ก่อนอื่น ขอบอกสักนิดก่อนครับ ว่าทำไมต้องตั้งกระทู้เรื่องนี้ขึ้นมา
เหตุก็เพราะผมเห็นเรื่องแบบนี้ ณ บอร์ดแห่งนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วครับ
เรื่องแบบนี้ครับ
คือสลิ่มศักดิ์สลิ่มศรีทั้งหลาย มักจะบอกว่า ต้องเชื่อศาล ศาลตัดสินแล้วต้องเชื่อฟัง ต้องถือว่าถูกต้อง
โดยไม่เคยใช้ข้อมูล เหตุผล หลักการทางกฎหมายใด ๆ ประกอบเลย
ขณะที่ฝ่ายแดงหรือบุคคลใจเป็นธรรมเป็นกลาง จะสนทนาถึงคำพิพากษาว่าเป็นอย่างไร
คำพิพากษานั้นเป็นธรรมไหม สมเหตุสมผลไหม ต้องตามหลักนิติรัฐนิติธรรมไหม
ด้วยการอ้างอิงข้อมูล เหตุผล หลักการทางกฎหมายประกอบ
ในทางวิชาการและทางสังคมนั้น สามารถวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาได้ครับ
แต่อย่าไปก้าวล่วงวิพากษ์วิจารณ์ถึงผู้พิพากษา ทำไม่ได้ครับ เพราะนั่นจะผิดกฎหมายฐานหมิ่นศาล
พอเกิดการสนทนาในเรื่องคำพิพากษา สลิ่มทั้งหลายก็จะกล่าวหาว่า แดงนั้น พอศาลตัดสินถูกใจก็ว่าดี ไม่ถูกใจก็ว่าสองมาตรฐาน
ทั้งที่ความจริงแล้ว ฝ่ายที่ใช้อารมณ์ความรู้สึกเป็นเครื่องตัดสินนั้น คือสลิ่มทั้งหลายเองนั่นแหละ
เพราะคำพิพากษาถูกใจ พอถูกใจก็ร้องว่า ต้องเชื่อศาล ๆ ๆ โดยไม่มีอะไรเป็นเหตุผล เป็นข้อมูลประกอบเลย
คนอื่นนั้น เรื่องใดที่เขาบอกว่าไม่เป็นธรรม เขาจะมีเหตุผล มีข้อมูล มีหลักฐานหลักการทางกฎหมายประกอบ อ้างอิง
แล้วก็ชี้เป็นกรณี ๆ ไป ไม่ใช่เหมารวมไปหมดทุกเรื่อง
ไม่ได้ใช้อารมณ์ความรู้สึกแบบถูกใจก็ว่าดี ไม่ถูกใจก็ด่าอย่างที่สลิ่มว่า ไม่ใช่อย่างนั้นเลย
อย่างตามภาพที่ผมยกตัวอย่างในทู้นี้แหละครับ
คือพอเวลาฝ่ายเพื่อไทยฟ้องศาล ก็จะโดนสลิ่มเหน็บแนมทันทีว่า ไม่เชื่อศาล ว่าศาลสองมาตรฐาน แล้ววิ่งไปฟ้องศาลทำไม
ก็เลยอยากสนทนากับท่านหลิ่มศักดิ์หลิ่มศรีทั้งหลาย แบบใช้เหตุผลสักหน่อยครับ ว่า
อันบ้านเมืองที่อยู่ร่วมกันนั้น มีขื่อมีแป มีกฎบ้านกบิลเมือง ที่ใช้เป็นเครื่องมือในการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรมและสงบสุข
ทีนี้ เมื่อมีปัญหาขัดแย้งกัน เกิดข้อพิพาทกัน ก็ต้องว่ากันไปตามกฎ
เรื่องมันแค่นี้ครับ
อย่างคนไม่ชอบกินยา เวลาไม่สบาย ยังไงก็ต้องกินยาครับ
คนเกลียดโรงพยาบาล พอจะผ่าตัด ไงก็ต้องผ่าตัดที่โรงพยาบาลครับ ไม่ใช่ไปผ่าตัดที่วัด หรือที่เซเว่นอีเลเว่น
มันก็เหมือนปรากฎการณ์ทางสังคม ที่เห็นว่าหลายเรื่องนั้น กระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน ขาดความเป็นธรรม
จนทำให้เกิดความคลางแคลง ไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อถือ ไม่อยากพึ่งพิง
