เปล่าหรอกครับ ผมจั่วหัวไปอย่างนั้นแต่มิได้หมายความอย่างนั้น เพียงแต่ต้องการให้ชาวปีศาจแดงเกิดความรู้สึกเสียดายนักเตะเก่าที่กำลังไปได้ดีในทีมคู่แข่งขึ้นมาบ้างเท่านั้นเอง
เวลเบคอยู่อาร์เซนอลน่ะดีแล้วครับ ผมดีใจด้วยที่เห็นการเล่นของเขาพัฒนาขึ้น ฝีเท้าคงไม่พัฒนาขึ้นสักเท่าไร แต่หัวจิตหัวใจดีขึ้นอย่างแน่นอน (ดูมันวิ่งไล่บอลสิ) คนเราเมื่อทำอะไรแล้วสบายใจ มีคนคอยหนุนหลังอยู่ ไม่ว่าผิดหรือถูกก็จะกล้าคิดกล้าทำเองน่ะแหละ สิ่งดีๆ ในตัวที่มีอยู่ก็จะถูกเจ้าตัวงัดออกมาแสดงให้ผู้สนับสนุนเห็นอย่างเต็มที่ "เล่นเพราะกลัวผู้สนับสนุนจะผิดหวังกับเล่นเพราะกลัวผิดหวังตัวเองมันแตกต่างกันนะครับ"
ความแตกต่างของทัศนคติในการทำทีมของเวงเกอร์กับฟานกัลจะต่างกันตรงนี้
เวงเกอร์เป็นคนที่ให้โอกาสที่สอง-สามหรืออาจจะสี่เสมอถ้าเขาเชื่อมั่นและเห็นศักยภาพในตัวผู้เล่น (บางทีคนดูอย่างเราไม่เห็นด้วย) แต่ฟานกัลพร้อมจะตัดโอกาสทันทีโดยใช้ผู้เล่นตัวอื่นกดดัน (ยานาไซจ์..แอชลีย์ ยัง..บาเลนเซีย..เวลเบค..เคลฟเวอรี่..คากาวะ..แอนเดอสัน พวกนี้คงรู้ซึ้งดี) เรียกว่า ฟานกัลแทบจะไม่ให้เวลาพวกเขาปรับตัวเลยทั้งที่เปลี่ยนทั้งแผนการเล่นและเปลี่ยนโค้ชและสตาฟฟ์ ใหม่หมด
เวงเกอร์รู้จักเวลเบคดีกว่าฟานกัลแน่นอนเพราะคุมทีมเจอกับแมนยูมาแล้วหลายปี ข้อดีและข้อเสียของเวลเบคอยู่ในหัวสมองของเวงเกอร์ทุกอณูเพราะต้องวางแผนสกัดกั้นเวลาเจอกัน แต่ฟานกัลคงไม่ได้เกาะติดนักเตะคนนี้หรอกเนื่องจากไม่ใช่ตัวเด่นดังอะไรนักไม่ว่าระดับสโมสรหรือทีมชาติ
ฟอร์มของเวลเบ็คก่อนขายให้อาร์เซนอลก็น่าอยู่ครับ เพราะโชว์ฟอร์มแบบน่าอึดอัดอย่างยิ่ง โยนทิ้งโอกาสทองแบบน่าตบกบาลสักป้าบ นั่นเป็นเพราะนักเตะขาดความมั่นใจ ถูกส่งลงไปเป็นสำรองหรือตัวประกอบเท่านั้น และกดดันตัวเองให้เร่งรีบสร้างผลงานมากเกินไปจึงทำให้ลนลานและทำได้ไม่ค่อยดีนัก
เมื่อมาอยู่อาร์เซนอลก็เหมือนนกเขาได้อยู่กรงใหม่ ตอนจะซื้อมาไม่ขันไม่ว่า แต่ถ้าขันได้เมื่อไรก็คุ้มค่าเพราะยังวัยกระเตาะ ยังขันได้อีกหลายปี
