กรณีช่อง3อนาล็อกกับ3ดิจิตอล วันนี้ กสท.3คนพิจารณาเรื่อง *การกระทำและองค์ประกอบ*ของ*การประกอบกิจการด้วยตนเอง* ตามมาตรา9 เน้นที่*อำนาจควบคุม*
ทั้งนี้บอร์ด กสท.3คนพิจารณาจากฐานข้อมูลทั้งหมดเรื่อง *อำนาจควบคุม* ของ BEC Multimedia กับ บ.บางกอกฯ ที่เคยยื่นเข้ามาก่อนการประมูลคลื่นฯ
อีกทั้งบอร์ด กสท.ยังใช้ฐานข้อมูลในอดีตเรื่องการให้ใบอนุญาต บ.บางกอกฯในการ *ประกอบกิจการ* ช่อง3อนาล็อกและกรณีความสัมพันธ์กับ BEC World ด้วย
นอกจากนั้นวันนี้บอร์ด กสท. ยังอ้างอิง แนวทางของอนุ กก.บอร์ดโทรคมนาคม(กทค.)เรื่องแนวทาง*การประกอบกิจการด้วยตนเอง*ตามฐานมาตรา46 ประกอบด้วย
มาตรา46 ของ พรบ.ประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ เทียบเคียงได้กับมาตรา 43 พรบ.ประกอบกิจการโทรทัศน์ฯ ว่าด้วยเรื่องการประกอบกิจการด้วยตนเอง
ฝั่ง กทค.- "ผู้รับใบอนุญาตจะต้องสามารถควบคุม(control)องค์กรประกอบสำคัญ(Essential element) และจะต้องรับผิดชอบ(responsible)ต่อการกระทำต่างๆ"
"ดังนั้นการตีความคำว่า *บริหารจัดการทั้งหมดหรือบางส่วนด้วยตนเอง*จึงอยู่บนพื้นฐานหลักการที่ว่าผู้รับใบอนุญาตจะต้องสามารถควบคุมการใช้งานคลื่น"
"ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของการประกอบกิจการได้ และจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับคลื่นความถี่ด้วย"
"การมอบให้ผู้อื่นบริหารจัดการคลื่นความถี่ในลักษณะควบคุมทั้งหมดหรือบางส่วนจึงต้องห้ามตามกฎหมาย"
จากแนวทางของบอร์ดฝั่งโทรคมนาคม แนวทางของ *การประกอบกิจการด้วยตนเอง* จึงอยู่ที่อำนาจการควบคุมองค์ประกอบสำคัญ การบริหารและความรับผิดชอบ
เมื่อบอร์ด กสท.พิจารณา*อำนาจการควบคุม* จึงเห็นความเป็นได้ แต่ทั้งนี้ทาง BEC จะต้องยื่นเรื่องเข้ามาทั้งหมดให้เป็นไปตามเงื่อนไขใบอนุญาตก่อน
ไม่ว่าทางBECจะไป *นำ* เนื้อหามาจากที่ใด ประเด็นสำคัญคือทางBECจะต้องทำตามเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตซึ่งจะผูกพันกับการประกอบกิจการด้วยตนเอง
ยกตัวอย่างช่อง @Mono29TV ที่เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นภาพยนตร์จากต่างประเทศ แม้ไม่ได้สร้างหนังเอง แต่ถือว่ามีอำนาจควบคุมรายการที่ออกทั้งหมดใช่ไหม?
