ความสับสนทำให้คนนั้นเหงา
ดูหัวกระทู้มันคงจะเป็นเรื่องแปลก. แต่มันคือสิ่งที่ผมรู้สึกและสงสัยมาระยะหนึ่ง. เรื่องแบบนี้เกี่ยวของกะอะไรที่เรียกว่า love (เริ่มจะเอียนกะคำนี้ละสิ. แต่ไม่เคยเลิกได้เล๊ยยยยยย) นั่นล่ะครับ. ทำให้ผมเลือกจะมาเขียนกระทู้. แต่ที่เขียนฟังจุดประสงค์ก่อนนะครับว่า ผมแค่อยากจะเล่าให้บางคนฟัง. ->กลายมาเป็นพิมพ์ทิ้งไว้ให้คนที่เขามาอ่านได้ทราบนั่นเอง
ความสับสนทำให้คนเหงา. บอกไว้ก่อนว่าไม่ใช่สับสนว่าจะเลือกใคร. แต่ก็อาจจะพูดไม่เต็มปากนัก. ถ้าจะกล่าวว่า สับสนที่จะเลือกเป็นอะไรต่างหาก(เลือกอะไรตอนนี้บางคนอาจจะรู้)
ว่าไปผมก็ไม่ใช่คนที่แมนมาเกยอะไรปานนั้น(จริงๆก็ไม่ค่อยใกล้เคียงคำว่าแมนเลยซักกะนิด) แต่สิ่งที่บอกใจผมมาตลอดว่า....ผมยังไม่เป็นอย่างอื่นละกัน--  นั่นก็คือผมมีคนที่ชอบ(ผู้หญิงอะนะ)
มันเริ่มดูไร้สาระนิดๆซะแล้ว. ผมมักจะหาเวลาไปอยู่ใกล้ชิดกับเธอคนนี้ที่อายุน้อยกว่าผมซัก...2ปีได้. (หายตัวไปจากกลุ่มเพื่อนๆทุกครั้งที่ว่างแล้วลงไปหาเธอ. ซึ่งทำชีวิตตัวเองให้ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นนอตน่าดู). เธอไม่ค่อยรู้สึกรู้สาอะไรด้วยหรอก. รวมไปถึงเพื่อนๆของเธอที่ดูจะจับพิรุทอะไรผมไม่ค่อยได้(เพราะผมเล่นคุยกะคนทุกคนในห้องเพื่อไม่ให้ใครจับพิรุทได้). แต่สิ่งที่ร้ายกว่านั้นที่ผมทำก็คือ. พยายามทำให้คนรอบข้างทุกคนคิดว่าผมไม่ใช่ผู้ชาย(จนบางทีผมก็ทำจนติด ) ยกเว้นเธอคนเดียวที่รู้นอกออกในทุกอย่าง. ยกเว้นอย่างเดียวคือเธอไม่รู้ว่าผมชอบ
ผมคงเริ่มสร้างปมปัญหาให้กิจกรรมประจำวันมามากพอสมควรแล้ว. แต่ระยะเวลาปีกว่าๆที่ผมทำแบบนี้. ทำให้ผมค่อนข้างมั่นใจว่า. ผมน่าจะเป็น"พี่"ที่สนิทกับเธอที่สุด(จากการวิเคราะห์นะ. แต่ไม่มีอะไรที่แน่นอน) เอาเป็นว่า. คงไม่มีใครที่จะคุยกับเธอแทบทุกๆคืน. (ไม่ว่าจะทางข้อความโทรศัพท์. โทรผ่านเน็ต. มือถือ. หรือแชท. ) และก็มักจะคุยกันเนิ่นนานไปจนเธอนอน. ผมถึงจะกล้าหลับ(ถ้าวันนั้นไม่หลับคาแชทอะนะ) และผมก็มักจะตื่นก่อนเธอเสมอ แต่คงไม่ได้ส่งข้อความไปเตือนหรอก. จนกว่าเราจะได้เจอกันในแทบทุกวันทำงานและผมก็ใช้ทุกเวลาว่าง(ที่ว่างจริงๆ)ไปหาเธอจนบางทีผมก็กลายเป็นที่ระบายอารมณ์และเรื่องราวต่างๆในชีวิต. และบางครั้งที่กลายเป็นที่ปรึกษาในเรื่องราวเหล่านั้นบ้าง. แม้ส่วนใหญ่จะไม่ได้เนื้อหาสาระ 
เช่นกันเธอก็กลายเป็นรุ่นน้องที่ผมให้ความไว้ใจและเชื่อใจที่สุดเท่าที่เคยไว้ใจมาเลยนะ. เหมือนกับเธอ. พักหลังนี้ผมก็มักจะระบายเรื่องราวชีวิตและความอัดอั้นตันใจในทุกๆวันที่เจอมาเล่าให้ฟัง
แต่สิ่งสำคัญ. เวลาปีกว่าไม่พอสำหรับผมที่จะบอกว่าผมคิดอะไรหรอก(และผมก็ยังไม่รู้เช่นกันว่าปีกี่จะพอ). เธอก็คงจะไม่ได้คิดอะไรกับผม. ที่สำคัญ ผมก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าเธอคือผู้หญิง(คือเพศน่ะใช่แต่ใจเธอน่ะไม่รู้) ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรกันแน่. แต่การเสแสร้งแกล้งทำเป็นว่าไม่ใช่ผู้ชายมานานจนซึมซับเข้าสู่วิถีชีวิตของผมบอกได้เลยว่า. นี่ไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปแน่ๆ. 
