สอบถามแนวคิดในการเลือกทำเลค้าขาย สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ

หวัดดีค่ะ มีเรื่องอยากปรึกษาเพื่อนๆ ซักหน่อย ยาวหน่อยนะคะ  ข้อมูลเบื้องต้น (ขออนุญาตไม่บอกสินค้าค่ะ)

เราเริ่มลงทุนทำกิจการมาได้ 3 เดือนกับ 1 สัปดาห์ ไม่มีความรู้เรื่องการค้าขายหรือตลาด เพราะเป็นคนซื้อมาตลอด  ตอนแรกไม่คาดคิดว่ายอดขายและธุรกิจเราจะโต  เราขายตลาดนัดเสาร์-อาทิตย์ เดือนละ 8-9 วัน วันธรรมดาเล่นหุ้น ไม่ได้ขายเพราะอยากขาย ขายเพราะเห็นของที่ชอบแล้วซื้อมา แต่ที่บ้านไม่ชอบใจ เราเลยโมโหเอามาขายตลาดนัดซะเลย  แต่ไปๆ มาๆ ดันขายได้ ทีนี้ทางที่บ้านเลยให้ลองค้าขายไปให้เต็มตัว (ทีนี้มาสนับสนุนและบังคับ)  

คือ ตั้งแต่ขายของมา เราไม่ได้หยุดเลย เพิ่งจะหยุดเมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเอง  (คือเราเล่นหุ้นอ่ะ ไม่ได้ชอบค้าขาย แต่พอขายของได้ ที่บ้านไม่ให้หยุดเลย ขายมา 3 เดือนติด เพิ่งได้หยุดอาทิตย์ที่แล้ว เพราะแผงประจำไม่ว่าง โชคดีชะมัด ได้พักหายใจบ้าง)

ยอดขายเดือนแรก  25,000  พอหักทุน ค่าร้าน ค่าน้ำมัน เหลือ 10,000 นิดๆ  (และยังมีสต๊อคสินค้าที่ขายได้อีกประมาณ 20,000)
ยอดขายเดือน สค  70,000  พอหักทุน ค่าร้าน ค่าน้ำมัน เหลือ 22,000 นิดๆ   (และยังมีสต๊อคสินค้าที่ขายได้อีกประมาณ 60,000)
ยอดขายเดือน กย. (ขายแค่ 3 สัปดาห์ เพราะหยุดเสาร์อาทิตย์สุดท้ายของเดือน)   74,000 บาท  พอหักทุน ค่าร้าน ค่าน้ำมัน เหลือ 40,000  (และมีสต๊อคสินค้าที่ขายได้เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 100,000)

ยอดขายเพิ่ม 200-250% ต่อเดือน ในขณะที่ยอดรายรับหลังหักแล้วจะเพิ่ม 100%

ปัญหาของเราคือ
1. เราไม่มีร้านประจำ ทุกวันนี้เช่าแผงรายวันตลาดนัด อาทิตย์ไหนไม่มีแผงว่าง ก็อด  แต่ช่วงแรก เราเลือกร้านไม่ดูทำเล แบบไม่ดีก็ได้ขอแค่ได้ขาย ปรากฏว่า ยอดขายขึ้นกับทำเลจริงๆ  คือ จ่ายค่าแผงเพิ่มขึ้น 500 บาทต่อวัน แต่ยอดขายเพิ่มขึ้น 3,000-5,000 บาท

2. เราไม่มีคนไปช่วยขาย กลายเป็นเราต้องซื้อของเอง หาของเอง มองสินค้าเองว่าชิ้นไหนขายได้ ตั้งราคาเอง แนะนำลูกค้าเอง ที่บ้านทำได้แค่ช่วยตั้งร้าน และขับรถให้

3. การที่เราไม่มีร้านประจำ ทำให้เราอยากเช่าร้านค้าตามห้าง หรือร้านค้าถาวร เพราะจะทำให้เราค้าขายได้ทุกวัน ระหว่างวันก็เล่นหุ้นไป (เล่นหุ้นมา 5-6 ปีละ) อีกอย่างช่วงนี้หน้าฝน เราเลยต้องการจะหลบเรื่องฝนเรื่องอากาศร้อน  และถ้าเราค้าขายได้ทุกวัน เราจะเริ่มสามารถกำหนดวันหยุดตัวเองได้ คือ เราอยากหยุด เราอยากไปเที่ยวๆๆๆๆๆๆ  อยากมีเวลาพักบ้าง

4. เพราะการที่เราเล่นหุ้น ดังนั้นเวลามีเงิน เราเลยเอาลง port
การลงทุนในการค้าขายนี้ เราเริ่มด้วยเงินแค่ 2000 บาท แล้วใช้วิธีหมุนเงิน ขายเร็ว ซื้อมา 5 ชิ้น ขายได้ 4000 ก็เอาเงิน 4000 มาซื้อสินค้าเพิ่ม (เทคนิคจากหุ้นจริงๆ เลย เพิ่ม port ไปเรื่อยๆ)  ทำให้เรามีสต๊อคสินค้าเพิ่มขึ้นๆ จนสามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน  ดังนั้นเงื่อนไขของเรา คือ เราจะไม่เอาเงินมาลงทุนเพิ่ม เราจึงไม่อยากเสียเงินค่าเช่าหรือค่าเซ้งร้านเยอะ

5. เราไม่รู้ว่าสินค้าที่เราขาย จะหาได้ต่อเนื่องมั๊ย เราจึงอาจจะต้องนำเข้ามาเอง ดังนั้น ก็จะมีปัญหาตามมาคือ จำนวนนำเข้าต้องเยอะมาก เราจึงควรจะหาที่ระบายสินค้า  ไม่งั้นทุนจม