สรุป กสท.ดูจากเอกสารที่ทางBECยื่นมาก่อนประมูล เรื่องมีอำนาจควบคุม แต่ทั้งนี้ทางBEC ต้องยื่นผังรายการทั้งหมดให้เป็นไปตามเงื่อนไขใบอนุญาตก่อน
สุดท้าย ต้องเป็นความสมัครใจของBECที่จะยื่นขอผังรายการมา(กสท.ไม่ได้บังคับ) หรืออีกทางเลือกคือให้บ.บางกอกฯมายื่นขอใบอนุญาตทีวีดาวเทียม/เคเบิล
กสท.ไม่ได้ดูแค่เรื่องนิติบุคคลต่างกัน แต่เราดูที่หัวใจของมาตรา9 คือพฤติกรรมและอำนาจควบคุมกิจการ รวมทั้งการต้องทำตามเงื่อนไขใบอนุญาตดิจิตอล
วันนี้ กสท.พิจารณาเรื่อง *อำนาจควบคุมกิจการ* แล้ว แต่ทางBECมีหน้าที่ต้องแสดงความจำนง ส่งผังรายการที่ผูกพันความรับผิดชอบในการประกอบกิจการก่อน
ในเอกสาร (ลับ) ที่ BEC Multimedia ยื่นก่อนประมูลแจงเรื่องผู้มี 'อำนาจควบคุม' ที่เชื่อมโยงกับ บ.บางกอกเอ็นฯ และ บีอีซีเวิร์ลชัดเจน
ต่อจากนี้ทาง BEC Multimedia จะต้องเป็นฝ่ายยื่นผังรายการ แจกแจงรายละเอียดต่างๆทั้งหมดให้เป็นไปตาม 'เงื่อนไขใบอนุญาต' ให้กสท.พิจารณาอีกครั้ง
สรุป วันนี้บอร์ด กสท.ทำการบ้านให้เห็นแล้วว่า BEC สามารถยื่นขอออนแอร์ได้ถ้าทำตามเงื่อนไขใบอนุญาต ที่เหลือทางBECต้อง take action ด้วยตนเอง
สรุปของสรุป แต่ถ้าทาง BEC Multimedia ตัดสินใจไม่ยื่นขอมา ก็เป็นปัญหาของทาง BEC เอง ไม่ใช่ปัญหาของคนอื่น ซึ่งเหลือเวลาคิดไม่นานก่อนถึง 11ต.ค.
Cr. @supinya
--------------------------------------------------------------------------------------------------
สรุปของสรุปของสรุปอีกที เดาว่าในเอกสารที่ BEC Multimedia ยื่นมาตอนก่อนประมูลช่องดิจิตอล ต้องมีอะไรเด็ดแน่นอนถึงทำให้คุณสุภิญญาหยิบมาเล่นในรอบนี้ อาจจะย้อนกลับไปมัดตัวเองเลยว่าไอ้ที่เอ็งบอกว่าคนละบริษัทๆ น่ะ แตหลอตอหลดตดใต้น้ำสิ้นดี จริงๆ แล้วน่ะคนที่มีอำนาจควบคุมทั้ง 3 อนาล็อก และ 3 ดิจิตอลทั้ง 3 ช่องก็คือบีอีซีเวิลด์นั่นแหละ ต่อให้แยกบริษัทมายังไงสุดท้ายคนที่ดูแลในระดับนโยบาย ทำหน้าที่ควบคุมกิจการ หรือมีพฤติกรรมในการสั่งการ ก็คือบีอีซีเวิลด์นั่นแหละ การแยกบริษัทออกมาไม่ได้มีผลในเรื่องของนโยบายหรือการบริหารใดๆ เลย มีแค่เรื่องผลประโยชน์ด้านภาษีหรือในทางกฎหมายเท่านั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ลองเทียบกับเครือซีพีก็ได้ครับ เครือซีพีแยกบริษัทยิบย่อยออกมาเต็มไปหมด เราก็รู้ว่าเจ้าสัวธนินท์ใหญ่สุดในเครือซีพี แต่ว่าการบริหารบริษัทย่อยๆ ทั้งหมด นโยบายต่างๆ ผู้บริหารแต่ละบริษัทย่อยๆ เขาก็ไปทำของเขากันเอง คุณศุภชัยก็ดูแลทรูมูฟ ซีพีออล (เซเว่น) ก็เป็นคุณก่อศักดิ์ ทรูวิชั่นส์ เจียไต๋ แม็กโคร ก็มีคนดูแลเป็นของตัวเองทั้งหมด เจ้าสัวธนินท์อาจจะมีนโยบายหรือการสั่งการในภาพกว้างๆ มาเป็นครั้งคราว แต่ไม่ได้ร่วมเข้าตัดสินใจทุกครั้งในแต่ละบริษัท แต่กลุ่มบริษัทในเครือบีอีซีไม่ใช่ ผู้บริหารทั้งหมดเกือบเป็นชุดเดียวกัน รับงานคร่อมกันไปกันมาไปหมด นโยบายบริษัทหนึ่งส่งผลต่ออีกบริษัทหนึ่ง มีการทำการตลาด วางแผนธุรกิจร่วมกัน บลาๆ เครือซีพีผมยังไม่เห็นเขาโฆษณาสินค้าในเครือเขารวมๆ กันในโฆษณาชิ้นเดียวเลย หรือไม่ก็ถ้าจะโฆษณาก็โฆษณาในภาพของเครือเจริญโภคภัณฑ์ทีเดียว แต่ช่อง 3 ทำ ออกโฆษณาชิ้นเดียวมีทั้ง 3 อนาล็อกของบางกอกฯ และ 3 ดิจิตอลของบีอีซีมัลติมีเดีย แบบนี้จะให้เชื่อหรือว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลย) ดังนั้น กสท 3 ท่านจึงลงมติไปด้วยเมนไอเดียที่ว่า "บางกอกฯ กับบีอีซีมัลติฯ มันก็บริษัทเดียวกันนั่นแหละ" และให้คู่ขนานได้เลย 100% เพราะในเมื่อเจ้าของรายการกับเจ้าของช่องเป็นกลุ่มเดียวกัน แล้วทำไมจะมีปัญหาอะไรในการออกอากาศคู่ขนานล่ะ
ส่วนการที่ช่อง 3 เลือกปฏิเสธข้อเสนอของ กสท ไป ก็ชัดเจนว่ายังยืนยันปฏิเสธคำเดิมว่าช่อง 3 ทั้ง 3 บริษัทไม่เกี่ยวข้องกันเลย ไม่มีอำนาจการควบคุมหรือแทรกแซงซึ่งกันและกันได้ ทำให้ไม่สามารถเอารายการของ 3 อนาล็อก (บางกอกฯ) ไปลงในเวลาของ 3 ดิจิตอล (บีอีซีมัลติฯ) ได้ ซึ่งจะมีเบื้องหลังอะไรในการตัดสินใจแถลงออกมาเช่นนี้ของช่อง 3 หรือเปล่า อันนี้ไม่ทราบครับ แต่เดาว่าถ้ายอมรับว่าเป็นบริษัทเดียวกันทั้งหมด คงต้องมีผลต่ออะไรซักอย่างแน่ๆ ถึงไม่ยอมรับสักที ก็ดูกันต่อไปละกันครับว่าเรื่องนี้จะจบยังไง แต่ที่แน่ๆ ช่อง 3 อนาล็อกบนดาวเทียมต้องถูกเอาลงอย่างแน่นอนในวันที่ 11 ตุลาคม เวลา 16.30 และทางเดียวที่จะทำให้ช่องนี้กลับมาออกอากาศได้ คือช่อง 3 ต้องชนะที่ศาลปกครองในกรณีที่ไปฟ้องมติ 3 ก.พ. 57 ว่าเป็นมติที่ไม่ชอบเท่านั้นครับ นอกจากนี้ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว
ปล. การเช่าเวลาในความหมายของ กสท. นั้น มิได้หมายถึงการแค่ให้เช่ารายการ แต่หมายถึงการให้ผู้อื่นเข้ามาบริหารเวลาของช่องนั้นๆ โดยตรง ยกตัวอย่างของอังกฤษ จะใช้ระบบที่เรียกว่า Timeshare คือในช่องเดียวกัน แต่แบ่งเวลากันบริหาร เช่นช่วงเช้าถึงกลางวันเป็นบริษัทที่ทำรายการขายสินค้าหรือสำหรับแม่บ้านมาบริหาร ช่วงเย็นให้บริษัทที่ทำรายการวาไรตี้ทั่วไปมาบริหาร ช่วงดึกหลังเที่ยงคืนให้บริษัทที่ทำรายการสำหรับผู้ใหญ่มาบริหาร 3 บริษัทเข้ามาร่วมกันบริหารเลขช่องเลขเดียวกัน ทั้ง 3 ช่องสามารถโฆษณาช่องของตัวเองด้วยเลขเดียวกันได้ แต่ต้องระบุเวลาให้ชัดเจนว่าในเวลาใดจะได้รับชมรายการของช่องใด ซึ่งของประเทศไทยอนุญาตให้ทำแบบเดียวกันได้ไม่เกิน 40% ของผังรายการ และ 60% ที่เหลือผู้ประมูลช่องได้จะต้องบริหารเวลาและควบคุมการออกอากาศด้วยตัวเองเท่านั้น
