคิดให้รอบด้านมากขึ้นหน่อย
1. ประเด็นเจ้าของกระทู้คือ การเลือกปฏิบัติ (Discrimination) โดยเหตุแห่งเพศ ดิฉันคิดว่าคงเป็นเพราะค่านิยม
ทางความคิดแบบวิคตอเรียนที่ผู้หญิงต้องแต่งตัวรัดกุม ปิดทุกสัดส่วนกระมังคะ ในขณะที่ถ้าเป็นผู้ชายภาพในความคิดของเขา
มันดูสุภาพกว่า เพราะสังคมเคยชินตาแม้กระทั่งภาพผู้ชายเปลือยอก แต่พอเป็นผู้หญิงแต่งโชว์สัดส่วนแปลกตานิดๆหน่อยๆ
ก็สะดุ้งรับกันไม่ได้แล้วค่ะ
ถ้าเป็นแบบเจ้าของกระทู้ว่า เจ้าหน้าที่คนนี้ เลือกปฏิบัติ เพราะกฏต้องถูกใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม
การเลือกปฏิบัติควรเป็นเหตุร้ายแรงค่ะ แต่ในบ้านเรายังไม่ตระหนักถึงปัญหาตรงนี้ดีนัก
2. มีกฏแล้วก็ทำๆกันไป ทำไม่ได้ก็อย่าเข้าไปสิ...นิสิตนักศึกษาทุกคนย่อมมีสิทธิอย่างเต็มที่จะใช้บริการของมหาวิทยาลัย
หรือเปล่าคะ? การพูดแบบนี้เป็นการผลักภาระและทิ้งคนบางกลุ่มไว้ข้างหลัง โดยไม่สนใจใยดีถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
ดิฉันเรียกว่า คิดน้อย ละกันค่ะ
กฏที่มีอยู่ ไม่ได้บ่งบอกว่ากฏนั้นไม่มีปัญหาค่ะ กลับกันกฏที่มีปัญหาสมควรถูกหยิบยกนำมาวิพากษ์วิจารณ์กันใหม่
เพื่อหาแนวทางว่าจะคงอยู่หรือเปลี่ยนแปลงมัน กฏคือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ก็ย่อมเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ขนาดกฏหมายยังเปลี่ยนโดยรัฐสภาได้เลยนะคะ
3. คำว่า กาลเทศะ หรือ ความเหมาะสม ล้วนเป็นเรื่องที่แต่ละคนมองไม่เหมือนกัน แต่เรากลับเอาเรื่องนี้มาตัดสิน
และกะเกณฑ์คนอื่นอยู่ตลอดเวลา โดยที่ไม่เคยเปิดโอกาสให้คนที่แตกต่างได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดเลยสักครั้ง
และพอเขาแตกต่างขึ้นมาก็รุมประนามหยามเหยียด พิพากษาว่าคนอื่นเลว ทั้งๆที่ตัวคุณเองต่างหากที่เอาเปรียบพวกเขา
และเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของสังคม
ดังนั้น กฏเกณฑ์ใดใดในสังคมสมัยใหม่ ตั้งแต่หมู่บ้านรัฐธรรมนูญควรอยู่บนบรรทัดฐานของการถกเถียงและการมีส่วนร่วม
ของคนทุกฝ่ายมาแลกเปลี่ยน ตกลงกันค่ะ และต้องไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพโดยไม่จำเป็น
4. ลิเบอรัล ไม่เคารพกฏเกณฑ์...ถ้าพูดถึงกฏหมาย ลิเบอรัลก็ต้องทำตามกฏหมายนั้นค่ะ แม้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม
แต่ลิเบอรัลจะไปใช้สิทธิอันชอบธรรมในการตั้งคำถามต่อกฏหมายนั้น ด่า ล้อเลียน หรือเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงก็ได้ค่ะ
ดังนั้น ลิเบอรัลเคารพกฏหมายนะคะ
กฏมีไว้ให้ปฏิบัติตาม...ถูกค่ะ แต่กฏก็ย่อมเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
5. อย่างไรก็ตามดิฉันยืนยันอย่างหนักแน่นว่า คนเราทุกคนทุกอายุควรมีสิทธิอย่างเต็มที่บนร่างกายของตัวเอง
ที่จะแต่งตัวอย่างไรก็ได้ไปในสถานที่ราชการ โดยเฉพาะสถานศึกษาที่เป็นแหล่งที่สำคัญของเสรีภาพทางความคิด
และการเป็นตัวของตัวเอง อย่ามาอ้างความเหมาะสมที่ไม่มีกฏเกณฑ์ชัดเจน และไม่สมเหตุสมผลเลยค่ะ
ถ้าการแต่งตัวมันทำให้สังคมนี้วุ่นวาย สังคมนี้คงเป็นสังคมที่ไร้ภูมิคุ้มกันทางความคิดอย่างมากค่ะ
(บางคนอาจประชดว่า ถ้าแก้ผ้าไปเรียนล่ะ...ก็ต้องถกกันสิคะ ว่าการแก้ผ้าไปเรียนมันก่อปัญหาอะไรต่อสังคมไหม
มีหรือไม่อย่างไรก็ว่าไปค่ะ)
สุดท้ายดิฉันตกใจ(รอบที่ร้อย) ที่เห็นคนในสังคมนี้ยังตระหนักถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพกันเพียงผิวเผิน
พวกเขาหลายคนยังมองไม่เห็นถึงปัญหาที่ตามมาจากการถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพอย่างไม่สมเหตุสมผล
ทุกวันนี้การศึกษาไทยตกต่ำ หลายคนเรียกร้องให้เด็กรู้จักใช้ความคิดของตัวเอง ให้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
แต่เพียงเสรีภาพทางความคิดขั้นพื้นฐานอย่างการแต่งตัว สังคมนี้ยังรุมประนามหยามเหยียดพวกเขาต่างๆนานา
หาว่าบ่อนทำลายสังคม ทำลายชื่อเสียงสถาบันการศึกษา ตำหนิต่อว่าเขาโดยปราศจากเหตุผลที่ดี
และผ่านการคิดที่มากหน่อย กลับคิดแต่เพียงตื้นเขินและที่อยู่ตรงหน้า ไม่มองถึงข้างหลังและมิติอื่นๆเลย
ตกลงพวกคุณต้องการอะไรกันแน่คะ?