แต่เธอไม่ได้ปิดบังอะไรมากหรอก. เธอคือสิ่งที่เรามักเรียกๆกันว่า. คลั่งการ์ตูนเป็นอย่างยิ่ง. แต่การ์ตูนที่เธอดูเป็นสิ่งที่เรียกว่า yaoi (เอาไว้ให้ท่านที่ไม่ทราบไปตามหากันเองละกันว่าเธอชอบอะไร) ผมไม่ค่อยชอคหรอกทีแรก. เพราะเพื่อนๆผู้หญิงสมัยนี้โดยเฉพาะgen z ที่อยู่ในช่วงวัยของเธอก็เป็นแบบนี้กันเยอะ
เธอชอบเพื่อนของผมคู่หนึ่งมากๆ. เธอมักจะให้ผมถ่ายรูปไปให้เธอดูซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธนะ  เก็บไว้ซะทุกภาพให้เธอ ดูๆไปผมก็น่าจะเปลืองเวลามากเกินไปทำอะไรซักอย่าง. แต่ผมมองว่ามันค่อนข้างคุ้ม. 
แน่นอน. วินาทีที่ผมชอคที่สุดคือวินาทีที่เธอมาเล่าเรื่องในชีวิตให้ผมฟังนั่นล่ะ. ว่าเธอมีคนที่ชอบ. (ความรู้สึกเหมือนมองเงาในกระโหลก ดูซะให้เต็มตา) แต่ ณ ขณะนั้นผมก็คุมสติคุยกับเธอไปเรื่อยๆ. จนสุดท้ายรู้ว่า. สิ่งที่เธอชอบนั้นคือการนำคนที่เธอชอบมาเป็นตัวละครในความคิดเพื่อให้อีกคนทำอะไรมิดีมิร้าย.....(หลายๆคนคงรู้นะว่าเธอทำอะไร. แต่คนที่ไม่รู้ ก็. เธอจะจินตนาการเรื่องราวไปในทางที่. เอิ่ม...... ขอละไว้ละกัน) ผมก็เพิ่งรู้ว่าเธอน่ากลัวขนาดนี้. แต่ได้ปักใจชอบไปแล้ว ผมคงไม่เลิกง่ายๆ
เธอก็เริ่ใจับตามองคนรอบข้างเธอแล้ว จินตนาการไปซะทั่ว. ออกน้ำข้ามทะเลไปเรื่อยๆ(มันน่าจะเป็นเรื่องปกติของเด็กสมัยนี้ละมั้ง. แต่ผมก็ยังรู้สึก สะพรึงเล็กๆน้อยๆ) จนวันหนึ่งก็มาถึงผม กะไอ้ลูกน้องคนสนิทที่อยู่ห้องเดียวกับเธอ
ที่ร้ายแรงที่สุด. เธอน่าจะคลั่งเอามากๆซะจน ผลักผมกะไอ้ลูกน้อง(ความคิดเธอคงห้หัวชนกันล่ะมั้ง) รอบแรกไม่เท่าไหร่. รอบสองเล่นซะปากแทบโดนกัน แล้วเธอก็นั่งเขินกับสิ่งที่เธอทำ. ทำให้ผมเริ่มรู้สึกถึงความน่ากลัว(แต่คนรอบข้างก็ไม่ตะหงิดอะไรหรอก. เพราะคาแรคเตอร์ของผมมัน....เป็นอย่างที่ผมเล่านั่นล่ะ)
เรื่องนี้ทำให้ผมโกรธเธอเป็นฟืนเป็นไฟ. แต่ผลสุดท้าย. ใจผมก็อ่อนโงกเงกโงนเงนเมื่อเธอโทรมาขอโทษทั้งน้ำตา. ผมไม่สามารถจะปฏิเสธน้ำตาของเธอได้
หลังจากนั้นเราดูค่อนข้างจะสนิทกันนะ เพราะหลังจากนั้น. เราต้องบอกกันว่าจะไปกินข้าวอาบน้ำ. จะนอนหรือจะหลับ....