อธิบายที่มาที่ไปของมติ 3:2 อนุญาตให้ช่อง 3 ออกอากาศคู่ขนานจากอนาล็อกสู่ดิจิตอลได้ โดยคุณสุภิญญา กลางณรงค์
ทั้งนี้บอร์ด กสท.3คนพิจารณาจากฐานข้อมูลทั้งหมดเรื่อง *อำนาจควบคุม* ของ BEC Multimedia กับ บ.บางกอกฯ ที่เคยยื่นเข้ามาก่อนการประมูลคลื่นฯ
อีกทั้งบอร์ด กสท.ยังใช้ฐานข้อมูลในอดีตเรื่องการให้ใบอนุญาต บ.บางกอกฯในการ *ประกอบกิจการ* ช่อง3อนาล็อกและกรณีความสัมพันธ์กับ BEC World ด้วย
นอกจากนั้นวันนี้บอร์ด กสท. ยังอ้างอิง แนวทางของอนุ กก.บอร์ดโทรคมนาคม(กทค.)เรื่องแนวทาง*การประกอบกิจการด้วยตนเอง*ตามฐานมาตรา46 ประกอบด้วย
มาตรา46 ของ พรบ.ประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ เทียบเคียงได้กับมาตรา 43 พรบ.ประกอบกิจการโทรทัศน์ฯ ว่าด้วยเรื่องการประกอบกิจการด้วยตนเอง
ฝั่ง กทค.- "ผู้รับใบอนุญาตจะต้องสามารถควบคุม(control)องค์กรประกอบสำคัญ(Essential element) และจะต้องรับผิดชอบ(responsible)ต่อการกระทำต่างๆ"
"ดังนั้นการตีความคำว่า *บริหารจัดการทั้งหมดหรือบางส่วนด้วยตนเอง*จึงอยู่บนพื้นฐานหลักการที่ว่าผู้รับใบอนุญาตจะต้องสามารถควบคุมการใช้งานคลื่น"
"ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของการประกอบกิจการได้ และจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับคลื่นความถี่ด้วย"
"การมอบให้ผู้อื่นบริหารจัดการคลื่นความถี่ในลักษณะควบคุมทั้งหมดหรือบางส่วนจึงต้องห้ามตามกฎหมาย"
จากแนวทางของบอร์ดฝั่งโทรคมนาคม แนวทางของ *การประกอบกิจการด้วยตนเอง* จึงอยู่ที่อำนาจการควบคุมองค์ประกอบสำคัญ การบริหารและความรับผิดชอบ
เมื่อบอร์ด กสท.พิจารณา*อำนาจการควบคุม* จึงเห็นความเป็นได้ แต่ทั้งนี้ทาง BEC จะต้องยื่นเรื่องเข้ามาทั้งหมดให้เป็นไปตามเงื่อนไขใบอนุญาตก่อน
ไม่ว่าทางBECจะไป *นำ* เนื้อหามาจากที่ใด ประเด็นสำคัญคือทางBECจะต้องทำตามเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตซึ่งจะผูกพันกับการประกอบกิจการด้วยตนเอง
ยกตัวอย่างช่อง @Mono29TV ที่เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นภาพยนตร์จากต่างประเทศ แม้ไม่ได้สร้างหนังเอง แต่ถือว่ามีอำนาจควบคุมรายการที่ออกทั้งหมดใช่ไหม?