แต่ทำไงได้ ในเมื่อกฎบ้านกบิลเมืองบอกไว้ว่า เมื่อเกิดข้อขัดแย้ง พิพาท ต้องเข้าสู่กระบวนการเพื่อให้ได้ข้อยุติ
จึงต้องอาศัยศาลเป็นที่พึ่งไงครับ
จะแบกปืนไปยิง งัดไม้หน้าสามฟาดกบาลเอง ตัดสินข้อพิพาทเอง มันทำไม่ได้ครับ
ก็ต้องพึ่งศาล
แม้ไม่เชื่อถือ ขาดศรัทธา แต่ก็ต้องทำตามกฎ และหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม
คนทุกคนเชื่อครับ ว่าความเป็นธรรมต้องมี แม้จะเคยเห็นความอยุติธรรม เคยได้รับความไม่เป็นธรรม
นี่คือวิถีแห่งมนุษย์ครับ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแปลกประหลาดอะไร
ไอ้ประเภทว่า ไม่เชื่อศาลแล้วฟ้องศาลทำไมต่างหากที่ผิดปกติแปลกประหลาดซะเอง
เพราะไม่คิดอะไรเลย นอกจากคิดหาแง่เล่นคำเถียงเอาชนะเท่านั้น
สลิ่มครับ
เลิกซะทีเถอะครับ กับการเถียงเอาชนะอย่างเดียวแบบไม่มีเหตุผล
แต่ก็มีอยู่หรอกครับ สลิ่มที่พยายามใช้เหตุผล ใช้ข้อมูล แต่น้อยมากที่จะเป็นข้อมูลเป็นเหตุผลที่เข้าท่า
กว่าเก้าสิบเปอร์เซนต์ มั่วทั้งนั้นครับ เหมือนมีวิธีคิดแบบหลุด ๆ ไงพิกล
ก็แค่นี้นะครับ ในเรื่องการฟ้องศาล
หวังว่าสลิ่มศักดิ์สลิ่มศรีทั้งหลายจะเข้าใจและมองเห็นว่า ทำไมถึงต้องฟ้องศาล
นะครับ
เฮ้อ... ขอสนทนากับท่านสลิ่มอีกสักเรื่องเถอะครับ เพราะดูเหมือนท่านจะมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากหาแง่เถียงเอาชนะเท่านั้น
เหตุก็เพราะผมเห็นเรื่องแบบนี้ ณ บอร์ดแห่งนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วครับ
เรื่องแบบนี้ครับ
คือสลิ่มศักดิ์สลิ่มศรีทั้งหลาย มักจะบอกว่า ต้องเชื่อศาล ศาลตัดสินแล้วต้องเชื่อฟัง ต้องถือว่าถูกต้อง
โดยไม่เคยใช้ข้อมูล เหตุผล หลักการทางกฎหมายใด ๆ ประกอบเลย
ขณะที่ฝ่ายแดงหรือบุคคลใจเป็นธรรมเป็นกลาง จะสนทนาถึงคำพิพากษาว่าเป็นอย่างไร
คำพิพากษานั้นเป็นธรรมไหม สมเหตุสมผลไหม ต้องตามหลักนิติรัฐนิติธรรมไหม
ด้วยการอ้างอิงข้อมูล เหตุผล หลักการทางกฎหมายประกอบ
ในทางวิชาการและทางสังคมนั้น สามารถวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาได้ครับ
แต่อย่าไปก้าวล่วงวิพากษ์วิจารณ์ถึงผู้พิพากษา ทำไม่ได้ครับ เพราะนั่นจะผิดกฎหมายฐานหมิ่นศาล
พอเกิดการสนทนาในเรื่องคำพิพากษา สลิ่มทั้งหลายก็จะกล่าวหาว่า แดงนั้น พอศาลตัดสินถูกใจก็ว่าดี ไม่ถูกใจก็ว่าสองมาตรฐาน
ทั้งที่ความจริงแล้ว ฝ่ายที่ใช้อารมณ์ความรู้สึกเป็นเครื่องตัดสินนั้น คือสลิ่มทั้งหลายเองนั่นแหละ
เพราะคำพิพากษาถูกใจ พอถูกใจก็ร้องว่า ต้องเชื่อศาล ๆ ๆ โดยไม่มีอะไรเป็นเหตุผล เป็นข้อมูลประกอบเลย
