เพื่อนๆอาจจะจำกระทู้ที่เราบ่นๆเรื่องเลี้ยงลูกได้ ตอนแรกก่อนคลอดคิดว่าจะลาออกมาเลี้ยงลูกจนกว่าลูกจะครบ 6 เดือน จึงค่อยเอาไปฝาก รพ แห่งหนึ่ง (รพ เค้ารับตั้งแต่ 5 เดือนคะ) ส่วนเราก็ค่อยไปสมัครงานใหม่อีกครั้ง
ที่นี้ พอเอาเข้าจริง คลอดออกมา เราเลี้ยงแทบอ้วก เพราะมันเหนื่อยกว่าที่คิด กว่าที่จินตนาการไว้เยอะ ไอที่เคยมองว่าพวกลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกเนี่ยรักสบายโดยเอาลูกมาอ้าง พอมีปัญหากะสามีทำมาบ่น ตอนนี้กลับตาลปัดเลยคะ มันเหนื่อยแทบขาดใจ เลี้ยงไปร้องไห้ไป เกิดมาแม่ไม่เคยปล่อยให้ลำบาก ล้างขวดนม ซักผ้าอ้อม จนมือแตกมือลอก T_T เกิดมาไม่เคยหนักหนาเท่านี้ในชีวิต ไม่มีใครช่วยเลย (แม่ดูแลยาย แม่สามีจะช่วยแต่ต้องไปอยู่ ตจว) ดีที่สามีทำงานบ้านให้ แต่ก็ยังสกปรกอยู่ เพราะเค้าทำได้แค่วันหยุด เจ็บนม ระบมนม ไปหมด(เลี้ยงนมแม่) เจ็บแผลไม่หาย เพราะลูกร้องอุ้มตลอด แทบไม่ได้นอน
เนื่องจากเราโศกถึงขีดสุด แฟนจึงหาทางออกโดยการไปฝากเนิสเซอรี่อาทิตย์ละ2วันให้เราไปเบรคบ้าง อาการเราก็ดีขึ้น แต่ก้อมีจิตตกอยู่เพราะมันเหนื่อยสะสมมานาน
อีกไม่นานจะหมดวันลาคลอด เราจึงตัดสินใจกลับไปทำงาน เราขอถอยกลับไปตั้งหลักก่อน เพราะเราค่อนข้างปรับตัวไม่ได้
ที่นี้ แม่สามีก็บอกว่าเอาไปฝากเนิสทำไม เค้าเลี้ยงให้ก็ได้ แล้วค่อยมาเยี่ยมเดือนละ 2-3 ครั้ง พอจะเข้าอนุบาลค่อยมาเอากลับไป เรานั่งคิดไม่ตก ถ้าให้แม่สามีเลี้ยง เราจะได้ชีวิตอิสระกลับคืนมา แถมไว้ใจได้เพราะท่านรักหลาน (แม้เราจะไม่เห็นด้วยกับวิธีการเลี้ยงแบบโบราณๆก็เถอะ)
แต่ถ้าให้เนิสเลี้ยง เรากะสามีคงเหนื่อยมากตอนกลางคืนเหมือนเดิม เช้าทำงาน กลางคืนอุ้มลูก
สุดท้ายทั้งๆที่เราเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกไม่ได้เรื่อง แต่เรากลับเลือกที่จะฝากเนิสเซอรี่ฝากกับคนที่ไม่รู้จัก เพราะแม้เราจะเบื่อลูกมาก ขี้เกียจเลี้ยง แต่เรากลับอยากเจอเค้าทุกวัน ไม่อยากส่งเค้าไปอยู่ ตจว เพราะเราอยากเลี้ยงในแบบของเรา แบบสมัยใหม่(ทั้งที่ตัวเองเลี้ยงก็ไม่ได้ดี) กลัวว่าแม่สามีจะเอาอะไรที่คุณหมอห้ามให้กิน (เห็นบอกว่าจะป้อนกล้วยตั้งแต่เดือนกว่าๆ เรายอมไม่ได้) ..... แต่ถ้าใครรู้คงจะพูดว่า แล้วไม่กลัวเนิส เอาอะไรให้ลูกกินหรอไง เฮ้อออ
สรุปคือ เราอยากเจอลูกทุกวัน เราก็เลยเห็นแก่ตัว เลี้ยงก็ไม่เลี้ยง ยังเอาลูกไปฝากเนิส แทนที่จะให้แม่สามีเลี้ยง
เศร้าใจ และโกรธตัวเองมาก ที่ตัวเราเป็นคนแบบนี้ (แต่เราทำงานเก่งกว่าเลี้ยงลูก เราจึงเลือกไปทำงานหาเงินมาให้ลูกคะ)
