ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสคาด ศิริราชพบแอนติบอดีรักษาอีโบลา อาจเป็นวิธีสกัดเซรุ่มบริสุทธิ์ หรือ โมโนโคเนอร์แอนติบอดี แบบเดียวกับยาซีแมป
ระบุแต่ต้องขออนุญาตนำเข้าเชื้อ เมื่อสำเร็จต้องขออนุญาต อย. บอกรอนักวิจัยเป็นผู้เปิดเผย
วันนี้ (30 ก.ย.) ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา และที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กล่าวว่า
มาตรฐานการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในปัจจุบันมีประมาณ 5 ประเภท คือ
1. การนำเลือดผู้ที่หายป่วยแล้วมาผลิตเป็นเซรุ่ม ซึ่งองค์การอนามัยโลกอนุญาตให้ใช้
2. เซรุ่มบริสุทธิ์ที่สกัดจากใบยาสูบ หรือ โมโนโคเนอร์แอนติบอดี ซึ่งเป็นวิธีเดียวกันกับการทำยาซีแมปที่สหรัฐอเมริกากำลังทดลองใช้ในคนที่ติดเชื้ออีโบลา
แต่ยังไม่ยืนยันผลการรักษา เนื่องจากมีผู้หายจากอีโบลาด้วยยานี้เพียง 4 คน จาก 10 คน เท่านั้น
3. วัคซีนป้องกันโรค ซึ่งร่วมกันคิดค้นระหว่างแคนาดา และมหาวิทยาลัยเทกซัส ซึ่ง เพิ่งได้รับการอนุญาตจากองค์การอาหารและยา สหรัฐอเมริกา ให้เริ่มทดลองได้
4.
ยาวีแกนที่ใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่ โดยญี่ปุ่นได้ทดลองใช้ยานี้รักษาผู้ป่วยอีโบลา ในประเทศไนจีเรีย
5. การทดลองของนักวิจัยทหารของประเทศจีน
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวว่า ส่วนกรณีข่าว ศ.เกียรติคุณ ดร.วันเพ็ญ ชัยคำภา ภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ค้นพบแอนติบอดีนั้นตนไม่ทราบรายละเอียด แต่คาดว่าน่าจะเป็นการศึกษาตัวโมโนโคเนอร์แอนติบอดี ซึ่งวิธีดังกล่าวต้องเอาส่วนหนึ่งของเชื้อไวรัสอีโบลา
มาถอดรหัสพันธุกรรม ซึ่งต้องขออนุญาตกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อนำเข้าเชื้อโรคตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2523
และหากเป็นตัวนี้จริงๆ เมื่อศึกษาทดลองได้โมโนโคเนอร์แอนติบอดีแล้ว จะต้องขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่ามีเซรุ่มเกิดขึ้นแล้ว
และขออนุญาตทดลองตามมาตรฐานเภสัชอุตสาหกรรม (จีเอ็มพี) และแจ้งต่อองค์การอนามัยโลกให้คณะกรรมการพิจารณา ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือน
จากนั้นจึงผลิตขึ้นมาจำนวนหนึ่งเพื่อจดทะเบียนเป็นยาใหม่เพื่อการทดสอบประสิทธิภาพ ขั้นตอนนี้ต้องมีคณะกรรมการพิจารณาอีกอย่างน้อย 3 เดือน
“หากผ่านขั้นตอนทั้งหมดเหล่านี้แล้ว จึงจะถึงขั้นตอนการทดลองในสัตว์ และในคนอีก 4 เฟส กินเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี
ทั้งนี้ ถ้าพบว่ามีประสิทธิภาพดีเยี่ยมจะต้องจดทะเบียนอีกครั้งกับ อย. เพื่อขอจำหน่าย ตรงนี้จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน
ดังนั้น จนกว่าจะสิ้นกระบวนการต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องรอให้ ศ.เกียรติคุณ ดร.วันเพ็ญ มาให้ข้อมูล”
ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เคยให้สัมภาษณืกรณีนี้สั้นๆ ว่า
ไม่ได้มีการนำเชื้ออีโบลาเข้ามาศึกษาแต่อย่างใด
http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9570000112346
อ่านข่าวแล้วตกใจ อ้าว! ญี่ปุ่นเอายาวีแกนไปทดสอบที่ไนจีเรียตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นมีข่าวผลการรักษาเลย