คนอื่นนั้น เรื่องใดที่เขาบอกว่าไม่เป็นธรรม เขาจะมีเหตุผล มีข้อมูล มีหลักฐานหลักการทางกฎหมายประกอบ อ้างอิง
แล้วก็ชี้เป็นกรณี ๆ ไป ไม่ใช่เหมารวมไปหมดทุกเรื่อง
ไม่ได้ใช้อารมณ์ความรู้สึกแบบถูกใจก็ว่าดี ไม่ถูกใจก็ด่าอย่างที่สลิ่มว่า ไม่ใช่อย่างนั้นเลย
อย่างตามภาพที่ผมยกตัวอย่างในทู้นี้แหละครับ
คือพอเวลาฝ่ายเพื่อไทยฟ้องศาล ก็จะโดนสลิ่มเหน็บแนมทันทีว่า ไม่เชื่อศาล ว่าศาลสองมาตรฐาน แล้ววิ่งไปฟ้องศาลทำไม
ก็เลยอยากสนทนากับท่านหลิ่มศักดิ์หลิ่มศรีทั้งหลาย แบบใช้เหตุผลสักหน่อยครับ ว่า
อันบ้านเมืองที่อยู่ร่วมกันนั้น มีขื่อมีแป มีกฎบ้านกบิลเมือง ที่ใช้เป็นเครื่องมือในการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรมและสงบสุข
ทีนี้ เมื่อมีปัญหาขัดแย้งกัน เกิดข้อพิพาทกัน ก็ต้องว่ากันไปตามกฎ
เรื่องมันแค่นี้ครับ
อย่างคนไม่ชอบกินยา เวลาไม่สบาย ยังไงก็ต้องกินยาครับ
คนเกลียดโรงพยาบาล พอจะผ่าตัด ไงก็ต้องผ่าตัดที่โรงพยาบาลครับ ไม่ใช่ไปผ่าตัดที่วัด หรือที่เซเว่นอีเลเว่น
มันก็เหมือนปรากฎการณ์ทางสังคม ที่เห็นว่าหลายเรื่องนั้น กระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน ขาดความเป็นธรรม
จนทำให้เกิดความคลางแคลง ไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อถือ ไม่อยากพึ่งพิง
แต่ทำไงได้ ในเมื่อกฎบ้านกบิลเมืองบอกไว้ว่า เมื่อเกิดข้อขัดแย้ง พิพาท ต้องเข้าสู่กระบวนการเพื่อให้ได้ข้อยุติ
จึงต้องอาศัยศาลเป็นที่พึ่งไงครับ
จะแบกปืนไปยิง งัดไม้หน้าสามฟาดกบาลเอง ตัดสินข้อพิพาทเอง มันทำไม่ได้ครับ
ก็ต้องพึ่งศาล
แม้ไม่เชื่อถือ ขาดศรัทธา แต่ก็ต้องทำตามกฎ และหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม
คนทุกคนเชื่อครับ ว่าความเป็นธรรมต้องมี แม้จะเคยเห็นความอยุติธรรม เคยได้รับความไม่เป็นธรรม
นี่คือวิถีแห่งมนุษย์ครับ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแปลกประหลาดอะไร
ไอ้ประเภทว่า ไม่เชื่อศาลแล้วฟ้องศาลทำไมต่างหากที่ผิดปกติแปลกประหลาดซะเอง
เพราะไม่คิดอะไรเลย นอกจากคิดหาแง่เล่นคำเถียงเอาชนะเท่านั้น
สลิ่มครับ
เลิกซะทีเถอะครับ กับการเถียงเอาชนะอย่างเดียวแบบไม่มีเหตุผล
แต่ก็มีอยู่หรอกครับ สลิ่มที่พยายามใช้เหตุผล ใช้ข้อมูล แต่น้อยมากที่จะเป็นข้อมูลเป็นเหตุผลที่เข้าท่า
กว่าเก้าสิบเปอร์เซนต์ มั่วทั้งนั้นครับ เหมือนมีวิธีคิดแบบหลุด ๆ ไงพิกล
ก็แค่นี้นะครับ ในเรื่องการฟ้องศาล
หวังว่าสลิ่มศักดิ์สลิ่มศรีทั้งหลายจะเข้าใจและมองเห็นว่า ทำไมถึงต้องฟ้องศาล
นะครับ