แต่นั่นล่ะ. เธอก็เพิ่งมาบอกผมตอนที่เราคุนกันครั้งล่าสุดนี่ล่ะว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงจริงๆ และเธอก็คุยๆกันถึงเรื่องเพศทางจิตใจ. และผมก็เพิ่งรู้จริงๆว่าเธอคิดว่าผมไม่น่าจะชอบใครได้(แหม...ผมหลอกเธอเก่งหรือไม่รู้ตัวดี). แต่นั่นล่ะที่ทำให้ผมสับสน. ผมควรจะทำตัวอย่างนี้ต่อไป. ผมควรจะเลือกทำมัน. หรืผมควรจะเป็นให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยดี. 
แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น. ทุกๆวันนี้อาการเหงาก็หลอนผมมาตลอด แค่ฟังเพลงโดน. อาจตะเฮิร์ตหนักซะจนร้องไห้ได้(นี่ล่ะคือสิ่งที่ทำให้ผมคิดว่าผมไม่ค่อยแมน) แต่แล้วสุดท้าย. กำลังใจที่ทำให้ผมหายก็คือ เธอ เธอผู้ที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกๆสิ่งนั่นเอง
นั่นล่ะ. จุดเริ่มต้นของคำว่าเหงาของผม. ที่ดูท่าทางมันจะไม่จบไม่สิ้นซักที. ถ้าใจผมยังไม่ทำอะไรซักอย่าง. แต่ก็อย่างว่า. ผมก็ไม่รู้จะทำไงเช่นกัน																															
						 
												
						
					
ความสับสนทำให้คนเหงา
ดูหัวกระทู้มันคงจะเป็นเรื่องแปลก. แต่มันคือสิ่งที่ผมรู้สึกและสงสัยมาระยะหนึ่ง. เรื่องแบบนี้เกี่ยวของกะอะไรที่เรียกว่า love (เริ่มจะเอียนกะคำนี้ละสิ. แต่ไม่เคยเลิกได้เล๊ยยยยยย) นั่นล่ะครับ. ทำให้ผมเลือกจะมาเขียนกระทู้. แต่ที่เขียนฟังจุดประสงค์ก่อนนะครับว่า ผมแค่อยากจะเล่าให้บางคนฟัง. ->กลายมาเป็นพิมพ์ทิ้งไว้ให้คนที่เขามาอ่านได้ทราบนั่นเอง
ความสับสนทำให้คนเหงา. บอกไว้ก่อนว่าไม่ใช่สับสนว่าจะเลือกใคร. แต่ก็อาจจะพูดไม่เต็มปากนัก. ถ้าจะกล่าวว่า สับสนที่จะเลือกเป็นอะไรต่างหาก(เลือกอะไรตอนนี้บางคนอาจจะรู้)
ว่าไปผมก็ไม่ใช่คนที่แมนมาเกยอะไรปานนั้น(จริงๆก็ไม่ค่อยใกล้เคียงคำว่าแมนเลยซักกะนิด) แต่สิ่งที่บอกใจผมมาตลอดว่า....ผมยังไม่เป็นอย่างอื่นละกัน-- นั่นก็คือผมมีคนที่ชอบ(ผู้หญิงอะนะ)
มันเริ่มดูไร้สาระนิดๆซะแล้ว. ผมมักจะหาเวลาไปอยู่ใกล้ชิดกับเธอคนนี้ที่อายุน้อยกว่าผมซัก...2ปีได้. (หายตัวไปจากกลุ่มเพื่อนๆทุกครั้งที่ว่างแล้วลงไปหาเธอ. ซึ่งทำชีวิตตัวเองให้ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นนอตน่าดู). เธอไม่ค่อยรู้สึกรู้สาอะไรด้วยหรอก. รวมไปถึงเพื่อนๆของเธอที่ดูจะจับพิรุทอะไรผมไม่ค่อยได้(เพราะผมเล่นคุยกะคนทุกคนในห้องเพื่อไม่ให้ใครจับพิรุทได้). แต่สิ่งที่ร้ายกว่านั้นที่ผมทำก็คือ. พยายามทำให้คนรอบข้างทุกคนคิดว่าผมไม่ใช่ผู้ชาย(จนบางทีผมก็ทำจนติด ) ยกเว้นเธอคนเดียวที่รู้นอกออกในทุกอย่าง. ยกเว้นอย่างเดียวคือเธอไม่รู้ว่าผมชอบ
