ย้อนมองอดีตสองเรื่อง เรื่องคำว่า "คุณตัว" กับเรื่องมติ ครม.ทักษิณ ให้วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2546 เป็นวันทำการ

กระทู้สนทนา
เรื่องแรก  เรื่อง "คุณตัว"

ระยะนี้มีคำพูดเขรอะบอร์ดบ่อย ๆ ว่า  ถ้ามีใครโดนเรียกว่า "คุณตัว" จะรู้สึกอย่างไร ?

เพื่อโยงถึงกรณี คุณโบกกรัก  เรียก  ตัวแก้มป่อง  ว่า "คุณตัว"
เพื่อบอกว่า  ตัวกลมแก้มป่องโดนหยามหมิ่นขนาดนี้  จะว่ายังไง  เห็นไหมว่า เธอถูกกระทำแค่ไหน

ก็เลยอยากย้อนความหลังเรื่องนี้สักนิดครับ

เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเมื่อสองสามปีมาแล้วมั้ง   ช่วงนั้นมีวิวาทะกันระหว่างคุณโบกกรัก กับ ตัวกลมแก้มป่อง
เถียงกันไปถกกันมา   ตัวกลมแก้มป่องก็เรียกคุณโบกกรัก สั้น ๆ ว่า  นายโบก

คุณโบกกรักก็เลยเกิดอาการของขึ้น   อัดกลับมั่งว่า  ถ้าเรียกผมว่าโบก  งั้นผมเรียกคุณกลับบ้างว่า คุณตัว

เลยกลายมาเป็นเหตุให้นำมาอ้างกันในขณะนี้แหละครับว่า  คุณโบกกรักดูหมิ่นตัวกลม   ตัวกลมถูกกระทำ

ความจริงโดนตั้งแต่ตอนนั้นแล้วครับ ตอนเรียกกันว่า  โบก   เรียกกันว่า  คุณตัว
แต่คงเพราะคุณโบกกรักเถียงไม่เก่ง  พอโดนบอกว่าใช้คำหยามหมิ่น  เลยเถียงไม่คล่อง
ถ้าเป็นผมล่ะก็   ไม่มีทางครับ  สนุก

เพราะหากใครมาเรียกผมก่อนว่านายโบก  แบบทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ได้รับการให้เกียรติตามที่ควรเป็น
ผมก็จะเรียกคน ๆ นั้นคืนด้วยชื่อต้นเหมือนกัน   ส่วนมันจะสื่อไปถึงอะไร  ช่วยไม่ได้ว่ะ

ก็เอ็งหาเรื่องเองนี่หว่า

ประเด็นที่อยากสื่อก็คือ   จริงหรือที่คุณโบกกรัก  มีเจตนาจะหยามหมิ่นตัวกลมแก้มป่อง ?

หรือแค่บังเอิญว่า  ก็ตัวกลมแก้มป่องเรียกคุณโบกกรักสั้น ๆ  แบบไม่ให้เกียรติ  
คุณโบกกรักก็เรียกตัวกลมแก้มป่องสั้น ๆ คืน  แล้วมันดันไปพ้องคำ
อันทำให้ตัวกลมแก้มป่องเห็นว่า  การเรียกกันอย่างไม่ให้เกียรตินั้น  มันไม่เหมาะไม่ควรอย่างไร

เรียกคนอื่นแบบไม่ให้เกียรติ  พอโดนบ้าง (และพ้องคำเสียหาย)  คนอื่นจะทำไม่ได้ยังงั้นเหรอ ?

ตัวกลมแก้มป่องถูกกระทำ  หรือต้ัวกลมแก้มป่องกระทำตัวเอง ?