ต้องชมเวงเกอร์ด้วย เขาเป็นกุนซือที่มุ่งมั่นและเชื่อมั่นในศักยภาพของนักเตะตัวเอง เป็นคนชอบปั้นไม่ชอบทุบทิ้ง ไม่งั้นอย่าง กอสเซียนี่..ชีรูต์..อเล็กซ์ แชมเบอเลน คงไม่อยู่ทนมาจนถึงวันนี้ได้หรอก เพราะนักเตะพวกนี้โชว์ฟอร์มไม่สม่ำเสมอและมีข้อผิดพลาดให้เห็นบ่อยๆ โดยเฉพาะชีรูต์นี่ กว่าจะปั้นให้แฟนปืนใหญ่ยอมรับได้ เวงเกอร์ต้องน้ำตาตกไปหลายแหมะเลยนะครับ เพราะแรกๆ นี่กลายเป็นชีเบลอ เสียส่วนใหญ่
อีกอย่างที่อาร์เซนอลแสดงให้เห็นว่าเหนือกว่าฟานกัลก็คือ การเล่นระบบ 10 คนเมื่อผู้เล่นถูกไล่ออก
อาร์เซนอลเมื่อคืน (และหลายครั้งในพรีเมียร์ที่ผมเคยเห็นสมัยรุ่งโรจน์) เล่นได้นิ่งมากสำหรับ 10 คนที่เหลือ โอเค อาจจะเพราะนำอยู่เยอะก็ได้ แต่อยากให้เปรียบเทียบกับแมนยู 10 คนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
อาร์เซนอล 10 คน มีจุดเด่นที่เกมโต้กลับ กับกองหลังที่ไว้ใจได้ประมาณหนึ่งเพราะเล่นกันมานาน ที่สำคัญ คือ การรุก-รับตรงกลางสนาม อาร์เซนอลจัดจ้านกว่าคู่แข่งและของแมนยู เมื่อคืนโอซิลคือจุดอ่อนเกมโต้กลับ ซึ่งเวงเกอร์ก็ปรับออกในเวลาที่สมควร เสริมวิลเชียร์เข้าไปเพราะมีความคล่องตัวกว่าแม้ไม่ฟิตก็ตาม ทำได้ดี กดดันเกมรุกของกาลาฯ ได้พอสมควร
การเล่น 10 คน เมื่อยามที่ไม่ต้องการสกอร์เพิ่มก็มักจะต้องถอดกองหน้าออก 1 ตัวเพื่อแพ็คกลางและหลังให้แน่นแล้วเล่นเกมโต้กลับเพื่อขู่เอาไว้ อาร์เซนอลทำได้ดีเนื่องจากทั้งเวลเบคและแชมเบอร์เลนมีความเร็ว ฟลามินีก็เล่นเกมโต้กลับได้ดีและแข็งแกร่งในแดนกลาง ทำให้ไม่เสียเปรียบตัวผู้เล่นมากนัก
ขณะที่ผีแดง กองหลังและผู้รักษาประตูคือจุดอ่อน ถ้าวันนั้นโดนบอมบ์กลางอากาศหนักๆ และบ่อยๆ กว่านี้มีหวังเสร็จแน่นอน เกมวันนั้น ทีม 10 คนต้องเล่นเกมโต้กลับได้ดีเพื่อกดดันไม่ให้คู่แข่งรุกเต็มสูบได้ สิ่งแรกที่ควรทำคือ ถอดเสือพิการทั้งสองตัว คือ ฟัลเกา และ ฟานเพอร์ซี่ออกเสีย เพราะความไม่สมบูรณ์ของฟัลเกาเล่นเกมโต้กลับเร็วไม่ได้ สปีดของเขายังไม่ขึ้น ช่วยหลังก็ไม่ดีเพราะเสี่ยงเจ็บ ขณะที่ฟานเพอร์ซี่ช้ามาหลายนัดแล้ว ควบไม่เต็มสปีดต้องล็อกบอลกลับ ที่ต้องเสริมคือ ปีกความเร็วจัดอย่างยานาไซจ์ หรือบาเลนเซียก็พอไหว ขอให้ไปถึงริมเส้นฝั่งโน้นให้ได้อย่าคุมบอลยึกๆ ยักๆ จะไปก็ไม่ไปจะส่งก็ไม่ส่ง และต้องถ่ายบอลให้เร็วอย่าเก็บกับตัวนานเกินไปโดยทั้งราฟาเอลและลุคชอว์ หรือ โรโฮมีความเร็วอยู่แล้วขึ้นไปช่วยจังหวะเล่นชิ่งได้