เลิกดัดจริตกันเสียที
และคิดแต่ว่าพวกลิเบอรัลนี่มันเลวชั่วช้า ทำให้สังคมวุ่นวาย โดยที่ตัวเองก็ไม่เคยเข้าใจลิเบอรัลเลยสักนิด
ดิฉันจะขอบคุณมากถ้าคุณเป็นอนุรักษ์นิยมที่มีเหตุผลและคิดให้รอบด้านมากขึ้นหน่อย
1. ประเด็นเจ้าของกระทู้คือ การเลือกปฏิบัติ (Discrimination) โดยเหตุแห่งเพศ ดิฉันคิดว่าคงเป็นเพราะค่านิยม
ทางความคิดแบบวิคตอเรียนที่ผู้หญิงต้องแต่งตัวรัดกุม ปิดทุกสัดส่วนกระมังคะ ในขณะที่ถ้าเป็นผู้ชายภาพในความคิดของเขา
มันดูสุภาพกว่า เพราะสังคมเคยชินตาแม้กระทั่งภาพผู้ชายเปลือยอก แต่พอเป็นผู้หญิงแต่งโชว์สัดส่วนแปลกตานิดๆหน่อยๆ
ก็สะดุ้งรับกันไม่ได้แล้วค่ะ
ถ้าเป็นแบบเจ้าของกระทู้ว่า เจ้าหน้าที่คนนี้ เลือกปฏิบัติ เพราะกฏต้องถูกใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม
การเลือกปฏิบัติควรเป็นเหตุร้ายแรงค่ะ แต่ในบ้านเรายังไม่ตระหนักถึงปัญหาตรงนี้ดีนัก
2. มีกฏแล้วก็ทำๆกันไป ทำไม่ได้ก็อย่าเข้าไปสิ...นิสิตนักศึกษาทุกคนย่อมมีสิทธิอย่างเต็มที่จะใช้บริการของมหาวิทยาลัย
หรือเปล่าคะ? การพูดแบบนี้เป็นการผลักภาระและทิ้งคนบางกลุ่มไว้ข้างหลัง โดยไม่สนใจใยดีถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
ดิฉันเรียกว่า คิดน้อย ละกันค่ะ
กฏที่มีอยู่ ไม่ได้บ่งบอกว่ากฏนั้นไม่มีปัญหาค่ะ กลับกันกฏที่มีปัญหาสมควรถูกหยิบยกนำมาวิพากษ์วิจารณ์กันใหม่
เพื่อหาแนวทางว่าจะคงอยู่หรือเปลี่ยนแปลงมัน กฏคือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ก็ย่อมเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ขนาดกฏหมายยังเปลี่ยนโดยรัฐสภาได้เลยนะคะ
3. คำว่า กาลเทศะ หรือ ความเหมาะสม ล้วนเป็นเรื่องที่แต่ละคนมองไม่เหมือนกัน แต่เรากลับเอาเรื่องนี้มาตัดสิน
และกะเกณฑ์คนอื่นอยู่ตลอดเวลา โดยที่ไม่เคยเปิดโอกาสให้คนที่แตกต่างได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดเลยสักครั้ง
และพอเขาแตกต่างขึ้นมาก็รุมประนามหยามเหยียด พิพากษาว่าคนอื่นเลว ทั้งๆที่ตัวคุณเองต่างหากที่เอาเปรียบพวกเขา
และเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของสังคม
ดังนั้น กฏเกณฑ์ใดใดในสังคมสมัยใหม่ ตั้งแต่หมู่บ้านรัฐธรรมนูญควรอยู่บนบรรทัดฐานของการถกเถียงและการมีส่วนร่วม
ของคนทุกฝ่ายมาแลกเปลี่ยน ตกลงกันค่ะ และต้องไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพโดยไม่จำเป็น
4. ลิเบอรัล ไม่เคารพกฏเกณฑ์...ถ้าพูดถึงกฏหมาย ลิเบอรัลก็ต้องทำตามกฏหมายนั้นค่ะ แม้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม
แต่ลิเบอรัลจะไปใช้สิทธิอันชอบธรรมในการตั้งคำถามต่อกฏหมายนั้น ด่า ล้อเลียน หรือเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงก็ได้ค่ะ