แต่อย่างผมนี่   ฉายา "หล่อขวัญ"   ใครจะเรียกผมให้ตายว่า  "หล่อ"   ผมก็ไม่ถือครับ
อมยิ้ม01




อีกเรื่อง   คือเรื่องประเพณีหยุดยาวห้าวัน  อันมีผลพวงมาจากการเมืองเรื่องใส่ร้าย

อย่างที่ทราบกันครับ  ว่า ครม.ประยุทธ์มีมติให้วันศุกร์ที่ 2 มกราคา 2558  เป็นวันหยุด
ทำให้คนไทยเรามีวันหยุดยาวห้าวัน   คือนับตั้งแต่พุธที่ 31 ธันวาคม - อาทิตย์ที่ 4 มกราคม 2558

ไม่แค่ปีนี้หรอกครับ  ปี 2551 ต่อ 2552   เราก็ได้หยุดยาวห้าวันแบบนี้มาแล้ว
ไม่ใช่แค่ช่วงปีใหม่หรอกครับ  ช่วงอื่น ๆ ไม่ว่าสงกรานต์ หรือช่วงวันนักขัตฤกษ์ที่มีวันทำการคั่นหนึ่งวันนี่
เราก็ได้หยุดยาวต่อเนื่องกันไป   ด้วยเหตุผลให้ประชาชนได้ท่องเที่ยว  กระตุ้นเศรษฐกิจ

มันคือผลพวงจากการเมืองเรื่องใส่ร้ายกันครับ

ปี 2546  ครม.ทักษิณ  มีมติให้พุธ 31 ธันวาคม  เป็นวันทำการ  แล้วให้วันศุกร์ที่ 2 มกราคม 2547  เป็นวันหยุดแทน
ด้วยเหตุว่า  ตอนนั้นประเทศไทยเราเห็นว่า  การหยุดยาวเกินไป  ทำให้บ้านเมืองหยุดชะงัก
ึจึงมักไม่ให้หยุดยาวเกินสี่วัน

หากให้ 2 มกราคม 2547  เป็นวันทำการปกติ  มันก็ขัด ๆ     หากจะให้หยุดต่อเนื่องห้าวัน  ก็ขัด ๆ
เลยออกมาในแนว  ให้ 31 ธ.ค. 46  ทำการ   หยุด 2 ม.ค. 47  แทน

เรื่องมันเท่านี้

แต่เพราะตอนนั้น (2549)  ม็อบในดวงใจของห่านป่า  เอ๊ย ไม่ใช่สิ  ตอนนี้ม็อบในดวงใจของห่านป่าอยู่ที่ฮ่องกงโน่น

ตอนนั้น  ม็อบพันธมิตรกำลังฮิต  แป๊ะลิ้มกำลังดัง  พูดอะไรสาวกก็เชื่อหมด
พอแป๊ะลิ้มบอกว่า  ทักษิณให้ 31 ธ.ค. หยุด  เพื่อจะได้โอนที่ดินรัชดาได้ทันก่อนสิ้นปี 46
ก่อนที่ภาษีการโอนที่ดินในปี 47  จะปรับอัตรา   สาวกลิ้มก็เชื่อกัน  และเชื่อจนถึงวันนี้

เชื่อกันตั้งแต่ระดับกาก ๆ   จนถึงระดับด๊อกเตอร์ที่เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย

ไม่น่าเชื่อครับ  ว่าเวลาผ่านหลายปี   คดีที่ดินรัชดาก็สิ้นสุดไปแล้ว
แต่สาวกแป๊ะกลุ่มนี้ก็ยังฝังใจเชื่อกันอยู่แบบไม่ลืมหูลืมตา  ไม่สืบค้นข้อมูล  ไม่รับฟังข้อเท็จจริงใด ๆ

นี่แหละครับ   จึงเป็นที่มาว่า  ประเทศไทยต้องมีหยุดยาวต่อเนื่องห้าวันตลอดมา

เพราะหากทำอย่างทักษิณทำ  ทักษิณก็จะเป็นฝ่ายถูก  

คิด ๆ แล้วก็สนุกดีครับ   นี่แหละการเมืองแบบไทย ๆ   ใครทำอะไรดี ๆ ไว้ก่อน  หากทำตามกันก็ไม่อยากทำ
ยิ่งหากทำแล้วทำให้คนเก่าได้หน้า  ได้บอกข้อเท็จจริงอันเคยทำร้ายกัน  ยิ่งไม่ทำ



เมื่อย  จบ
อมยิ้ม01


แก้ไขนิดครับ   หัวทู้ผิด
ที่ถูกคือ  วันพุธที่ 31 ธันวาคม 2546
หัวเราะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่