สรุป กสท.ดูจากเอกสารที่ทางBECยื่นมาก่อนประมูล เรื่องมีอำนาจควบคุม แต่ทั้งนี้ทางBEC ต้องยื่นผังรายการทั้งหมดให้เป็นไปตามเงื่อนไขใบอนุญาตก่อน
สุดท้าย ต้องเป็นความสมัครใจของBECที่จะยื่นขอผังรายการมา(กสท.ไม่ได้บังคับ) หรืออีกทางเลือกคือให้บ.บางกอกฯมายื่นขอใบอนุญาตทีวีดาวเทียม/เคเบิล
กสท.ไม่ได้ดูแค่เรื่องนิติบุคคลต่างกัน แต่เราดูที่หัวใจของมาตรา9 คือพฤติกรรมและอำนาจควบคุมกิจการ รวมทั้งการต้องทำตามเงื่อนไขใบอนุญาตดิจิตอล
วันนี้ กสท.พิจารณาเรื่อง *อำนาจควบคุมกิจการ* แล้ว แต่ทางBECมีหน้าที่ต้องแสดงความจำนง ส่งผังรายการที่ผูกพันความรับผิดชอบในการประกอบกิจการก่อน
ในเอกสาร (ลับ) ที่ BEC Multimedia ยื่นก่อนประมูลแจงเรื่องผู้มี 'อำนาจควบคุม' ที่เชื่อมโยงกับ บ.บางกอกเอ็นฯ และ บีอีซีเวิร์ลชัดเจน
ต่อจากนี้ทาง BEC Multimedia จะต้องเป็นฝ่ายยื่นผังรายการ แจกแจงรายละเอียดต่างๆทั้งหมดให้เป็นไปตาม 'เงื่อนไขใบอนุญาต' ให้กสท.พิจารณาอีกครั้ง
สรุป วันนี้บอร์ด กสท.ทำการบ้านให้เห็นแล้วว่า BEC สามารถยื่นขอออนแอร์ได้ถ้าทำตามเงื่อนไขใบอนุญาต ที่เหลือทางBECต้อง take action ด้วยตนเอง
สรุปของสรุป แต่ถ้าทาง BEC Multimedia ตัดสินใจไม่ยื่นขอมา ก็เป็นปัญหาของทาง BEC เอง ไม่ใช่ปัญหาของคนอื่น ซึ่งเหลือเวลาคิดไม่นานก่อนถึง 11ต.ค.