นักเตะคนหนึ่งในแดนกลางที่ผมยังคิดว่า **ไม่ใช่** และไม่ดีพอสำหรับเกมในวันนั้นคือ แดลี่ บลินด์ เขาไม่สามารถคุมจังหวะเกมตรงกลางได้เลย นับแต่เกมที่แพ้เลสเตอร์แล้ว ตอนนี้อาจจะยังใหม่ที่จะประเมินเขา แต่ยามที่เล่น 10 คน ยังอยากเห็นแผงกลางที่คุมจังหวะเกมได้ดีกว่านี้และเปิดเกมรุกแบบโต้กลับได้
ถ้าเป็นเซอร์อเล็กซ์ เวลาขึ้นนำแล้วโอกาสพลาดยาก เพราะมีตัวคุมจังหวะที่ดีทั้ง ริโอ/วิดิชในแผงหลัง และสโคลส์/คาร์ริกในแผงกลาง เมื่อขาด 4 ตัวนี้ไป แมนยูเหมือนเสียศูนย์ไปเลย หน้า กลาง หลังเล่นกันแบบสะเปะสะปะไปหมด ฟานกัลเองก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก อาจจะไม่เคยคุมแมนยูแบบ 10 คนมาก่อนก็เป็นได้ แต่นี่คงไม่ใช่ข้อแก้ตัวเพราะเขาเป็นกุนซือที่ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมายคนหนึ่งของโลก (ผมรักฟานกัลสมัยคุมอยู่อาแจ็กซ์มาก)
กระทู้นี้ไม่ได้จะด่าฟานกัล ผมเชื่อว่าลงทุนไปขนาดนี้ แฟนผีทุกคนพร้อมให้โอกาสในการปรับตัวปรับทีม เพียงแต่นักเตะบางคนก็คงอยากได้โอกาสเช่นนั้นบ้างแต่คุณก็ไม่ได้ให้เขา อย่างเช่น เวลเบ็คนี่ไงครับ
**เอาเวลเบ็คคืนมาาาาาา..!!!!!!!!!!!!**
เวลเบคอยู่อาร์เซนอลน่ะดีแล้วครับ ผมดีใจด้วยที่เห็นการเล่นของเขาพัฒนาขึ้น ฝีเท้าคงไม่พัฒนาขึ้นสักเท่าไร แต่หัวจิตหัวใจดีขึ้นอย่างแน่นอน (ดูมันวิ่งไล่บอลสิ) คนเราเมื่อทำอะไรแล้วสบายใจ มีคนคอยหนุนหลังอยู่ ไม่ว่าผิดหรือถูกก็จะกล้าคิดกล้าทำเองน่ะแหละ สิ่งดีๆ ในตัวที่มีอยู่ก็จะถูกเจ้าตัวงัดออกมาแสดงให้ผู้สนับสนุนเห็นอย่างเต็มที่ "เล่นเพราะกลัวผู้สนับสนุนจะผิดหวังกับเล่นเพราะกลัวผิดหวังตัวเองมันแตกต่างกันนะครับ"
ความแตกต่างของทัศนคติในการทำทีมของเวงเกอร์กับฟานกัลจะต่างกันตรงนี้
เวงเกอร์เป็นคนที่ให้โอกาสที่สอง-สามหรืออาจจะสี่เสมอถ้าเขาเชื่อมั่นและเห็นศักยภาพในตัวผู้เล่น (บางทีคนดูอย่างเราไม่เห็นด้วย) แต่ฟานกัลพร้อมจะตัดโอกาสทันทีโดยใช้ผู้เล่นตัวอื่นกดดัน (ยานาไซจ์..แอชลีย์ ยัง..บาเลนเซีย..เวลเบค..เคลฟเวอรี่..คากาวะ..แอนเดอสัน พวกนี้คงรู้ซึ้งดี) เรียกว่า ฟานกัลแทบจะไม่ให้เวลาพวกเขาปรับตัวเลยทั้งที่เปลี่ยนทั้งแผนการเล่นและเปลี่ยนโค้ชและสตาฟฟ์ ใหม่หมด