ขอบคุณเพื่อนๆที่ฟังเราบ่นคะ
(บ่น นอยด์) เราเห็นแก่ตัวที่เอาลูกฝากเนิสเซอรี่ เพราะอยากเจอลูกทุกวัน
ที่นี้ พอเอาเข้าจริง คลอดออกมา เราเลี้ยงแทบอ้วก เพราะมันเหนื่อยกว่าที่คิด กว่าที่จินตนาการไว้เยอะ ไอที่เคยมองว่าพวกลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกเนี่ยรักสบายโดยเอาลูกมาอ้าง พอมีปัญหากะสามีทำมาบ่น ตอนนี้กลับตาลปัดเลยคะ มันเหนื่อยแทบขาดใจ เลี้ยงไปร้องไห้ไป เกิดมาแม่ไม่เคยปล่อยให้ลำบาก ล้างขวดนม ซักผ้าอ้อม จนมือแตกมือลอก T_T เกิดมาไม่เคยหนักหนาเท่านี้ในชีวิต ไม่มีใครช่วยเลย (แม่ดูแลยาย แม่สามีจะช่วยแต่ต้องไปอยู่ ตจว) ดีที่สามีทำงานบ้านให้ แต่ก็ยังสกปรกอยู่ เพราะเค้าทำได้แค่วันหยุด เจ็บนม ระบมนม ไปหมด(เลี้ยงนมแม่) เจ็บแผลไม่หาย เพราะลูกร้องอุ้มตลอด แทบไม่ได้นอน
เนื่องจากเราโศกถึงขีดสุด แฟนจึงหาทางออกโดยการไปฝากเนิสเซอรี่อาทิตย์ละ2วันให้เราไปเบรคบ้าง อาการเราก็ดีขึ้น แต่ก้อมีจิตตกอยู่เพราะมันเหนื่อยสะสมมานาน
อีกไม่นานจะหมดวันลาคลอด เราจึงตัดสินใจกลับไปทำงาน เราขอถอยกลับไปตั้งหลักก่อน เพราะเราค่อนข้างปรับตัวไม่ได้
ที่นี้ แม่สามีก็บอกว่าเอาไปฝากเนิสทำไม เค้าเลี้ยงให้ก็ได้ แล้วค่อยมาเยี่ยมเดือนละ 2-3 ครั้ง พอจะเข้าอนุบาลค่อยมาเอากลับไป เรานั่งคิดไม่ตก ถ้าให้แม่สามีเลี้ยง เราจะได้ชีวิตอิสระกลับคืนมา แถมไว้ใจได้เพราะท่านรักหลาน (แม้เราจะไม่เห็นด้วยกับวิธีการเลี้ยงแบบโบราณๆก็เถอะ)
แต่ถ้าให้เนิสเลี้ยง เรากะสามีคงเหนื่อยมากตอนกลางคืนเหมือนเดิม เช้าทำงาน กลางคืนอุ้มลูก
สุดท้ายทั้งๆที่เราเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกไม่ได้เรื่อง แต่เรากลับเลือกที่จะฝากเนิสเซอรี่ฝากกับคนที่ไม่รู้จัก เพราะแม้เราจะเบื่อลูกมาก ขี้เกียจเลี้ยง แต่เรากลับอยากเจอเค้าทุกวัน ไม่อยากส่งเค้าไปอยู่ ตจว เพราะเราอยากเลี้ยงในแบบของเรา แบบสมัยใหม่(ทั้งที่ตัวเองเลี้ยงก็ไม่ได้ดี) กลัวว่าแม่สามีจะเอาอะไรที่คุณหมอห้ามให้กิน (เห็นบอกว่าจะป้อนกล้วยตั้งแต่เดือนกว่าๆ เรายอมไม่ได้) ..... แต่ถ้าใครรู้คงจะพูดว่า แล้วไม่กลัวเนิส เอาอะไรให้ลูกกินหรอไง เฮ้อออ
สรุปคือ เราอยากเจอลูกทุกวัน เราก็เลยเห็นแก่ตัว เลี้ยงก็ไม่เลี้ยง ยังเอาลูกไปฝากเนิส แทนที่จะให้แม่สามีเลี้ยง
เศร้าใจ และโกรธตัวเองมาก ที่ตัวเราเป็นคนแบบนี้ (แต่เราทำงานเก่งกว่าเลี้ยงลูก เราจึงเลือกไปทำงานหาเงินมาให้ลูกคะ)
ขอบคุณเพื่อนๆที่ฟังเราบ่นคะ