ผู้เชี่ยวชาญไวรัสคาด ศิริราชพบแอนติบอดีรักษาอีโบลาอาจเป็นวิธีเดียวกับยาซีแมป มะกัน
ระบุแต่ต้องขออนุญาตนำเข้าเชื้อ เมื่อสำเร็จต้องขออนุญาต อย. บอกรอนักวิจัยเป็นผู้เปิดเผย
วันนี้ (30 ก.ย.) ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา และที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กล่าวว่า
มาตรฐานการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในปัจจุบันมีประมาณ 5 ประเภท คือ
1. การนำเลือดผู้ที่หายป่วยแล้วมาผลิตเป็นเซรุ่ม ซึ่งองค์การอนามัยโลกอนุญาตให้ใช้
2. เซรุ่มบริสุทธิ์ที่สกัดจากใบยาสูบ หรือ โมโนโคเนอร์แอนติบอดี ซึ่งเป็นวิธีเดียวกันกับการทำยาซีแมปที่สหรัฐอเมริกากำลังทดลองใช้ในคนที่ติดเชื้ออีโบลา
แต่ยังไม่ยืนยันผลการรักษา เนื่องจากมีผู้หายจากอีโบลาด้วยยานี้เพียง 4 คน จาก 10 คน เท่านั้น
3. วัคซีนป้องกันโรค ซึ่งร่วมกันคิดค้นระหว่างแคนาดา และมหาวิทยาลัยเทกซัส ซึ่ง เพิ่งได้รับการอนุญาตจากองค์การอาหารและยา สหรัฐอเมริกา ให้เริ่มทดลองได้
4. ยาวีแกนที่ใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่ โดยญี่ปุ่นได้ทดลองใช้ยานี้รักษาผู้ป่วยอีโบลา ในประเทศไนจีเรีย
5. การทดลองของนักวิจัยทหารของประเทศจีน
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวว่า ส่วนกรณีข่าว ศ.เกียรติคุณ ดร.วันเพ็ญ ชัยคำภา ภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ค้นพบแอนติบอดีนั้นตนไม่ทราบรายละเอียด แต่คาดว่าน่าจะเป็นการศึกษาตัวโมโนโคเนอร์แอนติบอดี ซึ่งวิธีดังกล่าวต้องเอาส่วนหนึ่งของเชื้อไวรัสอีโบลา
มาถอดรหัสพันธุกรรม ซึ่งต้องขออนุญาตกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อนำเข้าเชื้อโรคตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2523
และหากเป็นตัวนี้จริงๆ เมื่อศึกษาทดลองได้โมโนโคเนอร์แอนติบอดีแล้ว จะต้องขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่ามีเซรุ่มเกิดขึ้นแล้ว
และขออนุญาตทดลองตามมาตรฐานเภสัชอุตสาหกรรม (จีเอ็มพี) และแจ้งต่อองค์การอนามัยโลกให้คณะกรรมการพิจารณา ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือน
จากนั้นจึงผลิตขึ้นมาจำนวนหนึ่งเพื่อจดทะเบียนเป็นยาใหม่เพื่อการทดสอบประสิทธิภาพ ขั้นตอนนี้ต้องมีคณะกรรมการพิจารณาอีกอย่างน้อย 3 เดือน
“หากผ่านขั้นตอนทั้งหมดเหล่านี้แล้ว จึงจะถึงขั้นตอนการทดลองในสัตว์ และในคนอีก 4 เฟส กินเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี
ทั้งนี้ ถ้าพบว่ามีประสิทธิภาพดีเยี่ยมจะต้องจดทะเบียนอีกครั้งกับ อย. เพื่อขอจำหน่าย ตรงนี้จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน
ดังนั้น จนกว่าจะสิ้นกระบวนการต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องรอให้ ศ.เกียรติคุณ ดร.วันเพ็ญ มาให้ข้อมูล”
ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เคยให้สัมภาษณืกรณีนี้สั้นๆ ว่า
ไม่ได้มีการนำเชื้ออีโบลาเข้ามาศึกษาแต่อย่างใด
http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9570000112346
อ่านข่าวแล้วตกใจ อ้าว! ญี่ปุ่นเอายาวีแกนไปทดสอบที่ไนจีเรียตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นมีข่าวผลการรักษาเลย