เวงเกอร์รู้จักเวลเบคดีกว่าฟานกัลแน่นอนเพราะคุมทีมเจอกับแมนยูมาแล้วหลายปี ข้อดีและข้อเสียของเวลเบคอยู่ในหัวสมองของเวงเกอร์ทุกอณูเพราะต้องวางแผนสกัดกั้นเวลาเจอกัน แต่ฟานกัลคงไม่ได้เกาะติดนักเตะคนนี้หรอกเนื่องจากไม่ใช่ตัวเด่นดังอะไรนักไม่ว่าระดับสโมสรหรือทีมชาติ
ฟอร์มของเวลเบ็คก่อนขายให้อาร์เซนอลก็น่าอยู่ครับ เพราะโชว์ฟอร์มแบบน่าอึดอัดอย่างยิ่ง โยนทิ้งโอกาสทองแบบน่าตบกบาลสักป้าบ นั่นเป็นเพราะนักเตะขาดความมั่นใจ ถูกส่งลงไปเป็นสำรองหรือตัวประกอบเท่านั้น และกดดันตัวเองให้เร่งรีบสร้างผลงานมากเกินไปจึงทำให้ลนลานและทำได้ไม่ค่อยดีนัก
เมื่อมาอยู่อาร์เซนอลก็เหมือนนกเขาได้อยู่กรงใหม่ ตอนจะซื้อมาไม่ขันไม่ว่า แต่ถ้าขันได้เมื่อไรก็คุ้มค่าเพราะยังวัยกระเตาะ ยังขันได้อีกหลายปี
ต้องชมเวงเกอร์ด้วย เขาเป็นกุนซือที่มุ่งมั่นและเชื่อมั่นในศักยภาพของนักเตะตัวเอง เป็นคนชอบปั้นไม่ชอบทุบทิ้ง ไม่งั้นอย่าง กอสเซียนี่..ชีรูต์..อเล็กซ์ แชมเบอเลน คงไม่อยู่ทนมาจนถึงวันนี้ได้หรอก เพราะนักเตะพวกนี้โชว์ฟอร์มไม่สม่ำเสมอและมีข้อผิดพลาดให้เห็นบ่อยๆ โดยเฉพาะชีรูต์นี่ กว่าจะปั้นให้แฟนปืนใหญ่ยอมรับได้ เวงเกอร์ต้องน้ำตาตกไปหลายแหมะเลยนะครับ เพราะแรกๆ นี่กลายเป็นชีเบลอ เสียส่วนใหญ่
อีกอย่างที่อาร์เซนอลแสดงให้เห็นว่าเหนือกว่าฟานกัลก็คือ การเล่นระบบ 10 คนเมื่อผู้เล่นถูกไล่ออก
อาร์เซนอลเมื่อคืน (และหลายครั้งในพรีเมียร์ที่ผมเคยเห็นสมัยรุ่งโรจน์) เล่นได้นิ่งมากสำหรับ 10 คนที่เหลือ โอเค อาจจะเพราะนำอยู่เยอะก็ได้ แต่อยากให้เปรียบเทียบกับแมนยู 10 คนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
อาร์เซนอล 10 คน มีจุดเด่นที่เกมโต้กลับ กับกองหลังที่ไว้ใจได้ประมาณหนึ่งเพราะเล่นกันมานาน ที่สำคัญ คือ การรุก-รับตรงกลางสนาม อาร์เซนอลจัดจ้านกว่าคู่แข่งและของแมนยู เมื่อคืนโอซิลคือจุดอ่อนเกมโต้กลับ ซึ่งเวงเกอร์ก็ปรับออกในเวลาที่สมควร เสริมวิลเชียร์เข้าไปเพราะมีความคล่องตัวกว่าแม้ไม่ฟิตก็ตาม ทำได้ดี กดดันเกมรุกของกาลาฯ ได้พอสมควร