ผมคงเริ่มสร้างปมปัญหาให้กิจกรรมประจำวันมามากพอสมควรแล้ว. แต่ระยะเวลาปีกว่าๆที่ผมทำแบบนี้. ทำให้ผมค่อนข้างมั่นใจว่า. ผมน่าจะเป็น"พี่"ที่สนิทกับเธอที่สุด(จากการวิเคราะห์นะ. แต่ไม่มีอะไรที่แน่นอน) เอาเป็นว่า. คงไม่มีใครที่จะคุยกับเธอแทบทุกๆคืน. (ไม่ว่าจะทางข้อความโทรศัพท์. โทรผ่านเน็ต. มือถือ. หรือแชท. ) และก็มักจะคุยกันเนิ่นนานไปจนเธอนอน. ผมถึงจะกล้าหลับ(ถ้าวันนั้นไม่หลับคาแชทอะนะ) และผมก็มักจะตื่นก่อนเธอเสมอ แต่คงไม่ได้ส่งข้อความไปเตือนหรอก. จนกว่าเราจะได้เจอกันในแทบทุกวันทำงานและผมก็ใช้ทุกเวลาว่าง(ที่ว่างจริงๆ)ไปหาเธอจนบางทีผมก็กลายเป็นที่ระบายอารมณ์และเรื่องราวต่างๆในชีวิต. และบางครั้งที่กลายเป็นที่ปรึกษาในเรื่องราวเหล่านั้นบ้าง. แม้ส่วนใหญ่จะไม่ได้เนื้อหาสาระ
เช่นกันเธอก็กลายเป็นรุ่นน้องที่ผมให้ความไว้ใจและเชื่อใจที่สุดเท่าที่เคยไว้ใจมาเลยนะ. เหมือนกับเธอ. พักหลังนี้ผมก็มักจะระบายเรื่องราวชีวิตและความอัดอั้นตันใจในทุกๆวันที่เจอมาเล่าให้ฟัง
แต่สิ่งสำคัญ. เวลาปีกว่าไม่พอสำหรับผมที่จะบอกว่าผมคิดอะไรหรอก(และผมก็ยังไม่รู้เช่นกันว่าปีกี่จะพอ). เธอก็คงจะไม่ได้คิดอะไรกับผม. ที่สำคัญ ผมก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าเธอคือผู้หญิง(คือเพศน่ะใช่แต่ใจเธอน่ะไม่รู้) ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรกันแน่. แต่การเสแสร้งแกล้งทำเป็นว่าไม่ใช่ผู้ชายมานานจนซึมซับเข้าสู่วิถีชีวิตของผมบอกได้เลยว่า. นี่ไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปแน่ๆ.
แต่เธอไม่ได้ปิดบังอะไรมากหรอก. เธอคือสิ่งที่เรามักเรียกๆกันว่า. คลั่งการ์ตูนเป็นอย่างยิ่ง. แต่การ์ตูนที่เธอดูเป็นสิ่งที่เรียกว่า yaoi (เอาไว้ให้ท่านที่ไม่ทราบไปตามหากันเองละกันว่าเธอชอบอะไร) ผมไม่ค่อยชอคหรอกทีแรก. เพราะเพื่อนๆผู้หญิงสมัยนี้โดยเฉพาะgen z ที่อยู่ในช่วงวัยของเธอก็เป็นแบบนี้กันเยอะ
เธอชอบเพื่อนของผมคู่หนึ่งมากๆ. เธอมักจะให้ผมถ่ายรูปไปให้เธอดูซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธนะ เก็บไว้ซะทุกภาพให้เธอ ดูๆไปผมก็น่าจะเปลืองเวลามากเกินไปทำอะไรซักอย่าง. แต่ผมมองว่ามันค่อนข้างคุ้ม.