ดังนั้น ลิเบอรัลเคารพกฏหมายนะคะ
กฏมีไว้ให้ปฏิบัติตาม...ถูกค่ะ แต่กฏก็ย่อมเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
5. อย่างไรก็ตามดิฉันยืนยันอย่างหนักแน่นว่า คนเราทุกคนทุกอายุควรมีสิทธิอย่างเต็มที่บนร่างกายของตัวเอง
ที่จะแต่งตัวอย่างไรก็ได้ไปในสถานที่ราชการ โดยเฉพาะสถานศึกษาที่เป็นแหล่งที่สำคัญของเสรีภาพทางความคิด
และการเป็นตัวของตัวเอง อย่ามาอ้างความเหมาะสมที่ไม่มีกฏเกณฑ์ชัดเจน และไม่สมเหตุสมผลเลยค่ะ
ถ้าการแต่งตัวมันทำให้สังคมนี้วุ่นวาย สังคมนี้คงเป็นสังคมที่ไร้ภูมิคุ้มกันทางความคิดอย่างมากค่ะ
(บางคนอาจประชดว่า ถ้าแก้ผ้าไปเรียนล่ะ...ก็ต้องถกกันสิคะ ว่าการแก้ผ้าไปเรียนมันก่อปัญหาอะไรต่อสังคมไหม
มีหรือไม่อย่างไรก็ว่าไปค่ะ)
สุดท้ายดิฉันตกใจ(รอบที่ร้อย) ที่เห็นคนในสังคมนี้ยังตระหนักถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพกันเพียงผิวเผิน
พวกเขาหลายคนยังมองไม่เห็นถึงปัญหาที่ตามมาจากการถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพอย่างไม่สมเหตุสมผล
ทุกวันนี้การศึกษาไทยตกต่ำ หลายคนเรียกร้องให้เด็กรู้จักใช้ความคิดของตัวเอง ให้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
แต่เพียงเสรีภาพทางความคิดขั้นพื้นฐานอย่างการแต่งตัว สังคมนี้ยังรุมประนามหยามเหยียดพวกเขาต่างๆนานา
หาว่าบ่อนทำลายสังคม ทำลายชื่อเสียงสถาบันการศึกษา ตำหนิต่อว่าเขาโดยปราศจากเหตุผลที่ดี
และผ่านการคิดที่มากหน่อย กลับคิดแต่เพียงตื้นเขินและที่อยู่ตรงหน้า ไม่มองถึงข้างหลังและมิติอื่นๆเลย
ตกลงพวกคุณต้องการอะไรกันแน่คะ?
เลิกดัดจริตกันเสียที
ความคิดเห็นที่ 83
1.เลย ผมชอบ เจ้าของกระทู้มากๆ
2.ห้องสมุด ไม่ใช่ สถานทูต หรือ สภา ห้องสมุดไปหาความรู้อ่านหนังสือ
3. ผมชอบความคิด ต่างๆ ของ จขกท. มาก มันเป็น เสรีภาพ คนไทยวันๆ ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ ค่อยนั่งจับผิดชุด นักศึกษา ถ้าแก้ผ้า ใส่ชุดว่ายน้ำ มาเข้าห้องสมุดก็ว่าไปอย่าง คนไทยแมร่งชอบยึดติดกับเรื่องการแต่งกายจะต้องมีกาลเทศะ แหม่ เมืองพุทธๆ โถ่ พุทธแต่เปลือก ( ปาก )
2.ห้องสมุด ไม่ใช่ สถานทูต หรือ สภา ห้องสมุดไปหาความรู้อ่านหนังสือ
3. ผมชอบความคิด ต่างๆ ของ จขกท. มาก มันเป็น เสรีภาพ คนไทยวันๆ ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ ค่อยนั่งจับผิดชุด นักศึกษา ถ้าแก้ผ้า ใส่ชุดว่ายน้ำ มาเข้าห้องสมุดก็ว่าไปอย่าง คนไทยแมร่งชอบยึดติดกับเรื่องการแต่งกายจะต้องมีกาลเทศะ แหม่ เมืองพุทธๆ โถ่ พุทธแต่เปลือก ( ปาก )
แสดงความคิดเห็น
คืออยากรู้ว่ามหาลัยบางแห่งนี่เป็นไรมากการแต่งกายของนศเหรอ