การเล่น 10 คน เมื่อยามที่ไม่ต้องการสกอร์เพิ่มก็มักจะต้องถอดกองหน้าออก 1 ตัวเพื่อแพ็คกลางและหลังให้แน่นแล้วเล่นเกมโต้กลับเพื่อขู่เอาไว้ อาร์เซนอลทำได้ดีเนื่องจากทั้งเวลเบคและแชมเบอร์เลนมีความเร็ว ฟลามินีก็เล่นเกมโต้กลับได้ดีและแข็งแกร่งในแดนกลาง ทำให้ไม่เสียเปรียบตัวผู้เล่นมากนัก
ขณะที่ผีแดง กองหลังและผู้รักษาประตูคือจุดอ่อน ถ้าวันนั้นโดนบอมบ์กลางอากาศหนักๆ และบ่อยๆ กว่านี้มีหวังเสร็จแน่นอน เกมวันนั้น ทีม 10 คนต้องเล่นเกมโต้กลับได้ดีเพื่อกดดันไม่ให้คู่แข่งรุกเต็มสูบได้ สิ่งแรกที่ควรทำคือ ถอดเสือพิการทั้งสองตัว คือ ฟัลเกา และ ฟานเพอร์ซี่ออกเสีย เพราะความไม่สมบูรณ์ของฟัลเกาเล่นเกมโต้กลับเร็วไม่ได้ สปีดของเขายังไม่ขึ้น ช่วยหลังก็ไม่ดีเพราะเสี่ยงเจ็บ ขณะที่ฟานเพอร์ซี่ช้ามาหลายนัดแล้ว ควบไม่เต็มสปีดต้องล็อกบอลกลับ ที่ต้องเสริมคือ ปีกความเร็วจัดอย่างยานาไซจ์ หรือบาเลนเซียก็พอไหว ขอให้ไปถึงริมเส้นฝั่งโน้นให้ได้อย่าคุมบอลยึกๆ ยักๆ จะไปก็ไม่ไปจะส่งก็ไม่ส่ง และต้องถ่ายบอลให้เร็วอย่าเก็บกับตัวนานเกินไปโดยทั้งราฟาเอลและลุคชอว์ หรือ โรโฮมีความเร็วอยู่แล้วขึ้นไปช่วยจังหวะเล่นชิ่งได้
นักเตะคนหนึ่งในแดนกลางที่ผมยังคิดว่า **ไม่ใช่** และไม่ดีพอสำหรับเกมในวันนั้นคือ แดลี่ บลินด์ เขาไม่สามารถคุมจังหวะเกมตรงกลางได้เลย นับแต่เกมที่แพ้เลสเตอร์แล้ว ตอนนี้อาจจะยังใหม่ที่จะประเมินเขา แต่ยามที่เล่น 10 คน ยังอยากเห็นแผงกลางที่คุมจังหวะเกมได้ดีกว่านี้และเปิดเกมรุกแบบโต้กลับได้
ถ้าเป็นเซอร์อเล็กซ์ เวลาขึ้นนำแล้วโอกาสพลาดยาก เพราะมีตัวคุมจังหวะที่ดีทั้ง ริโอ/วิดิชในแผงหลัง และสโคลส์/คาร์ริกในแผงกลาง เมื่อขาด 4 ตัวนี้ไป แมนยูเหมือนเสียศูนย์ไปเลย หน้า กลาง หลังเล่นกันแบบสะเปะสะปะไปหมด ฟานกัลเองก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก อาจจะไม่เคยคุมแมนยูแบบ 10 คนมาก่อนก็เป็นได้ แต่นี่คงไม่ใช่ข้อแก้ตัวเพราะเขาเป็นกุนซือที่ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมายคนหนึ่งของโลก (ผมรักฟานกัลสมัยคุมอยู่อาแจ็กซ์มาก)
กระทู้นี้ไม่ได้จะด่าฟานกัล ผมเชื่อว่าลงทุนไปขนาดนี้ แฟนผีทุกคนพร้อมให้โอกาสในการปรับตัวปรับทีม เพียงแต่นักเตะบางคนก็คงอยากได้โอกาสเช่นนั้นบ้างแต่คุณก็ไม่ได้ให้เขา อย่างเช่น เวลเบ็คนี่ไงครับ