แน่นอน. วินาทีที่ผมชอคที่สุดคือวินาทีที่เธอมาเล่าเรื่องในชีวิตให้ผมฟังนั่นล่ะ. ว่าเธอมีคนที่ชอบ. (ความรู้สึกเหมือนมองเงาในกระโหลก ดูซะให้เต็มตา) แต่ ณ ขณะนั้นผมก็คุมสติคุยกับเธอไปเรื่อยๆ. จนสุดท้ายรู้ว่า. สิ่งที่เธอชอบนั้นคือการนำคนที่เธอชอบมาเป็นตัวละครในความคิดเพื่อให้อีกคนทำอะไรมิดีมิร้าย.....(หลายๆคนคงรู้นะว่าเธอทำอะไร. แต่คนที่ไม่รู้ ก็. เธอจะจินตนาการเรื่องราวไปในทางที่. เอิ่ม...... ขอละไว้ละกัน) ผมก็เพิ่งรู้ว่าเธอน่ากลัวขนาดนี้. แต่ได้ปักใจชอบไปแล้ว ผมคงไม่เลิกง่ายๆ
เธอก็เริ่ใจับตามองคนรอบข้างเธอแล้ว จินตนาการไปซะทั่ว. ออกน้ำข้ามทะเลไปเรื่อยๆ(มันน่าจะเป็นเรื่องปกติของเด็กสมัยนี้ละมั้ง. แต่ผมก็ยังรู้สึก สะพรึงเล็กๆน้อยๆ) จนวันหนึ่งก็มาถึงผม กะไอ้ลูกน้องคนสนิทที่อยู่ห้องเดียวกับเธอ
ที่ร้ายแรงที่สุด. เธอน่าจะคลั่งเอามากๆซะจน ผลักผมกะไอ้ลูกน้อง(ความคิดเธอคงห้หัวชนกันล่ะมั้ง) รอบแรกไม่เท่าไหร่. รอบสองเล่นซะปากแทบโดนกัน แล้วเธอก็นั่งเขินกับสิ่งที่เธอทำ. ทำให้ผมเริ่มรู้สึกถึงความน่ากลัว(แต่คนรอบข้างก็ไม่ตะหงิดอะไรหรอก. เพราะคาแรคเตอร์ของผมมัน....เป็นอย่างที่ผมเล่านั่นล่ะ)
เรื่องนี้ทำให้ผมโกรธเธอเป็นฟืนเป็นไฟ. แต่ผลสุดท้าย. ใจผมก็อ่อนโงกเงกโงนเงนเมื่อเธอโทรมาขอโทษทั้งน้ำตา. ผมไม่สามารถจะปฏิเสธน้ำตาของเธอได้
หลังจากนั้นเราดูค่อนข้างจะสนิทกันนะ เพราะหลังจากนั้น. เราต้องบอกกันว่าจะไปกินข้าวอาบน้ำ. จะนอนหรือจะหลับ....
แต่นั่นล่ะ. เธอก็เพิ่งมาบอกผมตอนที่เราคุนกันครั้งล่าสุดนี่ล่ะว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงจริงๆ และเธอก็คุยๆกันถึงเรื่องเพศทางจิตใจ. และผมก็เพิ่งรู้จริงๆว่าเธอคิดว่าผมไม่น่าจะชอบใครได้(แหม...ผมหลอกเธอเก่งหรือไม่รู้ตัวดี). แต่นั่นล่ะที่ทำให้ผมสับสน. ผมควรจะทำตัวอย่างนี้ต่อไป. ผมควรจะเลือกทำมัน. หรืผมควรจะเป็นให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยดี.
แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น. ทุกๆวันนี้อาการเหงาก็หลอนผมมาตลอด แค่ฟังเพลงโดน. อาจตะเฮิร์ตหนักซะจนร้องไห้ได้(นี่ล่ะคือสิ่งที่ทำให้ผมคิดว่าผมไม่ค่อยแมน) แต่แล้วสุดท้าย. กำลังใจที่ทำให้ผมหายก็คือ เธอ เธอผู้ที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกๆสิ่งนั่นเอง
นั่นล่ะ. จุดเริ่มต้นของคำว่าเหงาของผม. ที่ดูท่าทางมันจะไม่จบไม่สิ้นซักที. ถ้าใจผมยังไม่ทำอะไรซักอย่าง. แต่ก็อย่างว่า. ผมก็ไม่รู้จะทำไงเช่นกัน