หลังจากตัดสินใจแล้ว เราจึงเริ่มหาหน้าร้าน เราก็พบ 3 แห่ง ดังนี้
A. ราคาต่อเดือน ถูกสุด (15000) พื้นที่เล็กมาก เสียค่าใช้จ่ายในการตกแต่งไม่เกิน 12,000 บาท รวมค่าตู้ (เราซื้อตู้ โต๊ะมือสอง เล็งและโทรคุยแล้ว)  เราแค่ติดแอร์ ซึ่งก็คงเอาแอร์จากที่บ้านไป เพราะที่บ้านแอร์ 6 ตัว ใช้จริงแค่ 3 ตัวเอง กะจะถอดแอร์ห้องพระไป  ร้านนี้ทำเลอยู่ในห้างติดถนน ขาเข้ากรุงเทพ ร้านอยู่ชั้น 2 ทำเลร้านดีมาก ออกจากลิฟท์เจอเลย  แต่ถ้าถามเรื่องคน คนจะไม่ค่อยเดินชั้น 2 เพราะคนทั่วไปจะเดินแค่ชั้น 1  เนื่องจากมีร้านค้าเยอะกว่า ส่วนชั้น 2 มีเฉพาะธนาคาร  ลักษณะห้างนี้ จะเป็นคนกลับบ้านแวะทานข้าวเย็น ดังนั้น จะหวังว่าคนมาเดินเล่นชิวๆ คงไม่มี ทำให้คนเดินผ่านหน้าร้านเรา คงไม่เกิน 50-100 คนต่อวันในวันธรรมดา

B. ราคาต่อเดือน แพงกว่าข้อ 1. นิดหน่อย  (18000) ไม่ต้องตกแต่งอะไรเลย แค่เอาเฟอร์เอาไป  ห้างมีอนาคต  มีคนเดินเล่นชิวๆ  คนผ่านหน้าร้านวันธรรมดา 100-200 คน แต่เสาร์อาทิตย์จะเยอะกว่ามาก  แต่ปัญหาคือ ราคาเช่าที่ว่านี้ จะให้แค่ช่วงแนะนำ 3 เดือน หลังจากนั้น ราคาเช่าจะปรับอีกเท่าตัวเป็น 35,000 (คือช่วงแนะนำห้าง ลดค่าเช่า 50% ประมาณนั้นค่ะ)  ห้างนี้ติดถนน มีขนาดใหญ่ และอยู่ถนนขาออก

C. ราคาต่อเดือน ปานกลาง (17000)  พื้นที่เยอะกว่าร้านทำเล ข้อ 1 และ 2  เป็นอาคารชั้นครึ่ง สามารถขยับขยายธุรกิจในอนาคตได้ เกือบติดถนน เข้าซอยไม่เกิน 60 เมตร  ปากซอยมีป้ายรถเมล์และโรงพยาบาล  รายล้อมด้วยร้านค้าและตลาดนัดคนมีเงิน ถ้ายอดขายไม่ดี เรากะจะแบ่งพื้นที่ให้คนมาเช่าสอนพิเศษ ดังนั้น จึงไม่กังวลเรื่องยอดขาย แต่ปัญหาคือ ทำเลร้านนี้ยังไม่ว่าง ต้องรอประมาณ 2-3 เดือน  อยู่ถนนขาออก หมู่บ้านคนรวย หลักพันครัวเรือน

คำถาม คือ
1. เราควรจะขยายธุรกิจมั๊ย หรือ ขายตลาดนัดไปเรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องขวนขวาย เพราะเราติดปัญหาเรื่องคนขาย ถ้าเราจะเปิดร้านจริงในอนาคต ปัญหาจะตามมาอีกเยอะ เอาแค่หาสินค้าก็มึนแล้ว ถ้าขยายจริงต้องบินไปหาซื้อเลือกเอง ดิวเอง คัดเอง วางแผนจัดการเองหมด

2. ถ้าเราควรขยายกิจการ (ใน 1 ปีแรก เราอาจจะมี 1-2 ร้าน  แต่ในระยะ 3 ปี เราคาดว่าจะต้องขยายสาขาประมาณ 5 ร้าน  เพราะไม่งั้นสินค้าที่เรานำเข้า จะไม่มีที่ระบายออก)  ดังนั้น  เราควรเลือกร้านแบบไหน ใน ข้อ A B C  สำหรับคนเริ่มธุรกิจ ตั้งต้นร้านแรก ควรเลือก 1.ทำเล 2.ขนาดพื้นที่  หรือ 3. อนาคตการขยายความหลากหลายทางการตลาด  คือ ไม่แน่ใจเลยค่ะว่าปัจจัยไหนสำคัญสุด  และมันแตกต่างกันยังไง

รบกวนเพื่อนๆ ที่ธุรกิจยืนได้แล้วช่วยแนะนำด้วยค่ะ ตอนนี้มึนมาก จะเอายังไงต่อดี จะเดินหน้า หรือถอยหลัง หรือจะหยุดแค่นี้ดี
ขอบคุณมากๆ

ปล. ที่เราไม่บอกตัวสินค้า เพราะ สินค้ามันไม่ได้ขายดีได้ด้วยตัวมันเอง พอขายได้บ้าง แต่มันขายได้ดีเพราะใช้เทคนิคการขาย และเราก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องยอดขาย เราจึงไม่ต้องบอกตัวสินค้า  อีกอย่างมันจะกลายเป็นโฆษณาแฝง  สิ่งที่เราอยากรู้จริงๆ คือ หลังจากลองตลาดแล้ว พอเห็นลู่ทางว่าไปได้  แล้วจากนี้จะเริ่มตั้งหลักจริงจังยังไงดีค่ะ เพื่อที่จะก้าวไม่พลาด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่