Cr. @supinya
--------------------------------------------------------------------------------------------------
สรุปของสรุปของสรุปอีกที เดาว่าในเอกสารที่ BEC Multimedia ยื่นมาตอนก่อนประมูลช่องดิจิตอล ต้องมีอะไรเด็ดแน่นอนถึงทำให้คุณสุภิญญาหยิบมาเล่นในรอบนี้ อาจจะย้อนกลับไปมัดตัวเองเลยว่าไอ้ที่เอ็งบอกว่าคนละบริษัทๆ น่ะ แตหลอตอหลดตดใต้น้ำสิ้นดี จริงๆ แล้วน่ะคนที่มีอำนาจควบคุมทั้ง 3 อนาล็อก และ 3 ดิจิตอลทั้ง 3 ช่องก็คือบีอีซีเวิลด์นั่นแหละ ต่อให้แยกบริษัทมายังไงสุดท้ายคนที่ดูแลในระดับนโยบาย ทำหน้าที่ควบคุมกิจการ หรือมีพฤติกรรมในการสั่งการ ก็คือบีอีซีเวิลด์นั่นแหละ การแยกบริษัทออกมาไม่ได้มีผลในเรื่องของนโยบายหรือการบริหารใดๆ เลย มีแค่เรื่องผลประโยชน์ด้านภาษีหรือในทางกฎหมายเท่านั้น [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ดังนั้น กสท 3 ท่านจึงลงมติไปด้วยเมนไอเดียที่ว่า "บางกอกฯ กับบีอีซีมัลติฯ มันก็บริษัทเดียวกันนั่นแหละ" และให้คู่ขนานได้เลย 100% เพราะในเมื่อเจ้าของรายการกับเจ้าของช่องเป็นกลุ่มเดียวกัน แล้วทำไมจะมีปัญหาอะไรในการออกอากาศคู่ขนานล่ะ
ส่วนการที่ช่อง 3 เลือกปฏิเสธข้อเสนอของ กสท ไป ก็ชัดเจนว่ายังยืนยันปฏิเสธคำเดิมว่าช่อง 3 ทั้ง 3 บริษัทไม่เกี่ยวข้องกันเลย ไม่มีอำนาจการควบคุมหรือแทรกแซงซึ่งกันและกันได้ ทำให้ไม่สามารถเอารายการของ 3 อนาล็อก (บางกอกฯ) ไปลงในเวลาของ 3 ดิจิตอล (บีอีซีมัลติฯ) ได้ ซึ่งจะมีเบื้องหลังอะไรในการตัดสินใจแถลงออกมาเช่นนี้ของช่อง 3 หรือเปล่า อันนี้ไม่ทราบครับ แต่เดาว่าถ้ายอมรับว่าเป็นบริษัทเดียวกันทั้งหมด คงต้องมีผลต่ออะไรซักอย่างแน่ๆ ถึงไม่ยอมรับสักที ก็ดูกันต่อไปละกันครับว่าเรื่องนี้จะจบยังไง แต่ที่แน่ๆ ช่อง 3 อนาล็อกบนดาวเทียมต้องถูกเอาลงอย่างแน่นอนในวันที่ 11 ตุลาคม เวลา 16.30 และทางเดียวที่จะทำให้ช่องนี้กลับมาออกอากาศได้ คือช่อง 3 ต้องชนะที่ศาลปกครองในกรณีที่ไปฟ้องมติ 3 ก.พ. 57 ว่าเป็นมติที่ไม่ชอบเท่านั้นครับ นอกจากนี้ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว
ปล. การเช่าเวลาในความหมายของ กสท. นั้น มิได้หมายถึงการแค่ให้เช่ารายการ แต่หมายถึงการให้ผู้อื่นเข้ามาบริหารเวลาของช่องนั้นๆ โดยตรง ยกตัวอย่างของอังกฤษ จะใช้ระบบที่เรียกว่า Timeshare คือในช่องเดียวกัน แต่แบ่งเวลากันบริหาร เช่นช่วงเช้าถึงกลางวันเป็นบริษัทที่ทำรายการขายสินค้าหรือสำหรับแม่บ้านมาบริหาร ช่วงเย็นให้บริษัทที่ทำรายการวาไรตี้ทั่วไปมาบริหาร ช่วงดึกหลังเที่ยงคืนให้บริษัทที่ทำรายการสำหรับผู้ใหญ่มาบริหาร 3 บริษัทเข้ามาร่วมกันบริหารเลขช่องเลขเดียวกัน ทั้ง 3 ช่องสามารถโฆษณาช่องของตัวเองด้วยเลขเดียวกันได้ แต่ต้องระบุเวลาให้ชัดเจนว่าในเวลาใดจะได้รับชมรายการของช่องใด ซึ่งของประเทศไทยอนุญาตให้ทำแบบเดียวกันได้ไม่เกิน 40% ของผังรายการ และ 60% ที่เหลือผู้ประมูลช่องได้จะต้องบริหารเวลาและควบคุมการออกอากาศด้วยตัวเองเท่านั้น